WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3638 ลงมือเต็มกำลัง
หงจวินนั้น เป็น 1 ใน 5 นักศึกษาที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุดในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
มันเกิดในตระกูลเล็กๆใต้อาณัติตระกูลราชาเทพที่ปกครองเมืองวายุสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ถึงแม้มันจะมีพลังฝีมือสูงกว่า แต่ก็ไม่กล้าแข็งข้อต่อต้านทายาทสายตรงของตระกูลระดับราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์
ตัวมันไม่ได้หวาดกลัวผู้ใด เพียงแต่มันไม่อยากลากครอบครัวให้ล่มจมไปพร้อมกับมัน
สุดท้ายแล้ว ที่มันมีอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เพราะตระกูลให้การสนับสนุนมันอย่างสุดกำลัง
นอกจากนั้นมันยังเป็นคุณชายรองของตระกูลหง เป็นลูกชายคนที่ 2 ของผู้นำตระกูลหงคนปัจจุบัน
กล่าวได้ว่าผู้นำตระกูลหงคนปัจจุบันก็คือบิดาของมันเอง
และผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลหงคนต่อไปก็คือพี่ชายแท้ๆที่มีบิดามารดาเดียวกัน…เช่นนั้นมันจึงยึดถือตระกูลเหนือสิ่งอื่นใด เป็นไปไม่ได้ที่มันจะทำอะไรเป็นการลากตระกูลลงมาเสี่ยงอันตราย เพราะถ้าเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมันจะเป็นทุกข์ยิ่งกว่าใคร
พรสวรรค์ของหงจวินนับว่าดี แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังไม่ได้เติบโตเต็มศักยภาพ ยังห่างไกลกว่าจะถึงจุดที่มันจะอาศัยพลังฝีมือของตัวเองสั่นคลอกตระกูลราชาเทพใหญ่ๆในเมืองวายุสวรรค์ได้
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้มันจะมีกำลังมากพอช่วงชิงหอพักนักศึกษา 10 ดาวระดับสูง แต่มันก็ไม่กล้าช่วงชิงกับทายาทตระกูลราชาเทพที่ครองอำนาจในเมืองวายุสวรรค์ทั้ง 3…ส่วนอีก 2 คนแม้มันจะไม่กลัว แต่มันก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้
เช่นนั้นมันจึงทำได้แค่อยู่ในหอพักนักศึกษา 10 ดาวระดับกลางเท่านั้น
หากไม่คำนึงภูมิหลังความเป็นมาล่ะก็ อาศัยพลังฝีมือส่วนตัวเรื่องจะอยู่ในหอพักนักศึกษา 10 ดาวระดับสูง ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย อนิจจามันถูกโชคชะตาบีบคั้นให้ทำอะไรไม่ได้…
หากจะบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ข้องใจอะไร เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้หงจวินที่มักเงียบขรึมจริงจัง ย่อมไม่มีวันปฏิเสธคำท้าทายจากนักศึกษา 10 ดาวคนใดในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ…และในปัจจุบันนักศึกษา 10 ดาวไม่รวมถึงทุกคนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็ยอมรับในพลังฝีมืออันแข็งแกร่งของมันแล้ว ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 5 นักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย
วันนี้มันที่กำลังทำความเข้าใจกฏแห่งน้ำอยู่ ก็ได้รับข้อความจากหยวนเล่ย และทำให้มันบังเกิดความสนใจในตัวนักศึกษาเข้าใหม่ทันที
อายุไม่ถึง 2,800 ปี
เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการ 4 ชุด…
สามารถเอาชนะติงเหยียนได้ในการประลองตัวต่อต่อ…
เนื่องจากติงเหยียนสนิทสนมกับหยวนเล่ย เช่นนั้นหงจวินเองก็รู้จักติงเหยียนเช่นกัน จึงรู้ถึงพลังฝีมือของติงเหยียนดี กล่าวได้ว่าติงเหยียนเองก็จัดเป็นนักศึกษา 10 ดาวที่มีพลังฝีมือปานกลางค่อนไปทางสูง
“ยามข้าประมือกับผู้คน ข้าไม่เคยล้อเล่น เจ้าเตรียมพร้อมลงมือเต็มที่เถอะ”
หงจวินหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ยินดียินร้ายใดๆ
ตอนนี้เองหยวนเล่ยอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่เดิมยืนอยู่ข้างหงจวิน ก็ได้ล่าถอยกลับไปยืนข้างซูเฟิงหยาง “อาจารย์ซู ครั้งนี้ท่านยังมองต้วนหลิงเทียนว่ามีภาษีเหนือกว่าอยู่อีกหรือไม่?”
ถึงแม้มันจะกล่าวถามด้วยรอยยิ้มแลดูจริงใจ แต่หากใครสังเกตุให้ดีจะพบว่าในแววตาของมันฉายความหยอกเย้าอยู่บ้าง
“อะไร? อาจารย์หยวนอยากพนันกับข้าสักคราไหมเล่า?”
ซูเฟิงหยางที่รู้แกวอีกฝ่ายดีก็หันไปถามด้วยพลางคลี่ยิ้มลี้ลับ
และพอเห็นรอยยิ้มลี้ลับกับคำถามเชิงท้าทายดังกล่าวของซูเฟิงหยาง หยวนเล่ยก็หรี่ตาลงเร็วไว “อาจารย์ซูเฟิงหยางท่านพูดแบบนี้…หรือท่านคิดจะเดิมพันกับข้าว่าต้วนหลิงเทียนจะชนะอีกครั้ง?”
“ข้าเกรงว่าอาจารย์หยวนคงไม่กล้าเดิมพันข้างหงจวินกระมัง?”
ซูเฟิงหยางยังคงคลี่ยิ้มมีเลศนัย
และรอยยิ้มมีเลศนัยของซูเฟิงหยาง ก็ทำให้หยวนเล่ยรู้สึกว่าผิดท่า จนมันไม่กล้าเสี่ยงเดิมพันอะไรทั้งสิ้น
สุดท้ายหยวนเล่ยเอยก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ยังเป็นชนชั้นผู้อาวุโศของนิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่ง ไม่ใช่ชายหนุ่มเลือดร้อนอะไร เพียงสงบอารมณ์นิ่งคิดไตร่ตรองดู ก็พลันตระหนักเรื่องสำคัญบางประการได้…นั่นคือตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่ทำหน้าที่ทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็คืออวิ๋นฮุ่ย ที่เป็นอาจารย์ลุงของซูเฟิงหยาง!
“ดูเหมือนว่าอาวุโสอวิ๋นฮุ่ยจะบอกตื้นลึกหนาบางของต้วนหลิงเทียนกับท่านแต่แรกกระมัง?”
หยวนเล่ยที่ฉุกคิดได้ก็มองลึกไปยังซูเฟิงหยาง และจากคำพูดของมันก็เห็นได้ชัดว่าพบบ่อเกิดความมั่นใจของซูเฟิงหยางเรียบร้อยแล้ว
“อาจารย์หยวนหัวไวยิ่ง”
ซูเฟิงหยางหัวเราะ
ถึงแม้จะมีคาดเดาไว้แล้ว แต่พอได้ยินซูเฟิงหยางกล่าวยอมรับออกมา ลูกตาหยวนเล่ยก็หดเล็กลงทันที พอมองไปยังร่างชุดม่วงบนเวทีประลองอีกครั้ง สายตาของมันก็เปลี่ยนไป “ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันสามารถเอาชนะหงจวินได้หรือ!?”
ภายในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ แม้แต่ 4 ใน 5 นักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับคนอื่น หากไม่พึ่งพาอุปกรณ์เทพที่เหนือกว่า ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะหงจวินได้เลย อย่างดีก็ทำได้แค่ยยันเสมอกับหงจวินเท่านั้น
หากนักศึกษา 10 ดาวคนใหม่ผู้นี้ มีพังสามารถเอาชนะหงจวินได้อย่างตรงไปตรงมาล่ะก็ ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นนักศึกษา 10 ดาวอันดับ 1 ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับหรือไร!?
กล่าวอีกอย่างก็คือ…กลายเป็นนักศึกษาที่มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 1 ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ!
สุดท้ายแล้วในสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้ นักศึกษา 10 ดาว ไม่ว่าใครก็มีพลังฝีมือเหนือกว่านักศึกษาชั้นอื่นๆมาก กล่าวได้ว่าหากไม่มองในบรรดานักศึกษา 10 ดาวด้วยกัน พวกมันก็แข็งแกร่งกว่านักศึกษาคนอื่นๆในสถานศึกษาหมอกเร้นลับอยู่แล้ว…
“ให้ข้าเตรียมพร้อมลงมือเต็มที่?”
ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปทางหงจวิน ก่อนจะยิ้มบางๆ “เชิญเจ้าป้อนกระบวนท่าเถอะ ข้าเองก็อยากเห็นเจ้าลงมือเต็มกำลังเช่นกัน”
หงจวินไม่ใช่คนเวิ่นเว้อชอบต่อความยาวสาวความยืด พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ มันก็ลงมือทันที “ข้าจัดให้”
พอกล่าวจบคำ มวลพลังสีครามน้ำทะเลก็กำจายออกมาห้อมล้อมร่างหงจวิน มองไปคล้ายคนจมอยู่ในห้วงสมุทร จากนั้นสีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปเป็นดุดัน แววตายังฉายประกายแกร่งกร้าวขึ้นมาพร้อมๆกัน
บัดนี้ ดูเหมือนคนคล้ายกลับกลายเป็นเทพวารีไปแล้วก็ไม่ปาน
“คลื่นสมุทร…”
“สะท้าน…”
มวลน้ำที่ปกคลุมรอบกายหงจวินยิ่งมายิ่งขยายใหญ่คนเรื่อยๆ จากนั้นภายในมวลน้ำ ร่างหงจวินที่ลอยล่องอยู่ก็ปรากฏพลังสีน้ำเงินเข้มแผ่ซ่านออกมาทั่วกายผสานหลอมรวมเข้ากับมวลพลังวารีรอบตัว จากนั้นมวลน้ำที่เคยสงบก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน คล้ายกลับกลายเป็นคลื่นสมุรทสุดคุ้มคลั่งยามมรสุมโหมกระหน่ำ!
“นั่นมันพลังสายเลือดคลื่นสะท้านของหงจวิน!”
นักศึกษา 10 ดาวที่ชมดูเรื่องราวอยู่ อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความคึกคัก
และตอนนี้ไม่ได้มีแค่นักศึกษา 10 ดาวชุดแรกเท่านั่น ยังมีนักศึกษา 10 คนใหม่ที่ทราบว่าหงจวินกำลังจะสู้ ก็เร่งรุดมาชมดูกันจ้าละหวั่น!
ทั้งหมดอยากเห็นการลงมืออันทรงพลังของหงจวิน!
และตอนที่หงจวินกล่าวบอกให้ต้วนหลิงเทียนเตรียมพร้อมลงมือเต็มที่ ก็ไม่มีผู้ใดแปลกใจ เพราะหงจวินขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมาในสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้นัก ทุกครั้งทีลงมือก็ประหนึ่ง สิงโตที่กระโจนสุดตัวเพื่อจับกระต่าย! และหงจวินมักจะเตือนฝ่ายตรงข้ามก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้ใครมาเสียใจภายหลัง
ครั้งหนึ่ง เคยมี 1 ใน 5 นักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่ได้ยึดถือคำพูดของหงจวินเป็นจริงจัง ทำให้กระบวนท่าแรกที่หงจวินเปิดฉากจู่โจมออกมา ก็ทำให้มันเร่งรุดต้านทานแทบไม่ทัน หลังจากนั้นพอต้านรับจนมือไม้พันกันอยู่พักใหญ่ จึงจะสามารถใช้พลังทั้งหมดตีโต้หงจวิน และยันเสมอหงจวินได้…
“ศิษย์พี่หงจวินไม่เปลี่ยนไปเลย…แรกเปิดฉากลงมือ ก็ทุ่มพลังทั้งหมดแล้ว หากข้าสัมผัสไม่ผิดนั่นคือการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการ 4 ชุด แถมยังผสานเข้ากับพลังของสายเลือดคลื่นสะท้านอีก…”
“การลงมือเต็มกำลังของศิษย์พี่หงจวิน พลังกระบวนท่าเรียกว่าร้ายกาจทัดเทียมกับการลงมือเต็มกำลังของเทพขั้นกลางที่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการของกฏแห่งน้ำด้วยซ้ำ! หากต้วนหลิงเทียนมีพลังเท่าที่เคยใช้ออกก่อนหน้า ข้าเกรงว่าต้องแพ้แน่!”
“วันนี้หากต้วนหลิงเทียนสามารถยันเสมอกับศิษย์พี่หงจวินได้ ก็มากพอจะสร้างความแตกตื่นให้ทั้งสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราแล้ว!”
…
การเร่งเร้าพลังเตรียมลงมือของหงจวิน ทำให้นักศึกษา 10 ดาวทั้งหลายตาลุกวาว แม้แตอาจารย์ไม่กี่คนที่มาชมดู ก็จับจ้องมองตาไม่กระพริบ ด้วยกลัวจะพลาดฉากเรื่องราวเด็ดๆไป
ไม่ว่าใครก็ตาม ได้ชมดูการประลองที่ลงมือด้วยพลังทั้งหมดหมายตัดสินในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ก็นับว่าถูกใจกันนัก!
วู้ม! ซัว! ซัวว!!
…
ท่ามกลางสายตาคักคักของผู้คน หลังจากที่หงจวินเร่งเร้าพลังทั้งหมดเตรียมลงมือแล้ว ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏพลังเทพปะทุออกมา ยังหลอมรวมเข้ากับพลังธาตุมิติเร็วไว กลายเป็นพลังมิติปกคลุมไปทั่วร่างทั้งอาณาบริเวณโดยรอบ พาลให้ความว่างเปล่าสะท้านสะเทือนประหนึ่งห้วงมิติเริ่มบิดเบือนผันผวน!
ทันใดนั้นเอง ในสายตาของทุกคนก็เห็นว่าพลังทั่วร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
เสียงปริฉีกดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง เป็นความว่างเปล่าเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็ฉีกเปิดเผยรอยแยกมืดดำขึ้นทั้งสิ้น 9 รอย จากนั้นคมมีดมิติสีเทา 9 คมมีดก็พุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าวพร้อมๆกัน ก่อนจะลอยวนเวียนเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน และขณะที่ตัวคมมีดวนเวียนมิติปานวงดาราโคจร หากสังเกตให้ดีจะพบว่าปลายคมมีดจะชี้ไปทางหงจวินตลอดเวลา!
การปะทะใกล้อุบัติแล้ว!
ผู้ชมทั้งหมดพากันหยุดหายใจลงอย่างพร้อมเพรียง
“ขอเพียงเจ้าสามารถต้านทานกระบวนท่านี้ของข้าได้ ให้ถือซะว่าการประลองครั้งนี้เจ้าเป็นฝ่ายชนะ ข้าจะไปท้าประลองนักศึกษาคนอื่นเพื่อชิงหอพักระดับกลางแทน…”
ในขณะที่บรรยากาศเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึมคละคลุ้งไปด้ยกลิ่นดินปืน ต้วนหลิงเทียนก็ปริปากกล่าวคำออกมา น้ำเสียงยังคงความสงบไม่แปรเปลี่ยน แต่เผยให้เห็นถึงความมั่นใจเป็นที่สุด!
และวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน พอดังเข้าหูผู้ชมโดยรอบ ก็ทำให้ทุกคนตกใจกันไม่น้อย
หากจะยังมีใครที่ยังใจเย็นและสงบอยู่ได้ ก็เห็นทีจะมีแต่ซูเฟิงหยางแค่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม ลึกลงไปในแววตาของซูเฟิงหยางก็อดเผยให้เห็นถึงความประหวั่นไม่ได้ ถึงแม้อาจารย์ลุงของมัน ‘อวิ๋นฮุ่ย’ จะบอกไว้แล้วว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจมากพอจะกวาดล้างนักศึกษา 10 ดาวทั้งหมดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้ แต่มันก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจถึงขั้นเอาชนะหงจวินได้ในกระบวนท่าเดียว!!
ต้องทราบว่าหงจวินก็เป็นดั่งตัวแทนนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับกลายๆแล้ว!
“อวดดี!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังอื้ออึงไม่ทันฟื้นตัว หงจวินก็แผดเสียงต่ำออกมาสั้นๆคำหนึ่ง หวงแหนวาจาราวทองคำ แต่กระนั้นก็บอกให้รู้ชัดว่า นักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของสถานศึกษาหมอกเร้นลับผู้นี้ เริ่มมีโมโหต้วนหลิงเทียนขึ้นมาแล้ว
ซู่มมมม!!
ครืนนน!!!
…
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่หงจวินกล่าวจบคำ มันก็เปิดฉากลงมือทันที มวลน้ำอันบ้าคลั่งทรงพลังปานจะไร้คู่เปรียบกวสาดสะท้านออกไปราวมังกรสมุทรพิโรธ! ผ่านพ้นไปที่ใดความว่างเปล่าสั่นสะเทือนเลือนลั่น อานุภาพพลังที่แผ่พุ่งออกมายังเพาะสร้างเป็นแรงกดดันพลังมหาศาล พาลให้นักศึกษา 10 ดาวหลายคนเลือกจะถอยร่างห่างออกจากเวทีประลองหลายก้าวใหญ่!
หงจวินได้ลงมือซัดกระบวนท่าออกมาด้วยพลังทั้งหมด!
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนยังคงยืนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น สีหน้าสงบเฉยเมยไม่เสื่อมคลาย
จนเมื่อกระบวนท่าของหงจวินแหวกฟ้าข้ามผ่านความว่างเปล่ามาถึงครึ่งทาง ต้วนหลิงเทียนก็โบกมือออกไปตามอำเภอใจ…
เป็นการโบกมือตามอำเภอใจ หากทว่าพลังมิติรอบตัวต้วนหลิงเทียนก็พัดกวาดออกไปดั่งมหาพายุ แม้แต่คมมีดมิติทั้ง 9 ที่โคจรวนเวียนเหนือศีรษะ ก็พุ่งทะยานส่งเสียงหวีดหวิวผ่าอากาศออกไปฉับไว!!
และทันทีที่คมมีดมิติทั้ง 9 พุ่งเข้าไปในมหาพายุมิติดังกล่าว เสียง ‘เวิง’ ก็พลันดังสนั่นกึกก้องขึ้นมา ราวกับแผ่นฟ้าปฐพีกำลังจะถล่มทลาย ฟังดูทรงพลังอานุภาพยิ่งนัก
นักศึกษา 10 ดาวที่มีพังฝีมือต้อยต่ำรวมถึงหลิวจิน บัดนี้ถึงกับแห้วหูปริฉีกเลือด้อนออกมาจากรูหู เห็นชัดว่าไม่อาจทนฟังเสียงกระหึ่มของมิติได้โดยตรง…
แต่เป็นธรรมดาว่าที่มันเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะพวกมันไม่ได้โคจรพลังปกป้องแก้วหูที่เปราะบางเอาไว้ก่อน และปฏิกิริยาตอบสนองเรื่องราวของพวกมันก็เชื่องช้าเกินกว่าจะลงมือป้องกันตัวเองได้ทัน สำหรับผู้ที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งกว่า ก็ล้วนโคจรพลังป้องกันแก้วหูตัวเองได้ทันทั้งสิ้น
“นี่มัน…”
หยวนเล่ยที่ยืนอยู่ข้างๆซูเฟิงหยางถึงกับตกตะลึงไปพักหนึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
สำหรับอาจารย์คนอื่นๆนั้นตกใจจนลูกตาหดเล็กลงแทบปิด ใบหน้ายังฉายชัดถึงความเหลือเชื่อ
ด้านซูเฟิงหยางในปัจจุบัน แม้ใบหน้าจะแลดูสงบแต่ก็ออกแนวฝืนระงับอาการเต็มกำลัง ส่วนมุมปากนั้นอดไม่ได้ที่จะกระตุกไปเล็กน้อย สองตายังหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว “ไฉนอาจารย์ลุงไม่บอกข้าแต่แรก…ว่ามันอาศัยแค่ความเข้าใจในกฏก็สามารถกวาดล้างได้ทุกคนเช่นนี้…”