WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3647 ผู้นำพวกเดนตาย
ตอนที่ 3,647 : ผู้นำพวกเดนตาย
หลังจากพบร่างที่ซุ่มซ่อนในความมืดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รีบร้อนใช้การเคลื่อที่ข้ามมิติอีกต่อไป แต่เลือกจะใช้การเคลื่อนที่ตามปกติแทน
และหลังจากที่ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายสะกดรอยตามเขาจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆตระหนักถึงตัวตนอีกฝ่าย
สมควรเป็นพวกเดนตายไม่ก็มือสังหารที่ตระกูลจ้ง หรือตระกูลระดับราชาเทพอื่นๆในเมืองวายุสวรรค์ส่งมา
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเทพขั้นสูงและซ่อนตัวอย่างมิดชิดจนยากที่สำนึกเทวะจะตรวจพบเจอ แต่ต้วนหลิงเทียนที่มีประสบการณ์สะกดรอย รวมถึงต่อต้านการสะกดรอยมากมายจากชาติที่แล้วในฐานะราชันทหารรับจ้าง เขาย่อมมีความไวต่อเรื่องนี้มากกว่าใคร ซึ่งไม่ใช่อะไรที่ผู้ไร้ประสบการณ์ในชีวิตนี้จะสามารถแข่งกับเขาได้
ที่เขาค้นพบการคงอยู่ของอีกฝ่าย ไม่ได้พบจากกลิ่นอายพลังอีกฝ่ายเล็ดลอดออกมาแต่อย่างใด แต่เนื่องจากการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแม้จะแยบคายแค่ไหน แต่กากจะปกปิดร่องรอยในสภาพแวดล้อมอยู่ดี แม้จะเป็นร่องรอยเบาบางจนคนธรรมดาไม่อาจสังเกตเห็นก็ไม่พ้นสายตาเขา
‘มีอีกคนมาสมทบแล้ว…’
‘หืม? มี 3 คนแล้ว…’
หลังจับสังเกตได้ถึงการมาเพิ่มของคนอีก 2 คน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าไม่พ้นเป็นคนแรกที่เจอเขาได้ติดต่อไปหาคนอื่นๆแน่
‘ไฉนยังไม่ลงมืออีกล่ะ?’
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อีกฝ่ายจะมี 3 คนแล้ว แต่พวกมันกลับไม่ลงมือเสียที
‘พวกมัน…สมควรรอคนอื่นตามมาสมทบอีกกระมัง?’
ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยาก ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยังไม่ลงมือเสียที ‘ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เก็บพวกเจ้า 3 คนก่อนแล้วกัน’
วูบ!
ทันใดนั้นเองร่างต้วนหลิงเทียนพลันอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า เป็นการเคลื่อนที่ข้ามมิติอีกครั้ง!
ด้าน 3 คนที่ซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่เพียงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็สงบลงได้ในเวลาอันสั้น จากนั้นในขณะที่พวกมันเริ่มแผ่สำนึกเทวะออกไปว่าต้วนหลิงเทียนหายตัวไปที่ไหน ก็พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะพวกมันพอดี “พวกเจ้า…กำลังหาข้าอยู่รึเปล่า?”
ขณะนี้ เหนือศีรษะของทั้ง 3 พลันปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วงลอยล่องกลางอากาศ 2 มือไพร่หลัง มองดูพวกมันด้วยสายตาสนุกสนาน มุมปากยังคลี่ยิ้มบางๆ
“ฆ่า!”
ทันทีที่ทั้ง 3 ค้นพบการมาของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็มองสบตากันปราดหนึ่ง พริบตาต่อมาแต่ละคนก็ระเบิดพังเทพออกมาสุดตัว เร่งเร้าพลังชั่วชีวิตโจนทะยานเข่นฆ๋าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน
ทั้ง 3 นั้นมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม 2 คน ชาวัยกลางคนอีกคน ไม่ว่าใครสองตาแต่ละคนล้วนฉายชัดถึงความกระหายเลือด ในบรรดาพวกมันไม่ว่าใครก็ล้วนถืออุปกรณ์เทพขั้นต่ำไว้ในมือ ทั้งกระบี่ ดาบและทวน การโจมตียังเต็มไปด้วยจิตสังหารอำมหิต
เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้ง 3 ทุ่มสุดตัวหมายลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนในกระบวนท่าเดียว ไม่คิดจะลงมือเป็นครั้งที่ 2
“อ่อนแอเกินไป…”
ในขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 3 ลงมือเข่นฆ่าเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็พบได้ทันทีว่าพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นเทพขั้นสูง อนิจจาความลึกซึ้งของกฏที่พวกมันเข้าใจนับว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินนัก กระทั่งการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการสักชุดยังไม่มี แค่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่เท่านั้น…
ดังนั้น ต้วนหลิงเทียนอาศัยหนึ่งกระบี่ที่จี้ออกตามอำเภอใจ พลังมิติอันเกรี้ยวกราดที่ปะทุออกจากปลายกระบี่ ก็ก่อเกิดเป็นพายุมิติอันน่าสะพรึงกลัวถล่มลงจากฟ้า พริบตาก็กลืนกินกระบวนท่าสังหารของทั้ง 3 จวบจนกลืนร่างพวกมันหายไปในพริบตา…
เรียกว่าเพียงกระบี่เดียวของต้วนหลิงเทียน พวกมันทั้ง 3 ก็ล้วนตีตั๋วไปปรภพโดยสดุดี ไร้ซึ่งโอกาสต่อต้านรับมือใดๆ…
ร่างทั้ง 3 ถูกพลังมิติป่นทำลายเป็นหมอกเลือดจนสลายหายไปหมดสิ้น กระทั่งแหวนพื้นที่ในมือของพวกมันทั้ง 3 เองก็ถูกทำลายไปพร้อมๆกัน…เหลือก็แต่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำที่พวกมันหยิบชักออกมาเท่านั้น ที่ยังอยู่ดี
‘อ่า พวกมันใช้แหวนพื้นที่ทำลายตัวเอง…น่าเสียดาย’
หลังฆ่าทั้ง 3 ไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเก็บอุปกรณ์เทพขั้นต่ำทั้ง 3 ด้วยสีหน้าเฉยเมย ยังอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ เมื่อพบว่าแหวนพื้นที่ของทั้ง 3 ถูกทำลายไปด้วย แต่เขาย่อมรู้ดีว่าแหวนพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเจ้าของตาย ตัวแหวนก็จะทำลายตัวเองทันที…
แหวนพื้นที่ประเภทนี้ มีก็แต่ในระนาบเทพเท่านั้น กล่าวอีกอย่างได้ว่า มีแต่ปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์เทพของระนาบเทพเท่านั้น ที่สามารถหลอมสร้างแหวนพื้นที่ทำลายตัวเองขึ้นมาได้
เมื่อแหวนพื้นที่ถูกทำลาย สิ่งของในแหวนก็จะโดนห้วงมิติแปรปรวนกลืนกิน กระจัดกระจายหายไปที่ใดก็ไม่อาจมีผู้ใดทราบได้…
แหวนพื้นที่ทำลายตัวเองนั้น มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูได้รับทุกสิ่งอย่างในแหวนของตัวเองไปหลังตกตาย
ในระนาบเทพ ผู้ที่มีเงื่อนไขบางอย่าง มักจะใช้แหวนพื้นที่ประเภทนี้
‘นอกจากพวกมันทั้ง 3 แล้ว สมควรมีคนอื่นๆกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่อีก..แทนที่จะรอพวกมัน มิสู้ออกไปปูพรมค้นหาพวกมันดีกว่าจะได้เก็บพวกมันไปทีละคนๆ แบบนี้จะได้ไม่ต้องโดนพวกมันกลุ้มรุมจนต้องเปิดเผยพลังมากเกินไป’
พอคิดได้ดังนั้น ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าทันที
เดิมทีก่อนจะเข้ามาในพื้นที่ทดสอบครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนได้วางแผนประมือกับศัตรูเป็นกลุ่มไว้แล้ว ยังคิดจะเปิดเผความแข็งแกร่งเพิ่มเติม และฆ่าคนที่ตระกูลจ้งและตระกูลอื่นๆส่งมาให้หมดสิ้น
แต่มาตอนนี้ เขากลับพบว่าสิ่งที่คิดกับความเป็นจริงมันต่างออกไปเป็นคนละเรื่องเลย…
เขาไม่ได้เดินทางร่วมกับผู้ใด และในพื้นที่ทดสอบอันกว้างใหญ่ไพสาลแห่งนี้ ก็ยากนักที่คของตระกูลจ้งหรือตระกูลอื่นๆจะหาตัวเขาเจอ…
เช่นนั้นใช้การแยกย้ายกันออกค้นหาตัวเขา ย่อมมีประสิทธิภาพสูงสุด
และการที่ทั้ง 3 รั้งรอไม่ลงมือเมื่อครู่ ก็ทำให้เขาตระหนักชัดเจน
“คิดจะฆ่าข้าทั้งที แต่พวกเจ้าถึงกับประมาท ปล่อยให้พวกมันทยอยมาลงมือกับข้าทีละคนสองคน?”
ต้วนหลิงเทียนมองเศษซากแหวนพื้นที่บนพื้นพลางกล่าวเย้ยหยันเล็กน้อย จากนั้นร่างก็ไหววูบ อันตรธานหายไปในฉับพลัน หากคำพูดเย้ยหยันของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ ดังเข้าหูพวกเดนตายจากตระกูลราชาเทพของเมืองวายุสวรรค์ ที่มาตามฆ่าเขาในพื้นที่ทดสอบล่ะก็ เกรงว่าพวกมันต้องมีกระอักเลือดกันบ้าง…
เจ้าคิดว่าพวกเราต้องการแยกย้ายกันรึ?
หากไม่ใช่เพราะพื้นที่ทดสอบมันกว้างขวางใหญ่โตเกินไป พวกเราจักแยกย้ายกันทำเพื่อ?
ผู้ใดจะไปรับทราบว่าความสามารถในการย้อนรอยของเจ้าจักร้ายกาจถึงเพียงนั้น?
แม้แต่เทพขั้นสูงที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าเจ้าขั้นหนึ่งซ่อนตัวอย่างมิดชิด เจ้ายังทะลึ่งหาพบ!
นั่นคือทั้งหมด
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มการ ‘ไล่ล่า’
เขาไม่ได้รีบร้อนไปไกลจากจุดเมื่อครู่มากนัก เพียงเลือกจะตีวงค้นหา และไม่นานก็พบเจออีก 2 คนที่กำลังมุ่งหน้ามารวมตัวกัน แต่เขาก็ชิงฆ่าพวกมันทิ้งทีละคนก่อนที่พวกมันจะทันได้เจอกัน ยังอาศัยเพียงคนละหนึ่งกระบี่ เข่นฆ่าอย่างรวบรัดหมดจดโดยที่พวกมันไม่ทันรู้ตัว!
ด้วยเหตุนี้ในเวลาเพียงแค่เค่อเดียว ก็มีคนตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน 13 คน…
“หืม?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพบคนที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเขาอีกคน เขาพลันสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายอีกฝ่ายให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา แตกต่างจากคนก่อนๆหน้าที่ถูกเขาฆ่าไป ‘ตาแก่นี่…ดูเหมือนจะร้ายกาจกว่าคนก่อนๆ’
เป็นชายชราร่างกายผ่ายผอมหนังหุ้มกระดูก ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือด ดวงตาคู่นั้นของมันยังเย็นชานัก
“ผู้ใด!?”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาปรากฏตัวใกล้ๆชายชรา เสียงร้องชราด้วยความประหลาดใจพลันดังขึ้น และพร้อมกันนั้นเอง มันยังปะทุพลังลงมือฉับไว ซัดแสงดาบสีทองเข่นฆ่าไปทางต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้าทันที! เมื่อต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้าล้มลง ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่หลังไม้ใหญ่ก็ถูกเปิดเผย เขาจึงก้าวออกมาจากซากต้นไม้ เผชิญหน้ากับชายชราอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“หืม?!”
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว สองตาชายชราที่มองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็งก็หรี่ลงเร็วไว เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “เจ้า…เจ้าคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?”
“พวกเจ้าถ่อมาหาข้าตั้งหลายคน อย่าบอกนะว่าไม่รู้หน้าค่าตาข้า?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถามเสียงเรียบ
พอได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าชายชราก็แปรเปลี่ยนไปยกใหญ่ ขณะเดียวกันมันก็เร่งส่งข้อความติดต่อออกไปหาคนของมันอย่างไม่รอช้า ทว่าผู้ที่ตอบกลับมาดันมีเพียงแค่ 3 จาก 16 คนเท่านั้น อีก 13 คนที้เหลือกลับหายเงียบไม่ติดต่อกลับมาเลย!
“ลูกน้องข้า 13 คน…ถูกเจ้าฆ่าไปแล้ว?” ชายชรามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเคร่งเครียด เอ่ยถามเสียงหนัก!
อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็มาปรากฏตัวที่นี่ โดยที่อีก 13 คนไม่อาจตอบกลับ มันย่อมพอจะคาดเดาได้รางๆ ว่าไม่พ้นทั้งหมดถูกฆ่าตายไปแล้ว ยังถูกฆ่าด้วยน้ำมือชายหนุ่มเบื้องหน้า!
“ดูเหมือนจะมีคนตายใต้เงื้อมมือข้ากว่าโหลจริงๆ…แถมไม่มีใครเป็นนักศึกษาในสถานศึกษาหมอกเร้นลับเสียด้วย ทั้งหมดเป็นลูกน้องของเจ้ารึ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เป็นข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”
ชายชรามองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “พวกมันโดนเจ้าฆ่าได้อย่างไร?”
ในสายตาของชายชรา เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
หากทั้ง 13 คนนั่นลงมือพร้อมกันแต่ยังถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายหมดสิ้น มันอาจจะต้องล่าถอย…สุดท้ายแล้วกระทั่งตัวมันเองก็ยังไม่กล้าพูดว่าหากถูกทั้ง 13 คนนั่นกลุ้มรุมสังหาร มันจะหลบหนีเอาชีวิตรอดได้เต็มปาก! สิ่งนี้บอกให้รู้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเกินสู้ไหว มันคงไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้แน่!!
ถึงมันจะเป็นพวกเดนตาย แต่มันก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แม้มันได้สาบานต่อเลือดมารหัวใจไว้แล้วว่าจะไม่ทรยศตระกูลจ้ง อย่างไรก็ตามหลังหลบหนีเอาตัวรอดไปได้มันแค่กลับไปรายงานเรื่องราวให้ตระกูลจ้งรู้ ก็ไม่ถือว่าทรยศอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อยืนยันได้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน ตัวมันก็จะไม่ถูกส่งมาฆ่าต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป แม้จะถูกส่งมาอีกครั้งแต่ไม่พ้นต้องมีคนมาช่วยแน่นอน
“พวกมันดันแยกย้ายกระจัดกระจายกันเอง ข้าก็เลยไล่เก็บพวกมันเรียงตัว”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ จึงเลือกจะกล่าวตอบออกไปตามตรง พูดจบคำสองตาเขาก็หรี่ลง มองกล่าวกับชายชราเบื้องหน้าสืบต่อว่า “เจ้าเองก็กำลังจะเป็นคนต่อไป” พอต้วนหลิงเทียนตอบมาว่า ‘ไล่เก็บทุกคนเรียงตัว’ ชายชราก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก และพอได้ยินวาจาประโยคหลังของต้วนหลิงเทียน มันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน ข้ายอมรับว่าพลังฝีมือเจ้าร้ายกาจ…แต่อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ของเจ้า คิดว่าจะฆ่าข้าได้รึ?”
“ข้าแตกต่างจากขยะพวกนั้น!”
ต่อมา หลังชายชรากล่าวสิ้นคำ ทั่วร่างผ่ายผอมของมันก็ปะทุพลังเทพออกมาอย่างน่ากลัว จากนั้นก็อุบัติแสงพลังสีทองเรืองรองจ้าขึ้น เป็นพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งทองที่เข้าใจถูกใช้ออกมาทั้งหมด!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยังมีการผสานรวมความลึกซึ้งกฏแห่งทอง 2 ประการหนึ่งชุดรวมอยู่ด้วย
นอกจากนั้นหากสัมผัสพลังให้ดี จะพบว่าความลึกซึ้งอีกประการหนึ่งก็เริ่มหลอมรวมกับความลึกซึ้ง 2 ประการก่อนหน้า!
เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ ที่แท้กลับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งทอง 3ประการได้แล้วชุดหนึ่ง!
ควบคู่ไปกับด่านพลังฝึกปรือขอบเขตเทพขั้นสูงของมัน ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันไม่กลัวต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียนหากด่านพลังเจ้าบรรลุถึงเทพขั้นสูง ข้าคงทำได้แค่หลบหนีหัวซุกหัวซุน…น่าเสียดายที่เจ้ายังเป็นแค่เทพขั้นกลางเท่านั้น แม้เจ้าจักเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งกฏมิติที่เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดได้ถึง 3 ประการแล้ว แต่วันนี้เจ้าก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้พ้น!”
พอกล่าวจบคำ ชายชราก็ชิงลงมือก่อนทันทีโดยไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนทันได้ตั้งตัว พลังสีทองของมันก่อลักษณ์เป็นดาบเล่มเขื่องฉับไว ผสานรวมไว้ด้วยความลึกซึ้งทั้งหมดที่มันเข้าใจ พุ่งทะยานแหวกฟ้าเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วดั่งประกายแสง!
แถมตัวมันเองเมื่อซัดดาบพลังเข่นฆ่าเข้ามาแล้ว ร่างชราก็พุ่งตามติดมาดั่งเงา!
วู้มม! ในมือชายชราปรากฏดาบเล่มเขื่องขึ้น จากกลิ่นอายพลังอำนาจหนุนเสริมที่กำจายออกมาจากใบดาบ สมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นต่ำไม่ผิดแน่! เมื่อจ่ายพลังลงไป ตัวดาบก็เปล่งแสงพลังสีทองสว่างจ้าสาดส่องออกมาปานจะชโลมย้อมโลกหล้าให้สว่างไสว!
“อาศัยพลังกระจ้อยร่อยนี่ แต่คิดฆ่าข้า?”
ต้วนหลิงเทียนยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง จนเมื่อกระบวนท่าดาบพลังสีทองของชายชราพร้อมด้วยร่างหนังหุ้มกระดูกคอนดาบฟันฟาดเข้ามาใกล้ถึงตัวเขาแล้ว เขาค่อยปริปากกล่าวคำออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน มุมปากยังปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันยกขึ้น
พริบตาต่อมา
‘ควบคุม!’
เพียงหนึ่งห้วงคิดในใจ รอบกายต้วนหลิงเทียนก็อุบัติห้วงมิติลี้ลับที่อยู่ในความควบคุมของเขาโดสมบูรณ์ขึ้นมา!
และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ต้วนหลิงเทียนใช้‘วิถีควบคุม’ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกเพื่อต่อสู้กับผู้อื่น หลังมาถึงดินแดนดาราพิศวง หนึ่งในระนาบเทพแห่งนี้!