WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3649 ออกจากการทดสอบก่อนกำหนด
‘พวกมันไม่ใช่กลุ่มเดียวกันงั้นหรือ…’
‘ดูเหมือนพวกมันจะเป็นหน่วยเดนตายของตระกูลราชาเทพอื่นๆในเมืองวายุสวรรค์…’
หลังฆ่าหน่วยเดนตายของตระกูลจ้งไปหมดสิ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่ออกล่าสัตว์อสูรต่อ ไม่นานนักก็เริ่มสัมผัสได้ว่ามีคนจับตามองรวมถึงสะกดกรอยตามเขามา จากนั้นพอเขารอไม่นานอีกฝ่ายก็เหมือนจะส่งข้อความระดมกำลังเรียกพวกมาจัดการเขา
อนิจจาหลังเข่นฆ่าไปไม่กี่คน เขาก็พบว่าไม่มีใครมาอีก..
‘คนพวกนี้ 9 ใน 10 ล้วนเป็นพวกเดนตายอีกกลุ่มที่มาฆ่าข้า และอาจจะมีไม่มากเท่าตระกูลจ้ง…หรือไม่ก็คนในกลุ่มพวกมันสังเกตเห็นว่าลูกแก้ววิญญาณของพวกมันแตกไป ก็เลยไม่กล้าลงมืออีก…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ หลังจากนั้นไม่นานมากนัก ต้วนหลิงเทียนที่ออกล่าสัตว์อสูรต่อก็พบพวกเดนตายที่คิดฆ่าเขาอีกระลอก และเป็นดุจเดิมพวกมันกระจายกำลังกันค้นหาเขา ทำให้เขารับมือพวกมันได้อย่างง่ายดาย กระทั่งยังจงใจจับเป็นเพื่อเค้นถามตัวตนอีกฝ่าย แต่มันกลับเพิกเฉยคำถามเขา และเลือกจะฆ่าตัวตายทันที
และหลังจากอีกฝ่ายฆ่าตัวตาย ก็ไม่มีพวกเดนตายมายุย่งกับเขาสักพัก
อย่างไรก็ตามหลังออกล่าสืบต่อได้พักใหญ่ๆ เขาก็พบเจอพวกเดนตายอีก 2 ระลอก และทั้งหมดก็ไม่มีใครปริปากสักคน
‘พวกเดนตายเหล่านี้ เกรงว่าไม่เพียงแต่จะสาบานต่อเลือดมารหัวใจเท่านั้นว่าจะไม่ทรยศตระกูลที่อยู่เบื้องหลัง…หากเดาไม่ผิด ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกมัน อาจจับครอบครัวหรือญาติสนิทของพวกมันไว้เป็นตัวประกัน หากทรยศคนข้างหลังไม่พ้นประสบเคราะห์…’
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกจนปัญญากับความดื้อรั้นของพวกเดนตายอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าเขาจะจับใครมาทรมานเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ไม่ปริปากบอกอะไรเขาสักคำ เลือกที่จะฆ่าตัวตายถ่ายเดียว แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
แน่นอนว่าแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายอาจถูกบีบคั้น แต่เขาก็ไม่เห็นใจพวกมันแม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายวัตถุประสงค์การมาของคนเหล่านี้ก็เพื่อฆ่าเขา หากเขาไม่มีกำลังมากพอจะปกป้องตัวเอง เกรงว่าคนที่ตายคงเป็นเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดจะเมตตาปราณีพวกมันแม้แต่นิดเดียว
จะอย่างไรก็แล้วแต่ หลังจากที่ผู้นำหน่วยเดนตายของตระกูลจ้งตกตายไปแล้ว พวกเดนตายกลุ่มอื่นๆ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายนัก นอกจากคนที่เขาตั้งใจจับเป็นไม่กี่คน ไม่ว่าใครก็ตกตายภายใต้หนึ่งกระบี่ของเขาทันที
หลังจากที่เข่นฆ่าสังหารพวกเดนตายของตระกูลระดับราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์ไปมากมาย วันหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็ไม่พบเจอใครที่ลอบสะกดรอยตามเขาอีกเลย…
แม้ระหว่างการออกล่าสัตว์อสูรเขาจะมีพยปะกับคนอื่นๆบ้าง แต่ก็เป็นนักศึกษา 10 ดาวดุจเดียวกัน
“รุ่นพี่ต้วน!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน!!”
…
และนักศึกษา 10 ดาว ไม่ว่าใครที่พบเจอต้วนหลิงเทียน ก็เรียกหาเขาด้วยความเคารพทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในฐานะรุ่นพี่ของสถานศึกษาก็ดี หรือศิษย์พี่ของนิกายหมอกเร้นลับในอนาคตก็ดี
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นนักศึกษาที่พึ่งเข้ามา จนไม่ต่างอะไรกับน้องใหม่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ทว่านักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่ว่าใครก็ตระหนักได้ชัดเจนว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนสูงส่งเหนือกว่าพวกมันมาก เช่นนั้นทุกคนจึงให้ความเคารพนับถือเป็นธรรมดา
เมื่อพบเจอกับนักศึกษา 10 ดาวที่แลดูคึกคักและทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น ต้วนหลิงเทียนก็เพียงยยิ้มตอบเป็นการทักทายทุกคน ขณะเดียวกันในใจก็ลอบคิดไปด้วยความวาดหวังไม่ได้ ‘ไม่รู้จะมีโชคได้พบเจอจ้งเค่อฉี นายน้อยตระกูลจ้งผู้นั้นบ้างหรือไม่…หากเจอมันก็นับว่าดี จะได้ฆ่ามันให้ตาย!’
พอคิดถึงจุดนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวูบหนึ่ง สีหน้ายังเย็นชาปานมีชั้นน้ำแข็งเคลือบ
ในอดีตตอนที่เขาท้าชิงหอพักระดับสูงของจ้งเค่อฉี เขาก็ถือว่าทำตามกฏของสถานศึกษาหมอกเร้นลับทุกข้อ แต่ตอนนี้ตระกูลจ้งกลับส่งหน่วยเดนตายมาฆ่าเขา ซึ่งนับว่าล้ำเส้นเขาไปเรียบร้อย ยังทำให้เขามีโมโหนัก! อันที่จริงก่อนที่จะพบเจอพวกเดนตาย เขาก็ไม่ได้คิดฆ่าจ้งเค่อฉีแต่อย่างไร…
แต่ตอนนี้หากจ้งเค่อฉีมันโผล่หัวมาให้เขาเห็นหน้าล่ะก็ เขาไม่มีวันปล่อยมันไปแน่!
‘การทดสอบนักศึกษา 10 ดาว…ไม่มีกฏข้อไหนห้ามนักศึกษา 10 ดาวเข่นฆ่ากันเองเลย…’
นึกถึงจุดนี้ มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมาโดยพลัน อันที่จริงเหตุที่ทางสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่ได้ตั้งกฏห้ามนักศึกษา 10 ดาวฆ่ากันในระหว่างทดสอบนั้น เพราะปกติแล้ว กนักที่จะมีนักศึกษาคนไหนบังเกิดจิตคิดฆ่าฟันนักศึกษา 10 ดาวด้วยกันขณะทดสอบ
เพราะการฆ่าผู้อื่น ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่ได้คะแนนสะสมของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังจะโดนขุมกำลังเบื้องหลังของอีกฝ่ายตามล้างแค้นอีกด้วย นับว่าได้ไม่คุ้มเสียเลย
และหากมีเรื่องราวบาดหมางถึงขั้นต้องตกตายกันไปข้างหนึ่ง ก็สามารถไปสะสางเรื่องราวที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับได้ ไม่จำเป็นต้องมาลงมือในพื้นที่ทดสอบแบบนี้
จ้งเค่อฉีเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าตอนนี้มันตกเป็นเป้าสังหารของต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักจ้งเค่อฉีก็ได้รับข้อความจากทางตระกูลจ้ง “เค่อฉี เจ้ารีบพาจ้งเฮ่อเหลียงออกจากพื้นที่ทดสอบนักศึกษา 10 ดาวนั่นโดยเร็ว! รีบกลับไปอยู่ข้างอาชุนของเจ้าเสีย!!” ข้อความดังกล่าว ก็มาจากจ้งซัน นาย 3 แห่งตระกูลจ้ง
“ท่านอา 3 ไฉนต้องทำเช่นนั้นล่ะ?”
หลังได้ยินข้อความของจ้งซัน จ้งเค่อฉีก็อดงุนงงสงสัยไม่ได้ ว่าไฉนอยู่ๆมันกับเฮ่อเหลียงต้องเร่งรุดออกจากพื้นที่ทดสอบนักศึกษา 10 ดาวด้วย
และในปัจจุบันจ้งเค่อฉีก็อยู่ด้วยกันกับจ้งเฮ่อเหลียง ด้านจ้งเฮ่อเหลียงเองพอเห็นว่าอยู่ๆสีหน้าของจ้งเค่อฉีก็เปลี่ยนไปกะทันหัน มันก็รู้สึกผิดท่าขึ้นมาทันที “นายน้อยเค่อฉี มีสิ่งใดผิดพลาดหรือ…อะ! อย่าบอกนะว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันยังไม่ตาย?”
พอคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าจ้งเฮ่อเหลียงก็เปลี่ยนไปทันที
ด้านนจ้งเค่อฉีเองก็หน้าเสียไปอย่างมาก มันหันไปมองจ้งเฮ่อเหลียงด้วยสีหน้ามืดมนกล่าวออกเสียงเครียดว่า “เจ้าเดาไม่ผิด…สารเลวต้วนหลิงเทียนนั่น มันไม่เพียงแต่จะยังไม่ตาย กระทั่งหน่วเดนตายทั้ง 17 ที่ตระกูลจ้งของพวกเราส่งฆ่ามันยังถูกฆ่าไม่มีเหลือ!”
“ในบรรดาหน่วยเดนตายที่มาวันนี้…ยังมีผู้เฒ่าเสวี่ยเอ้อรวมอยู่ด้วย!”
จ้งเค่อฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงเล้ดรอดไรฟัน วาจาแต่ละคำยังหนักอึ้งคล้ายกว่าจะกล่าวออกมาได้มันยากลำบากนัก สองตายังฉายแววดุร้ายขึ้นมา “อย่าให้ข้ารู้เชียวว่าเป็นตัวบัดซบที่ไหนมันยื่นมือเข้าช่วยต้วนหลิงเทียน…หาไม่แล้วข้าไม่มีวันละเว้นพวกมันแน่!!”
“ใช่คนของนิกายหมื่นจันทราหรือไม่? ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตเห็นว่าโหวชิ่งหนิงนั่นมันคล้ายจะพยายามผูกมิตรกับต้วนหลิงเทียน”
จ้งเฮ่อเหลียงคาดเดา
“เดิมทีท่านลุง 3 ก็คิดเช่นเจ้า…อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ผู้เฒ่าเสวี่ยเอ้อตกตายนั้น มันเกิดขึ้นหลังจากที่ เฉินเฟิง อาวุโส 5 ของนิกายหมื่นจันทราย้อนกับมาถึงเมืองวายุสวรรค์…และในบรรดาคนของนิกายหมื่นจันทราที่ติดตามโหวชิ่งหนิงตามปกติ ไม่มีผู้ใดมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าผู้เฒ่าเสวี่ยเอ้อได้ เช่นนั้นกล่าวได้ว่าครานี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกนิกายหมื่นจันทรา”
“เอาล่ะ มีเรื่องใดค่อยคุย ตอนนี้พวกเรารีบออกจากพื้นที่ทดสอบก่อนเถอะ…การทดสอบครั้งนี้ สำหรับพวกเรามันจบแล้ว!”
กล่าวจบคำ จ้งเค่อฉีกับจ้งเฮ่อเหลียงก็เผยสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง จากนั้นแต่ละคนก็ไม่รอช้าเร่งเหินร่างขึ้นฟ้า มุ่งหน้ากลับไปหาเหล่าอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับทันที
“อาจารย์อวี๋ พวกเราได้รับบาดเจ็บหนัก จึงคิดถอนตัวแต่เพียงเท่านี้”
และในปัจจุบัน ไม่ว่าจ้งเค่อฉีก็ดีจ้งเฮ่อเหลียงก็ดี แต่ละคนปรากฏโลหิตไหลย้อยบริเวณมุมปาก เสื้อผ้ายังขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี และทั้งหมดเป็นพวกมันจงใจทำร้ายตัวเอง เพราะการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับนั้น ไม่อาจถอนตัวได้กลางคันโดยไร้เหตุผล
“เข้าใจแล้ว”
อวี๋เชียนซานพยักหน้ารับคำ ไม่คิดไถ่ถามอะไรแม้แต่นิดเดียว “ส่งป้ายเก็บคะแนนของพวกเจ้ามา”
“ทราบแล้ว”
หลังจากที่มอบป้ายเก็บคะแนนให้อวี๋เชียนซานแล้ว จ้งเค่อฉีกับจ้งเฮ่อเหลียงก็เร่งเหินร่างไปหยุดลงด้านหลังจู้ชุนทันที ราวกับมีเพียงอยู่ใกล้ๆจู้ชุน พวกมันถึงจะรู้สึกปลอดภัย
“ท่านอาจู้ชุน”
จ้งเค่อฉีเองก็ทักทายจู้ชุนด้วยน้ำเสียงมากเคารพ เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงพี่เขของบ้านอา 3 ของมัน และลำดับอาวุโสอีกฝ่ายก็สูงกว่ามัน เช่นนั้นมันจึงเรียกหาอีกฝ่ายว่าอา
“เจ้าทราบหรือไม่ เดิมทีข้าคิดจะแจ้งเรื่องราวให้เจ้าทราบด้วยตัวเอง แต่พี่ 3 บอกข้าว่าจะแจ้งให้เจ้าทราบเอง”
จู้ชุนกล่าวส่งเสียงผ่านพลัง
“ข้าทราบแล้ว…แต่ที่ข้าสงสัยคือ ที่แท้เป็นผู้ใดช่วยสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นกันแน่!”
จ้งเค่อฉีกล่าวผ่านพลังตอบกลับเสียงหนัก
จู้ชุนพอได้ยินคำถามดังกล่าว มันก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเกทันที “เท่าที่ดูในปัจจุบัน ข้าเกรงว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะอาศัยพลังฝีมือส่วนตัวฆ่าหน่วยเดนตายของพวกเรา…เพราะช่วงเวลาตกตายของหน่วยเดนตายเรานั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ตกตายไล่เลี่ยกัน ราวถูกไล่เก็บทีละคนๆ”
”เป็นไปไม่ได้!”
จ้งเค่อฉีเร่งโพล่งผ่านพลังแย้งออกมาทันที “หากเป็นพวกเดนตายธรรมดา ต้วนหลิงเทียนนั่นจะฆ่าได้ข้าไม่แปลกใจ แต่กับผู้เฒ่าเสวี่ยเอ้อนั่น…ท่านเองก็สมควรรู้พลังฝีมือดี ต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่มีทางฆ่าผู้เฒ่าเสวี่ยเอ้อได้แน่นอน!”
“ข้ารู้ แต่เพราะจุดนี้ทำให้พวกเราต้องมานั่งหารือกันใหม่…หากเสวี่ยเอ้อตกตายด้วยน้ำมือมันจริง แสดงว่าพลังฝีมือของมันสูงส่งกว่าที่มันเปิดเผยออกมา!”
จู้ชุนกล่าวเสียงหนัก “และหากเป็นเช่นนั้นจริง…ข้าเกรงว่าหลังจบการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวคราวนี้ มันอาจจะถูกส่งไปยังนิกายหมอกเร้นลับก่อนกำหนด และเผลอๆอาจจะได้เป็นถึงศิษย์หลักอีกด้วย!”
“อะไร? เข้านิกายหมอกเร้นลับ ศิษย์หลัก? ท่านอาชุนที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ลูกตาของจ้งเค่อฉีหดเล็กลงแทบปิด สีหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย
และหลังจากโพล่งถามไปแล้ว มันก็ได้แต่กล่าวถามผ่านพลังเชิงปลอบใจตัวเองออกมา “ท่านอาชุน ข้าว่ามันต้องมีคนช่วยแน่ๆ อย่างมันไม่มีปัญญาฆ่าผู้เฒ่าเสวี่ยเอ้อได้เองหรอก!”
“เรื่องนี้ก็ต้องรอดูตอนจบ และหากกระทั่งคณบดีมู่หรงยังไม่พบว่ามีคนนอกช่วยมัน…เรื่องที่มันจะถูกแนะนำให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้าเกรงว่าเสมือนตอกตะปูปิดฝาโลงแล้ว…ส่วนเรื่องที่จักได้เป็นศิษย์หลักหรือไม่ นั่นยังไม่แน่นัก”
จู้ชุนกล่าว
“เหอะ! ศิษย์หลัก? อาศัยมันน่ะเหรอ ไม่มีทางมีพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงถึงขนาดนั้นได้หรอก”
ถึงแม้ปากจะกล่าวออกไปแบบนั้น แต่ในใจจ้งเค่อฉีราวมีทัพม้าวิ่งพล่าน มันเร่งส่งข้อความไปหาอา 3 ของมันทันที “ท่านอา 3 ต้วนหลิงเทียนนั่นมันต้องตาย…ไม่ว่ามันจะได้เป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับหรือไม่ หากมันมีชีวิตอยู่วันหนึ่ง ตระกูลจ้งของเราก็เหมือนมีเภทภัยใหญ่หลวงจ่อคอเพิ่มอีกวัน!”
จ้งซันพอได้รับข้อความก็ตอบกลับมาอย่างเห็นด้วยทันที
ได้ยินคำตอบของจ้งซัน จ้งเค่อฉีก็พอได้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวบาดหมางระหว่างต้วนหลิงเทียนกับตระกูลจ้งของมันนั้น อาจกล่าวได้ว่ามีมันเป็นต้นเหตุ และหากต้วนหลิงเทียนมีโอกาสเติบโตขึ้นมาจริงๆ วันหน้ายามย้อนกลับมาล้างแค้นตระกูลจ้ง เกรงว่าเป้าหมายแรกของอีกฝ่ายก็คือมันไม่ผิดแน่!
นั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็น! …
การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวก็ยังคำดำเนินไปเรื่อยๆ ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็วูบร่างเข่นฆ่าไปทั่วพื้นที่ทดสอบ หมายหาตัวจ้งเค่อฉีให้พบ
อนิจจาคราวนี้เป็นเข้าต้องผิดหวังแล้ว เพราะหลังผ่านไปหลายวันแต่เขายังหาจ้งเค่อฉีไม่เจอ
เขาได้พบเจอนักศึกษา 10 ดาวมากหน้าหลายตา แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของจ้งเค่อฉีเลย
‘จ้งเค่อฉีสมควรได้รับแจ้งจากตระกูลจ้งและออกจากการทดสอบไปแล้วไม่ผิดแน่…จะว่าไป เรื่องที่สามารถฆ่าหน่วยเดนตายของตระกูลจ้งได้ทั้งหมดครานี้ ส่วนใหญ่เพราะพวกมันไม่ทันพบว่าลูกแก้ววิญญาณแตกไปแล้ว’
และเรื่องราวก็เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดาไม่มีผิด ที่เขาฆ่าล้างหน่วยเดนตาของตระกูลจ้งได้ถึง 13 คนติดๆกัน ทั้งหมดเพราะทางตระกูลจ้งกับเสวี่ยเอ้อไม่ทันพบว่าลูกแก้ววิญญาณของพวกมันแตกไปแล้ว โดยปกตินั้น ผู้ที่จะมีลูกแก้ววิญญาณของหน่วยเดนตายเก็บไว้ ก็มีแต่ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบหน่วยเดนตายของบ้านหลักตระกูลจ้งเท่านั้น
จนเมื่อผู้อาวุโสที่รับผิดชอบพบว่าไม่ได้รับการติดต่อกลับมานาน จึงไปตรวจสอบยังห้องเก็บลูกแก้ววิญญาณ จึงพบว่าที่แท้ทุกคนตกตายไปหมดแล้ว
กล่าวได้ว่า ตระกูลจ้งมารู้ตัวก็สายไปแล้ว
หน่วยเดนตายทั้งหมดถูกฆ่าล้างหมดสิ้น!
‘ได้เวลาแล้ว…’
การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวดำเนินไปวันแล้ววันเล่า และในที่สุดก็ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ต้วนหลิงเทียนที่ตระเวนฆ่าสัตว์อสูรไม่หยุด หลังพบว่าสัตว์อสูรเริ่มหายากแล้ว เขาก็เลือกจะย้อนกลับไปยังจุดรวมพลทันที
และขณะเดินทางกลับ ระหว่างทางเขาก็แทบไม่เห็นสัตว์อสูรเลย ท่าทางพวกมันจะถูกนักศึกษา 10 ดาวที่เข้าร่วมการทดสอบฆ่าไปเกือบหมด…