WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3653 เซวียไห่ชวน
ตอนที่ 3653 : เซวียไห่ชวน
บทสนทนาอันเต็มไปด้วยความสงสัยทั้งคาดหวังที่ดังเข้าหูทั้งหลาย ทำให้ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา
คะแนนทดสอบของเขา?
บางที…พรุ่งนี้ผู้คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับอาจจะต้องตกใจเพราะคะแนนทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของเขา
‘ในอดีตคะแนนทดสอบที่สูงที่สุดของนักศึกษา 10 ดาวอย่างดีก็แค่ 20,000 เศษๆเท่านั้น…หากข้ารู้เรื่องนี้แต่แรก หรือไม่ก็ลองถามพวกติงเหยียนกับโหวชิ่งเหนียนดูก่อน ก็คงไม่เผลอทำไปมากขนาดนั้นหรอก’
หลังส่าหน้าไปมาอย่างช่วยไม่ได้ ต้วนหลิงเทียนก็เดินกลับที่พักท่ามกลางสายตานักศึกษา 10 ดาวทั้งหลาย
หลังกลับมาถึงที่พักจวบจนเข้ามาในห้องนอนแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่นั่งบนเตียงก็หยิบสมุนไพรอันมีสีเขียวทั้งต้นออกมา เป็นว่านชนิดหนึ่ง และว่านชนิดนี้ก็มีลักษณะหงิกหงอแปลกๆ อีกทั้งยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้จะไม่ได้ปลูกในดิน
และนี่ก็คือของรางวัลสำหรับอันดับ 1 ในการทดสอบนักศึกษา 10 ครั้งนี้ ว่านเทพลายมังกร
ก่อนที่จะแยกกับอวี๋เชียนซาน ด้วยเสียงผ่านพลังของมู่หรงสุยเฟิง อีกฝ่ายก็ได้มอบของรางวัลสำหรับการได้อันดับ 1 ในการทดสอบ อย่างว่านเทพลายมังกรให้เขาล่วงหน้าแทนที่จะรับมันในวันพรุ่งนี้
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าที่ไฉนมู่หรงสุยเฟิงดูแลเขาดีขนาดนี้ เพราะอีกฝ่ายคุยกับเขาถูกคอ
อีกทั้งคราวนี้ตอนคุยกับมู่หรงสุยเฟิง เขาก็ได้เปิดเผยความเป็นมาออกไป แน่นอนว่าเรื่องที่มาโผล่ในระนาบสมรภูมินั้นเป็นความจริง แต่เรื่องสำคัญเขาก็ไม่ได้บอกออกไป เนื่องจากมันเกี่ยวพันถึงเทพเบญจธาตุ เทพเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุ ไม่ได้มีความสำคัญแค่ในระนาบเทวโลกเท่านั้น แม้แต่ในระนาบเทพกระทั่งสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ก็ยังมีค่ามหาศาล
โดยเฉพาะเทพเบญจธาตุขั้นสูงๆ เกรงว่ามากพอจะทำให้เหล่าเทพมากมายคุ้มคลั่ง
ไม่ว่าจะจักรพรรดิเทพก็ดี อริยะเทพก็ดีทั้งหมดล้วนให้ค่ากับเทพเบจธาตุมากโดยเฉพาะเมื่อมันมีขั้นสูงแล้ว เพราะนั่นไม่ต่างอะไรจากกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พวกมันก้าวข้ามขั้นตอนสุดท้ายและบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด
ดังนั้นต่อหน้ามู่หรงสุยเฟิง ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่กล้าเปิดเผยเทพเบญจธาตุออกไปง่ายๆ
และเรื่องที่เขาแต่งขึ้นคราวนี้ก็มีเหตุผล
ให้ถอยไปหมื่นก้าว ถึงวันหลังมู่หรงสุเฟิงจะไปเยือนโลกแห่งความตาย 1 ใน 7 สถานที่ต้องห้ามของระนาบเทวโลก และพบว่าพื้นที่และห้วงมิติที่นั่นก็ยังมั่นคงดีอยู่ ก็ไม่มีทางสงสัยในคำพูดของต้วนหลิงเทียน เพียงแค่อาจจะคิดว่าเป็นเพราะช่วงเวลาไม่เหมาะสมเท่านั้น การที่โลกแห่งความตายเกิดความผันผวนของพื้นที่มิติ ไม่แน่อาจจะเกิดจากการโคจรมาบรรจบกันของระนาบเทพคู่ขนาน
ยิ่งไปกว่า ถึงมู่หรงสุยเฟิงต้องการไปโลกแห่งความตายจริง ก็ยังต้องรอเวลาอีก 300 กว่าปี
300 ปีหลังจากนี้ ต่อให้มู่หรงสุยเฟิงจะพบว่าวันนี้เป็นเขาแต่งเรื่องหลอก ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาอีกต่อไป
และเหตุไฉนที่วันนี้เขาแต่งเรื่องความเป็นมาใหม่เพื่อบอกมู่หรงสุยเฟิงไป ก็เพื่อทำให้นิกายหมอกเร้นลับไม่ต้องมาระแวงถึงตัวตนของเขาภายหลัง ในเมื่อเขาเป็นคนที่ไม่มีเบื้องหลักใดในระนาบเทพ เช่นนั้นก็ง่ายต่อการปลูกฝัง
‘หนึ่งเดือนหลังจากนี้ ข้าจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญ…ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ นั่นจะเป็นก้าวแรกที่แท้จริงในระนาบเทพของข้า!’
สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเร่าร้อนไม่น้อย จากนั้นเขาก็เบือนตากลับมามองว่านเทพลายมังกรในมือไม่วางตา
เมื่อเขาลองถ่ายพลังเทพเข้าไปยังว่านเทพลายมังกรในมือ เขาก็พบว่าตัวว่านเริ่มบังเกิดลวดลายคล้ายเกล็ดมังกรขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ‘มิน่าล่ะอาจารย์อวี๋เชียนซานถึงให้ข้าใช้พลังเทพหล่อเลี้ยงมันก่อนจะใช้งาน เพราะทำแบบนี้ถึงจะกระตุ้นพลังของมันได้เต็มที่’
‘แถม ‘ว่านเทพลายมังกร’ ชื่อนี้ไม่ได้ตั้งมาเพราะไร้เหตุผลจริงๆ’
ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็สงสัยอยู่บ้างว่าไฉนว่านเทพลายมังกร ถึงไม่เห้นจะมีลายมังกรอะไรอยู่เลย มาตอนนี้พอถ่ายพลังเทพหล่อเลี้ยง เขาก็เข้าใจเหตุผลทันที
หลังจากใช้พลังหล่อเลี้ยงจนว่านเทพลายมังกรถูกกระตุ้นจนเปล่งแสงสว่างและลวดลายชัดเจนที่สุดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ส่งมันเข้าปากเคี้ยวๆกลืนไปในพริบตา
เมื่อพลังของว่านเทพลายมังกรเริ่มพุ่งพล่านในท้องและโคจรไปตามชีพจรพลังทั่วร่าง ต้วนหลิงเทียนก็หลับตา ตัดขาดจากสิ่งเร้าภายนอก อุทิศตัวให้กับการบ่มเพาะพลังทันที
เรียกว่าเขาตัดขาดจากทุกสิ่งชั่วคราว
สำหรับต้วนหลิงเทียน คืนนี้เป็นคืนอันเงียบสงบ
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักศึกษา 10 ดาวคนอื่น แม้กระทั่งนักศึกษาระดับชั้นอื่นๆของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มันเป็นคืนที่ยากจะสงบลงได้อย่างแท้จริง
ในปัจจุบันแม้แต่นักศึกษาในระดับชั้นอื่นๆ ก็ได้รับทราบเรื่องราวจากปากนักศึกษา 10 ดาวกันแล้ว ว่าการทดสอบครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนน่าจะทำคะแนนได้สูงเป็นประวัติการณ์ เพราะถึงกับทำให้อาจารย์อวี๋เชียนซวนที่เห็นคะแนนในป้ายถึงกับเสียอาการได้ อาจารย์อวี๋เชียนซวนเป็นใครเล่า?
นั่นคือ 1 ในอาจารย์ที่ทรงพลังที่สุดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ จะเป็นรองก็แต่คณบดีเท่านั้น
ดังนั้นถึงพวกมันจะไม่ใช่นักศึกษา 10 ดาว แต่ก็บังเกิดความคาดหวังและตั้งหน้าตั้งตารอการประกาศคะแนนทดสอบพรุ่งนี้กันทั้งนั้น
ในพื้นที่ใจกลางอัรายล้อมไปด้วยหอพักนักศึกษา 10 ดาว อาจารย์ประจำชั้น 10 ดาว ซูเฟิงหยาง ก็ไปหาอาจารย์คนหนึ่งถึงที่พัก อวิ๋นฮุ่ย
“อาจารย์ลุง”
อวิ๋นฮุ่ย นั้น เป็นอาจารย์ที่รับหน้าที่ทดสอบนักศึกษา 10 ดาวเข้าใหม่ และเป็นอาจารย์ลุงของซูเฟิงหยางอีกด้วย
เพราะอวิ๋นฮุ่ยบอกมาแต่แรก ซูเฟิงหยางจึงรับทราบถึงความไม่ธรรมดาของต้วนหลิงเทียนแต่แรก และมั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนต้องชนะได้แน่แม้จะเจอกับติงเหยียนหรือหงจวิน
“เจ้าหนู ไฉนจู่ๆเจ้าถึมาหาข้าได้เล่า?”
พอเห็นซูเฟิงหยาง อวิ๋นฮุ่ยก็ยิ้มทักอย่างมากอัธยาศัย และไม่ทันที่ซูเฟิงหยางจะได้ตอบคำถาม มันก็เอ่ยถามออกมาต่อว่า “เจ้ามาหาข้า ใช่เพราะเรื่องของเจ้าหนูต้วนหลิงเทียนนั่นหรือไม่?”
“อาจารย์ลุง ดูเหมือนท่านเองก็ทราบเรื่องแล้ว”
ซูเฟิงหางคลี่ยิ้มแห้งๆ ก่อนถามเข้าประเด็น “อาจารย์ลุงที่ข้ามาหาท่านถึงบ้าน เพราอยากถามท่านว่า…เจ้าหนูต้วนหลิงเทียนนั่น ที่แท้มันได้คะแนนทดสอบเท่าไหร่กันแน่? ตอนนี้ผู้คนสงสัยเรื่องนี้ยิ่ง”
“ทำไม เจ้าคิดว่าข้ารู้รึ?”
อวิ๋นฮุ่ยโพล่งถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“อาจารย์ลุง…หากท่านถาม อาจารย์อวี๋เชียนซานจะไม่บอกท่านหรือ ในแง่ของลำดับอาวุโสแล้ว ผู้อื่นสมควรเรีกท่านว่าผู้อาวุโสอีกกระมัง เห็นว่าตอนผู้อื่นยังเด็ก ท่านก็เคยช่วยชีวิตไว้ จึงนับถือท่านมาก”
ซูเฟิงหยางกล่าว “หากท่านถาม ข้าว่าผู้อื่นไม่ปิดบังท่านแน่นอน”
“และบางที…ท่านอาจไปถามมาแล้วกระมัง?”
ซูเฟิงหยางมองจ้องอวิ๋นฮุ่ยด้วยสายตาคาดหวัง
“เหอะๆ ข้าเองก็อยากจะถามอยู่หรอก แต่ท่านคณบดีก็ได้กล่าวไว้ ว่าไม่ให้อาจารย์อวี๋เชียนซานเผคะแนนของต้วนหลิงเทียนก่อนเวลา…ต่อให้เป็นข้าเอง ก็ได้แต่รอดูชมพรุ่งนี้เช่นกัน”
อวิ๋นฮุ่ยพูดถึงจุดนี้ ก็กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าเกรงว่า…ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรได้คะแนนทดสอบสูงเป็นประวัติการณ์แล้วจริงๆ”
ได้ยินดังนั้นซูเฟิงหยางก็ตกใจอยู่บ้าง “อะไรกัน แม้แต่ท่านคณบดียังออกมาพูดเชียวหรือ? นี่มันจะไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยหรือไร?”
นี่ คณบดี ถึงกับดักคอไว้ไม่ให้อวี๋เชียนซานกล่าวบอกคะแนนต้วนหลิงเทียนล่วงหน้าเชียว?
คณบดี เคยเข้ามาสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ คณบดีไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนสักครั้ง…ไฉนคราวนี้ถึงได้แตกต่างนักล่ะ?
“ข้าเองยังรู้สึกว่ามันเกินจริงไปอยู่บ้าง”
อวิ๋นฮุ่ยพยักหน้า “หากข้าเดาไม่ผิด…คะแนนทดสอบของต้วนหลิงเทียนอาจจะเกิน 50,000 แต้ม”
“เกิน 50,000? อาจารย์ลุง…นี่…นี่จะไม่เกินจริงไปหน่อยหรือไร?”
ซูเฟิงหยางอดเดาะลิ้นไม่ได้
“พรุ่งนี้ก็ได้รู้แล้วว่ามันเกินไปหรือไม่”
อวิ๋นฮุ่ยกล่าว “ก็นะ”
ซูเฟิงหยางพยักหน้า จากนั้นมันก็คล้ายจะนึกอะไรได้ออก จึงเอ่ยถามต่อว่า “อาจารย์ลุง ข้าได้ยยินมาว่าท่านคณบดีถึงกับคิดแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้า แถมยังจะเสนอชื่อให้เป็นศิษย์หลักอีก เรื่องนี้จริงหรือ?”
“เป็นความจริง”
อวิ๋นฮุ่ยพยักหน้า เรื่องนี้มันค่อนข้างชัดเจน “ท่านคณบดีได้แจ้งให้ทางนิกายทราบแล้ว หลังจากนี้ 1 เดือน ทางนิกายก็จะส่งคนมารับตัวต้วนหลิงเทียน”
“อะไร หนึ่งเดือนหลังจากนี้?! รีบร้อนขนาดนั้นเชียว”
ซูเฟิงหยางอดประหลาดใจไม่ได้ “ท่านอาจารย์ลุง หากข้าจำไม่ผิด…การประเมินศิษย์หลัก ดูเหมือนจะยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีกว่าไม่ใช่หรือไร?”
“นั่นก็ใช่” อวิ๋นฮุ่ยพยักหน้า “ที่คณบดีทำเช่นนี้ เห็นชัดว่าต้องการให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้า และเพลิดเพลิดกับทรัพยากรรวมถึงการดูแล…เจ้าเองก็คงทราบว่าการดูแลศิษย์สายในของนิกายเรา ไม่ใช่อะไรที่การดูแลนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะเทียบได้”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ซูเฟิงหยางพยักหน้าเห็นด้วย ขณะเดียวกันสายตามันก็เริ่มเหม่อลอย “บางที…ต้วนหลิงเทียนอาจจะผ่านการประเมินทดสอบศิษย์หลัก และได้กลายเป็นศิษย์หลักจริงๆ”
“ก็อาจเป็นได้”
อวิ๋นฮุ่ยพยักเบาๆ
“หืม อาจารย์ลุง…หรือคราวนี้ท่านไม่มั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนจะทำได้?”
ซูเฟิงหยางแปลกใจ
“ไม่ใช่ข้าไม่มั่นใจ แต่การประเมินทดสอบศิษย์หลักของนิกายเราที่จัดขึ้นสำหรับศิษย์ฝ่ายในที่มีระดับพลังขอบเขตเทพนั้น มันยากยิ่งกว่าการประเมินทดสอบศิษย์สายในที่มีระดับพลังอยู่ในขอบเขตราชาเทพเสียอีก…แน่นอนว่ามันยากสำหรับศิษย์สายในที่เข้ารับการประเมิน”
อวิ๋นฮุ่ยกล่าวสืบต่อว่า “สุดท้ายแล้วการประเมินทดสอบศิษย์หลักขอบเขตเทพ หรือขอบเขตราชาเทพ ระดับการทดสอบให้กล่าวว่ามันยากสำหรับราชาเทพทั่วไปมากก็ไม่เกินเลย”
“นอกจากนี้เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่าตลอดระเวลา 10,000 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีศิษย์สายในขอบเขตเทพที่เข้ารับการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขจเทพมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบเลย”
พออวิ๋นฮุ่ยกหล่าวถึงจุดนี้ ซูเฟิงหยางก็ได้แต่นิ่งเงียบ
หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ลุงกล่าวเตือน มันเองก็ลืมไปแล้ว
ในประวัติศาสตร์ 10,000 ปีที่ผ่านมาของนิกายหมอกเร้นลับ แม้จะมีศิษย์สายในขอบเขตเทพมากมายเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพ แต่ก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบสักคน
ด้วเหตุนี้แม้ในปัจจุบันนิกายหมอกเร้นลับแม้จะมีศิษย์หลักหลายสิบคน แต่ผู้ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยที่สุดก็ล้วนเป็นลาชาเทพขั้นต่ำ
“ข้ายังหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักได้…หากมันสามารถทำลายคำสาปนี้ได้ ไม่แน่มันอาจจะกลายเป็น ‘เซวียไห่ชวน’ คนต่อไป”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ในแววตาของอวิ๋นฮุ่ยกลับฉายดถึงความวาดหวังไม่น้อย
“เซวียไห่ชวน!?”
ด้านซูเฟิงหยาง พอได้ยินอวิ๋นฮุ่ยเอ่ยนามนี้ออกมา สองตามันก็ลุกวาวขึ้นอย่างอดไม่ได้
เซวียไห่ชวนกล่าวไปก็เป็นคนในรุ่นเดียวกับมัน นับว่าเป็นคนในรุ่นเดียวกันที่นิกายหมอกเร้นลับ กระทั่งตอนที่ยยังอู่ในนิกายหมอกเร้นลับ และพบเจอเซวียไห่ชวน มันยังเรียกหาอีกฝ่ายว่าศิษย์พี่ด้วยความนับถือ
เซวียไห่ชวนนั้น ก็คือศิษย์สายในคนล่าสุด ที่สามารถผ่านการประเมินทดสอบศิษย์หลักขอบเขตเทพได้
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวเมื่อหมื่นกว่าปีมาแล้ว
ในปัจจุบันเซวียไห่ชวนเป็นชนชั้นผู้อาวุโสของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลังนิกายหมอกเร้นลับ สถานะเรียกว่าสูงไม่ใช่ชั่ว ต่อให้เป็นประมุขคนปัจจุบันของนิกายหมอกเร้นลับ ยามพบเห็นยังต้องให้ความเคารพ