WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3689 ติงเหยียน จากไปไม่ลา
ไม่กี่ลมหายใจหลังจากที่ถูเฟิงถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย อาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับอู่ฟงหยินก็ได้รับข้อความแจ้งเหตุจากศิษย์ของมันที่ติดตามถูเฟิงไป
ตอนแรกมันก็ไม่เชื่อข้อความที่ได้รับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข้อความที่ 2 กับข้อความที่ 3 ส่งมาติดๆ ถึงมันไม่อยากจะเชื่อแค่ไหนก็ต้องเชื่อว่าเป็นความจริง
ต้วนหลิงเทียน ศิษย์สายในที่ด่านพลังฝึกปรือมีเพียงขอบเขตเทพขั้นสูง กลับฆ่าถูเฟิงศิษย์คนโตของมันที่เป็นราชาเทพขั้นต่ำไ?
โกรธหรือไม่?
แน่นอนว่าโกรธ!
ถูเฟิงเป็นศิษย์คนแรกที่มันรับมา แม้ปกติจะเข้มงวดกวดขันไปบ้าง แต่มันก็ยึดถือเป็นคนของมัน
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายตกตายเสียแล้ว
หลังจากยืนยันข้อเท็จจริงของเรื่องราวได้แล้ว มันแทบจะเหินร่างไปฆ่าต้วนหลิงเทียนที่อยู่แท่นยอดยุทธ์ให้ตายคาที่ในบัดดล!
อนิจจาสุดท้ายมันก็ต้องล้มเลิกความคิดดังกล่าว
เพราะหากมันทำอะไรแบบนั้นล่ะก็ ต่อให้มันจะเป็นอาวุโสหลักลำดับที่ 2 ของนิกายหมอกเร้นลับ มันก็หนีไม่พ้นโทษตาย!
“อะไร!? ฉือถงหมิงผู้นั้นกล่าวชวนต้วนหลิงเทียนไปเป็นศิษย์ในนามอาวุโสเหล่ย!?”
เมื่ออู่ฟงหยิงได้รับข้อความบอกกล่าวว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หัวใจของมันก็อดไม่ได้ที่จะเต้นระส่ำไปไม่เป็นจังหวะ
ต้องทราบด้วยว่ามันกำลังนึกคิดวิธีร้อยแปดพันเก้าเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย ล้างแค้นให้ศิษย์คนโตอย่างถูเฟิง…แต่อยู่ๆกลับได้รับแจ้งว่าฉือถงหมิงมาชวนต้วนหลิงเทียนไปเป็นศิษย์ของอาวุโสเหล่ย?
ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนตอบรับคำชวน ก็จะกลายเป็นศิษย์ของอาวุโสเหล่ยทันที!
อาวุโสเหล่ยเป็นใคร?
นั่นคือ 1 ในผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ตัวตนที่อาศัยเพียงแค่ปลายก้อยก็บดขยี้มันให้ตายเยี่ยงมดปลวกได้ง่ายๆ ยังเป็นตัวตนที่ต่อให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีกหมื่นเท่ามันก็ไม่กล้าคิดเป็นศัตรู!
วินาทีนั้น อู่ฟงหยินแทบจะล้มเลิกความคิดเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียน
เพราะในความเห็นของมัน ต้วนหลิงเทียนกำลังจะกลายเป็นตัวตนที่สูงเกินมันจะแตะต้องได้
เช่นนั้นพอได้รับข้อความต่อมาว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวทำนองปฏิเสธอาวุโสเหล่ย มันก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนช่างโง่เขลาเกินเยียวยา ในใจบังเกิดความยินดีมีสุข เรียกว่าเสมือนพบพานแสงสว่างท่ามกลางความสิ้นหวัง!
“อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้าหนูต้วนหลิงเทียนนั่นมันสูงล้ำเกินไป…ข้าต้องหาโอกาสฆ่ามันให้ได้ เพื่อตัดปัญหาในภายภาคหน้า”
“ตอนนี้ ต่อให้ข้าจะไปเปรยๆบอกมันว่าข้าไม่คิดจะเป็นศัตรูกับมันแล้ว มันก็อาจจะไม่เชื่อข้า…”
“เช่นนั้นแทนที่จะรอให้มันเติบโตจนมีพลังมากพอจัดการข้าได้…ข้าต้องรีบกำจัดเสี้ยนหนามเช่นมันให้พ้นทาง!”
สองตาอู่ฟงหยินฉายแววเย็นชาน่ากลัวนัก
…
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอาศัยด่านพลังขอบเขตเทพขั้นสูงฆ่าถูเฟิงที่เป็นถึงราชาเทพขั้นต่ำได้ในพริบตาบนแท่นยอดยุทธ์ ไม่นานก็แพร่กระจายไปทั่วนิกายหมอกเร้นลับอย่างรวดเร็วประหนึ่งไฟลามทุ่ง
และเรื่องดังกล่าว ก็สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้ผู้คนทั้งนิกายหมอกเร้นลับเป็นธรรมดา
เทพขั้นสูง ฆ่าราชาเทพขั้นต่ำ!
ในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับ เรื่องดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย กล่าวได้ว่าการกระทำของต้วนหลิงเทียนไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
นอกจากนั้น ข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพ จนกลายเป็นศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ ก็แพร่กระจายตามมาติดๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประมุขนิกายหมอกเร้นลับได้ออกมาประกาศด้วยตัวเอง ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพคนเดียวที่สามารถผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักรอบนี้ ก็ทำให้ทุกคนสามารถยืนยันข้อเท็จจริงของเรื่องราวได้กระจ่างชัด
เป็นธรรมดาว่ามีหลายคนที่ตั้งคำถาม…ว่าต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักครั้งนี้ได้อย่างไร?
แต่กระนั้นคำถามดังกล่าวก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะเมื่อความสามารถของต้วนหลิงเทียนเปิดเผยออกมา ก็ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไป
เทพขั้นสูง
เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด
พื้นฐานมรรคากระบี่
กระบี่เทพระดับต่ำ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา คงเป็นเรื่องไร้เหตุผลจนเกินไปหากยังไม่อาจผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักได้…
“เจ้าหนูนั่น….สุดท้ายก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ไม่เสียทีที่ข้าทั้งแนะนำและเสนอชื่อมัน”
มู่หรงสุยเฟิง คณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ ถึงกับคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้รับแจ้งเรื่องราวจากทางนิกาย
อันที่จริงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถูกแนะนำให้เข้านิกายหมอกเร้นลับก่อนกำหนด รวมถึงถูกเสนอชื่อให้เข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่จะถึงนั้น…มันคาดไว้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะได้เป็นศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปี!
หลายคนอาจไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนอาศัยอะไรถึงได้รับการแนะนำทั้งเสนอชื่อเช่นนี้ แต่มันที่เป็นคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับของเมืองวายุสวรรค์ที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ ไหนเลยจะไม่รู้ได้!
ต้วนหลิงเทียนไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น ความรู้สึกมันบอกชัด!
และปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
และในเวลาเดียวกันที่มู่หรงสุยเฟิงได้รับแจ้งเรื่องราวจากนิกาย ด้านอาจารย์ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับก็ได้รับแจ้งเรื่องราวเช่นกัน
สุดท้ายพวกมันที่มาเป็นอาจารย์หรือทำงานในสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้ได้ หากไม่ใช่ชนชั้นอาวุโสฝ่ายในก็ต้องเป็นอาวุโสฝ่านอกของนิกายหมอกเร้นลับ แต่ละคนล้วนมีสายข่าวในนิกายไม่มากก็น้อย กับเรื่องใหญ่แบบนี้ไหนเลยจะไม่ได้รับแจ้ง
“ต้วนหลิงเทียน ช่างร้ายกาจนัก! วิเศษจริงๆ!!”
“ศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ หากข้าไม่ได้ยินจากปากอาจารย์ของข้าเอง เกรงว่าข้าคงทำใจเชื่อไม่ลง!”
“จริง…อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็พึ่งออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราได้ไม่นาน แต่กลับประสบความสำเร็จถึงระดับนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่ง!”
…
ในเมื่อเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว ไม่นานนักเหล่านักศึกษาเองก็ได้รับรู้เรื่องราวเช่นกัน
ไม่ว่าพวกมันจะเคยรู้จักหรือไม่เคยรู้จักต้วนหลิงเทียนมาก่อน พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนในนิกายหมอกเร้นลับ!
“ต้วนหลิงเทียนเจ้ามันจะร้ายกาจเกินไปแล้ว…หลังจากนี้ไม่นานข้าเองก็จะเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับแล้ว ต่อไปเจ้าต้องดูแลข้าดีๆเล่า!”
ด้านนิกายหมอกเร้นลับ ต้วนหลิงเทียนที่กำลังติดตามถังชุนไปทำเรื่องเป็นศิษย์หลัก ก็ได้รับข้อความจาก โหวชิ่งหนิง นักศึกษา 10 ดาวจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
โหวชิ่งหนิงนั้นเป็นนายน้อยนิกายหมื่นจันทรา ซึ่งเป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ และเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้รู้จักกับโหวชิ่งหนิงนานนัก แต่ด้วยความกระตือรือร้นและความจริงใจของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็เห็นมันเป็น 1 ใน 2 เพื่อนที่เขามีในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
อีกคนก็คือติงเหยียน
ติงเหยียนนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าโหวชิ่งหนิง แต่กลับทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ามันแลดูลึกลับอย่างไรชอบกล
เพราะติงเหยียนได้บอกกับเขาก่อนที่จะเขาจะเข้าทำการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวว่า ขอเพียงเขาติดตามไปกับมัน ต่อให้เขาจะพบเจอพวกเดนตายจากตระกูลจ้งหรือตระกูลราชาเทพอื่นๆ มันก็สามารถใช้ ‘ตัวตน’ ของมันเพื่อปกป้องเขาได้
ในเวลานั้น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที ว่าติงเหยียน ท่าทางจะมีความเป็นมาไม่ธรรมดาเสียแล้ว
อย่างน้อยๆตัวตนของมัน ก็มากพอจะทำให้ตระกูลราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์ต้องตื่นตระหนก!
“ฮ่าๆๆ…มาเถอะ เจ้ามานิกายหมอกเร้นลับเมื่อไหร่ก็มาหาข้าได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าเองก็ต้องดูแลตัวเองในระดับหนึ่ง อย่าได้ก่อเรื่องพิเรนทร์อะไรขึ้น หากเจ้าก่อเรื่องพิเรนทร์อะไรข้าบอกไว้ก่อนเลยว่าจะไม่ตามล้างตามเช็ดให้เจ้าแน่”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขบขัน ก่อนจะส่งข้อความตอบกลับโหวชิ่งหนิง
“อะไร ข้าดูเหมือนคนชอบก่อเรื่องหรือทำอะไรพิเรนทร์หรือ?”
โหวชิ่งหนิงส่งข้อความกลับมาด้วยน้ำเสียงฮึดฮึด
“เจ้าไม่เหมือน…”
ในขณะที่โหวชิ่งหนิงกำลังถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้รับข้อความครึ่งแรกของต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความต่อมาว่า “แต่เจ้าเป็นคนแบบนั้นเลย”
“เจ้า…ทีหลังเจ้าส่งข้อความให้จบประโยคในทีเดียวเถอะ!”
โหวชิ่งหนิงโวยวาย
“ฮ่าๆๆ”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ จากนั้นก็ส่งข้อความไปด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “จะว่าไปข้าก็นึกขึ้นได้…ก่อนที่การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวจะเริ่มขึ้น เหมือนเจ้าบอกข้าว่าอากประลองชี้แนะกับข้านี่นา แต่พอดีเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นสุดท้ายข้าก็เลยไม่มีเวลาทำตามคำขอเจ้า…”
“เจ้าบอกว่าจะมานิกายหมอกเร้นลับเร็วๆนี้ใช่ไหม? เช่นนั้นเจ้ามาถึงนิกายหมอกเร้นลับเมื่อไหร่ ข้าจะทำตามคำพูดที่ข้ารับปากเจ้าไว้วันนั้นแล้วกัน…”
ข้อความที่ต้วนหลิงเทียนส่งมารอบนี้ ทำให้โหวชิ่งหนิงที่อยู่ในสถานศึกษาอดไม่ได้ที่จะผงะไป ยังแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
ประลองชี้แนะ?
มารดามันผู้ใดจะไปประลองกับสัตว์ประหลาดเช่นเจ้า เจ้าเป็นโรคจิตชอบรังแกผู้คนหรือ?
เป็นธรรมดาว่านั่นคือความในใจของโหวชิ่งหนิง ไม่ได้ส่งข้อความออกไปแต่อย่างใด “หืม? ข้าไปชวนเจ้าประลองชี้แนะตอนไหนกัน เจ้าจำผิดรึเปล่า เจ้าจำผิดแล้วแน่ๆ…เอ่อ พอดีข้ามีธุระด่วนต้องไปจัดการ ข้าคงต้องขอตัวก่อน..”
“อ่อ ลืมไปว่ายังมีอีกเรื่อง…หลังจากเจ้าไปนิกายหมอกเร้นลับได้ไม่นาน เจ้าติงเหยียนนั่นมันก็ลาออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับก่อนกำหนด”
โหวชิ่งหนิงกล่าวต่อว่า “แถมมันยังไม่ได้บอกข้าด้วยว่าจะไปไหน กระทั่งเรื่องที่มันลาออกข้าก็รู้จากคนอื่นทีหลัง จากนั้นข้าก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวของมันอีกเลย แถมข้าส่งข้อความไปหามันๆก็ไม่ตอบข้อความกลับมาด้วย”
“ด้านเจ้าเล่า ช่วงนี้ได้ติดต่อกับมันบ้างหรือไม่?”
ด้วยมีต้วนหลิงเทียนเป็นคนกลาง ทำให้โหวชิ่งหนิงกับติงเหยียนเองก็เริ่มรู้จักกัน ยังคุ้นเคยกันพอสมควรหลังอยู่กับต้วนหลิงเทียนสักพัก จากนั้นภายหลังพวกมันก็แลกลูกแก้ววิญญาณกัน
“ลาออก?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว จากนั้นเขาก็ใช้ลูกแก้ววิญญาณติงเหยียนเป็นสื่อและส่งข้อความไปหามันโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ตอบข้อความกลับมา
“หลังๆมาข้าไม่ได้ติดต่อมันเลย เมื่อครู่ข้าลองส่งข้อความไป มันก็ไม่ตอบกลับเหมือนกัน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม “แล้วก่อนที่มันจะไปเล่า มันเผยท่าทีผิดปกติอะไรบ้างหรือไม่?”
ถึงแม้กับติงเหยียนนั้น ต้วนหลิงเทียนจะถือว่วาเป็นเพื่อนแค่ผิวเผิน แต่สุดท้ายจะอย่างไรก็คือหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่เขามีในระนาบเทพ พอได้ยินว่าอยู่ๆติงเหยียนก็ลาออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และหายไปไร้ข่าวคราว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลอยู่บ้าง
“ไม่เลย”
โหวชิ่งหนิงกล่าวตอบอย่างทอดถอนใจ “ต่อมา ข้าลองขอให้ท่านพ่อส่งคนไปตรวจสอบดู แต่สุดท้ายกลับไม่พบอะไรเลย”
“แถมความเป็นมาของเจ้านี่ยังลึกลับอย่างไรชอบกล เพราะท่านพ่อเองก็ไม่พบอะไรเลย ราวกับอยู่ๆมันก็ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองวายุสวรรค์”
“ไม่ทราบมันมาจากไหนกันแน่”
โหวชิ่งหนิงกล่าว
หลังจบการสื่อสารกับโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถังชุนข้างๆพลางเอ่ยถามออกไปว่า “อาวุโสถังชุน ท่านสมควรส่งข้อความติดต่อกับท่านคณบดีมู่หรงได้กระมัง?”
“ได้ เจ้ามีอะไรรึ?”
ถังชุนย่อมรู้ดีว่าคณบดีมู่หรงที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงเป็นใคร
“รบกวนท่านถามท่านคณบดีให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ว่ารู้ความเป็นมาของนักศึกษา 10 ดาวนามติงเหยียนหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ด้านถังชุนก็ทำตามคำขอต้วนหลิงเทียนเร็วไว จากนั้นสักพักถังชุนก็หันมากล่าวว่า “ต้วนหลิงเทียน รองประมุขมู่หรงบอกว่าไม่ทราบความเป็นมาของติงเหยียนที่เจ้ากล่าวถึงเลย เพียงรู้ว่าติงเหยียนนั้นปรากฏตัวครั้งแรกก็ตอนมาสอบเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และผ่านการประเมินเป็นนักศึกษา 9 ดาว”
“ข้ายังลองถามอาจารย์คนอื่นๆในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ที่ข้ารู้จักอีกด้วย แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้ความเป็นมาของติงเหยียน”
เห็นได้ชัดว่าถังชุนค่อนข้างสนใจคำขอของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
“เอาล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า อย่างไรก็ตามในใจลอบกังวลอยู่บ้าง ‘ติงเหยียนคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ…’
หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะค่อยๆผ่อนมันออกช้าๆเพื่อสงบสติอารมณ์
เขาย่อมตระหนักดี
ไร้ประโยชน์ที่จะกังวลเรื่องติงเหยียน เพราะสุดท้ายเขาก็ทำอะไรไม่ได้
เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้ ก็คือกระดับพลังฝึกปรือของเขาให้ก้าวหน้าโดยเร็ว
ด้วยวิธีนี้ ต่อไปแม้จะรู้ว่าติงเหยียนพบปัญหายุ่งยากอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาก็มีกำลังพอจะช่วยได้
“อาวุโสถังชุน กล่าวไปหลังข้าลงทะเบียนเป็นศิษย์หลักแล้วเสร็จ เรื่องขอรางวัลที่จะมอบให้ศิษย์หลักที่ท่านกล่าวถึงก่อนหน้านี้…หากข้าไม่พอใจของรางวัลที่ทางนิกายนำมาให้เลือก ข้าสามารถขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่อยู่ในระดับพอๆกันได้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปเอ่ยถามถังชุน
ตอนนี้เขากำลังติดตามถุงชุนไปทำเรื่องเป็นศิษย์หลัก
ศิษย์สายในของนิกายหมอกเร้นลับ ต้องผ่านขั้นตอนและระเบียบบางอย่างก่อนจะเป็นศิษย์หลักอย่างถูกต้อง อย่างน้อยๆก็ต้องนำป้าประจำตัวไปแลก และตามกฏของนิกาย ยังจะได้รับรางวัลที่เลื่อนระดับเป็นศิษย์หลักอีกด้วย…และของรางวัลที่ว่าอย่างน้อยๆก็เป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลาง
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่สนใจอุปกรณ์เทพขั้นกลางเลย
อีกทั้งหากเป็นอุปกรณ์เทพใดอื่นต่อให้เป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลางเขาก็ไม่สนใจ เพราะได้มาเขาก็คงไม่ได้ใช้
“ปกติมันก็ไม่ได้หรอก…”
ถังชุนส่ายหัวไปมา