WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3712 เจ้าไม่มีทางเลือก
พลังฝีมือของหวูเฟิงนั้น กล่าวไปแล้วก็นับว่าระดับต้นๆของราชาเทพขั้นต่ำเลยทีเดียว
มันไม่ได้ด้อยไปกว่าตู้เชียนจวินแม้แต่น้อย
ส่วนฉู่หานนั้นแม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าตู้เชียนจวิน แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร พรสวรรค์กับความเข้าใจแม้จะเหนือกว่าตู้เชียนจวิน ทว่าอายุมันก็น้อยกว่าหลายร้อยปี กระทั่งเกือบพันปีด้วยซ้ำ
หากอายุเท่ากันมันย่อมบดขยี้ตู้เชียนจวินได้ราบคาบ
แต่หวูเฟิงกลับมีอายุมากกว่าตู้เชียนจวินเสียอีก
“ศิษย์น้องต้วนดูเหมือนเจ้าจะถูกผู้อื่นเขาดูแคลนจริงๆ”
พอฉู่หานเปิดเผยพลังของกฏน้ำแข็งออกมา หวูเฟิงก็ตระหนักได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อฉู่หานมันเป็นถึงศิษย์ของอาวุโสฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์ ในมือมันต้องมีอุปกรณ์เทพขั้นกลางแน่นอน
พอคิดถึงจุดนี้ หวูเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่หลังจากกลับนิกายสิ่งแรกที่มันทำก็คือหาแลกอุปกรณ์เทพขั้นกลาง
หาไม่แล้ว วันนี้เกรงว่ามันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่หานเลย
นอกจากนั้นถึงมันจะไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนลงมือเองกับตามาก่อน แต่มันได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสังหารศิษย์สายในอย่าง ถูเฟิงได้ง่ายดายมาแล้ว
และถูเฟิงก็เหมือนกับมัน เป็นศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำของนิกายหมอกเร้นลับ พลังฝีมือก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันมากมายอะไร
ด้วยเหตุนี้มันก็เลยสรุปได้ทันที
ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องต้วนคนนี้ เกรงว่าจะเหนือกว่ามันมาก!
“แบบนี้ไม่ดีหรือศิษย์พี่หวู ท่านไปรบเร้าพัวพันกับมันเถอะ…หลังข้าจัดการสหายของมันได้แล้วข้าจะไปช่วยท่านอีกแรง”
ได้ยินเสียงผ่านพลังกล่าวแซวของหวูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังเคล้าเสียงหัวเราะตอบกลับทันที
ด้านหวูเฟิงหลังจากได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน สองตามันก็เป็นประกายจ้าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ทันที
มันย่อมรู้ดีแก่ใจ
ต้นเหตุที่ทำให้ถูเฟิงถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งในเสี้ยวพริบตา ส่วนหนึ่งก็ไม่พ้นเป็นเพราะถูเฟิงดูแคลนพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน!
หาไม่แล้วหากลงมือเต็มกำลังแต่แรก ไม่แน่ว่าอาจจะยื้อต้วนหลิงเทียนได้ถึง 10 ลมหายใจ จนกล่าวยอมแพ้เพื่อเอาชีวิตรอด
ทว่าในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าจะฉู่หานก็ดี หรือชายหนุ่มชุดแดงที่มากับฉู่หานก็ดี แต่ละคนไม่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาเลย! กล่าวได้ชัดว่าสำหรับพวกมันต้วนหลิงเทียนเสมือนไร้ตัวตน!!
‘โชคดีแท้ ที่ศิษย์น้องต้วนมากับข้า’
หวูเฟิงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกในใจ
“ศิษย์น้องเฉิน”
ในเวลาเดียวกัน ฉู่หานก็หันไปมองชายหนุ่มชุดแดง “เจ้าไปเก็บเทพขั้นสูงที่มากับหวูเฟิงนั่นเสีย จากนั้นค่อยมาช่วยข้าอีกแรง”
“ขอศิษย์พี่ฉู่อย่าได้ห่วงไป อาศัยเทพขั้นสูงคนนึง ข้าอาศัยหนึ่งดาบก็จบแล้ว”
ชายหนุ่มชุดแดงคลี่ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
จากนั้นทั่วร่างมันก็ปรากฏเปลวไฟลุกโชนท่วมกาย คนโจนทะยานเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานดาวตก
สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันถึงความเป็นตาย แม้มันจะดูแคลนอีกฝ่าย แต่มันก็ยังชักดาบเทพขั้นกลางออกมา และดาบในมือมันก็มีลักษณะแตกต่างจากดาบทั่วไปนัก ใบดาบช่างเรียวเล็ก คล้ายกับดาบอัศวินในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียน
“หวูอี้ซาน!”
ในขณะที่ชายหนุ่มชุดแดงปะทุพลังลงมือ ฉู่หานก็โพล่งคำออกมาอย่างดุดัน จากนั้นร่างมันก็ย่ำเท้าเข้าหาหวูเฟิงพร้อมจิตสังหาร
และทุกฝีก้าวที่มันย่ำเท้าลงความว่างเปล่า ก็ปรากฏดอกบัวน้ำแข็งผุดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ดอกแล้วดอกเล่าก่อเกิดเรียงเป็นถนน แลดูวิจิตรงดงามนัก
และท่าร่างของฉู่หานมองไปเสมือนเชื่องช้า แต่อันที่จริงมันกลับรวดเร็วยิ่ง พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าหวูเฟิงแล้ว
ด้านหวูเฟิงก็ไม่ประมาท เร่งเร้าพลังสุดตัวสืบเท้าถอยหลบ พลางรวมรั้งพลังหมายรับศึก
ทว่าในขณะที่สองตาฉู่หานหดเล็กลง ด้วยกำลังคิดจะป้อนกระบวนท่าสังหารเข้าใส่หวูเฟิงนั้นเอง
“ได้อย่างไร!?”
อยู่ๆเสียงอุทานด้วยความเหลือเชื่อพลันดังสนั่นลั่นขึ้น พาลให้ร่างฉู่หานที่เร่งเร้าพลังสภาวะมาพร้อมเปิดฉากเข่นฆ่าถึงกับชะงักไปจังหวะหนึ่ง ยังเหลือบไปหันมองยังต้นเสียงอุทานโดยไม่รู้ตัว
เพียงหันไป ฉากแรกที่มันแลเห็นก็คือ ศิษย์น้องแซ่เฉินของมัน ถูกเทพขั้นสูงที่เคยดูแคลนผ่าครึ่งจนร่างแยกเป็น 2 เสี่ยงเสียแล้ว!
และพร้อมๆกันกับที่ร่างมันถูกผ่าครึ่ง พายุมิติอันน่าพรั่นพรึงที่ถล่มซ้ำมา ก็ป่นปี้ร่างมันจนแหลกสลายไม่เหลือซาก มีก็แต่เพียงละอองเลือดซ่านกระเซ็นที่เริ่มร่วงลงพื้น…
ราชาเทพขั้นต่ำ ที่พลังฝีมือไม่ได้แตกต่างไปจากมันมากนัก กลับตกตายไปเช่นนั้น!
“ผะ…ผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด!?”
เพียงสัมผัสได้จากกลิ่นอายพลังที่พึ่งกำจายมาถึง ฉู่หานก็รู้สึกเสมือนมีไอเย็นลูบไล้ไปทั่วผิวกาย พายุมิติที่พึ่งป่นปี้ร่างศิษย์น้องมันเมื่อครู่นั่น ทำให้มันสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกฏมิติอันน่ากลัวที่อัดแน่นอยู่ในนั้น!
“นั่นมัน…มรรคากระบี่!?”
ขณะเดียวกัน ฉู่หานยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแหลมคมสุดประมาณ! และเท่าที่มันทราบกลิ่นอายแหลมคมทรงพลังเช่นนี้ เห็นที่ก็มีแต่พลังที่เกิดจากความเข้าใจ หนึ่งในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่าง วิถีศาสตราเท่านั้น!
ถึงแม้เท่าที่มันสัมผัสได้ นั่นจะเป็นแค่พื้นฐานมรรคากระบี่ แต่พลังอำนาจที่สำแดงออกมาก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
พอมารวมกับการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุดแล้ว…
ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายจะด้อยกว่า แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงกลับไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าราชาเทพขั้นต่ำอย่างมันเลย! กับศิษย์น้องเฉินที่มีความแข็งแกร่งโดยรวมด้อยกว่ามันอยู่เสี้ยวนึงจะสู้ได้อย่างไร!!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…ถึงแม้ความแข็งแกร่งของมันจะดีแค่ไหน แต่ก็ไม่น่าฆ่าศิษย์น้องเฉินได้ง่ายดายถึงเพียงนี้! จากพลังที่มันเผยออก ศิษย์น้องเฉินอย่างไรก็สมควรต้านทานมันได้สักระยะ!”
ถึงแม้ความแข็งแกร่งที่เทพขั้นสูงเบื้องหน้าเปิดเผยออกมาจะสร้างความตกใจให้มัน และไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามันกับศิษย์น้องเฉินแม้แต่น้อย
แต่กระนั้นอีกฝ่ายเต็มที่ก็คงทำได้แค่เอาชนะพวกมันเท่านั้น แต่หากจะฆ่าพวกมันเห็นทีคงยาก! เพราะสุดท้ายพวกมันก็สามารถแบ่งรับแบ่งสู้และหนีได้!!
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับฆ่าศิษย์น้องของมันดื้อๆ!
และในช่วงเวลาสั้นๆดุจละอองไฟวาบดับ เห็นชัดว่าเต็มที่อีกฝ่ายก็งมือได้กระบี่เดียวเท่านั้น
“จริงสิ!”
ทันใดนั้นเองฉู่หานก็ตระหนักได้ถึงปัญหาสำคัญ…นั่นก็คือไม่ว่าจะมันก็ดีหรือศิษย์น้องเฉินก็ดี แต่ต้นจนจบไม่เคยเห็นเทพขั้นสูงคนนี้อยู่ในสายตาเลย ยังถึงขั้นดูแคลนด้วยซ้ำ!
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ศิษย์น้องเฉินแม้กระทั่งตัวมันเอง จะใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดแต่แรกได้อย่างไร?
‘บัดซบ! มิพ้นเป็นศิษย์น้องเฉินที่ประเมินมันต่ำไป สุดท้ายก็ถูกมันฆ่าตายในกระบี่เดียว…และบางทีต่อให้เป็นข้าเอง ก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมเช่นนั้นได้ เพราะสุดท้ายข้าก็ไม่เคยใส่ใจมัน ไม่มีทางทุ่มพลังทั้งหมดสู้กับมันแต่แรกแน่’
พอคิดถึงจุดนี้ ฉู่หานก็รู้สึกหนาวจับใจ แผ่นหลังยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
“ศิษย์น้องต้วน ข้าได้ยินเสียงคำร่ำลือถึงความแข็งแกร่งเจ้ามานานแล้ว วันนี้ได้เห็นกับตาข้าว่าเจ้ายังร้ายยิ่งกว่าคำร่ำลือเสียอีก!”
หวูเฟิงมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาลุกวาว โพล่งออกมาด้วยความชอบใจเคล้าเสียงหัวเราะ
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นร่างก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปหยุดขวางหน้าอุโมงค์ถ้ำแล้ว เรียกว่าปิดทางหนีเพียงหนึ่งเดียวของฉู่หานเรียบร้อย
ด้านฉู่หาน หลังเห็นศิษย์น้องเฉินตกตายไปต่อหน้าต่อตา พอมันกลับมารู้สึกตัวมันก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตัวเองดี ว่าให้ตายก็ไม่มีทางต้านทานการกลุ้มรุมของ 2 คนตรงหน้าได้…
หวูอี้ซานอาจจะด้อยกว่ามันเล็กน้อย แต่ก็มากพอจะรบเร้าพัวพันมันได้สักพักใหญ่ และเต็มที่ก็อาจทำให้มันรู้สึกตึงมือ
และเทพขั้นสูงคนนั้นก็มีพลังมากพอจะบดขยี้มัน!
เมื่อทั้ง 2 ร่วมมือกัน มันก็มีแต่ตายกับตาย!
ต้วนหลิงเทียนลอยร่างปิดอุโมงค์ถ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ฉู่หานคิดหนี ส่วนด้านหวูเฟิงก็พุ่งไปกระหนาบฉู่หานอีกทาง หนีบอีกฝ่ายไว้ตรงกลาง
“ฉู่หาน…ดูท่าเรื่องราวในตอนนี้คงไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดกระมัง…”
หวูเฟิงคลี่ยิ้ม
“หวูอี้ซาน วันนี้หากเจ้ากล้าฆ่าข้า อาจารย์ของข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่…เจ้าสมควรรู้ดีว่าหากอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์มีโทสะแล้วผลลัพธ์จักเป็นเช่นไร! นั่นมิใช่อะไรที่นิกายหมอกเร้นลับของเจ้าจับต้านทานรับไหว!!”
ฉู่หานมองจ้องไปยังหวูเฟิงตาขวาง กล่าวคำเสียงหนัก ใบหน้ายังบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
หวูเฟิงพอได้ยินก็ถึงกับหัวเราะลั่น “ฉู่หาน ถึงวันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้ง แต่อาจารย์เจ้าจะรู้หรือไม่ว่าข้าฆ่าเจ้า?”
“เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร?”
“ในเทพซ่อนแห่งนี้ นับประสาอะไรกับโลกายนอก เจ้ายังไม่อาจติดต่อกับคนที่อยู่ด้านในด้วยซ้ำ…แล้วเจ้าจะบอกคนอื่นเรื่องถูกพวกเราฆ่าได้อย่างไร?”
หลังจากเข้ามาในเทพซ่อนได้ไม่นาน หวูเฟิงกับต้วนหลิงเทียนก็ได้ทดสอบแล้ว จึงพบว่าไม่อาจใช้การสื่อสารทางวิญญาณได้เลย
ทำได้ก็แค่ส่งเสียงผ่านพลังคุยกันเท่านั้น
เรียกว่าเรื่องจะใช้ลูกแก้ววิญญาณเป็นสื่อเพื่อส่งข้อความมันทำไม่ได้เลย
เห็นได้ชัดว่าภายในเทพซ่อนแห่งนี้มีค่ายกลที่ปิดกั้นการสื่อสารโดยเฉพาะ
“หากเจ้ายังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ ไม่สิ หากยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ อาจารย์ของเจ้ายังพอทิ้งรอยประทับจิตเทพไว้กับตัวเจ้าได้ ถึงตอนนั้นเมื่อเจ้าตกอยู่ในอันตรายอาจารย์เจ้าคงล่วงรู้สถานการณ์ของเจ้า…อนิจจาเจ้าไม่เพียงบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ยังเป็นถึงราชาเทพแล้ว อาจารย์เจ้าย่อมไม่อาจทิ้งรอยประทับจิตเทพไว้บนร่างเจ้าได้อีก…”
“เช่นนั้นเจ้าช่วยบอกข้าทีเถอะ อาจารย์เจ้าจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าตาด้วยน้ำมือพวกเรา?”
พอหวูเฟิงกล่าวถึงจุดนี้ สายตาที่ใช้มองฉู่หานก็ทำราวกับกำลังมองตัวโงง่งม
สีหน้าของฉู่หานยิ่งมายิ่งปั้นยาก “หวูเฟิง ดังคำกล่าว มีสหายเพิ่มอีกคนดีกว่ามีศัตรูเพิ่มอีกคน…หากวันนี้เจ้ายินดีไว้ชีวิตข้าฉู่หาน ให้ถือว่าข้าฉู่หานติดค้างหนี้ชีวิตต่อเจ้า!”
“วันหน้า ข้าฉู่หานยินดีตอบแทนเจ้าอย่างงาม”
“หากเจ้าไม่เชื่อ ข้ายินดีกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจได้!”
พอฉู่หานกล่าวจบ หวูเฟิงก็คลี่ยิ้มแสยะอย่างรู้เท่าทัน “ฉู่หาน คำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจจะมีผลก็ต่อเมื่ออยู่ในระนาบเทพ…แต่ที่นี่ไม่ใช่ระนาบเทพ”
“เช่นนั้นข้าจะกล่าวคำสาบานหลังออกไป”
ฉู่หานเร่งกล่าว
“เหอะๆ เจ้าเห็นว่าข้ายังชอบกินอมยิ้มวิ่งเปลือยตูดเหมือนเด็ก 3 ขวบหรือไร? ข้าเกรงว่าสิ่งแรกที่เจ้าจะทำหลังกลับออกไปด้านนอกก็คือการส่งข้อความบอกทุกสิ่งให้อาจารย์ให้จารย์เจ้ากระมัง? เจ้าคิดว่าข้าจะโง่เสี่ยง?”
หวูเฟิงยกยิ้มพลางกล่าวประชดประชัน
“ถึงแม้ข้าจะไม่ได้กลับออกไป ทว่าเว้นเสียแต่เจ้าจะฆ่าตู้เชียนจวินด้วย…หาไม่แล้ว หลังพวกมันกลับออกไปได้ ไม่พ้นพวกมันมต้องแจ้งเบาะแสให้อาจารย์ข้าทราบแน่ และอาจารย์ข้าไม่พ้นต้องสงสัยพวกเจ้าสองคนสุดท้ายก็ไปหาความที่นิกายหมอกเร้นลับ!”
สองตาฉู่หานเผยประกาเยียบเย็นเรืองวาบ
และในขณะที่หวูเฟิงกำลังจะพูดอะไรออกไป ก็เป็นต้วนหลิงเทียนทีเอ่ยขัดขึ้นมา “ศิษย์พี่หวู ที่มันพูดก็ถูก…”
“ศิษย์น้องต้วน?”
หวูเฟิงตกใจ
ด้านฉู่หานพอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนสองตามันก็ลุกวาวขึ้นมาทันที เพราะหากมีจุดเปลี่ยนอะไรขึ้นมา มันก็ไม่แน่ว่าจะต้องตาย
อย่างไรก็ตาม ภายในใจของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดฆ่าฟัน!
ตราบใดที่วันนี้มันรอดไปได้ 2 คนนี้ต้องตายแน่นอน!!
ออกไปแล้วกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจหรือ?
เป็นไปไม่ได้!!
ตราบใดที่มันมีโอกสออกจากเทพซ่อนแห่งนี้ล่ะก็ ในแง่ความเร็วมันไม่ได้เป็นรองสองคนเบื้องหน้าเลย และด้วยความที่มันเข้าใจกฏน้ำแข็ง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะสามารถหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาทั้งคู่
สถานที่แห่งนี้คับแคบเกินไป แถมทางออกเพียงหนึ่งเดียวก็ถูกขวาง ถึงมันคิดจะหนีแค่ไหนก็ยากจะหนีรอดไปได้
“ศิษย์พี่หวู ตู้เชียนจวินกับคนของมันเลือกอีกทาง หากพวกเราพบเจอพวกมันภายหลัง พวกเราย่อมฆ่าปิดปากพวกมันได้ แต่ปัญหาก็คือพวกเราไม่แน่ใจว่าจะเจอตัวพวกมันหรือไม่…”
“และหากพวกเราหาตัวพวกมันไม่เจอ ตู้เชียนจวินไม่พ้นต้องบอกทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มันรู้ให้อาจารย์ของฉู่หานที่เป็นถึงผู้อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์แน่”
“ในความคิดข้า พวกเราไว้ชีวิตฉู่หานจะดีกว่า”
พอกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฉู่หาน ลูกตายังหรี่ลงกล่าวสืบต่อออกมาเสียงหนัก “อย่างไรก็ตาม โทษตายละเว้นได้แต่โทษเป็นยังอยู่…ในเมื่อพวกเราไม่ฆ่าเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็สมควรแสดง ‘ความจริงใจ’ ให้พวกเรากระมัง”
“อย่างเช่น…อุปกรณ์เทพขั้นกลางในมือเจ้า กับแหวนพื้นที่นั่น”
ทันใดนั้น สีหน้าแววตาของต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความโลภ
“ของนอกกายเหล่านี้ข้าย่อมมอบให้เจ้าได้เป็นธรรมดา…แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเจ้าจะไม่กลับคำ เพราะตอนนี้หากข้าตายแหวนพื้นที่ของข้าก็จะทำลายตัวเอง และพวกเจ้าก็จะไม่ได้รับอะไรไปเลย”
ฉู่หานก็ไม่ใช่ชนชั้นขลาดเขลา “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เจ้าพูดมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะเจ้าคิดหลอกให้ข้ายกเลิกพันธะครองแหวน จากนั้นพอพวกเจ้าได้สมบัติในแหวนข้าแล้ว พวกเจ้าก็จะฆ่าข้าทิ้ง?”
พอต้วนหลิงเทียนได้ยินคำพูดของฉู่หาน เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ลูกตายังหรี่ลงโดยพลัน “เจ้าไม่มีทางเลือก”