WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3717 ตู้เชียนจวินกลับนิกาย
“ศิษย์น้องต้วน เจ้าทำให้ดีที่สุดก็พอ ส่วนจะผ่านบดทดสอบทั้งหมดจนได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงนั่นหรือไม่ เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
หวูเฟิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง “นอกจากนั้นเองข้าก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อผ่านด่านทดสอบของจักรพรรดิเทพฉินหวู่”
สิ่งของที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่เหลือไว้ ให้เป็นของธรรมดาแค่ไหน ก็ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับมันแน่นอน
“ศิษย์พี่หวูขอท่านอย่าได้กดดันตัวเองมากเกินไป หากพบเจอด่านทดสอบไม่อาจผ่านได้จริงๆก็อย่าฝืน…เพราะไม่ทราบว่าในบททดสอบของจักรพรรดิเทพฉินหวู่มันร้ายแรงถึงตายหรือไม่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
เมื่อหวูเฟิงได้ยินดังนั้น สีหน้ามันก็เปลี่นเป็นเคร่งขรึมทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลังไร้สภาพกวาดมาจากที่ไหนสักแห่ง มันก็จับหวูเฟิงกับต้วนหลิงเทียนแยกยากกันอย่างไม่อาจต้านทาน บอกให้ทั้งคู่รู้ว่าบททดสอบกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“เช่นกันศิษย์น้องต้วน หากเจ้าไม่ไหวก็อย่าได้ฝืน เพียงยอมแพ้เถอะ”
หวูเฟิงไม่ลืมกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน
“ท่านก็เช่นกัน”
พอเสียงต้วนหลิงเทียนดังจบ ร่างของทั้งคู่ก็อันตรธานหายไปทันที ถูกพลังไร้สภาพส่งตัวไปที่ไหนสักแห่ง
จักรพรรดิเทพฉินหวู่ แม้จะเป็นจักรพรรดิเทพขั้นต่ำที่ตกตายไปหลายปีแล้ว แต่พลังของค่ายกลที่มันสร้างไว้ก็ไม่ใช่อะไรที่ต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงจะต่อต้านได้เลย ยังไม่ใช่อะไรที่คนใต้ขอบเขตจักรพรรดิจะต้านทานได้!
บททดสอบไม่แน่อาจจะยากกว่าที่ทั้งคู่คิด!
…
ซัวว!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงถูกส่งตัวไปยังบททดสอบของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ในเทพซ่อน ด้านตู้เชียนจวินก็ได้พาชายวัยกลางคนข้างกายนั่งเรือเหาะระดับราชาเทพ มุ่งหน้าไปยังนิกายหมื่นปีศาจด้วยความเร็วสูงสุด
ขามา มันใช้เวลากว่าเดือนกว่าจะเดินทางมาถึง
ทว่านั่นเป็นเพราะมันเลือกใช้ความเร็วระดับราชาเทพขั้นต่ำ
แต่ตอนนี้เมื่อมันใช้ความเร็วสูงสุด ทำให้เรือเหาะระดับราชาเทพลำนี้พึ่งทานข้ามฟ้าด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่ากันถึง 10 เท่า!
เพียงเดินทางอยู่ 3 วัน 3 คืนก็บรรลุถึงนิกายหมื่นปีศาจแล้ว
“ท่านปู่”
หลังจากตู้เชียนจวินกลับมาถึงนิกายหมื่นปีศาจ มันก็รีบไปพบปู่ของมัน ตู้จาน อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมื่นปีศาจทันที
ตู้จ้านเป็นชายชราที่มีใบหน้าอ่อนกว่าวัย ถึงแม้เส้นผมขนคิ้วจะเป็นสีขาวโพลนหมดแล้วก็ตาม แต่มันก็แลดูไม่ต่างอะไรจากชายวัยกลางคนมากนัก พอยืนอยู่กับตู้เชียนจวิน มองไปยังคล้ายพ่อลูกมากกว่าปู่หลาน
ตู้จ้านมาในชุดคลุมยาวสีน้ำเงิน รูปร่างยังค่อนข้างสูง เห็นได้ชัดว่าตู้เชียนจวินก็ได้เชื้อมันมา
อันที่จริง ตู้เชียนจวินยังแลดูละม้ายคล้ายมันมากกว่าลูกชายของมันเสียอีก และแม้แต่หลานชายคนโตของมันอย่างตู้จ้านก็ไม่เหมือนมันขนาดนี้ เป็นเพราะสาเหตุนี้เองมันจึงรักและเอ็นดูหลานชายคนเล็กเป็นที่สุด ตั้งแต่ยังเด็กไม่เคยปล่อยให้อีกฝ่ายห่างจากกายเลย คอยปกป้องดูแลอย่างดี
และครั้งก่อนที่ตู้เชียนจวินแอบหนีไป มันก็เป็นกังวลอย่างมาก กระทั่งไปเข้าพบประมุขนิกายหมื่นปีศาจ เพื่อคิดบัญชีคนที่มีหน้าที่ตรวจตรา ทำให้ประมุขนิกายหมื่นปีศาจก็ถึงกับต้องลงโทษศิษย์และอาวุโสฝ่ายนอกอย่างดุดัน ถึงขั้นยอมลงโทษคนผิดหมื่นคน แต่ไม่ปล่อยให้คนผิดตัวจริง 1 คนรอดตัว
“เจ้าเด็กหัวเหม็น ครั้งก่อนที่เจ้าหนีไปข้าก็พึ่งลงโทษเจ้าอยู่หลัดๆ แต่คราวนี้เจ้ายังกล้าแอบย่องออกไปอีก…ดูเหมือนเจ้าจะเก็บโทษทัณฑ์ครั้งสุดท้ายมาใส่ใจเลยสินะ”
ตู้จ้านมองตำหนิตู้เชียนจวินเสียงดุ อย่างไรก็ตามแววตาของมันกลับไม่อาจปิดซ่อนความอ่อนโยนได้
ด้านตู้เชียนจวินเมื่อเผชิญกับคำตำหนิของตู้จ้าน ก็ไม่ดื้อไม่ซนเพียงแต่ไม่สะทกสะท้าน เพราะมันรู้ดีว่าท่านปู่ผู้นี้กับมันแล้ว มักปากมีดดาบหัวใจเต้าหู้เสมอ
อย่างไรเสีย ตอนนี้มันก็ไม่มีกะใจจะสนคำตำหนิของปู่แม้แต่นิดเดียว มันมองตู้จ้านพลางกล่าวออกมาเสียงขรึมว่า “ท่านปู่ ฉู่หาน ตายแล้วจริงๆ…หลังจากที่พวกเราแยกกัน อยู่ๆก็ตาย”
“นี่คือลูกแก้ววิญญาณที่ฉู่หานแลกกับข้า”
ขณะกล่าว ตู้เชียนจวินก็โบกมือนำเศษลูกแก้วในแหวนกองหนึ่งออกมา “หลังจากที่ข้าแลกลูกแก้ววิญญาณกับมัน ข้าก็หารือกันก่อนจะแยกทาง และข้ามั่นใจว่าไม่น่ามีคนนอกสร้างปัญหาให้ฉู่หานได้…”
“ที่แท้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
สีหน้าตู้จ้านเริ่มจริงจัง เอ่ยถามออกไปเสียงขรึม “เชียนจวิน เจ้ารู้ดีว่าเรื่องนี้มิอาจล้อเล่นได้! แม้อาจารย์ลุงของเจ้าจะอ่อนกว่าเจ้า แต่กระทั่งปู่เจ้าคนนี้ยังไม่อาจรังแกได้”
ตู้เชียนจวินส่ายหัวไปมา “ท่านปู่ถึงแม้ในเวลาปกติข้าอาจจะซุกซนไปบ้าง แต่ท่านก็รู้ดีว่าหากเป็นเรื่องสำคัญข้าไม่เคยกล่าวล้อเล่นสักครั้ง”
“ท่านปู่ คราวนี้เป็นเรื่องของอาจารย์ลุง ข้าเองก็ได้ยินท่านพูดเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นธรรมดาที่ข้าจะรู้ว่าไม่อาจเอามากล่าวล้อเล่นได้”
ตู้เชียนจวินแลดูจริงจังนัก
ได้ยินดังนั้น ตู้จ้านก็มองจ้องตู้เชียนจวินด้วยสีหน้าจริงจัง กล่าวถามออกมาเสียงขรึมว่า “เช่นนั้นเจ้าเล่าละเอียดของเรื่องราวมาให้ข้าฟังมากที่สุด และอ่าได้พลาดเรื่องที่เจ้าคิดว่าไม่สำคัญอันใดออกไปแม้แต่เรื่องเดียว”
“ท่านปู่”
ตู้เชียนจวินก็มองกล่าวกับตู้จ้านด้วยท่าทีขึงขัง “ครั้งก่อนตอนที่ข้าแอบไปเล่นด้านนอก ข้าได้ร่วมกลุ่มทำภารกิจล่าสัตว์อสูร จากนั้นก็บังเอิญพบเจอเทพซ่อน…หลังจากนั้นคนส่วนใหญ่ในกลุ่มก็ถูกฆ่า หลงเหลือแค่ข้ากับพวกที่ฝีมือดีหน่อยไม่กี่คนเท่านั้น”
“หลังจากนั้น พวกเราก็ตกลงกันว่าจะไปหาคนช่วยที่ด่านพลังต่ำกว่าราชาเทพขั้นกลางมา เพื่อเข้าไปสำรวจเทพซ่อนในอีก 3 เดือนให้หลัง”
“ในตอนนั้นพวกเราก็ได้สาบานต่อโลหิตมารหัวใจแล้ว ว่าจะไม่บอกใครเป็นคนที่ 3 ว่าเทพซ่อนแห่งนั้นอยู่ที่ไหน ขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องให้คนที่จะพามากล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจก่อนว่าจะไม่ไปเล่าให้ใครฟัง ถึงจะกล่าวบอกรายละเอียดและพาไปได้…”
“นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อนหน้าตอนท่านกล่าวถามว่าข้าอยู่ที่ไหน ข้าไม่อาจตอบท่านได้…ทั้งหมดเพราะข้าไม่สะดวกพูดเนื่องจากติดคำสาบาน”
คำพูดของตู้เชียนจวินได้เลี่ยงความเป็นมาก่อนพบเจอเทพซ่อนไปโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็ไม่บอกด้วยซ้ำว่าไปที่ไหน
นี่เป็นการหลีกเลี่ยงการผิดคำสาบานโดยเฉพาะ
ถึงแม้มันจะไม่เต็มใจที่ถูกขับออกจากมรดกสถานจักรพรรดิเทพแห่งนั้น แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจก่อนหน้า หากมันกล้าฝ่าฝืน มันต้องตายแน่นอน
“หนึ่งในคนที่รอดมากับข้าตอนนั้นก็คือ ฉู่หาน เพียงแต่ตอนนั้นข้าไม่รู้จักอีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็ไม่ทันสังเกตข้าให้ละเอียดเพราะมีคนอยู่เยอะ แค่รู้สึกว่าข้าหน้าตาคุ้นๆเท่านั้น”
“แน่นอนว่าสาเหตุหลักก็คือตอนนั้นพวกเราใช้นามแฝง พอเห็นว่าชื่อไม่คุ้นก็เลยไม่ได้ใส่ใจกันมาก”
“จนเมื่อพวกเราได้พบกันภายหลัง อีกฝ่ายที่สังเกตหน้าตาข้าอย่างละเอียด จึงพบว่าข้าดูเหมือนท่านปู่ตอนยังหนุ่มมาก และนามแฝงข้าก็ใช้แซ่ตู้พอดี เช่นนั้นอีกฝ่ายจึงส่งเสียงผ่านพลังมาเรียกชื่อจริงของข้า”
“และในตอนนั้นข้าก็เลยได้รู้ตัวตนที่แท้จริงว่าอีกฝ่ายคือฉู่หาน ศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของอาจารย์ปู่ และเป็นศิษย์ที่อาจารย์ปู่รักและเอ็นดูเป็นที่สุด”
พอตู้เชียนจวินเล่าถึงจุดนี้ ตู้จ้านก็เอ่ยถามว่า “แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
ตู้เชียนจวินก็เริ่มเล่าต่อ “ฉู่หานส่งเสียงผ่านพลังมาหารือกับข้า ว่าจะร่วมมือกับข้าจัดการคู่แข่งอีก 6 คน…และทุกอย่างก็ราบรื่นไปได้ด้วยดี พวกเราสามารถร่วมมือกันฆ่าคู่แข่งได้ 4 คน ส่วนอีก 2 คนสุดท้ายก็ถูกฉู่หานกับชายหนุ่มชุดแดงที่เรียกว่าศิษย์น้องเฉินตามไปฆ่า”
“แต่ไม่นานหลังจากนั้น ข้าก็พบว่าลูกแก้ววิญญาณของฉู่หานแตก และไร้โอกาสฉกฉวยใดๆในเทพซ่อนอีกต่อไป ข้าก็เร่งติดต่อมาหาท่านปู่ระหว่างเร่งรุดเดินทางกลับ”
พอตู้เชียนจวินกล่าวถึงจุดนี้ ตู้จ้านก็เอ่ยถามออกมาเสียงหนักว่า “2 คนที่พวกฉู่หานตามไปฆ่า พลังฝีมือของพวกมันเป็นอย่างไร”
“เป็นไปได้หรือไม่ ว่าพวกฉู่หานที่ตามไปฆ่าสองคนนั่น แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายถูกฆ่าเสียเอง?”
ตู้จ้านคาดเดา
แต่แทบจะพอดีกับที่เสียงตู้จ้านดังจบคำ ตู้เชียนจวินก็ส่ายหัวคัดค้าน “เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้เลย!”
“ทำไมเล่า?”
ตู้จ้านถาม
“ท่านปู่ อีก 2 คนที่เหลือสมควรเป็นศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ หนึ่งในนั้นเรียกว่าหวูอี้ซาน แต่ข้าสงสัยว่ามันจะใช้นามแฝงเหมือนข้า พลังฝีมือของหวูอี้ซานคนนี้ไม่เลว จัดว่าพอๆกับข้า ความเข้าใจในกฏก็ไม่แตกต่างจากข้าสักเท่าไหร่ หากประมือกับข้าโดยไร้อาวุธก็คงเสมอกัน”
“และข้าเห็นว่ามันมีแค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำเท่านั้น แต่ถึงมันจะเอาอุปกรณ์เทพขั้นกลางออกมาได้ อย่างมากก็เพียงสูสีกับข้าเท่านั้น และด้วยพลังของฉู่หานที่มีอุปกรณ์เทพขั้นกลางเช่นกันเรื่องจะฆ่ามันแม้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก”
“อย่างไรก็ตามฟังจากที่ฉู่หานบอก ศิษย์น้องแซ่เฉินที่อยู่ข้างกายนั้นไม่เพียงเป็นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์เหมือนกันแต่พลังฝีมือยังพอๆกันด้วย เช่นนั้นเมื่อทั้ง 2 คนร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่อะไรที่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับคู่นั้นจะต่อต้านได้เลย”
ฟังจากคำพูดของตู้เชียนจวิน เห็นได้ชัดว่ามันมั่นใจในพลังของพวกฉู่หานมาก
“ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่เจ้ากล่าวถึง มันพาศิษย์นิกายหมอกเร้นลับมาด้วยแน่รึ?”
ตู้จ้านขมวดคิ้วเป็นปมพลางถาม
“ท่านปู่ ท่านไม่ต้องสนใจเจ้านั่นเลยก็ได้”
ตู้เชียนจวินกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหยามหยัน “เจ้านั่นมันก็เป็นแค่เทพขั้นสูงเท่านั้น ราชาเทพขั้นต่ำคนไหนคิดฆ๋ามันก็ง่าดายเหมือนฆ่าสุนัข นับประสาอะไรกับราชาเทพขั้นต่ำเช่นพวกเรา”
“หืม? เทพขั้นสูงรึ?”
ตู้จ้านขมวดคิ้ว “เท่าที่ข้าทราบมา เหมือนที่นิกายหมอกเร้นลับจะปรากฏเทพขั้นสูงที่มีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นเข่นฆ่าราชาเทพขั้นต่ำได้ในพริบตา และคนที่ตายก็เป็นศิษย์สายใน ทั้งยังเป็นศิษย์ของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ”
“เรื่องนี้ข้าก็เคยได้ยินมาแล้ว”
ตู้เชียนจวินไม่ได้ยึดถือเป็นจริงจัง “แม้จะเป็นเรื่องจริง ก็บอกได้ว่าราชาเทพขั้นต่ำของนิกายหมอกเร้นลับนั่นมันประมาทผู้อื่นเขา นอกจากนั้นศิษย์ของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับที่ตายมันชื่ออะไรนะ ถูเฟิง ใช่หรือไม่?”
“หากว่ามันไม่ได้ตกตายด้วยน้ำมือเทพขั้นสูง เกรงว่าข้าคงไม่เคยได้ยินชื่อมันด้วยซ้ำ…สิ่งนี้บอกให้รู้ว่ามันไม่ใช่อัจฉริยะอะไร ก็แค่ศิษย์สายในดาษๆของนิกายหมอกเร้นลับ”
ในความเห็นของตู้เชียนจวิน หากเป็นศิษย์สายในที่โดดเด่นของนิกายหมอกเร้นลับจริง มันต้องเคยได้ยินชื่อมาบ้างโดยเฉพาะศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับมันยังรู้จักชื่อทุกคน แต่มันกลับไม่เคยได้ยินชื่อถูเฟิงมาก่อน บอกให้รู้ว่าชื่อเสียงของถูเฟิงไม่ได้โด่งดังออกมาถึงด้านนอก และไม่น่าจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของนิกายหมอกเร้นลับไปได้
“ถึงเช่นนั้นก็มิอาจประมาท หาไม่แล้วฉู่หานจะพินาศได้อย่างไร”
ตู้จ้านส่ายหัวไปมา และหว่างคิ้วมันยิ่งมาก็ยิ่งขดย่นเป็นปม เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านปู่ ข้าสงสัยว่าชายหนุ่มชุดแดงที่ฉู่หานเรียกว่าศิษย์น้องเฉินคนนั้น บังเกิดความละโมบในทรัพสมบัติ ก็เลยลอบแทงข้างหลังฉู่หาน”
ตู้เชียนจวินกล่าวข้อสันนิษฐานในใจออกมา
“ฉู่หานได้แนะนำให้เจ้ารู้จักมันหรือไม่ ชื่อจริงของศิษย์น้องเฉินที่ว่าคืออะไร?”
ได้ยินข้อสันนิษฐานของหลานชาย ตู้จ้านก็เร่งถามรายละเอียดทันที