WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3728 หลิงหูเหรินเจี๋ย
‘หมายความว่าตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้ว ว่าหลิงหูชูยินมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ…นอกจากนั้นไม่ทราบว่านางจะใช่ลูกสาวแท้ๆของนายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงหูหรือไม่!’
สองเบาะแสสำคัญที่ได้จากปากของหลิงหูอวิ๋น ทำให้ใจต้วนหลิงเทียนร้อนรุ่มขึ้นมาทันที
เพราะหากเป็นแบบนี้จริง โอกาสที่หลิงหูชูยินจะเป็นเค่อเอ๋อก็เพิ่มมากขึ้น!
ด้วยเหตุนี้ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจวนของตระกูลหลิงหูเบื้องหน้า แววตาเขาอดไม่ได้ที่จะฉายชัดถึงความคาดหวังออกมา
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าไปอยู่กับข้าก่อน ข้าจะขอให้ท่านปู่ซวนไปดึงตัวอาวุโสชิงเจ๋อออกมา หลังจากที่ท่านปู่ซวนพาอาวุโสชิงเจ๋อไปแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปพบเจอเปี่ยวเม่ยชูยินของข้า…หากมีแต่ข้าคนเดียว อาวุโสชิงเจ๋อคงไม่คิดหยุดข้าเรื่องพบนาง แต่ถ้ามีเจ้ามาด้วย เกรงว่านางคงไม่ให้เจ้าพบเปี่ยวเม่ยชูยินแน่”
หลังเข้ามาในจวนตระกูลหลิงหูแล้ว หลิงหูอวิ๋นก็กล่าวนัดแนะกับต้วนหลิงเทียน “การกระทำของเจ้าที่เมืองจวินหลิงวันนั้น กล่าวได้ว่าทำให้อาวุโสชิงเจ๋อเขียนชื่อเจ้าลงบัญชีดำของนางไปแล้ว…หากนางเห็นเจ้าล่ะก็ ต่อให้ข้าคิดช่วยเจ้าแค่ไหนก็คงไม่มีปัญญาช่วยอะไรเจ้าได้”
“ทุกอย่างเอาตามที่นายน้อย 4 ว่าเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
สำหรับเขาแล้ว การได้พบเจอหิงหูชูยินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขั้นตอนหรือกระบวนการนั้นไม่สำคัญ
“ท่านปู่ซวน เรื่องนี้ต้องขอรบกวนท่านแล้ว”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้า หลิงหูอวิ๋นก็หันไปมองหลิงหูซวนข้างๆ ฝ่ายหลังก็พยักหน้ารับเขาเบาๆ จากนั้นก็เดินแยกไปอีกทาง เห็นได้ชัดว่าคิดไปหาหลิงหูชิงเจ๋อทันที
ด้านต้วนหลิงเทียนกับหลิงหูอวิ๋น ก็เดินไปยังบ้านพักของหลิงหูอวิ๋น
“ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ความเป็นมาของเปี่ยวเม่ยชูยินข้าจะสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ภรรยาของเจ้าหายตัวไป…แต่ข้ายังต้องขอกล่าวเตือนเจ้าไว้อย่าง ว่าไม่จำเป็นที่นางจะเป็นภรรยาของเจ้า”
หลังกลับมาถึงบ้าน หลิงหูอวิ๋นก็พูดกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้าทราบ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ตราบใดที่นายน้อย 4 ช่วยให้ข้าได้พบนาง จนข้าสามารถยืนยันได้ว่านางใช่ภรรยาของข้าหรือไม่ ต่อให้ถึงตอนนั้นนางจะไม่ใช่ภรรยาของข้า เรื่องที่ข้ารับปากท่านไว้ข้าไม่คิดคืนคำแน่นอน”
“ข้าหลิงหูอวิ๋นลองถามตัวเองดูว่าสายตามองคนเป็นเช่นไร ก็ตอบได้ว่าข้าไม่เคยกังวลเรื่องที่เจ้าจะผิดคำพูด…”
หลิงหูอวิ๋นส่ายหน้าไปมา “ที่ข้ากล่าวเตือนไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้าได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ผิดหวังมากเกินไป”
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
ครู่ต่อมา ในขณะที่หลิงหูซวนจะติดต่อกลับมาหาหลิงหูอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนที่นึกอะไรขึ้นได้จึงหันไปเอ่ยถามอีกฝ่ายว่า “นายน้อย 4 ว่าแต่เปี่ยวเม่ยของท่าน…ใช่มีอาการของคนสูญเสียความทรงจำบ้างหรือไม่?”
“สูญเสียความทรงจำหรือ?”
หลิงหูอวิ๋นอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายตอนที่ข้าพบเจอนางก็ได้แต่กล่าวทักทายนางไปไม่กี่คำเท่านั้น พวกเราไม่ได้คุยหรือติดต่อข้องแวะอะไรกันมากนัก”
“และตลอดหลายปีที่นางอยู่ในตระกูลหลิงหู นางก็แทบจะอยู่ในบ้านของนางตลอดเวลา ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนเลย”
คำตอบของหลิงหูอวิ๋นทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวังอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยๆหลิงหูอวิ๋นก็ยังไม่อาจบอกได้ว่าหลิงหูชูยินได้สูญเสียความทรงจำไปหรือไม่ เช่นนั้นความเป็นไปได้ที่นางจะสูญเสียความทรงจำก็ยังมีอยู่
ส่วนเรื่องที่นางจะสูญเสียความทรงจำไปจริงๆหรือไม่ มีแต่ได้พบเจอนางเท่านั้นเขาถึงจะยืนยันได้
“มานั่งรอข่าวจากปู่ซวนกันเถอะ”
หลังจากหลิงหูอวิ๋นผามือเชิญต้วนหลิงเทียนให้นั่งลงบนม้าหินอ่อนในลานบ้านของมัน มันก็คลี่ยิ้มถามว่า “ต้วนหลิงเทียนข้าได้ยินมาว่าเจ้าพึ่งเข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับเมื่อไม่นานมานี้…ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังได้รับการแนะนำมาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์หลังจากเข้าไปไม่นานนักกระมัง?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ตอนนี้เมื่อเขาได้เข้ามาในตระกูลหลิงหูอย่างถูกต้องแล้ว ใจที่เป็นกังวลของเขาก็ผ่อนลงหลายส่วน ไม่ได้วิตกกังวลเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป
เพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่นานก็จะได้พบเจอหลิงหูชูยิน
ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้ยืนยันให้แน่ชัดเสียที…
ว่าหลิงหูชูยิน ใช่ เค่อเอ๋อ ภรรยาของเขาหรือไม่
“สถานศึกษาหมอกเร้นลับเจ้าก็อยู่ไม่นาน แถมนิกายหมอกเร้นลับก็ยังเข้าร่วมได้ไม่ทันไร เช่นนั้นกล่าวได้ว่าเจ้าเองก็ยังไม่ได้ผูกพันอะไรกับนิกายหมอกเร้นลับมากมายกระมัง…เช่นนั้นเจ้าสนใจเข้าร่วมตระกูลหลิงหูของพวกเราในฐานะอาคันตะกุทรงเกียรติหรือไม่? หากเจ้ายินดีเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูของพวกเราในฐานะอาคันตุกะทรงเกียรติ พวกเราก็จะดูแลเจ้าอย่างดีสุดที่ตระกูลระดับจอมราชันเทพจะทำได้เป็นเช่นไร?”
สองตาหลิงหูอวิ๋นฉายแววคาดหวังไม่น้อยขณะกล่าวถาม
มันเองก็ได้ยินผลงานของต้วนหลิงเทียนมาแล้ว จึงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเป็นถึงศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ กระทั่งตอนนี้อีกฝ่ายยังทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำได้ทั้งๆที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี!
กับตัวตนเช่นนี้ ขอเพียงไม่ตกตายไปเสียกลางคัน วันหน้าก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ และไม่ใช่ปัญหาเรื่องจะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพเลย!
กระทั่งเผลอๆขอบเขตจักรพรรดิเทพอาจจะไม่ใช่จุดจบในชีวิตของอีกฝ่าย!
เช่นนั้นมันจึงอดไม่ได้ที่จะปริปากกล่าวขุดกำแพงนิกายหมอกเร้นลับออกมาตรงๆ
ในขณะที่หลิงหูอวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวัง ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มบางๆพลางตอบ “นายน้อย 4 หากตระกูลหลิงหูเป็นตระกูลระดับจักรพรรดิเทพข้าต้องตอบรับคำชวนของท่านแน่ แต่น่าเสียดายที่ตระกูลหลิงหูไม่ใช่”
“ข้าจะบอกเรื่องสำคัญให้ท่านทราบ…นิกายหมอกเร้นลับเองข้าก็ไม่คิดจะรั้งอยู่นานนัก เป้าหมายต่อไปของข้าคือการเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์”
นิกายมังกรสวรรค์เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิประเภทนิกาย ที่อยู่เบื้องหลังนิกายหมอกเร้นลับ นิกายหมื่นปีศาจ และตระกูลหลิงหูแห่งนี้
ได้ยินคำตอบดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลิงหูอวิ๋นก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเลย “ถึงเจ้าจะเข้าร่วมตระกูลหลิงหูของพวกเราในฐานะอาคันตุกะทรงเกียรติ พวกเราก็ไม่คิดจะจำกัดความทะเยอทะยานของเจ้า และบีบบังคับให้อยู่ในตระกูลหลิงหูหรอก…กระทั่งพวกเรายังจะแนะนำให้เจ้าเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์โดยตรง!”
ต้องกล่าวเลยว่า ข้อเสนอของหลิงหูอวิ๋นมันเย้ายวนใจต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
ส่วนเรื่องคำสัญญาของหลิงหูอวิ๋นจะเป็นจริงดังว่าหรือไม่ เขาไม่คิดสงสัยแม้แต่นิดเดียว เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกชายสุดรักของผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบัน ลองอีกฝ่ายร้องขอออกมาแบบนี้ เขาเชื่อว่าผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันย่อมไม่คิดหักหน้าหลิงหูอวิ๋นแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสำเร็จที่เขาแสดงออกมาจนถึงปัจจุบัน ตระกูลหลิงหูย่อมไม่อยากพลาดโอกาสสานไมตรีกับเขา
“ที่ข้าเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ เพราะข้าได้รับคำแนะนำรวมถึงการเสนอชื่อเข้าทดสอบประเมินศิษย์หลักจาก มู่หรงสุยเฟิง คณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ และนั่นยังเป็นรองประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่ง ข้าเองก็รู้สึกขอบคุณในความหวังดีของอีกฝ่ายไม่น้อย จึงไม่อาจทำร้ายน้ำใจของอีกฝ่ายและเข้าร่วมกับนิกายตระกูลหลิงหูได้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ”
หลิงหูอวิ๋นได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
“แต่เป็นธรรมดาว่า เรื่องที่ข้าจะเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไม่ได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวอีกครั้ง
“หืม?”
พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน แววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของหลิงหูอวิ๋นก็หวนกลับมาลุกวาวเป็นประกายด้วยความคาดหวังอีกครั้ง “ต้วนหลิงเทียน ตราบใดที่เจ้าเต็มใจเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูของพวกเรา ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไรที่เจ้ารับปากไว้ก่อนหน้าอีกแล้ว”
พอหลิงหูอวิ๋นเปิดปากกล่าวคำออกมา มันก็เลือกจะสละหนี้บุญคุณที่ต้วนหลิงเทียนติดค้างเอาไว้ เพื่อชวนให้ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมตระกูลหลิงหูทันที
“เรื่องไหนก็เรื่องนั้น”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “เรื่องที่ข้าติดค้างท่าน จะอย่างไรข้าก็ต้องชดใช้ให้ท่าน”
“ส่วนเรื่องที่ข้าจะเข้าร่วมตระกูลหลิงหูก็ดี จะได้รับการแนะนำจากตระกูลหลิงหูให้เข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์จวบจนเข้าร่วมกับแวดวงตระกูลหลิงหูในนิกายมังกรสวรรค์ก็ดี…ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าตระกูลหลิงหูสามารถส่งคนไปคุ้มครองข้าที่นิกายหมอกเร้นลับได้หรือไม่”
จู่ๆในหัวต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ยังเป็นความคิดที่สนุกสนานิ่ง!
บางทีเขาไม่จำเป็นต้องกลายเป็นศิษย์แต่ในนามของอาวุโสสูงสุดที่มีอำนาจล้นพ้น 2 ใน 4 คนที่เหลือของนิกายหมอกเร้นลับอีกต่อไป…และสามารถจัดการหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงได้ โดยไม่ต้องกลัวอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยจะทำอะไรเขาได้!
“ไปนิกายหมอกเร้นลับ? คุ้มครองเจ้า?”
หลิงหูอวิ๋นงุนงงแล้วจริงๆ เรื่องนี้มันอะไรกันแน่? ไม่ใช่ว่าท่านก็คือศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับหรือไร? ไฉนยามกลับไปนิกายหมอกเร้นลับยังต้องให้คนของตระกูลหลิงหูเราส่งคนไปคุ้มครองท่านอีกเล่า?
แน่ใจหรือว่าไม่ได้ล้อกันเล่น?
“เป็นเช่นนั้น”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดปิดบังเรื่องนี้กับหลิงหูอวิ๋น และกล่าวเล่าเรื่องราวความเป็นมารวมถึงต้นเหตุความขัดแย้งระหว่างเขากับหลงเซียวและซั่งกวนฉงเฟิงออกไปให้อีกฝ่ายฟัง “หากข้ากลับไปนิกายหมอกเร้นลับตอนนี้ หลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงนั่น พวกมัน 2 คนไม่คิดปล่อยข้าไปง่ายๆแน่…ถึงแม้ข้าจะไม่ได้กลัวพวกมันทั้งคู่แม้แต่นิดเดียว แต่อาวุโสสูงสุดทั้ง 2 ที่หนุนหลังพวกมัน ข้าไม่อาจไม่กลัว”
“ยิ่งไปกว่านั้น เพราะข้าไม่คิดกราบผู้ใดในนิกายหมอกเร้นลับเป็นอาจารย์ ทำให้ข้าไร้คนหนุนหลัง เช่นนั้นการคิดหาที่หลบภัยก็ยากเย็นแล้ว”
“เป็นธรรมดาว่าหากข้าย้อนกลับไปนิกายหมอกเร้นลับ และแสดงความสามารถที่เหนือกว่าหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิง…บางทีอาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่ก็อาจเต็มใจยอมรับข้าเป็นศิษย์แต่ในนาม”
“เดิมทีข้าคิดว่าหลังข้ากลับไป ข้าจะทุบตีหลงเซียวนั่นให้เปลี้ย เป็นการสร้างผลงานไว้ขอเป็นศิษย์แต่ในนามของอาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่ จนทำให้ข้ามีที่หลบภัย…แต่ตอนนี้พอท่านชวนข้าเข้าร่วมตระกูลหลิงหู ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำให้ข้ามองเห็นทางรอดอีกสายหนึ่ง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมารวดเดียวจบคำ
“ช้าก่อน! เจ้าบอกว่า…เจ้าสามารถเอาชนะหลงเซียวได้งั้นเรอะ!?”
หลิงหูอวิ๋นอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพูดมาทำให้ใจมันเต้นระส่ำไปไม่เป็นจังหวะแล้วจริงๆ!
หลงเซียวเป็นใครเล่า?
ในบรรดาศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ หลงเซียวก็ถือว่ามีพลังฝีมือติด 1 ใน 5 ศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับ แม้จะเป็นแค่ราชาเทพขั้นกลาง แต่ก็มีพลังฝีมือกล้าแข็งถึงขั้นเอาชนะอาวุโสฝ่ายในขอบเขตราชาเทพขั้นสูงทั่วไปได้! และแม้แต่ชนชั้นผู้อาวุโสสายในตระกูลหลิงหูเอง ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะหลงเซียวได้!!
ผู้อาวุโสสายในของตระกูลหลิงหู ก็มีพลังฝีมือพอๆกับชนชั้นอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ ล้วนแล้วแต่เป็นราชาเทพขั้นสูงดุจเดียวกัน!
แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่าสามารถทุบตีหลงเซียวจนเปลี้ยได้?
ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่ราชาเทพขั้นต่ำหรือไร!?
เช่นนั้นในเมื่อต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะหลงเซียวได้ ไม่ใช่หมายความว่าก็สามารถเอาชนะอาวุโสสายในของตระกูลหลิงหูได้ด้วยหรือไร? อาศัยด่านพลังราชาเทพขั้นต่ำเท่านั้น?
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี?
“ใช่”
เมื่อเผชิญกับการถามย้ำของหลิงหูอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบคำสั้นๆ ถึงแม้หลังจากที่ทะลวงถึงราชาเทพขั้นต่ำมา เขายังไม่ได้ไปประมือกับหลงเซียวสักครั้ง แต่เขาล่วงรู้ถึงพลังฝีมือของหลงเซียวแล้ว ต่อให้เขาจะยังปกปิดความสามารถส่วนใหญ่เอาไว้ แต่คิดจะเอาชนะมันก็ไม่ใช่ปัญหาแม้แต่นิดเดียว
“ข้าขอแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านพ่อทราบก่อน”
หลิงหูอวิ๋นกล่าวออกมาเสียงขรึม จากนั้นก็เร่งส่งข้อความถึงบิดามันทันที
ครู่ต่อมาหลิงหูอวิ๋นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย “ต้วนหลิงเทียน ท่านพ่อข้าบอกให้เชิญเจ้าไปพบ…ท่านพ่ออยากคุยกับเจ้าด้วยตัวเอง”
“ได้สิ”
อย่างไรเสียก็ต้องรอการตอบกลับของหลิงหูซวน ต้วนหลิงเทียนจึงพยักหน้าตอบรับหลิงหูอวิ๋น
และภายใต้การนำทางของหลิงหูอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงห้องโถงหลักในจวนใหญ่ของตระกูลหลิงหู พอเข้าไปด้านในก็พบว่าที่เก้าอี้บนสุดมีคนนั่งรออยู่แล้ว และพออีกฝ่ายเห็นเขากับหลิงหูอวิ๋นเข้ามาก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
เป็นชายวัยกลางคนร่างสูง มาในชุดคลุมสีเงินแลดูภูมิฐานสง่างาม ใบหน้าแลดูหล่อเหลาแต่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม หากทว่าด้วยดวงตาคู่นั้นที่แลดูอ่อนโยน ก็ชวนให้ผู้คนทีอยู่ใกล้รู้สึกอบอุ่นเสมือนมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน
“ต้วนหลิงเทียน นี่คือท่านพ่อของข้า หลิงหูเหรินเจี๋ย”
หลังจากพาต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่แล้ว หลิงหูอวิ๋นก็เร่งแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินเบื้องหน้าทันที จากนั้นก็แนะนำต้วนหลิงเทียนให้ชายวัยกลางคนดังกล่าวหรือก็คตือ หลิงหูเหรินเจี๋ย ผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันและเป็นบิดาแท้ๆของมันรู้จัก
“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินชื่อเสียงเลิศล้ำของเจ้ามานานแล้ว”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวคำทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น จากนั้นมันก็ผายมือเชิญให้ต้วนหลิงเทียนนั่งลง จากนั้นมันก็ค่อยๆนั่งลงด้วยท่าทีสุภาพแต่ไม่ถือตัว ชวนให้ผู้คนรู้สึกเป็นกันเองและสบายใจอย่างมาก