WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3736 2 อาวุโส ฟง เหล่ย
เมื่อเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด 2 เสียงดังกึกก้องไปทั่วนิกายหมอกเร้นลับ ก็สร้างความตื่นตกใจให้ผู้คนทั้งนิกายหมอกเร้นลับนัก
นอกจากผู้ที่ปิดด่านบ่มเพาะและจัดตั้งค่ายกลปิดกั้นเสียงแล้ว คนที่เหลือไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ส่วนไหนของนิกาย ล้วนได้ยินกันชัดถนัดหู
“เซียวเอ๋อ?”
“ฉงเฟิง…น่าจะเป็นซั่งกวนฉงเฟิงรึเปล่า?”
…
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ของนิกายหมอกเร้นลับกำลังงุนงง ก็มีร่างมากมาพากันเหาะข้ามฟ้ามุ่งหน้ายังทิศทางเขตที่พักศิษย์หลัก
และคนเหล่านี้ก็เป็นอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับรวมถึงเหล่าศิษย์
กระทั่งอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับอย่าง อู่ฟงหยิน ก็รวมอยู่ด้วย
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นแน่?”
“ฟังจากเสียงคำรามด้วยโทสะของอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยเมื่อครู่…หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับซั่งกวนฉงเฟิงและหลงเซียว?”
เดิมทีอู่ฟงหยินที่ได้รับข้อความว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวฆ่า มันก็ยินดีมีสุขนัก เพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องชะตาขาดแน่แล้ว มันก็ไม่ต้องลงมือลงแรงอะไรให้วุ่นวายอีก
เพราะมันเองก็วางแผนฆ่าต้วนหลิงเทียนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่เพียงแต่จะฆ่าศิษย์คนโตของมันอย่างถูเฟิงเท่านั้น มันยังหวาดกลัวว่าวันหน้าเมื่อต้วนหลิงเทียนเติบโตก้าวหน้า อีกฝ่ายจะย้อนกลับมาฆ่ามันเพื่อตัดรากถอนโคนอีกด้วย
ในปัจจุบันมันยังสามารถริเริ่มเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้
แต่วันหน้ามันถูกลิขิตให้ทำอะไรไม่ได้เท่านั้น…
ให้ต้วนหลิงเทียนตกตายเสียตั้งแต่เนิ่นๆ กับวันหน้ามีโอกาสที่มันจะถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย…จาก 2 ตัวเลือกดังกล่าว มันย่อมเลือกข้อแรกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
อนิจจามันไม่เคยสบโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนเหมาะๆเสียที
ครั้งก่อนตอนที่หลงเซียวเดินทางไปเมืองจวินหลิงเพื่อตามหาต้วนหลิงเทียน มันเองก็ให้ความสนใจอยู่ตลอด กระทั่งยังเร่งรุดเดินทางไปเฝ้าอยู่ที่เมืองจวินหลิงเช่นกัน กะว่าพอต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่ มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนทันที
อย่างไรก็ตาม กระทั่งหลงเซียวยังคว้าน้ำเหลว มันเองก็ได้แต่กลับมานิกายหมอกเร้นลับอย่างทำอะไรไม่ได้
วันนี้พอได้รับข้อความ มันก็รู้สึกว่าได้ฟังข่าวดีที่สุดในรอบหลายปี ยังรอฟังข่าวต้วนหลิงเทียนตกตายอย่างใจจดจ่อด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม มันที่กำลังรอฟังข่าวอย่างใจจดจ่อ มิคาดสิ่งที่มันเฝ้ารอกลับเป็นเสียงคำรามด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราดของอาวุโสฟงและอาวุโสเหล่ย 2 ใน 4 อาวุโสสูงสุดที่ทรงอำนาจที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับ
เสียงคำรามของทั้งคู่ ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราดเท่านั้น แต่ยังแฝงถึงความอ้างว้างหม่นหมองของคนหัวหงอกที่ต้องส่งหัวดำอีกด้วย…
เช่นนั้นมันจึงคาดเดาได้ทันที ว่าหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงน่าจะเกิดเรื่องแน่แล้ว
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ต่อให้จะบรรลุถึงราชาเทพขั้นต่ำได้ แต่เรื่องจะฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย…”
“เช่นนั้นใครช่วยมันกันแน่?”
“แต่ในนิกายหมอกเร้นลับ ยังมีคนที่เต็มใจช่วยฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวเพื่อมันอีกหรือ?”
จังหวะนี้ในใจของอู่ฟงหยินอาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับก็มีแต่ความสับสน อย่างไรก็ตมไม่ทันไรความสุขก็เริ่มเบ่งบานขึ้นมา
“แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับซั่งกวนฉงเฟิงและหลงเซียวขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าจะถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าก็ดีหรือตายเพราะต้วนหลิงเทียนเป็นเหตุก็ดี สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจรอดตัวไปได้!”
“ดูเหมือนข้าไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลาทั้งเรี่ยวแรงหาวิธีฆ่ามันให้ตายแล้ว…”
ฟังจากเสียงพึมพำของอู่ฟงหยิน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้แยแสเรื่องที่ซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวจะอยู่หรือตายแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่มันสนก็คือความเป็นตายของต้วนหลิงเทียน
ไม่มีผู้ใดอยากเป็นศัตรูกับคนที่มีศักยภาพน่ากลัวแบบนั้น
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ ถูเฟิง ศิษย์คนโตของมันถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย มันกับต้วนหลิงเทียนก็ถูกลิขิตให้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้แล้ว
…
ณ เขตที่พักศิษย์หลัก
เหล่าผู้คนเริ่มทยอยกันเดินทางมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ยินเสียงคำรามด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราดที่ลั่นดังไปทั่วนิกายหมอกเร้นลับ ผู้ที่ยังนิ่งเฉยก็ไม่อาจนั่งติดที่ได้อีกต่อไป ต่างเร่งรุดกันเดินทางไปตามต้นเสียงทันที
“ต้วนหลิงเทียน?”
ถังอู๋เยียนเองก็มาถึงแล้ว อย่างไรก็ตามในขณะที่นางคิดจะเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน นางก็ถูกถังชุนหยุดไว้เสียก่อน “ยาโถวน้อยอย่าได้ไปหามันตอนนี้!”
“ท่านปู่เล็ก?”
ถังอู๋เยียนหันไปมองปู่เล็กของนางด้วยความงุนงง
“เมื่อครู่เจ้ามิได้ยินหรือไร นั่นเป็นเสียงของอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ย…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันพึ่งจะฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวตายคามือ!”
ถังชุนกล่าวคำเสียงหนัก
”อะไรนะ?!”
ถังอู๋เยียนที่พึ่งเดินทางมาถึง แม้เสียงคำรามดังสนั่นเมื่อครู่นางเองก็ได้ยินชัดถนัดหู แต่อารามเป็นห่วงความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน นางก็เลยไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากเกินไป
พอมาได้ยินถังชุนกล่าวบอก นางก็อึ้งไปทันที
ซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวสองคนนั้น…ตายแล้ว?
ยังถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายคามือ?
ต้วนหลิงเทียนมีพลังสามารถถึงขนาดนั้นเชียว?
“ศิษย์น้องต้วน….”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หวูเฟิงเองก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้วเช่นกัน มันมองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างไกลๆด้วยแววตาซับซ้อน จากนั้นก็อดส่งเสียงผ่านพลังไปหาไม่ได้ “เจ้าไม่วู่วามลงมือเช่นนี้เลย…”
“ต่อให้เจ้าจะกลับมาพร้อมความมั่นใจ แต่ก็ไม่น่าทิ้งระเบิดลูกใหญ่ขนาดนี้”
“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เจ้าควรทำหลังจากกลับมาแล้วก็แค่ต้องเอาชนะซั่งกวนฉงเฟิงหรือหลงเซียวสักคนเท่านั้น…ต่อมาก็ไปหาอาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่เพื่อคุยเรื่องเป็นศิษย์แต่ในนาม…”
“คราวนี้เจ้านับว่าหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว!”
“เจ้าถึงกับลงมือฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวนั่นทิ้ง กล่าวได้ว่าอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไรได้เล่า?”
“ข้าเองก็อยากช่วยเจ้า แต่ข้าไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลย…”
หวูเฟิงได้แต่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน
“ศิษย์พี่หวูเฟิง ขอบใจท่านมากที่เป็นห่วง”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหวูเฟิงไกลๆ และหลังส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ค่อยๆกวาดตามองไปทั่วๆ
ตอนนี้ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันหนาตา
ในบรรดาคนที่มาก็มีผู้ที่เขาคุ้นหน้าไม่น้อย
“ท่านประมุขมาแล้ว!”
ทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งโพล่งดังขึ้น ทุกคนก็หันไปมองตามต้นเสียงทันที
จากนั้นก็มองตามสายตามันไปจนเห็นร่างหนึ่งที่กำลังเหินมาแต่ไกล
ดั่งใช้นิ้วนิ้วากข้ามขอบฟ้า ผู้มาใหม่ย่ำฟ้าไม่กี่ก้าวร่างก็บรรลุถึงจุดที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ไม่ไกล คนหยุดร่างลอยค้างกลางหาวอย่างเงียบงัน
“ท่านประมุข!”
“ท่านประมุข!”
…
จากนั้นผู้คนที่อยู่รอบๆก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทันที
เป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ เฉียนหยิ่น
และมันก็ไม่ได้มีนามว่าเฉียนหยิ่นแต่แรก เพียงแต่ชื่อของประมุขนิกายหมอกเร้นลับแต่ละรุ่นนั้น แซ่จะยึดตามแซ่เดิม แต่คำว่า หยิ่น นั้นมาจากชื่อนิกาย
นี่เป็นประเพณีของนิกายหมอกเร้นลับก็ว่าได้ และเป็นกฏที่ประมุขนิกายไม่อาจฝ่าฝืน บางทีอาจเป็นแค่ความตั้งใจของบรรพชนผู้ก่อตั้งนิกายหมอกเร้นลับ เพียงแค่คนรุ่นหลังไม่กล้าละเมิด
เฉียนหยิ่นมีลักษณะเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงท้วม มาในชุดสุภาพราวอาลักษณ์ บุคลิกแลดูภูมิฐานไม่ธรรมดา
แรกเห็น เฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงมู่หรงสุยเฟิง คณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์
เพราะความรู้สึกหลังได้เห็นเฉียนหยิ่นนั้น มันคล้ายๆกับความรู้สึกแรกตอนพบเห็นมู่หรงสุยเฟิงหลายส่วน
อย่างไรก็ตามส่วนที่แตกต่างจากมู่หรงสุยเฟิงก็คือเฉียนหยินผู้นี้ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมมากกว่า สิ่งนี้อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?”
เฉียนหยิ่นหันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางถาม สีหน้าท่าทีของมันแลดูสงบ ไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
“ยินดีที่ได้พบประมุข”
ต้วนหลิงเทียนก็มองเฉียนหยิ่นด้วยสายตาสงบ ก่อนจะพยักหน้าทักทายเบาๆ
“เจ้าฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวหรือ?”
เฉียนหยิ่นเอ่ยถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“เพราะอะไร?”
เฉียนหยิ่นเอ่ยถามอีกรอบ
“ในเมื่อพวกมันคิดฆ่าข้า หรือไม่อนุญาตให้ข้าเข่นฆ่าพวกมันสวนกลับ?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
พอเฉียนหยิ่นได้ยินคำตอบ สีหน้าที่เคยสงบแต่เดิมก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นมันก็หันไปกวาดตามองผู้คนโดยรอบ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงหนัก “นอกจากศิษย์หลักและอาวุโสฝ่ายในแล้ว คนอื่นๆให้ถอนตัวออกจากเขตที่พักศิษย์หลักเสีย”
อาวุโสฝ่ายในที่เฉียนหยิ่นกล่าวถึงนั้น แน่นอนว่ารวมถึงอาวุโสหลัก อาวุโสสูงสุด ไม่เว้นชนชั้นผู้พิทักษ์ด้วย
เพียงแค่เฉียนหยิ่นไม่ได้กล่าวระบุ
และพอเฉียนหยิ่นกล่าวจบคำ แม้ว่าในใจผู้ดูแลฝ่ายใน ศิษย์สายใน อาวุโสฝ่ายนอก ผู้ดูแลฝ่ายนอก ไม่เว้นเหล่าศิษย์ฝ่ายนอกจะไม่เต็มใจแค่ไหน แต่สีหน้าพวกมันก็แลดูเคารพเชื่อฟัง และได้แต่ล่าถอยจากไปโดยดี ไม่กล้าขัดคำสั่งแม้แต่น้อย
รวมถึงถังอู๋เยียนเอง แม้ในใจนางจะรู้สึกไม่อยากไป แต่สุดท้ายก็ได้แต่จากไปเพราะถังชุนส่งสายตามาเตือน
ไม่ทันไรในสถานที่เกิดเหตุก็มีคนน้อยลงไปมาก
คงเหลือเพียงศิษย์หลักกับอาวุโสฝ่ายในเท่านั้น
“ประมุขนิกาย ท่านให้คนอื่นๆจากไปแบบนี้…ดูเหมือนจะไม่ได้คิดตัดสินข้าตามกฏนิกาย แต่คิดสำเร็จโทษข้าโดยตรงกระมัง?”
แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนเพียงชมมองเรื่องราวด้วยสีหน้าแววตาสงบ ไม่ได้กล่าวหยุดคนอื่นๆไม่ให้จากไปแต่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม หลังทุกคนล่าถอยจากไปหมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะถามออกมา
“ต้วนหลิงเทียนในเมื่อเจ้าเองก็สมควรเดาได้แต่แรกว่าเรื่องราวอาจจะจบลงเช่นนี้…แล้วไฉนเจ้ายังรั้นจะลงมือเช่นนั้น? และคงเป็นไปไม่ได้กระมัง…ที่เจ้าจะไม่รู้ว่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวเป็นศิษย์ของอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ย?”
เฉียนหยิ่นมองลึกไปทางต้วนหลิงเทียนพลางถามเสียงหนัก
อย่างไรก็ตามในขณะที่มันมองไปยังต้วนหลิงเทียน แววตามันก็สั่นไหวไปด้วยความกลัวเล็กน้อย
เพราะลึกๆในใจ มันเองก็หวาดกลัว ‘ตัวตน’ ของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาในปัจจุบัน ให้กล่าวว่าท้าทายสวรรค์ก็ไม่เกินเลย แถมต้วนหลิงเทียนยังมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงไว้ในครอบครองอีก!
ต้องทราบด้วยว่าแม้จะเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ไร้จิตวิญญาณหรือไม่แม้แต่จะตั้งครรภ์วิญญาณ ก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตจอมราชันเทพจะมีใช้กันทุกคน
ยกตัวอย่างเช่นในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ก็มีแต่มัน อาวุโสสูงสุดทั้ง 4 กับคนอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงในครอบครอง
“ก็ยังคงเป็นคำตอบเดิม”
ต้วนหลิงเทียนมองเฉียนหยิ่นด้วยสายตานิ่งเฉย “พวกมันคิดฆ่าข้า ข้าก็แค่ป้องกันตัว’
“ก็แค่ ข้าคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะอ่อนแอถึงขั้นไม่อาจรับได้แม้แต่กระบี่เดียวของข้า”
กล่าวถึงจุดนี้ มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มเย้ยเยาะขึ้นมาอย่างประจวบเหมาะ
วูบ! วูบ!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ร่าง 2 ร่างก็ทยอยกันปรากฏตัวติดๆกันอย่างเงียบงันท่ามกลางสายตาทุกคน
หนึ่งนั้นเป็นชายชรารูปร่างผ่ายผอมมาในชุดคลุมสีเขียว แม้แก้มมันจะซูบตอบ แต่สองตากับฉายประกายแหลมคม ทั่วร่างยังแผ่กลิ่นอายแหลมคมออกมา ราวกับแค่สะบัดชายเสื้อก็ฉีกเปิดความว่างเปล่าได้
ส่วนอีกคนเป็นชายชราร่างสูงมาในชุดคลุมสีม่วงปักลายสายฟ้ายิบย่อยนับไม่ถ้วน เส้นผมขนคิ้วเป็นสีดอกเลา ลักษณะท่วงท่าแลดูกระฉับกระเฉงไม่ต่างวัยกลางคน สองตายังคล้ายมีเส้นสายอัสนีแลบลั่นแปลบปลาบตลอดเวลา แถมสองตายังเอาแต่มองจ้องมองมายังต้วนหลิงเทียนเขม็ง
“คารวะอาวุโสฟง!”
“คารวะอาวุโสเหล่ย!”
และเมื่อ 2 ชราพากันปรากฏตัว กลุ่มคนในที่เกิดเหตุนอกจากเฉียนหยิ่นแล้ว ที่เหลือก็ประสานมือคารวะทักทายพวกมันด้วยท่าทีสุภาพมากเคารพ
ดูจากท่าทีสุภาพมากเคารพของทุกคนรวมถึงคำเรียกหาแล้ว ก็คาดเดาตัวตนของพวกมันได้ไม่ยาก
เป็น 2 ใน 4 อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับ อาวุโสฟง กับอาวุโสเหล่ย
ขณะเดียวกันพวกมันก็เป็นอาจารย์ของซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียว
อาวุโสเหล่ยนั้น เคยส่งคนไปพบต้วนหลิงเทียนโดยตั้งใจว่าจะรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ แต่ต้วนหลิงเทียนปฏิเสธ
‘สารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่น มันตายแน่!’
ท่ามกลางผู้คน อู่ฟงหยิน อาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับ กำลังมองจ้องชายหนุ่มชุดม่วงที่ลอยร่างไกลห่าง ด้วยสีหน้าแววตาดุร้ายเอาเรื่อง