WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3762 ซุ่มโจมตีรอบด้าน
ห้องส่วนตัวหมายเลข 2 จัดอยู่ในหมวดห้องนภา ในเมื่อมันมีค่าใช้จ่ายแพงหูฉี่ เช่นนั้นการบริการย่อมดีตามไปด้วย
ยกตัวอย่างเช่นหากมีผู้ใดจองห้องส่วนตัวหมวดนภา และมาถึงก่อนเหล่าสหาย
เช่นนั้นคนที่มาถึงก่อนก็จะทำการแจ้งชื่อของสหายเอาไว้ และหากคนที่มาภายหลังแจ้งชื่อไม่ตรง ทางร้านก็จะไม่ให้เข้าไปเด็ดขาด
“แซ่ต้วน”
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกแซ่ออกไป พนักงานต้อนรับที่มองรอฟังคำตอบต้วนหลิงเทียนอยู่ก็คลี่ยิ้ม จากนั้นก็กล่าวยืนยันว่า “คุณชายต้วน ตอนนี้คุณชายโหวได้รอท่านอยู่ในห้องส่วนตัวมหายเลข 2 แล้วขอรับ”
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ จากนั้นภายใต้การนำทางของพนักงานต้อนรับ ต้วนหลิงเทียนก็เดินขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของเหลาอาหาร
“ภายในห้องมีคนอยู่แค่คนเดียว”
ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก เสียงผ่านพลังของหลิงหูเหิงก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “คนที่ซ่อนอยู่ยังไม่ปรากฏตัว เพียงแต่พวกเราก็ไม่กล้าใช้สำนึกเทวะตรวจสอบ ด้วยกลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“หลังจากนี้พวกเราจะซ่อนตัวอย่างมิดชิด ตราบใดที่ปรากฏกลิ่นอายพลังระดับจอมราชันเทพใกล้ๆเจ้า พวกเราจะปรากฏตัวทันที”
“สิ่งที่ต้องเจ้าต้องทำคือพยายามถ่วงเวลาไว้ให้ได้มากที่สุด อย่าได้ตายก่อนพวกเราลงมือเสียเล่า”
เสียงกล่าวประโยคท้ายของหลิงหูเหิง ฟังดูจริงจังขึงขังไม่น้อย
“เชิญท่านลูกค้าด้านในขอรับ”
หลังจากพนักงานต้อนรับเปิดประตู ต้วนหลิงเทียนที่เดินเข้ามาก็เห็นโหวชิ่งหนิงยังรออยู่ในห้องด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “อ่าว เจ้ามาคนเดียวหรือ แล้วพี่น้องนิกายหมื่นจันทราของเจ้าเล่า”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะกระเป๋าฉีกเสียก่อน เช่นนั้นก็เลยไม่พาพวกมันมาด้วย”
โหวชิ่งหนิงหัวเราะ
“เจ้าสั่งอะไรมารึยัง”
ต้วนหลิงเทียนที่นั่งลงก็เอ่ยถามทันที
“ยังไม่ พอดีข้ารอเจ้าภาพอยู่”
“เสี่ยวเอ้อ สั่งอาหาร!”
ทันใดนั้นโหวชิ่งหนิงก็โพล่งคำออกมา พนักงานด้านนอกก็เร่งก้าวอาดๆเข้ามาทันที จากนั้นไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงถาม มันก็เริ่มแนะนำอาหารจานเด็ดในเหลาทันที
“เจ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?”
โหวชิ่งหนิงหันไปเอ่ยถามต้วนหลิงเทียน
“ไม่”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา “สำหรับพวกเรา ของกินก็แค่รสชาติ…เช่นนั้น ไม่ยกอาหารขึ้นชื่อมาจัดวางทั้งหมดไปเลย?”
“เอาแบบนั้นก็ได้”
โหวชิ่งหนิงพยักหน้า จากนั้นก็บอกเสี่ยวเอ้อว่ามีอะไรอร่อยๆก็ยกมาให้หมด
เมื่อประตูห้องส่วนตัวปิดลง โหวชิ่งหนิงก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจว่า “ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาไม่กี่ปี”
“ไม่เพียงแต่เจ้าจะทะลวงถึงราชาเทพขั้นต่ำแล้ว แถมเจ้ายังกลายไปเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพอีก”
สายตาที่โหวชิ่งหนิงใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มันช่างซับซ้อนนัก
ถึงแม้ว่าการพูดคุยระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนจะถูกชายในชุดคลุมลมดำรู้เห็นทั้งหมด ผ่านจานค่ายกลแบบพกพาที่มันติดตั้งไว้เป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม พอโหวชิ่งหนิงได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มันก็ได้แต่ทอดถอนออกมาจากใจ
“แล้วเจ้าเป็นไงบ้างเล่า ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับราบรื่นดีหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มถาม
“ก็เดิมๆนั่นล่ะ แต่ละวันน่าเบื่อยิ่ง”
โหวชิ่งหนิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “หากข้ารู้ว่ามันจะน่าเบื่อเช่นนี้ ข้าคงไม่เลือกไปสถานศึกษาหมอกเร้นลับแต่แรก…สู้ไปยังนิกายหมอกเร้นลับโดยตรงเลยดีกว่า”
โหวชิ่งหนิงนั้นจะอย่างไรก็เป็นนายน้อยของนิกายหมื่นจันทรา ซึ่งเป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ ถึงแม้ว่านิกายหมื่นจันทราจะไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของนิกายหมอกเร้นลับ แต่กระนั้นก็พอจะมีการติดต่อและสายสัมพันธ์อยู่บ้าง
นอกจากนั้น อาศัยพรสวรรค์และความเข้าใจของโหวชิ่งหนิงเองก็ไม่ได้เลวร้าย เรื่องจะเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับโดยตรงและกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในก็ไม่มีปัญหา
“จะว่าไปพอเจ้าถูกบีบออกจากนิกายหมอกเร้นลับแบบนี้ ข้าเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะเข้านิกายหมอกเร้นลับดีหรือไม่”
โหวชิ่งหนิงกล่าวบ่นออกมา
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเบาๆ “เช่นนั้นเจ้ามาตระกูลหลิงหูเป็นไง? ให้ข้าแนะนำให้ไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ลืมมันไปเถอะ”
โหวชิ่งหนิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เจ้ามันเหมือนชาวบ้านเขาที่ไหนกัน ข้าเกรงว่าเจ้าเองก็คงอยู่ในตระกูบหลิงหูอีกไม่นานแล้วกระมัง…หลังจากนี้สักพัก เจ้าก็คงจะเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์แล้วกระมัง?”
“หืม? เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“มันเดายากนักรึไงเล่า”
โหวชิ่งหนิงคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดว่า “อาศัยพรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้า บวกกับความสำเร็จในด้านการหลอมโอสถเทพของเจ้า ข้ากลัวว่าเผลอๆนิกายมังกรสวรรค์จะรั้งเจ้าไว้ได้ไม่นานด้วยซ้ำ”
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าวันหนึ่งข้าโหวชิ่งหนิงจะมีเพื่อนที่ร้ายกาจแบบนี้ได้”
โหวชิ่งหนิงกล่าวถึงประโยคท้าย ในแววตาของมันก็อดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความกังวลออกมา
ก่อนหน้านี้มัน ‘บอกใบ้’ ต้วนหลิงเทียนไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจคำใบ้ของมันแล้วหรือไม่ และได้เตรียมการรับมือไว้ดีแล้วหรือยัง
ตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดของชายชุดคลุมลมดำโดยสมบูรณ์ มันได้แต่เล่นตามบทบาทที่อีกฝ่ายจัดไว้ให้เท่านั้น และตอนนี้ทั้งภาพและเสียงที่มันคุยกับต้วนหลิงเทียน ก็ได้ถูกฉายให้ชายในชุดคลุมลมดำเห็นผ่านค่ายกล
ชายในชุดคลุมลมดำผู้นั้นระวังตัวแจ และไม่คิดจะลงมือที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มันก็ไม่กล้าส่งเสียงผ่านพลังซี้ซั้ว เพราะชายในชุดคลุมลมดำบอกว่า หากมันกล้าส่งเสียงผ่านพลัง หรือสีหน้าของต้วนหลิงเทียนเผยความผิดปกติใดแม้เพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายจะบึ่งตรงไปนิกายหมื่นจันทรา ก่อนจะฆ่าล้างบางคนที่นั่นทันที!
‘ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าไม่เข้าใจคำบอกใบ้ของข้าจริงๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โทษข้า…สุดท้ายแล้วนั่นเป็นทั้งหมดที่ข้าทำได้’
แม้ผิวเผินโหวชิ่งหนิงจะแลดูปกติดี แต่ภายในกลับถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ‘สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่แค่ชีวิตข้าคนเดียว แต่เป็นผู้คนนับหมื่นพันของนิกายหมื่นจันทรา’
ก่อนหน้าที่มันจงใจบอกใบ้ต้วนหลิงเทียนให้สัมผัสถึงความผิดปกตินั้น กล่าวได้ว่ามันทำได้อย่างดีจนไร้พิรุธใดให้ชายในชุดคลุมลมดำเห็น
แต่เป็นธรรมดาว่าคำพูดของมันต้องทำให้ต้วนหลิงเทียนเอะใจอะไรแน่นอน
เว้นเสียแต่ต้วนหลิงเทียนจะลืมเลือนการพบกันวันนั้นไปหมดสิ้น…นี่ก็คือจุดที่มันกลัวเช่นกัน
หากต้วนหลิงเทียนจดจำได้ว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ก็ต้องเอะใจสงสัยทันที แต่ในเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้า เช่นนั้นชายในชุดคลุมลมดำย่อมไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ
นอกจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ต่อบทมันได้อย่างแนบเนียน มันก็เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะรู้ตัวแล้ว กระทั่งสมควรรู้ว่าตัวมันกำลังตกอยยู่ในอันตราย และก่อนมาที่นี่ก็น่าจะเตรียมการรับมือไว้พร้อมสรรพ
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้อีกอย่างทิ้ง
ต้วนหลิงเทียนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นไปหมดสิ้น และแค่เออออไปตามมัน และวันนี้ก็มาโดยไม่ได้เตรียมตัวรับมือสถานการณ์เลวร้าย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน ก็ไม่ใช่อะไรที่มันจะทำอะไรได้อีก เช่นนั้นตอนนี้มันก็ได้แต่หวังพึ่งการเตรียมการของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
ระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงคุยเรื่องสัพเพเหระ เสี่ยวเอ้อก็ยกสำรับอาหารมาจัดวาง ทั้งคู่ก็ดื่มกินกันไปตามอัธยาศัยแลดูเป็นธรรมชาติ เหมือนมากินข้าวกับเพื่อนตามปกติ
แต่เป็นธรรมดาว่าค่าใช้จ่ายมันแพงหูฉี่จริงๆ
ค่าอาหารนั้นต้องจ่ายเป็นหินเทพ และมื้อนี้ก็ต้องจ่ายออกไปเกือบ 20 ตำลึง
“ไปกันเถอะ”
หลังต้วนหลิงเทียนจ่ายค่าอาหารแล้ว โหวชิ่งหนิงก็ชวนต้วนหลิงเทียนออกจากเหลา ยังเอ่ยถามสืบต่อว่า “จริงสิต้วนหลิงเทียน ข้ามาทำธุระที่เมืองหลิงหูครั้งนี้ พอดีมีซือจวนขนาดกลางไว้หลังหนึ่ง เจ้าสนใจจะไปดูรึเปล่า”
“เป็นเจ้าซือ หรือนิกายหมื่นจันทราซื้อหมายทำเป็นฐานย่อยกันแน่?”
ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้น ก่อนจะหยีตากล่าวถามด้วยรอยยิ้มลี้ลับ
“แฮ่มๆ…เป็นนิกายหมื่นจันทราซื้อ”
โหวชิ่งหนิงกระแอมสองครั้ง ราวกับจะแก้เขิน
และเป็นธรรมดาว่าตอนนี้มันหวังให้ต้วนหลิงเทียนตอบปฏิเสธ เพราะชายในชุดคลุมลมดำนั่นได้จัดเตรียมค่ายกลสังหารเอาไว้มากมาย เรียกว่าประหนึ่งกางข่ายฟ้าแหสวรรค์ไว้ดักต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ
หากต้วนหลิงเทียนไปที่นั่นล่ะก็ ไม่ว่าตอนนี้จะมียอดฝีมือของตระกูลหลิงหูลอบคุ้มกันอยู่ แต่เกรงว่าคงสายเกินไปที่จะช่วยต้วนหลิงเทียนได้ทัน
“เอาไว้คราวหน้าดีกว่า”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา “ข้ายังต้องรีบกลับไปตระกูลหลิงหูอีก อันที่จริงยังเหลือโอสถระดับราชาเทพที่ข้ายังไม่ได้หลอมอีก 4-5 เตา พอดีอาวุโสจากตระกูลหลิงหูที่ข้ารับปากไว้อีกคน อยู่ๆก็มาหาข้าก่อนจะออกมาเจอเจ้านี่ล่ะ”
“เอาที่เจ้าสะดวกเถอะ ไว้วันหลังก็ได้”
โหวชิ่งหนิงพยักหน้ารับด้วยความผิดหวัง
“เช่นนั้นพวกเราแยกย้ายกันตรงนี้เถอะ หากว่างข้าจะแวะไปหาเจ้าที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ จะว่าไปข้าก็ยังไม่เคยไปเที่ยวนิกายหมื่นจันทราของเจ้าเลย”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม ก่อนจะกล่าวลาโหวชิ่งหนิง
“เอาสิ”
พอโหวชิ่งหนิงได้ยินคำพูดกล่าวทิงท้ายของต้วนหลิงเทียน ใบหน้ามันก็คลี่ยิ้มสดใส และพยักหน้ารับอย่างยินดี
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่พึ่งจะแยกย้ายกันไปไม่ถึง 10 ก้าวดี
อยู่ๆก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
ปงงง!!
พร้อมกันกับเสียงทะลวงอากาศด้วยความเร็วจนห้วงอากาศแตกระเบิด ร่างในชุดคลุมลมดำอันเปี่ยมล้นไปด้วยสภาวะพลังอันน่ากลัวก็ปรากฏตัวขึ้นมาขวางทางต้วนหลิงเทียนเอาไว้ พื้นถนนยังแหลกเป็นเสี่ยง รอยร้าวปานไยแมงมุมแผ่ขยายโยงไยออกไปทั่ว
กระทั่งใจกลางของไยแมงมุมที่ว่า พื้นดินยังทรุดตัวลงไปปานมีอุกกาบาตขนาดย่อมตกลง
เป็นชายในชุดคลุมลมดำปกปิดรูปร่างหน้าตามิดชิด ไม่อาจเห็นหน้าค่าตาของมันทั้งรูปร่างที่แท้จริง แต่รูปลักษณ์ของมันยามปรากฏตัวก็ชวนให้ผู้คนอดหวาดกลัวไม่ได้
และอีกฝ่ายก็ทำเสมือนโลกนี้เหลือแต่ต้วนหลิงเทียน กลิ่นอายพลังยังเพ่งเล็งมาที่ต้วนหลิงเทียนเขม็ง
“เจ้าเป็นใคร?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามชายในชุดคลุมลมดำ สีหน้าเขายังเปลี่ยนไปในฉับพลัน แลดูบิดเบี้ยวทั้งตึงเครียด ขณะเดียวก็กันเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“คนที่ฆ่าเจ้า!”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น จากนั้นชายในชุดคลุมลมดำก็ปลดปล่อยพลังเทพของมันออกมา คลื่นพลังปะทุระเบิดจนอากาศม้วนตลบ รุนแรงประหนึ่งมรสุมทะเลคลั่ง!
จากนั้นมวลพลังอันดุร้ายเกรี้ยวกราดดังกล่าว คล้ายจะเกาะกลุ่มรวมตัวเป็นสัตว์ร้ายตัวเขื่องหนึ่ง กระโจนเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย!
ปงงงง!!
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดของพลังพลันสนั่นลั่นขึ้น เป็นสัตว์ร้ายที่ก่อเกิดจากมวลพลังมหาศาลซึ่งกำลังเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนนั้น ได้ถูกพลังเทพสุดไพศาลขุมหนึ่งที่ร่วงฟ้าลงมาปานดาวตก ทำลายทิ้งอย่างทันท่วงที
จากนั้น เงาร่าง 2 ร่างก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนปานภูตผี ปกป้องต้วนหลิงเทียนเอาไว้ด้านหลัง
“ผู้เฒ่าเหิงฮวน!?”
เสียงแหบแห้งของชายในชุดคลุมลมดำเปลี่ยนไปทันที และก่อนที่ 2 ร่างเบื้องหน้าจะทันได้ลงมือ ร่างมันก็ไหววูบปานมายา พุ่งหลบหนีไปทันที
หากทว่าทันใดนั้นเอง มวลพังสุดไพศาลอีก 7 ขุมก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าทุกทิศทางอย่างฉับพลัน ก่อนจะพุ่งมาสะกดดักทางถอยมันเอาไว้ ให้ไม่อาจหลบหนีไปไหนได้อีก!
ซุ่มโจมตีรอบทิศ ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ดีไปกว่าคำนี้แล้ว
หลังจากนั้น ยอดฝีมือทั้ง 7 รวมถึงหลิงหูเจิ้งซิงก็ทยอยกันปรากฏตัวขึ้นทีละคน
“หลิงหูเจิ้งซิง!?”
และชายในชุดคลุมลมดำก็คล้ายจะรู้จักหลิงหูเจิ้งซิง กล่าวได้ว่าพอเห็นหลิงหูเจิ้งซิงปรากฏตัว ร่างมันก็สะท้านไปอย่างแรง จากนั้นมันก็มองไปยังโหวชิ่งหนิงซึ่งตอนนี้มาอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน จากภายใต้ชุดคลุม คล้ายมีลำแสงเยียบเย็น 2 สายพุ่งออกมา “โหวชิ่งหนิง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน…เจ้าไม่กลัวว่าข้าอาศัยหนึ่งข้อความก็ทำให้นิกายหมื่นจันทราของเจ้าย่อยยับหรือไร!?”
“พอดีข้าเชื่อในตัวต้วนหลิงเทียน”
โหวชิ่งหนิงมองไปยังชายในชุดคลุมลมดำด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยคำเสียงเย็น
และเหตุผลที่มันกล้าพูดแบบนี้ เพราะมันรู้ดีว่าผู้นำตระกูลหลิงหูอย่างหลิงหูเหรินเจี๋ยนั้น สนิทสนมกับผู้นำตระกูลมู่หรงราวกับพี่น้องแท้ๆ
ซึ่งตระกูลมู่หรงที่ว่า ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหมื่นจันทร์อันเป็นสถานที่ตั้งนิกายหมื่นจันทรามากนัก
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันกล้าบอกใบ้ต้วนหลิงเทียน
หากว่าการบอกใบ้ต้วนหลิงเทียนแล้ว จะทำให้นิกายหมื่นจันทราต้องถึงกาลจบสิ้นโดยไร้ความหวัง ใจมันก็คงไม่กล้าพอที่จะบอกใบ้ต้วนหลิงเทียน
สุดท้ายแล้วด้านหนึ่งมีแค่คนเดียว ส่วนอีกด้านกลับมีผู้คนนับหมื่น นิกายที่มันเกิดและเติบโตมา แถมยังฟูมฟักมันจนเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง!