WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3766 12 ปีต่อมา
“ผู้นำตระกูล จะอย่างไรโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่ข้าหลอมๆอยู่วันนี้สมุนไพรข้าก็เอามาจากตระกูลทั้งนั้น…ท่านต้องการมันมากเท่าไหร่ แค่เอาสมุนไพรมาให้ข้าแล้วข้าจะหลอมให้ท่านเอง”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
ไม่เพียงแต่เขาไม่สนใจการไม่เกรงใจของหลิงหูเหรินเจี๋ย แต่เขารู้สึกว่าสมควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ตั้งแต่ที่เขามาถึงตระกูลหลิงหู หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ดูแลเขาอย่างดี กล่าวได้ว่าเขารู้สึกติดค้างน้ำใจหลิงหูเหรินเจี๋ยมากมาย ก่อนไปนิกายมังกรสวรรค์ หากมีอะไรที่เขาจะตอบแทนอีกฝ่ายได้ เขาก็จะพยายามอย่างดีที่สุด
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สองตาหลิงหูเหรินเจี๋ยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที สิ่งนี้โดนใจของมันไม่น้อย “ไม่ดีกว่า ตอนนี้เจ้าเอาเวลาไปฝึกฝนบ่มเพาะให้มากเข้าไว้เถอะ อย่าเสียเวลาไปกับการหลอมโอสถมากนักเลย สุดท้ายในระนาบเทพเรา พลังอันเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะเป็นรากฐานที่มั่นคงให้เจ้าอยู่รอดได้ถึงที่สุด…”
“ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่เก่งกาจอาจมีสถานะสูงส่งในระนาบเทพก็จริง แต่หากข้างกายไร้ผู้ใดปกป้องเล่า? มิใช่อาจถูกยอดฝีมือเข่นฆ่าเอาได้ง่ายๆหรือไร เว้นเสียแต่ด่านพลังของตัวเองจะสูงส่งจริงๆเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตาม ในระนาบเทพเราผู้ที่สามารถเอาดีทั้ง 2 ด้านได้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย…หากข้าจำไม่ผิด ในระนาบเทพเรามีไม่เกิน 100 คนด้วยซ้ำ ที่เป็นทั้งปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับอริยะและด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตอริยะเทพเช่นกัน”
ต้องทราบด้วยว่า ระนาบเทพนั้นมีทั้งสิ้น 18 ระนาบ
อย่างไรก็ตามทั่วทั้ง 18 ระนาบเทพ กลับมีปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับอระและบรรลุถึงด่านพลังอริยะเทพไม่ถึงร้อย? สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
กล่าวได้ว่าโดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละระนาบเทพนั้น จะมีปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับอริยะที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตอริยะเทพอยู่ราวๆ 5 คนเท่านั้น!
เหตุไฉนถึงเป็นเช่นนี้ นั่นเพราะคนๆมีความสามารถและเวลาอันจำกัด ไหนเลยจะเอาดีทั้ง 2 ด้านให้สุดได้ ศาสตร์การหลอมโอสถเทพนั้น หากไม่ทุ่มเทความพยายามไหนเลยจะประสบความสำเร็จได้
แต่เมื่อนำเวลาไปใช้ยกระดับทักษะหลอมโอสถ เช่นนั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปฝึกปรือ?
ได้อย่างเสียอย่าง
“ข้าเข้าใจ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า หลังจากนั้นก็สะบัดมือเรียกขวดโอสถออกมาอีกหลายขวดส่งไปให้หลิงหูเหรินเจี๋ย “ผู้นำตระกูลโอสถเทพเหล่านี้ข้าพึ่งหลอมมันให้ท่านเป็นพิเศษ..”
“หลอมมาให้ข้าโดยเฉพาะ?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเหรินเจี๋ยก็รับขวดโอสถ 2-3 ขวดมาเปิดดูด้วยความสงสัยทันที และไม่นานก็แลเห็นเม็ดยาที่แน่นิ่งอยู่ก้นขวด
และเมื่อแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบได้ไม่ทัน ลมหายใจของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็เริ่มถี่รัวขึ้นมา
นั่นเพราะโอสถเทพในขวดเหล่านี้ มีหลายขวดที่เป็นโอสถเทพระดับจอมราชัน และส่งเสริมการบ่มเพาะพลังในขอบเขตจอมราชันเทพได้เป็นอย่างดี กล่าวได้ว่าขอเพียงกินโอสถเทพเหล่านี้และดูดซับพลังของมันจนหมดล่ะก็ ต่อให้มันจะไม่อาจทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นกลาง แต่อย่างน้อยๆระดับพลังของมันก็จะใกล้เคียงกับเหล่าอาวุโสสูงสุดในตระกูล
เป็นธรรมว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าหลังจากหลิงหูเหรินเจี๋ยใช้โอสถเทพที่ต้วนหลิงเทียนให้มาจนหมดแล้ว มันจะมีพลังฝีมือทัดเทียมอาวุโสสูงสุดแต่อย่างใด
เพราะหิงหูเหรินเจี๋ยนั้น ด้อยกว่าอาวุโสสูงสุดเหล่านั้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะแง่การเข้าใจกฏก็ดี ยังมีประสบการณ์การต่อสู้อีก
อย่างไรก็ตาม มันยังเด็ก!
อายุของมันนับว่าน้อยกว่าอาวุโสสูงสุดเหล่านั้นมากมาย
อาวุโสในตระกูลหลายคน เนื่องจากอายุมากแล้ว ทำให้ด่านพลังยากจะบ่มเพาะฝึกปรือได้อีก ประหนึ่งมดคิดเขย่าต้นไม้ ชีพจรสวรรค์ในร่างเริ่มคงตัว ต่อให้จะใช้โอสถเทพระดับจอมราชันในมือหลิงหูเหรินเจี๋ย ก็คงยากจะดูดซับพลังของโอสถได้หมด
ด้วยวัยที่มากแล้วเช่นเหล่าอาวุโสเฒ่า คิดจะบังเกิดความก้าวหน้าอะไร ก็มีแต่ต้องพึ่งโอกาสในหายนะเท่านั้น
หายนะสวรรค์ ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งเลวร้ายคร่าชีวิตเสมอไป แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนอีกด้วย
หากสามารถใช้หายนะสวรรค์ให้เป็นประโยชน์ ด่านพลังฝึกปรือก็อาจกระเตื้องหรือพัฒนาได้
ในระนาบเทพ มียอดฝีมือจำนวนมาก ที่เดิมทีพรสวรรค์กับความเข้าใจนั้นอยู่ในระดับปานกลาง เหตุผลที่ไฉนสามารถถีบตัวขึ้นมายืนหยัดเป็นชนชั้นยอดฝีมือได้ นั่นเพราะคนพวกนี้ฉกฉวยโอกาสจากหายนะสวรรค์เก่ง และท่ามกลางหายนะพวกมันมักหาโอกาสก้าวหน้าเสมอ
“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้ามาก”
หลิงหูเหรินเจี๋ยเก็บขวดโอสถที่ต้วนหลิงเทียนให้มาอย่างทะนุถนอมปานสมบัติล้ำค่า จากนั้นก็เร่งกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมา เพราะโอสถเทพระดับจอมราชันเหล่านี้ เป็นเม็ดยาที่หลิงหูเหรินเจี๋ยอยากได้แม้ถึงขั้นหลับฝัน อนิจจาแต่สหายของมันอย่างหลินย่าหลินกลับหลอมไม่สำเร็จ
ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าต้วนหลิงเทียนจะหลอมให้มันได้!
“วัตถุดิบสมุนไพรที่ข้าใช้ ก็เอามาจากคลังของตระกูลหลิงหูทั้งนั้น…เช่นนั้นที่ข้าทำก็ไม่ต่างอะไรจากยืมดอกไม้ถวายพระ”
ได้ยินคำขอบคุณของหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมาพลางยิ้มกล่าว “แถมผู้นำตระกูลยังช่วยข้าไว้หลายเรื่องแล้ว…”
“เม็ดยาที่ข้าให้ผู้นำตระกูลเหล่านั้น ยังนับเป็นอะไรได้”
พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเหรินเจี๋ยก็มองต้วนหลิงเทียนพลางทอดถอนในใจ ‘หากลูกหลานข้ามีคนไหนเก่งกาจเท่าต้วนหลิงเทียนได้สักคน ข้าคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกต่อไปแล้ว…’
‘มีลูกชายประเสริฐเช่นนี้…ข้าอิจฉาบิดาต้วนหลิงเทียนยิ่ง’
นึกถึงจุดนี้ขึ้นมา หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ฉีกยิ้มถามว่า “จริงสิต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินเจ้าบอกไว้ก่อนหน้าว่าเจ้ามาจากระนาบเทวโลก…ว่าแต่ตอนนี้บิดาเจ้าอยู่ในระนาบเทวโลกหรืออยู่ในระนาบเทพแล้วเล่า?”
“บิดาข้ารึ?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยสีหน้าคิดถึง “บิดาข้าเดิมทีก็อยู่ในระนาบเทวโลก แต่ก่อนข้าจะขึ้นมาระนาบเทพ ข้าก็ได้ส่งบิดา มารดา ภรรยา ทั้งลูกๆของข้าไปยังระนาบโลกียะเพื่อซ่อนตัว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ก็คลี่ยิ้มเหยเก พลางกล่าว “พูดไปแล้ว ข้าก็สร้างศัตรูไว้ในระนาบเทวโลกไม่น้อย แถมในบรรดาศัตรูข้ายังไม่ขาดชนชั้นราชาเทพ”
ไม่ว่าจะหวู่หงชิง จ้าววิหารเฟิงฮ่าว หรือผู้นำเผ่าภูต แต่ละคนก็เป็นราชาเทพอันทรงพลังทั้งนั้น
“หือ? ตอนอยู่ในระนาบเทวโลกเจ้ามีราชาเทพเป็นศัตรูด้วยรึ?”
หลิงหูเหรินเจี๋ยอดแปลกใจไม่ได้ “แล้วตอนที่เจ้าไปมีเรื่องกับพวกมัน เจ้าบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วหรือยัง?”
“ยังไม่”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา “ข้าพึ่งจะบรรลุถึงขอบเขตเทพก็หลังจากมาถึงดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้เท่านั้น”
หลิงหูเหรินเจี๋ยพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยิ้มกล่าวด้วยตาเป็นประกาย “อีก 300 ปีหลังจากนี้ รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกเปิดออกเมื่อไหร่ เจ้าก็สามารถย้อนกลับไปหยอกเย้าศัตรูเก่าดั่งแมวหยอกหนูได้สบายๆ ก่อนจะฆ่าพวกมันให้ตายอย่างช้าๆ…”
“เพราะถึงตอนนั้น ด้วยพรสวรรค์ระดับเจ้า ข้าว่าคงบรรลุถึงจอมราชันเทพไปแล้วแน่นอน”
หลังจากนี้อีก 300 ปี จากราชาเทพขั้นต่ำ บรรลุถึงจอมราชันเทพ
ความคิดนี้ของหลิงหูเหรินเจี๋ยออกจะเป็นความคิดอุกอาจอยู่บ้าง และกระทั่งมันเองก็เชื่อว่ามันไม่น่าจะเป็นจริงไปได้ เพียงแค่กล่าวออกไปเพื่อให้กำลังใจต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
“ศัตรูเก่าข้ามันก็แค่พวกจิ๊บจ๊อยเท่านั้น…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ “เผลอๆไม่ต้องรอถึง 300 ปีด้วยซ้ำ อาจารย์ข้าอาจจะฆ่าพวกมันจนตกตายกันหมดก็เป็นได้”
ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในตัวฟงชิงหยางอาจารย์เขาเป็นอย่างมาก และเขาเชื่อว่าด้วมรดกตกทอดของผู้แข็งแกร่งที่สุด อีกไม่นานอาจารย์เขาต้องมีพลังมากพอฆ่าหวู่หงชิงรวมถึงหมี่ซวนผู้นำเผ่าภูตในโลกแห่งความตาย
“อาจารย์ของเจ้า?”
หลิงหูเหรินเจี๋ยอดแปลกใจไม่ได้ “เป็นคนที่ทำให้เจ้ากล่าวปฏิเสธอาวุโสเหล่ยในนิกายหมอกเร้นลับ ตอนมันคิดรับเจ้าเป็นศิษย์ใช่หรือไม่?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “อาจารย์ปฏิบัติต่อข้าด้วยความเมตตา บุญคุณหนักแน่นปานขุนเขา ถึงแม้อาจารย์จะมีกล่าวไว้แล้ว ว่าหากข้าพบเจอยอดฝีมือที่มีประโยชน์กับเส้นทางการบ่มเพาะของข้า ก็สามารถกราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ได้เลย…แต่สำหรับข้าแล้ว นั่นเป็นเพียงทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น ข้าไม่คิดจะกราบผู้ใดเป็นอาจารย์คนที่ 2”
ได้ยินคำพูดหนักแน่นของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเหรินเจี๋ยก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจอยู่บ้าง
ช่างดื้อรั้นอย่างหาได้ยากนัก
เดิมที หากต้วนหลิงเทียนยอมเข้าสำนักของอาวุโสเหล่ยในนิกายหมอกเร้นลับ อะไรหลายๆอย่างคงไม่เกิดขึ้น และต้วนหลิงเทียนก็คงไม่ต้องมีเรื่องมีราวกับนิกายหมอกเร้นลับแบบนี้
“เจ้าเสียใจหรือไม่?”
นึกถึงจุดนี้หลิงหูเหรินเจี๋ยอดถามออกมาไม่ได้ “เพราะสุดท้ายแล้ว หากตอนนั้นเจ้าเลือกจะกราบอาวุโสเหล่ยของนิกายหมอกเร้นลับเป็นอาจารย์ เจ้าก็สามารถหลีกเลี่ยงเภทภัยทั้งหมดที่เกิดขึ้น อย่างที่เจ้าเผชิญมาเมื่อไม่นานมานี้ได้”
“ไม่เสียใจเลย”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวตอบมาโดยไม่ต้องคิด “ต่อให้ย้อนกลับไปได้อีกครั้ง ข้าก็คงปฏิเสธมันเหมือนเดิม แม้จะทำให้ละมุนละม่อมกว่านี้ก็ตาม”
หลิงหูเหรินเจี๋ยคุยเล่นกับต้วนหลิงเทียนอยู่อีกสักพัก มันก็กล่าวลาแล้วจากไปทำงานของมันต่อ
2-3 วันต่อมา มันก็ส่งข้อความมาบอกต้วนหลิงเทียนว่า ต่อไปต้วนหลิงเทียนมีอำนาจเต็มในการเข้าถึงคลังสมุนไพรของตระกูลหลิงหู
เป็นธรรมดาว่า สิ่งนี้ต้องแลกกับที่ต้วนหลิงเทียนต้องหลอมกลั่นโอสถเทพบางชนิดให้ตระกูลหลิงหูเป็นประจำ แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นแค่โอสถเทพระดับเทพ
เพราะในสายตาของหลิงหูเหรินเจี๋ย ไม่เว้นอาวุโสคนอื่นๆในตระกูลหลิงหู ก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนยังมีความสามารถไม่พอจะหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด
อย่างไรก็ตาม หลิงหูเหรินเจี๋ยไม่ได้เปิดเผยให้ใครล่วงรู้แม้แต่คนเดียว ว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันบางอย่างที่ในตระกูลไม่มีใครรวมถึงหลินย่าหลินสามารถหลอมได้ แถมมันก็ไม่รู้ด้วยว่าอัตราความสำเร็จในการหลอมโอสถเทพระดับราชารวมถึงระดับจอมราชันเหล่านั้นสูงต่ำแค่ไหน?
หากอัตราความสำเร็จต่ำ หมายความว่าต้วนหลิงเทียนต้องใช้เวลานานกว่าจะหลอมออกมาได้สักเตา
และมันไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนเสียเวลาไปกับการหลอมยามากเกินไป
…
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาฝึกฝนบ่มเพาะในตระกูลหลิงหูและได้รับการดูแลจากตระกูลหลิงหูอย่างดี แต่ทางด้านนิกายหมอกเร้นลับนั้นกล่าวได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
หลังจากข่าวเรื่องราวที่อาวุโสฟง 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมอกเร้นลับ ระเบิดโลกใบเล็กภายในกายจนทำลายเมืองหลิงหูจนราบแพร่กระจายออกไป นิกายหมอกเร้นลับก็เสมือนถูกผลักออกมาอยู่หน้าไฟทันที แถมกระทั่งนิกายมังกรสวรรค์เองยังสั่งให้นิกายหมอกเร้นลับ รับผิดชอบเรื่องการชดเชยค่าเสียหายและฟื้นฟูบูรณะเมือง
และที่ไฉนมีคำสั่งดังกล่าวออกมา ก็เพราะคนฝ่ายตระกูลหลิงหูในนิกายมังกรสวรรค์วิ่งเต้นตามเรื่อง
หากเป็นเรื่องหยุมหยิมทั่วไป คนของนิกายหมอกเร้นลับในนิกายมังกรสวรรค์ก็ต้องมีขัดขวางหรือพยายามเตะตัดขากันบ้าง แต่คราวนี้มันเป็นความผิดของนิกายหมอกเร้นลับจริงๆ พวกนั้นก็เลยไม่อาจพูดอะไรได้มาก
ถึงแม้ว่าการสูญเสียอาวุโสฟง 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดไป สำหรับนิกายหมอกเร้นลับแล้วจะเป็นการเสียหายครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม มีคนของนิกายหมอกเร้นลับไม่กี่คนที่รู้สึกเสียดาย
เพราะหลังจากที่อาวุโสฟงตกตายหนีปัญหาไปแบบนี้ เรื่องทั้งหมดก็มาลงหัวพวกมันที่ยังอยู่
กล่าวได้ว่าศิษย์และอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับตั้งแต่ระดับล่างยันบน ตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อกันนัก
กระทั่งในขณะที่คนของนิกายหมอกเร้นลับไปสร้างเมืองให้ตระกูลหลิงหูขึ้นใหม่ พวกมันก็มีอันต้องเดือดร้อนจากมือมืดไม่เว้นแต่ละวัน…
มีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับมากมายที่โดนวางยาพิษด้านนอก ไปไหนมาไหนเยงลำพัง ก็ถูกอุ้มฆ่า ทำให้บัดนี้ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับไม่กล้าแม้แต่จะห้อยป้ายประจำตัวบอกฐานะของพวกมันแล้ว
โหวชิ่งหนิงที่กลับจากตระกูลหลิงหูไปก่อนหน้า เมื่อกลับไปถึงสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายาสวรรค์ ก็ได้ยื่นเรื่องลาออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และกลับไปบ่มเพาะฝึกฝนที่นิกายหมื่นจันทรา
และในเวลานั้น ข่าวเรื่องที่เมืองหลิงหูถูกอาวุโสฟงทำลาย ก็ยังแพร่มาไม่ถึงเมืองวายุสวรรค์
หลังกลับมาถึงนิกายหมื่นจันทราแล้ว โหวชิ่งหนิงก็ได้เข้าร่วมกับตระกูลมู่หรงทันที ซึ่งเรื่องนี้เป็นหลิงหูเหรินเจี๋ยผู้นำตระกูลหลิงหูจัดการให้เป็นธรรมดา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพรสวรรค์กับความเข้าใจของโหวชิ่งหนิงเองก็ไม่ได้ด้อยเป็นทุน
ควบคู่ไปกับโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดที่ต้วนหลิงเทียนมอบให้ กับเม็ดยาเทพที่ส่งเสริมการบ่มเพาะทั้งหลาย แม้พรสวรรค์กับความเข้าใจจะไม่ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของตระกูลมู่หรง แต่พังฝีมือของมันก็ถือว่าเหนือกว่าค่าเฉลี่ยและค่อนไปทางสูงอยู่
…
พริบตาเดียว วันเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีก 12 ปี
ต้วนหลิงเทียนที่อาศัยอยู่ในตระกูลหลิงหู ด้วยความช่วยเหลือจากโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดที่หลอมไว้ กับความขันหมั่นเพียร ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะพลังจนถึงจุดรอคอยสุดท้ายของขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำ แค่ทะลวงผ่านก็จะบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางทันที
ถึงแม้ด่านพลังเขาจะไม่ถือว่ามีความก้าวหน้าอะไร แต่ความแข็งแกร่งก็เหนือกว่าเดิม
ยังต้องกล่าวอีกเลยว่า
ด้วยความช่วยเหลือจากผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด กับลูกแก้วเงาลอยอันบันทึกฉากระหว่างยอดฝีมือที่ใช้กฏมิติที่ตระกูลหลิงหูตระเตรียมไว้ให้ กฏมิติของต้วนหลิงเทียนก็มีความก้าวหน้าไม่น้อย
กำลังรบโดยรวมของเขาตอนนี้ ไม่ใช่อะไรที่ตัวเขาเมื่อ 12 ปีก่อนจะทาบติด
“ประสิทธิภาพการทำงานของนิกายหมอกเร้นลับ ถือว่าเร็วใช้ได้เลยนี่นา…”
ครั้งสุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนเหาะขึ้นไปบนฟ้าสูงและมองลงมารอบๆ เขาก็เห็นแค่ความพินาศ สายธารโลหิตและความเศร้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉากเรื่องราวมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภาพเมืองคึกคักอันเต็มไปด้วยผู้คนครึกครื้นมีชีวิตชีวาได้กลับมาแล้ว
และเพราะอุบัติเหตุที่เกิดนขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อน ทำให้เมืองหลิงหูมีชื่อเสียงขึ้นมาในเขตคฤหาสน์ตงหลิง มีผู้คนจำนวนมากพากันเดินทางมาชมดูเมืองหลิงหู ที่ครั้งหนึ่งถูกทำลายด้วยฝีมือของคนบ้าแห่งยุคหรืออาวุโสฟงจนราบ
เรื่องนี้ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดนึกถึงเรื่องราวในโลกเก่าของเขาขึ้นมาไม่ได้ เพราะหากมีคนดังหรือไอดอลไปถ่ายหนังหรือโฆษณาโดนๆที่เมืองไหนมาล่ะก็ เมืองนั้นจะกลายเป็นดั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าติ่งที่คลั้งไคล้เลยทีเดียว
และเหตุการณ์สลดที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 ก่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นดั่งการโฆษณาชั้นดีให้เมืองหลิงหู