WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3768 มารับพี่ชาย
“อาวุโสเชวียไห่ชวน!”
“อาวุโสเชวียไห่ชวน!”
…
หลังจากอาวุโสเหล่ยมาถึง อาวุโสรวมถึงเหล่าศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับที่ทราบเรื่องราว ก็เร่งรุดเข้ามาทักทายเชวียไห่ชวนกันอย่างตื่นเต้น
และไม่นานนัก เฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับก็มาถึง มันมองทักเชวียไห่ชวนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ศิษย์น้องไห่ชวน ยินดีต้อนรับกลับนิกาย”
เชวียไห่ชวนกับเฉียนหยิ่นนั้น ในอดีตพวกมันเป็นศิษย์นิกายหมอกเร้นลับรุ่นเดียวกัน แต่กระนั้นเฉียนหยิ่นก็แก่กว่าเชวีไห่ชวนหลายพันปี
หลังเชวียไห่ชวนกล่าวทักคนรู้จักทั้งหลาย มันก็จากไปพร้อมเฉียนหยิ่นและอาวุโสเหล่ย
ขณะมองไปยังแผ่นหลังของทั้ง 3 ที่จากไป อาวุโสและเหล่าศิษย์ทั้งหลายก็อดคาดเดากันไปไม่ได้
“ที่อาวุโสเชวียไห่ชวนกลับมาครั้งนี้…ใช่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของพวกเราหรือไม่?”
“ข้าว่าไม่น่าใช่ ถึงแม้พลังฝีมือของอาวุโสเชวียไห่ชวนจะร้ายกาจ แต่สถานการณ์ของพวกเรามันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ได้ด้วยพลังฝีมืออย่างเดียว”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ปกติพวกที่ต่อต้านนิกายหมอกเร้นลับเรา พลังฝีมือของบางคนก็ไม่อาจเทียบอาวุโสฝ่ายในหรือเหล่าผู้พิทักษ์ได้ด้วยซ้ำ แต่พวกมันอาศัยการซุ่มโจมตีเป็นหลัก ยามพบเจอคนเข้มแข็งก็ไม่ลงมือ แต่พอเห็นคนอ่อนแอกว่าก็ลงมือสังหารทันที”
“เฮ่อ…ไม่ว่าอาวุโสเชวียไห่ชวนจะร้ายกาจแค่ไหน อย่างไรก็มีตัวคนเดียว แถมไม่น่าจะรั้งอยู่ได้นาน”
…
หลายคนอดสงสัยไม่ได้ ว่าการที่อยู่ๆเชวียไห่ชวนจะย้อนกลับมายังนิกายหมอกเร้นลับครั้งนี้ ใช่เพราะคิดแก้ปัญหาเรื่องคนของนิกายหมอกเร้นลับถูกซุ่มโจมตี ทั้งลอบฆ่าตลอดเวลา 12 ปีที่ผ่านมาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีอาวุโสฝ่ายในบางคนที่อยู่มานาน และพอจะคาดเดาได้ว่าไฉนเชวียไห่ชวนถึงกลับมาตอนนี้
“หากข้าจำไม่ผิด…ตอนนี้นับจากเวลาแล้ว เชวียไห่ชานที่ถูกขังอยู่ในบันไดสวรรค์ ก็จะครบกำหนดหมื่นปีแล้วกระมัง?”
อาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งหันไปกล่าวถามสหายที่เป็นอาวุโสฝ่ายในเหมือนกันข้างๆ
ด้านคนที่ถูกสหายกล่าวถาม ลูกตามันก็หดเล็กลงเร็วไว “จริงด้วย! หากเจ้าไม่เอ่ยขึ้นมาข้าก็คงลืมเชวียไห่ชานไปแล้ว…ตอนนี้จะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น โทษจำคุกหมื่นปีในบันไดสวรรค์ของเชวียไห่ชานก็จะหมดลงแล้ว”
“ปีนั้นเป็นเพราะความผิดของเชวียไห่ชานมันร้ายแรงไม่ใช่เล่น ถึงได้ถูกจำคุกหมื่นปี…อย่างไรก็ตามพอเชวียไห่ชวนผงาดขึ้นมาในเวลาอันสั้น และด้วยผลงานเลิศล้ำที่นิกายมังกรสรรรค์ กล่าวไปพี่ชายอย่างเชวียไห่ชานสมควรถูกอภัยโทษไปนานแล้ว แต่ทั้งหมดเพราะบันไดสวรรค์นั่น เว้นเสียแต่จะถึงเวลาที่กำหนดไว้แต่แรก หาไม่แล้วก็ไม่อาจนำตัวคนออกมาได้”
“อาวุโสเชวียไห่ชวนไม่พ้นต้องกลับมาเพื่อรอรับตัวพี่ชายเป็นแน่”
“พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เหมือนว่าสาเหตุที่เชวียไห่ชานถูกขังในบันไดสวรรค์หมื่นปี ก็เป็นเพราะเชวียไห่ชวน…ปีนั้นเพราะเชวียไห่ชวนเกือบถูกลูกชายคนเดียวของอดีตประมุขฆ่าตาย เช่นนั้นเชวียไห่ชานที่เป็นพี่ใหญ่จึงบันดาลโทสะเข่นฆ่าลูกชายคนเดียวของอดีตประมุขนั่นเพื่อล้างแค้นให้น้อง! เดิมทีเชวียไห่ชวนก็ต้องโทษประหารด้วยซ้ำ แต่อาวุโสในนิกายหลายคนไม่เห็นด้วย สุดท้ายหลังลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ เชวียไห่ชวนก็เลยถูกโทษจองจำในบันไดสวรรค์หมื่นปีเท่านั้น”
“ปีนั้น อดีตประมุขเพราะไม่พอใจคำตัดสินดังกล่าว จึงเลือกถอนตัวออกจากนิกายด้วยความโกรธ ทั้งยังประกาศให้ผู้คนรับทราบกันทั่ว เรื่องที่มันถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับเราไปเข้าสู่นิกายที่เป็นศัตรูอย่างนิกายหมื่นปีศาจเพราะนิกายหมอกเร้นลับเราผิดต่อมันอีก ภายหลังก็เลยเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ในนามนิกายหมื่นปีศาจ”
…
พอกล่าวถึงเรื่องราวในอดีต อาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ของนิกายหมอกเร้นลับก็หันหน้ามามองสบตากัน ก่อนจะแลเห็นถึงความจริงจังในสายตากันและกัน
“อดีตประมุขก็อยู่ในนิกายมังกรสวรรค์เช่นกัน…อาวุโสเชวียไห่ชวนมารับตัวเชวียไห่ชานไปนิกายมังกรสวรรค์เช่นนี้ หรือไม่กลัวอดีตประมุขจะลงมือกับเชวียไห่ชานหรืออย่างไร?”
“บางทีนี่อาจเป็นความกล้าหาญและความมั่นใจของยอดฝีมือ”
“หลังจากผ่านไปหมื่นปี เชวียไห่ชานที่เดิมทีมีพรสวรรค์ไม่เลวร้ายไปกว่าเชวียไห่ชวน ตอนนี้ก็กลายเป็นสูญเปล่า…สุดท้ายแล้วภายในคุกอย่างบันไดสวรรค์ ก็ไม่มีทางทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ ทั้งยังไม่อาจบ่มเพาะพลังได้อีก และหากข้าจำไม่ผิด ตอนที่เชวียไห่ชานถูกจับขัง ตอนนั้นก็ยังเป็นเพียงเทพขั้นสูงกระมัง?”
“มิผิด หมื่นปีผ่านไป เชวียไห่ชานที่อยู่ในบันไดสวรรค์ก็ยังคงเป็นเพียงเทพขั้นสูงดุจเดิม”
…
ในเวลาเดียวกัน
เชวียไห่ชวนพร้อมด้วยเฉียนหยิ่นและอาวุโสเหล่ย ก็ได้มาถึงบ้านเก่าในอดีตของเชวียไห่ชวน ซึ่งเป็นจวนหลังใหญ่
และพอทั้ง 3 มาถึง ก็มีคนสองคนที่มารออยู่ในลานด้านหน้าของบ้านเรียบร้อย
เป็นอาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่ อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับ
นอกจากตอนมารวมตัวกัน หลังอาวุโสฟงตกตายที่เมืองหลิงหูเมื่อ 12 ปีก่อนแล้ว กล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีเลยก็ว่าได้ที่อาวุโสสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายหมอกเร้นลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
“ไห่ชวน!”
“ไม่พบกันเสียนาน ศิษย์หลานไห่ชวนสบายดีกระมัง…”
อาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่กล่าวทักเชวียไห่ชวนด้วยรอยยิ้ม
“อาวุโสอวิ๋น”
“อาจารย์อาหวู่”
เชวียไห่ชวนก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทั้งคู่อย่างนอบน้อม เพราะ 2 คนเบื้องหน้าเป็นผู้อาวุโสที่คอยดูแลมันในอดีต อีกทั้งอาวุโสหวู่ก็เป็นศิษย์น้องของอาจารย์ที่ล่วงลับไปเพราะหายนะสวรรค์
“ไห่ชวน ที่เจ้ากลับมาได้แบบนี้ มิพ้นมารับตัวพี่ชายของเจ้ากระมัง?”
อาวุโสอวิ๋นคลี่ยิ้มถาม
“ใช่”
เชวียไห่ชวนพยักหน้า “เดิมทีข้าก็ปิดด่านบ่มเพาะอย่างสันโดษ จนเมื่อตระหนักได้ว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว ข้าก็เลยเดินทางมานิกายหมอกเร้นลับ เพื่อรอรับตัวพี่ใหญ่ของข้ากลับไปนิกายมังกรสวรรค์ด้วยกัน”
“เจ้าพึ่งออกจากการปิดด่านรึ?”
อาวุโสหวู่ตระหนักได้ทันที “ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียว ว่าไฉนเจ้าถึงไม่ตอบข้อความข้า”
“อาจารย์อาหวู่ ที่ท่านติดต่อหาข้าเพราะเรื่องของอาวุโสฟงกระมัง?”
เชวียไห่ชวนกล่าวถาม
“เจ้ารู้เรื่องแล้วรึ?”
อาวุโสหวู่ตกใจ
“ข้าก็พึ่งมาได้ยินเอาตอนอยู่ด้านนอกนิกายนี่เอง”
เชวียไห่ชวนพยักหน้า “ตอนข้ากลับมาที่นี่ พอดีเห็นใครบางคนซุ่มอยู่ พอข้าจับตัวมันมาถามว่ามันมาซุ่มซ่อนตัวอยู่แถวนี้ทำอะไร มันก็บอกข้าว่ามันมาซุ่มรอให้ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับของเราออกมา ก่อนจะลอบตามไปฆ่าในที่ลับตาคน”
“จากนั้นมันก็บอกเหตุผลในการทำเช่นนี้กับข้า ว่าเป็นเพราะลูกชายคนเดียวของมันรวมถึงหลานชายอีก 2 คนตกตายในเมืองหลิงหู เพราะการระเบิดโลกใบเล็กของอาวุโสฟง…”
เชวียไห่ชวนกล่าว
“เฮ่อ เหล่าฟงหนอเหล่าฟง ไม่เพียงตายตาไม่หลับ แต่ยังชักนำปัญหามาสู่นิกายเราอีก”
อาวุโสเหล่ยกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ข้าไม่น่าหลงเชื่อเหล่าฟงที่หลอกข้าวันนั้นเลย ข้าน่าจะจับตาดูเหล่าฟงต่อ…บางที ข้าอาจหยุดเหล่าฟงได้…”
“อาวุโสเหล่ย”
ด้านเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับที่ฟังถึงตรงนี้ ก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “หากอาวุโสฟงดึงดันจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้จงได้ ต่อให้ท่านจะจับตาดูไว้ก็ไร้ประโยชน์”
“ส่วนเรื่องที่จุดระเบิดโลกใบเล็กภายในกาย ไม่พ้นอาวุโสฟงต้องคิดลากต้วนหลิงเทียนให้ตกตายไปตามกันแน่ สถานการณ์ตอนนั้นมิพ้นต้องสิ้นหวังไร้หนทางแล้วจริงๆ”
“และข้ายังเชื่ออีกด้วย ว่าอาวุโสฟงไม่ตั้งใจจะสร้างปัญหาให้นิกายเรา หาไม่แล้วตั้งแต่ตอนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงวันนั้น อาวุโสฟงคงลงมือไปแล้ว แต่กับไม่ได้ลงมือทำอะไร เห็นชัดว่าห่วงนิกายหมอกเร้นลับเรา”
เฉียนหยิ่นกล่าว
“หึ!”
ทันใดนั้นเอง อาวุโสอวิ๋นพลันพ่นลมขึ้นจมูกเสียงเย็น “ผู้ใดจะไปรู้ ว่าวันนั้นมันทำเพื่อนิกายหรือทำเพื่อตัวเองกันแน่”
“ถ้าเกิดต้วนหลิงเทียนคนนั้นมีภูมิหลังยิ่งใหญ่จริง และมันฆ่าต้วนหลิงเทียนไป ไม่เพียงแต่นิกายจะประสบเคราะห์ มันยังไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้”
พออาวุโสอวิ๋นกล่าวถึงจุดนี้ อาวุโสหวู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ข้ายังยืนกรานให้ใช้วิธีของข้าจบปัญหาเรื่องทั้งหมด…ออกไปประกาศให้ทุกคนรู้กันเสีย ว่าสำนักและครอบครัว รวมถึงญาติสนิทมิตรสหายของอาวุโสฟงในนิกายหมอกเราจะถูกขับไล่ออกจากนิกายหมอกเร้นลับ เรียกว่าขีดเส้นให้ชัดเจนกันไปเลย สิ่งนี้เพื่อระงับโทสะของญาติๆและสหายของผู้ที่ถูกลูกหลงตกตายที่เมืองหลิงหู”
“อาวุโสอวิ๋น อาวุโสหวู่”
สีหน้าของอาวุโสเหล่ยกลายเป็นอึมครึมขึ้นมาทันที “คนก็ตายไปแล้ว ยังต้องใจร้ายกับคนข้างหลังถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ไม่อาจพูดว่าใจร้ายอันใดได้”
อาวุโสอวิ๋นกล่าว “มันเป็นสิ่งที่พวกเราต้องทำให้ชัดเจน”
“ศิษย์พี่เฉียนหยิ่น ที่แท้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เชวียไห่ชวนที่ฟังอาวุโสทั้ง 3 พูดกันอยู่สักพัก ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย จึงหันไปเอ่ยถามเฉียนหยิ่นว่า “ต้วนหลิงเทียนนั่น เป็นผู้ใดกันแน่?”
“มิใช่เป็นอาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหูหรือไร?”
เรื่องเกี่ยวกับต้วนหลิงเทียนที่เชวียไห่ชวนเคยได้ยินมา ก็มีจำกัดอยู่แค่สิ่งที่ชายชราที่มันพบเจอด้านนอกนิกายหมอกเร้นลับบอกไว้เท่านั้น
“เท่าที่ข้าฟังๆอยู่ เพราะมันฆ่าซั่งกวนฉงเฟิง…อาวุโสฟงก็เลยจะฆ่ามันล้างแค้นให้ได้?”
เชวียไห่ชวนเอ่ยถามเป็นชุด
“ศิษย์น้องไห่ชวน เรื่องมันมีอยู่ว่า…”
เห็นถึงความสงสัยของเชวียไห่ชวน เฉียนหยิ่นก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวออกมาอย่างอดทน โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่ต้วนหลิงเทียนถูกพาตัวมานิกายหมอกเร้นลับจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ จวบจนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนย้ายไปเข้าร่วมตระกูลหลิงหู และต่อมาอาวุโสฟงก็ไปซุ่มรอเพื่อจัดการต้วนหลิงเทียนแต่กลับล้มเหลว จนชักนำปัญหามาสู่นิกายหมอกเร้นลับ
บัดนี้ ในที่สุดเชวียไห่ชวนก็ทราบแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร และนิกายหมอกเร้นลับต้องเจอกับอะไรบ้างตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา
ทุกอย่างเป็นเพราะคนๆเดียว
และคนๆนั้นก็มีชื่อว่า ‘ต้วนหลิงเทียน’ ยังเป็นคนแรกในรอบหมื่นปีที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพ จนกลายเป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ
หลายคนบอกว่า ต้วนหลิงเทียนจะกลายเป็นเชวียไห่ชวนคนที่ 2
อย่างไรก็ตามหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเฉียนหยิ่นแล้ว เชวียไห่ชวนก็รู้ดีแก่ใจ ว่าตอนที่มันมีอายุเท่าต้วนหลิงเทียน มันทาบต้วนหลิงเทียนไม่ติดเลย
“ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวนัก…น่าเสียดายที่นิกายหมอกเร้นลับเราเสียมันไป”
เชวียไห่ชวนกล่าวอย่างทอดถอนใจ
พอเชวียไห่ชวนได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวแล้ว มันก็รู้สึกว่าที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงไป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ถือว่าทำผิดอะไร และรู้สึกว่าการลงมืออันเด็ดขาดของต้วนหลิงเทียนช่างน่าชื่นชมนัก
หากเป็นตัวมันเอง เกรงว่าคงไม่มีความกล้าถึงขนาดนั้น
แต่เป็นธรรมดาว่าถึงในใจมันจะคิดไปทำนองดังกล่าว แต่มันก็ไม่คิดจะกล่าวออกมา เนื่องเพราะถึงอาวุโสฟงจะตายไปแล้ว แต่อาวุโสเหล่ยยังอยู่
“อาจกล่าวได้ว่า…นิกายหมอกเร้นลับเราไร้วาสนากับมัน”
อาวุโสอวิ๋นคลี่ยิ้มขื่นขม
“เจ้าหนูไห่ชวน เจ้าว่าเรื่องนี้พวกเราควรแก้ไขอย่างไรดี? จนถึงตอนนี้ไม่เพียงแต่ภายนิกายเราเท่านั้นกระทั่งเหล่าอาวุโสที่อยู่ในนิกายมังกรสวรรค์เองก็ยังเสียงแตก ด้านหนึ่งก็สนับสนุนให้ขับไล่คนที่เกี่ยวข้องกับอาวุโสฟงทั้งหมดออกจากนิกาย ส่วนอีกด้านรู้สึกว่าคนบริสุทธิ์ไม่จำเป็นต้องได้รับผลกรรมที่ไม่ได้ก่อ อีกทั้งอาวุโสฟงก็สร้างความดีความชอบไว้มากมาย นิกายหมอกเร้นลับไหนเลยจะปล่อยให้วิญญาณของอาวุโสฟงไม่สงบได้”
อาวุโสเหล่ยหันไปมองถามความเห็นจากเชวียไห่ชวน
ได้ยินดังนั้น เชวียไห่ชวนก็ส่ายหัวไปมา “อาวุโสเหล่ย เรื่องนี้ท่านอย่าได้ถามความเห็นของข้าเลย พวกท่านตัดสินใจกันเองเถอะ”
“แต่ถ้ายังตัดสินใจกันไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นลองคิดดู…หากว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่นนั้นต้องมีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ไม่เกี่ยวข้องพลอยได้รับเคราะห์กันอีกเท่าไหร่ และต่อไปยังจะมีใครคิดจะเข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับอีกหรือไม่?”
“12 ปียังไม่ถือว่าเนิ่นนานอะไร…แต่ถ้าสถานการณ์มันคาราคาซังไปอีก 100 ปี หรือ 1,000 ปีเล่า?”
“นอกจากนั้น…พวกนิกายหมื่นอสูรไหนเลยจะปล่อยโอกาสผสมโรงงามๆเช่นนี้ผ่านไปง่ายๆ หากพวกมันส่งยอดฝีมือตีเนียนเป็นญาติหรือสหายกับคนที่ตายในเมืองหลิงหู มาดักฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับแม้กระทั่งชนชั้นอาวุโสหรือผู้ดูเล่า นิกายหมอกเร้นลับจะแบกรับไหวหรือไม่?”
“พวกมันเมื่อมีโอกาสเล่นงานนิกายหมอกเร้นลับอย่างชอบธรรม…ข้าคิดว่าพวกมันคงไม่มีทางพลาดกระมัง?”
พูดถึงจุดนี้ เชวียไห่ชวนก็มองลึกไปยังอาวุโสเหล่ย