WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3769 ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน
คำพูดของเชวียไห่ชวนทำให้อาวุโสเหล่ยหน้าเปลี่ยนสีไปทันที
“ให้ตาย…ไฉนข้าถึงไม่ทันคิดเรื่องนี้”
อาวุโสหวู่เองก็กล่าวคำออกมาหน้าเครียด “มิน่าแปลกใจเลย ว่าไฉนถึงมีผู้คนมากมายนักที่มาลงมือเข่นฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับเรา เพราะกล่าวกันตามตรง อาศัยแค่ญาติหรือสหายของผู้ที่ตกตายในเมืองหลิงหูอย่างเดียว ไม่น่าจะมีความกล้ามาลงมือกันมากมายเช่นนี้…ดูเหมือนว่าจะต้องมีคนของนิกายหมื่นปีศาจมาร่วมผสมโรงเป็นแน่!”
“ประมุข เจ้าไม่อาจลังเลได้อีกแล้ว เรื่องนี้พวกเราต้องจัดการขั้นเด็ดขาด!”
อาวุโสอวิ๋นหันไปมองเฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับพลางกล่าวเสียงหนัก ถึงแม้มันกับสหายจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุด แต่ในนิกายหมอกเร้นลับ ผู้ที่ตัดสินใจสุดท้ายยังคงเป็นประมุขนิกาย
ด้านเฉียนหยิ่นเอง สีหน้าของมันก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
ในฐานะประมุขคนหนึ่ง มันกลับเอาแต่ห่วงหน้าตาจนไม่อยากไล่ผู้บริสุทธ์ให้เป็นที่ครหา จนไม่ทันได้นึกถึงนิกายหมื่นปีศาจเลยด้วยซ้ำ
พอมาได้ยินคำกล่าวเตือนของเชวียไห่ชวน มันก็รู้สึกละอายใจนัก ยังเริ่มนึกไปว่าตัวเองช่างไร้ความสามารถในฐานะประมุขเสียจริง
“เอาล่ะ ข้าจะให้อาวุโสหลักสองสามคนที่รับผิดชอบกิจการภายนอกออกไปแถลงการณ์…นอกจากนั้น ข้าได้สั่งให้อาวุโสคุมกฏขับไล่เชื้อสายอาวุโสฟงทั้งหมดออกไปจากนิกายหมอกเร้นลับแล้ว และนับจากวันนี้ไปนิกายหมอกเร้นลับจะไม่รับลูกหลานของพวกมันมาเข้าร่วมนิกายอีก”
รอบนี้เฉียนหยิ่นได้ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่เอ่ยถามความเห็นใครด้วยซ้ำ
ก่อนหน้ามีอาวุโสเหล่ยกับแนวร่วมไม่กี่คนเท่านั้นที่คัดค้าน แต่บัดนี้เมื่ออาวุโสเหล่ยไม่ได้หยุดมัน อีกฝ่ายแค่นิ่งฟังเรื่องราว ด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีเท่านั้น
“เรื่องในนิกายพวกท่านจัดการกันเองเถอะ ส่วนเรื่องพี่ใหญ่ข้า ก็ยังมีเวลาอีกสักพัก…เช่นนั้นช่วงนี้ ข้าจะนัดแนะให้ศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับออกไปเป็นตัวล่อ โดยข้าจะลอบให้ความคุ้มครองพวกมันเอง”
“หากมีคนของนิกายหมื่นปีศาจโผล่มาล่ะก็ ข้าจะไปถามหาคำอธิบายถึงนิกายหมื่นปีศาจ!”
เชวียไห่ชวนกล่าว
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของเชวียไห่ชวน ดวงตาของเฉียนหยิ่นและคนอื่นๆก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
เพราะในปัจจุบันเชวียไห่ชวนไม่ใช่เป็นคนของนิกายหมอกเร้นลับเท่านั้น แต่ยังเป็นอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์อีกด้วย เรียกว่ายามไปขอคำชี้แจงจากนิกายหมื่นปีศาจ อานุภาพยังสูงล้ำกว่าให้พวกมันมัดรวมกันไปเสียอีก
สุดท้ายแล้วตัวตนของเชวียไห่ชวนก็ไม่ใช่ธรรมดา
…
ในขณะที่นิกายหมอกเร้นลับออกแถลงการณ์ขับไล่เชื่อสายของอาวุโสฟงออกจากนิกาย ด้านคนในเชื้อสายของอาวุโสฟงก็ตื่นตระหนกตกใจกันนัก
ถึงแม้พวกมันจะคาดเดาได้แต่แรก ว่าสักวันพวกมันอาจประสบชะตากรรมเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำสั่งขับไล่จริงๆ พวกมันก็อดเศร้าใจไม่ได้ และเหล่าผู้ที่ถูกขับไล่ก็ได้แต่หันหน้ามองตากันด้วยความอับจนหนทาง เหล่าศิษย์และอาวุโสในนิกายหมอกเร้นลับก็อดเศร้าใจไม่ได้ที่ต้องเห็นสหายบ้างก็ลูกศิษย์ถูกขับไล่ออกจากนิกายแบบนี้
“อาวุโสฟงช่างเป็นคนบาปในตระกูลยิ่งนัก ถึงซั่งกวนฉงเฟิงจะเป็นหลานชายแท้ๆแล้วอย่างไร…ไฉนต้องเลือกล้างแค้นโดยรู้ทั้งรู้ว่าอาจลากทุกคนในตระกูลให้ล่มจมไปด้วยเช่นนี้?”
“ในบรรดาสายเลือดของอาวุโสฟง ก็ยังมีพี่ชายน้องชายของมันกระทั่งหลานอีกหลายสิบคน…ข้าไม่ทราบจริงๆว่าอาวุโสฟงคิดอะไรอยู่กันแน่ หลานชายคนอื่นไม่ใช่คนหรือไร? เพียงเพราะเห็นแก่หลานนอกคอกนั่นคนเดียว ถึงกับทำให้ลูกหลานของผู้อื่นพลอยประสบปัญหาไปด้วยเช่นนี้ ทำยังกับทั้งตระกูลฟงเป็นของมันคนเดียว”
“ผู้อาวุโสฟง ไม่ว่าจะนิกายหมอกเร้นลับเราหรือในตระกูลฟงของมันเกรงว่าตอนนี้คงไม่มีใครเห็นใจ โดยเฉพาะคนของตระกูลฟงที่อาจต้องตกระกำลำบาก เผลอๆอาจถึงขั้นชะตาขาดกันหมดบ้าน”
…
เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับ ที่ออกมามองคนในเชื้อสายอาวุโสฟงถูกขับไล่ออกจากนิกาย ซุบซิบคุยกันเสียงเบา และทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดจากการกระทำไม่ยั้งคิดของอาวุโสฟงเมื่อ 12 ปีก่อนล้วนๆ
และนับตั้งแต่วันนี้ไปนิกายหมอกเร้นลับก็ถือว่าได้ตัดขาดจากอาวุโสฟงโดยสมบูรณ์ เพราะได้ขับไล่ผู้ที่มีสายเลือดของอาวุโสฟงในนิกายออกไปหมดสิ้น และจากนี้ไปเรื่องราวใดๆของอาวุโสฟงกับคนในเชื้อสาย ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายหมอกเร้นลับอีกต่อไป
หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทั้ง 4 ทิศเรียกว่าฮือฮากันยกใหญ่
นิกายหมอกเร้นลับ กลับตัดสินใจขั้นเด็ดขาดสุดที่ใครจะคาดคิด
ต่อมา เหล่าผู้ที่คิดจะลงมือกับศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับเพื่อล้างแค้นอาวุโสฟงทางอ้อม ก็เริ่มรามือจากศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ และไปตามล่าคนในตระกูลฟงทุกแห่งหน
ในเวลาไม่นาน คนของตระกูลฟงที่โชคร้ายซ่อนตัวไม่ดีก็ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก
หากปราศจากการคุ้มครองของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว สถานการณ์ของพวกมันก็มีแต่ย่ำแย่ลงไร้ทางฟื้นตัว กระทั่งสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฆ่าล้างตระกูล
กล่าวได้ว่าคนในตระกูลฟงทั้งหลาย ได้ถูกบีบคั้นให้เปลี่ยนชื่อแซ่ บ้านแตกสาแหรกขาด แยกย้ายกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง และไม่ว่าใครในใจก็ทั้งคับแค้นทั้งเกลียดชังอาวุโสฟงนัก เพราะพวกมันเชื่อว่าหากอาวุโสฟงแค่ตายๆไปซะ ไม่ระเบิดโลกใบเล็กภายในกายแบบนี้ พวกมันก็คงไม่ต้องตกต่ำลงอย่างที่เป็นอยู่
ต่อมาเหล่าผู้ที่ซุ่มโจมตีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับก็ลดลงเรื่อยๆ
เดิมทีคนที่มีความแค้นกับอาวุโสฟงจริงๆ ที่ไฉนมาลงมือต่อนิกายหมอกเร้นลับในลักษณะนั้น ก็เป็นเพราะนิกายหมอกเร้นลับไม่ประกาศจุดยืน และคนในตระกูลอาวุโสฟงก็ยังกินดีอยู่ดีในนิกายหมอกเร้นลับ เช่นนั้นพวกมันก็ได้แต่ระบายโทสะใส่นิกายหมอกเร้นลับ
ตอนนี้พอนิกายหมอกเร้นลับขับไล่คนในตระกูลของอาวุโสฟงออกจากนิกาย และประกาศท่าทีออกมาชัดเจน เป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่ลงมือทำร้ายคนบริสุทธิ์ของนิกายหมอกเร้นลับอีกต่อไป
และพวกมันไม่มีใครกังวลว่านิกายหมอกเร้นลับจะโกหก เพราะถ้านิกายหมอกเร้นลับโกหกพวกมันย่อมรู้ได้ในเวลาอันสั้น ถึงตอนนั้นการล้างแค้นของพวกมันก็จะยิ่งบ้าคลั่งกว่าเดิม
ในบรรดาพวกมัน ก็มีหลายคนที่มีญาติหรือสหายอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับ ไม่ว่าจะศิษย์ก็ดีหรือชนชั้นอาวุโสก็ดี เช่นนั้นเรื่องโกหกใดๆ นิกายหมอกเร้นลับไม่อาจทำได้เลย
“นิกายหมอกเร้นลับ ที่แท้กลับมีด้านใจเหี้ยมเช่นนี้ด้วย…ตอนนี้พวกเราเอาอย่างไรกันต่อดีเล่า จะซุ่มรอแถวนี้ดักฆ่าคนของพวกมันต่อ หรือจะกลับกันดี?”
นิกายหมื่นปีศาจได้ส่งผู้คนออกมาดักฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับไม่น้อย แถมคนที่ส่งออกมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นระดับสูงๆของนิกายทั้งนั้น
กล่าวได้ว่าฐานะต่ำสุดก็เป็นถึง ผู้ดูแลนิกายฝ่ายใน
นอกจากนั้นก็มีอาวุโสฝ่ายในเป็นจำนวนมาก
คนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็อยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นกลางเข้าไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีใครลงมือเพียงลำพัง หากไม่ใช่ผู้ดูแลฝ่ายในจับกลุ่มกันเองกลุ่มละ 3-4 คน ก็จะเป็นอาวุโสฝ่ายใน 1 คนกับผู้ดูแลฝ่ายใน 2 คน และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในรูปแบบผสมดังกล่าว
สิ่งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้ถูกนิกายหมอกเร้นลับตอบโต้ และถ้าเกิดตัวตนของพวกมันถูกเปิดเผย นิกายหมอกเร้นลับก็ไม่เลิกราง่ายๆแน่
ที่พวกมันมาลงมือดักฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ ก็เป็นคำสั่งตรงจากประมุขนิกาย
“เช่นนั้น ลองติดต่อไปถามทางนิกายดูก่อนหรือไม่?”
จากนั้นเหล่าคนของนิกายหมื่นปีศาจที่มาซุ่มรอในละแวกนิกายหมอกเร้นลับก็ได้ส่งข้อความกลับไปถามทางนิกาย จะให้พวกมันทำอย่างไรต่อไป และไม่นานนัก หลานชิง ประมุขนิกายหมื่นปีศาจก็ได้รับทราบความเคลื่อนไหวดังกล่าวของนิกายหมอกเร้นลับ
“เจ้าเฉียนหยิ่นน่าตายนั่น ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มันกล้าได้กล้าเสียแบบนี้?”
หลานชิงประมุขนิกายหมื่นปีศาจนั้น เพราะความที่นิกายหมื่นปีศาจเป็นอริกับนิกายหมอกเร้นลับมาช้านาน เช่นนั้นเฉียนหยิ่นที่เป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลับก็ถูกมันมองเป็นศัตรูชั่วชีวิตมาโดยตลอด
และมีคำกล่าวที่ว่า มีแต่ศัตรูของเราที่รู้จักเราดีกว่าตัวเราเอง หลานชิงจึงล่วงรู้นิสัยไม่เด็ดขาดของเฉียนหยิ่นดี ทำให้มันอดแปลกใจไม่ได้
“บางทีศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับตกตายกันเยอะเกินไปกระมัง…สุดท้ายก็ไม่ได้มีแต่พวกเราที่จ้องจะฆ่าคนของนิกายหมอกเร้นลับ”
อาวุโสฝ่ายในที่ติดต่อกับหลานชิงอยู่ ก็ส่งข้อความตอบกลับ
“ก็จริง”
หลานชิงพยักหน้า จากนั้นก็ส่งข้อความไปว่า “ท่านให้ผู้ดูแลฝ่ายในกลับมาก่อนแล้วกัน”
“จากนั้นท่านกับอาวุโสฝ่ายในที่เหลือรั้งอยู่ต่ออีกสัก 3 เดือนเถอะ…หลังจาก 3 เดือนแล้วค่อยกลับ”
“เพราะในช่วง 2-3 เดือนหลังจากนี้ ข้าเชื่อว่าเหล่าศิษย์ที่ไม่กล้าออกมาก่อนหน้า อาจจะเริ่มออกมากันมากขึ้น”
เมื่อได้รับคำสั่งจากหลานชิง เหล่าผู้ดูแลฝ่ายในส่วนใหญ่ของนิกายหมื่นปีศาจก็เดินทางกลับนิกายทันที
คงเหลือแต่อาวุโสฝ่ายในของนิกายหมื่นปีศาจ ที่ซุ่มจับตาดูนอกนิกายหมอกเร้นลับต่ออีก 3 เดือน เพื่อลงมือฆ่าคนที่ออกมาให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าผู้ดูแลฝ่ายในทุกคนจะกลับไปกันทั้งหมด ยังมีบางคนที่รั้งอยู่ต่อ
“ฮ่าๆๆๆ…โชคดีที่พวกเราสนิทกับท่านนะอาวุโสหวาง หาไม่แล้วหากต้องกลับไปก่อนเหมือนคนอื่นๆ คงอดสนุกกันพอดี”
ผู้ดูแลฝ่ายในของนิกายหมื่นปีศาจ 1 ใน 2 หันไปกล่าวคำกับอาวุโสฝ่ายในที่เป็นหัวหน้ากลุ่มด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะพวกเราเหลือเวลาสนุกกันอีกแค่ 3 เดือน…แต่ข้าว่าเดือนแรกพวกเราอยู่เงียบๆกันก่อนดีกว่า เพราะข้าเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่กล้าออกมาดูสถานการณ์…และขอเพียงพวกมันตายใจว่าไร้เรื่องราวแล้ว 2 เดือนหลังสมควรมีคนโผล่หัวออกมาให้พวกเราฆ่ากันสนุกมือ!”
อาวุโสฝ่ายในนิกายหมื่นปีศาจกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ “ดังนั้น 1 เดือนหลังจากนี้พวกเราจะไม่ลงมือ พักผ่อนเอาแรงกันก่อน หลังผ่านไป 1 เดือนพวกเราจะเริ่มลงมืออีกครั้ง!”
“ข้าเองก็จะติดต่ออาวุโสฝ่ายในคนอื่นๆ ให้หยุดมือก่อนสักเดือน”
…
ในขณะเดียวกัน เชวียไห่ชวนที่ออกอุบายให้ศิษย์บางคนออกไปล่อ ก็จำต้องคว้าน้ำเหลว หนึ่งเดือนที่ผ่านมามันกลับไม่พบเจอใครซุ่มเล่นงานศิษย์นิกายหมอกเร้นลับอีกเลย
‘อีกครึ่งเดือน พี่ใหญ่ก็จะออกจากบันไดสวรรค์แล้ว…’
พอคิดว่าพี่ชายคนโตของมันกำลังจะออกจากบันไดสวรรค์ในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เชวียไห่ชวนก็อารมณ์ดีนัก แต่มันก็ไม่ได้ล้มเลิกการลอบคุ้มกันศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ถูกสั่งให้ออกมาล่อศัตรูแต่อย่างใด
‘หืม?’
อย่างไรก็ตามหลังจากไร้เรื่องราวมาหนึ่งเดือน วันนี้อยู่ๆเชวียไห่ชวนที่ลอบติดตามคุ้มกันศิษย์ที่มันส่งออกมา ก็จับความผิดปกติบางอย่างได้ ร่างมันหยุดนิ่งค้างกลางหาว รอดูสถานการณ์อย่างเงียบงัน
ไม่นานนัก เบื้องหน้าเหล่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ 2 คนก็ปรากฏร่างคนออกมาขวาง เป็นชายชราคนหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีชายวัยกลางคนอีก 2 คนโผล่มาดักด้านหลัง!
“เป็นศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ ฆ่ามันเสีย!”
เมื่อชายชรากล่าวสั่ง ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ก็ตอบสนองเร็วไว ลงมือเข่นฆ่าไปทางศิษย์นิกายหมอกเร้นลับอย่างไร้ปราณี ไม่เปิดโอกาสให้ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับได้พูดอะไรสักคำ
พลังเทพขอบเขตราชาเทพขั้นกลางถูกปลดปล่อยออกมาอย่างอำมหิต ด้านศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 ก็พยายามเร่งเร้าพลังเทพสุดตัว ใช้ความลึกซึ้งของกฏรวมถึงพลังสายเลือดออกมาเพื่อต้านทาน อนิจจาเพียงปะทะกันไม่ทันไร พลังของมันกลับถูกพลังเทพของอีกฝ่ายบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
ทว่าในขณะที่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 กำลังจะถูกฆ่าตายนั้นเอง
ปงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้น เป็นการลงมือของราชาเทพวัยกลางคนทั้ง 2 ปะทะเข้ากับม่านพลังเทพที่อยู่ๆก็ผุดออกมาจากความว่างเปล่า จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มแผ่ลงมาจากฟากฟ้า
ไม่นานนักก็ปรากฏร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง โรยตัวลงมาหยุดลงหน้าม่านพลังดังกล่าว
“อาวุโสเชวียไห่ชวน!”
“อาวุโสเชวียไห่ชวน!”
ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 ที่รอดตายมาได้ เร่งกล่าวคำทักทายเชวียไห่ชวนด้วยเคารพ แม้พวกมันจะรู้ดีว่าพวกมันออกมาเพื่อทำหน้าที่นกต่อ โดยมีเชวียไห่ชวนรับรองความปลอดภัย แต่การถูกพลังเทพระดับราชาเทพขั้นกลางเข่นฆ่าเข้ามาแบบเมื่อครู่ ก็ทำให้พวกมันเหงื่อแตกพลั่กอยู่ดี
“เชวียไห่ชวน!?”
ได้ยินนามที่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 เอ่ยทักชายหนุ่มชุดขาว ไม่เพียงแต่ชายชราที่ยังไม่ได้ลงมือ ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ที่ลงมือเมื่อครู่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเป็นแถบ
เชวียไห่ชวน!
เมื่อหลายพันปีก่อน ศิษย์อัจฉริยะของนิกายหมอกเร้นลับคนนี้ หลังจากเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์แล้ว อีกฝ่ายก็ผงาดขึ้นมาด้วยความเร็วอันน่ากลัว และตอนนี้ด่านพลังก็ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางแล้ว และเป็นถึง 1 ใน 3 อาวุโสมังกรขาวที่มีอายุน้อยที่สุดของนิกายมังกรสวรรค์
จังหวะนี้ สีหน้าของชายชราและชายวัยกลางคนทั้ง 2 กลายเป็นซีดเซียวหาสีเลือดไม่เจอ
พวกมันไม่คิดหลบหนี
เพราะพวกมันรู้ดีว่าหนีไปก็ไร้ประโยชน์
ต่อหน้าจอมราชันเทพขั้นกลาง อย่าว่าแต่พวกมันหนึ่งเป็นราชาเทพขั้นสูงทั่วไป กับ 2 ราชาเทพขั้นกลางเลย ต่อให้พวกมันทั้ง 3 คนจะเป็นราชาเทพขั้นสูงชนชั้นยอดฝีมือ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาจอมราชันเทพขั้นกลาง
“อาวุโสฝ่ายในของนิกายหมื่นปีศาจ…แล้วก็ผู้ดูแลฝ่ายในเช่นนั้นรึ?”
สองตาเชวียไห่ชวนมองข้ามระยะทางไกลห่างไปหยุดลงบนป้ายที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวของทั้ง 3 ก่อนจะกล่าวคำออกมาเสียงเรียบ
พอทั้ง 3 ได้ยินคำพูดเชวียไห่ชวน สีหน้าพวกมันพลันเปลี่ยนไปอีกรอบ
ต้องทราบด้วยว่าพวกมันไม่เคยมีความคิดจะเก็บป้ายประจำตัวของพวกมันเลย เพราะด้วยพลังฝีมือของพวกมันการฆ่าศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับก็เป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก แม้กระทั่งเวลาจะส่งข้อความก็ไม่มี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรอดตายไปเปิดเผยตัวตนของพวกมัน
เพียงแต่พวกมันไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ว่าจะได้เจอกับเชวียไห่ชวนเข้าให้แบบนี้
“ประมุขนิกายหมื่นปีศาจของพวกเจ้า ส่งพวกเจ้ามาจับปลาน้ำขุ่นกระมัง..ว่าแต่เป็นไรบ้างเล่า ฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ไร้ทางสู้ของข้าแบบนี้สนุกมากหรือไม่?”
เชวียไห่ซวนมองจ้องไปยังชายชราที่เป็นอาวุโสฝ่ายในหมื่นปีศาจเพียงคนเดียวในบรรดาคนทั้ง 3 พลางถามประชดออกไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“อาวุโสเชวียไห่ชวน…”
สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปหลายรอบ ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “เหตุผลที่พวกเราทั้ง 3 มาลงมือกับศิษย์นิกายหมอกเร้นลับเช่นนี้มิใช่คำสั่งจากท่านประมุข แต่พวกเราลงมือเป็นการส่วนตัว”
“และทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน!!”
“ต้วนหลิงเทียนมันไปตระกูลหลิงหูแล้ว พวกเราย่อมไม่อาจฆ่ามันได้อีก…เช่นนั้นพวกเราก็ได้แต่มาระบายอารมณ์กับศิษย์นิกายหมอกเร้นลับรุ่นเดียวกับมัน!”