WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3770 ต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว!
พอเชวียไห่ชวนปรากฏตัวออกมา มันก็ทำให้อาวุโสฝ่ายในกับผู้ดูแลฝ่ายในของนิกายหมื่นปีศาจหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง ไม่เหลือแม้แต่ความกล้าจะหลบหนีด้วยซ้ำ!
พวกมันกลัวว่าหากพวกมันหลบหนี อาจเป็นการกระตุ้นให้เชวียไห่ชวนลงมือฆ่าพวกมันทิ้งทันที!
แต่ถ้าไม่หนี ก็ยังพอมีโอกาสรอดอยู่
“เพราะต้วนหลิงเทียน?”
ได้ยินคำพูดของชายชราอันเป็นอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ เชวียไห่ชวนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว “ข้อแก้ตัวของพวกเจ้าดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ ว่างั้นไหม?”
“อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนนั่นก็ต้องไปทำอะไรให้พวกเจ้าโกรธแค้นก่อนมิใช่หรือไร พวกเจ้าถึงจะมีแรงจูงใจมาก่อการถึงที่นี่?”
ชื่อ ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่เชวียไห่ชวนกลับมาถึงนิกายหมอกเร้นลับมันได้ยินมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และแม้แต่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่มันขอให้ทำหน้าที่เป็นนกต่อก็ยังกล่าวถึง
กล่าวได้ว่า เสมือนนามดังกล่าวกำลังหลอกหลอนอยู่ในหูมันอย่างไรอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ทำให้มันคาดไม่ถึงก็คือ อาวุโสฝ่ายในชราของนิกายหมื่นปีศาจที่มันจับได้ขณะกำลังจะฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ กลับให้เหตุผลว่าที่พวกมันมาดักฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับก็เป็นเพราะต้วนหลิงเทียน?
จังหวะนี้เชวียไห่ชวนบังเกิดความรู้สึกอยากเจอตัวต้วนหลิงเทียนเป็นๆเหลือเกิน มันอยากรู้นักว่าคนที่ทำให้หลายต่อหลายคนกล่าวถึงกันหนาหูเป็นคนอย่างไรกันแน่
แม้แต่อาวุโสฝ่ายในเองยังคิดโยน ‘หม้อก้นดำ’ ให้ต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!
“อาวุโสเชวียไห่ชวน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เคยทำให้พวกเราโกรธแค้นโดยตรง แต่อย่างไรมันก็ได้ล่วงเกินอาวุโสกวงเทียนเจิ้งของนิกายหมื่นปีศาจเรา!”
อาวุโสฝ่ายในชราของนิกายหมื่นปีศาจเอ่ยขึ้น
“กวงเทียนเจิ้ง?”
พอได้ยินเชวียไห่ชวนก็มองจ้องอาวุโสชราตาเขม็ง “กวงเทียนเจิ้งที่เจ้าเอ่ยถึง ใช่อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสรรรค์หรือไม่?”
นามกวงเทียนเจิ้งไม่อาจคุ้นหูมันมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะมันคืออาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ที่มีพื้นเพมาจากนิกายหมื่นปีศาจ ด้วยความที่อีกฝ่ายเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์เร็วกว่ามัน เช่นนั้นในกระบวนการๆเติบโตของมัน อีกฝ่ายก็มัก ‘ขัดขา’ มันให้สะดุดบ่อยครั้ง
แต่เป็นธรรมดาว่าเมื่อมันเติบโตขึ้นแล้ว มันก็เป็นฝ่ายขัดขากวงเทียนเจิ้งแทน ยังหนักกว่าตอนที่อีกฝ่ายทำกับมันไว้มาก
กล่าวได้ว่าในปัจจุบัน หากกวงเทียนเจิ้งพบเจอมัน ยังต้องเป็นฝ่ายเดินเบี่ยงออกไป
“เป็นคนเดียวกัน”
สีหน้าท่าทีของอาวุโสฝ่ายในชราของนิกายหมื่นปีศาจเริ่มกลายเป็นจริงจัง
“ต้วนหลิงเทียนไปมีเรื่องมีราวกับมันได้อย่างไร?”
เชวียไห่ชวนเอ่ยถามเสียงเรียบ
อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาเร็วไว “นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนได้สังหาร ฉู่หาน ศิษย์ของอาวุโสกวงเทียนเจิ้ง”
ในที่สุดสีหน้าที่นิ่งสงบเฉยเมยของเชวียไห่ชวนก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ฉู่หาน?
พริบตาต่อมา มันก็เร่งส่งข้อความไปไถ่ถามสหายในนิกายมังกรสวรรค์ทันที และอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาแทบจะทันที “ฉู่หานตกตายไปแล้วจริงๆ มันตายไปตั้งแต่ 12 ปีก่อน”
“ตอนนั้นกวงเทียนเจิ้งแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาฆาตกรไปทั่ว”
“หลังจากนั้นกวงเทียนเจิ้งก็ออกจากนิกายไปพักหนึ่ง ข้าเองก็ไม่ทราบว่ามันไปที่ใด จนเมื่อศิษย์คนรองของมันกำลังจะแต่งงานมันถึงจะกลับมา”
ข้อความจากสหายทำให้เชวียไห่ชวนประหลาดใจไม่น้อย ฉู่หานศิษย์รักของกวงเทียนเจิ้งนั่นตายแล้วจริงหรือนี่?
“ในเมื่อต้วนหลิงเทียนนั่นมันฆ่าฉู่หาน เช่นนั้นหลังกวงเทียนเจิ้งนั่นมันกลับไปนิกายหมื่นปีศาจของพวกเจ้าแล้ว ไฉนมันจึงไม่ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อล้างแค้นด้วยตัวเอง?”
เชวียไห่ชวนมองลึกไปยังชายชราเบื้องหน้า พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
ชายชราก็ผงะไปเล็กน้อย ค่อยตอบกลับมาว่า “กว่าที่อาวุโสกวงเทียนเจิ้งจะทราบว่าต้วนหลิงเทียนกลับนิกายหมอกเร้นลับแล้ว ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็ได้ฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียว และออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูเรียบร้อยแล้ว”
“แน่นอนว่าอาวุโสกวงเทียนเจิ้งเองก็ไปเยือนตระกูลหลิงหูเป็นการส่วนตัว”
“อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลิงหูได้เปิดใช้ค่ายกลพิทักษ์เพื่อปกป้องต้วนหลิงเทียน”
“หลังจากนั้นอาวุโสกวงเทียนเจิ้งก็ย้อนกลับมานิกายหมื่นปีศาจเรา ก่อนจะกลับนิกายมังกรสวรรค์ไปเพราะความโกรธ”
“อาวุโสกวงเทียนเจิ้งเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าที่เห็นอาวุโสมีโมโห ย่อมคิดหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่ออาวุโส”
“กับต้วนหลิงเทียนผู้นั้นข้าไม่มีปัญญาฆ่ามัน”
“ข้าก็เลยไม่คิดจะไปลงมือกับมัน”
“ด้วยเหตุนี้ ข้าก็ได้แต่ระงับโทสะก่อนจะเก็บตัวฝึกฝน จนเมื่อข้าออกจากก่านปิดด่านมาพอได้ยินว่านิกายหมอกเร้นลับถูกผู้คนมาดักซุ่มสังหารลูกศิษย์ ข้าก็เลยชวนศิษย์น้องข้า 2 คนออกมาผสมโรงตามกระแส หมายฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับเพื่อระบายอารมณ์”
“แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการลงมือครั้งแรกของพวกเรา จะได้พบเจอกับอาวุโสเชวียไห่ชวน”
ขณะกล่าว สีหน้าของชายชราก็ทวีความจริงจังมากขึ้นทุกขณะ
ด้านชายวัยกลางคนทั้ง 2 ตอนนี้แต่ละคนก้มหน้างุดๆ ราวกับเด็กน้อยแอบกินขนมและถูกผู้ปกครองจับได้
ต้องกล่าวเลยว่าคำพูดของชายชราช่างลื่นไหลไร้พิรุธใดๆ
นอกจากนี้ยังอธิบายเหตุผลการมาลงมือกับศิษย์นิกายหมอกเร้นลับได้อย่างฉะฉาน
แถมมันยังบอกอีกด้วยว่านี่เป็นการลงมือครั้งแรก เป็นการบอกโดยอ้อมว่ามันยังไม่ได้ฆ่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับแม้แต่คนเดียว ทำให้มันยังไม่ถือว่ามีความผิดอะไรเป็นจริงจัง
เป็นธรรมดาว่าที่มันพูดมาทั้งหมด เพื่อไม่ให้กระตุ้นโทสะของเชวียไห่ชวน
ได้ยินคำพูดของชายชรา สีหน้าของศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 ก็เปลี่ยนไป และพวกมันก็คิดจะกล่าวเตือนเชวียไห่ชวนโดยไม่รู้ตัว ว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังปั้นน้ำเป็นตัว
อย่างไรก็ตามเชวียไห่ชวนกลับเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
“จริงรึ?”
เชวียไห่ชวนมองชายชราด้วยความสนใจ “ถ้างั้น…เจ้ากล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจเถอะ จากนั้นเจ้าก็พูดประโยคเมื่อครู่ซ้ำให้ข้าฟังอีกรอบ สาบานว่า…หากเจ้าพูดโกหกข้าแม้ครึ่งคำ เจ้ายินดีตกตาย เป็นไง?”
“ขอแค่เจ้ากล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจแล้วเสร็จ ข้าจะปล่อยเจ้าทันที”
“พวกเจ้า 2 คนก็ด้วย”
เชวียไห่ชวนกล่าวพลางมองไปยังชายวัยกลางคนทั้ง 2
จังหวะนี้จะชายชราก็ดีหรือชายวัยกลางคนทั้ง 2 ก็ดี สีหน้าของพวกมันเปลี่ยนไปเป็นอัปลักษณ์นัก
พอเชวียไห่ชวนเห็น สองตาก็ฉายแววเย็นชาขึ้นมาทันที “หากเจ้าไม่กล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจ เช่นนั้นพวกเจ้าทั้ง 3 ก็อยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ!”
พลังเทพเริ่มลุกโชนขึ้นมาทั่วร่างเชวียไห่ชวน แม้จะเป็นแค่พลังเทพขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏใดๆ แต่ก็มีพลังอานุภาพมากพอขู่ขวัญให้ทั้ง 3 หวาดกลัวจนใจเต้นไปไม่เป็นจังหวะ
“อาวุโสเชวียไห่ชวนโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
1 ใน 2 ชายวัยกลางคนที่ไม่อาจทนความกดดันได้ไหวเร่งทิ้งตัวลงคุกเข่ากลางหาว จากนั้นก็ก้มหัวให้เชวียไห่ชวนจนเห็นหลังคอชัดๆ “ข้าน้อยเพียงแค่กระทำตามคำสั่งเท่านั้น มิได้เป็นความตั้งใจของข้าน้อยเลย!”
“ข้าน้อยยอมรับว่าเคยสังหารศิษย์นิกายหมอกเร้นลับไปทั้งสิ้น 13 คน…ทั้งหมดเป็นข้าน้อยลงมือตามหน้าที่!”
“ขอเพียงวันนี้อาวุโสเชวียไห่ชวนเมตตาละเว้นข้าน้อยสักครั้ง ข้าน้อยยินดีประกาศถอนตัวออกจากนิกายหมื่นปีศาจทันที ไม่มีวันกลับไปนิกายหมื่นปีศาจอีก!”
“ทั้งข้าน้อยยินดีเข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับ และช่วยนิกายหมอกเร้นลับเข่นฆ่าศิษย์ของนิกายหมื่นปีศาจเป็นการชดใช้!”
“ข้าน้อยคุ้นเคยกับภูมิประเทศโดยรอบของนิกายหมื่นปีศาจดี ข้าน้อยขอสัญญาว่าจะฆ่าศิษย์นิกายหมื่นปีศาจไม่ต่ำกว่า 20 คนเพื่อชดใช้ภายในเวลาหนึ่งปี!”
เพื่อความอยู่รอด กล่าวได้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้สามารถ ‘ทรยศ’ นิกายได้อย่างไม่ละอายใจ
เหตุผลที่ไฉนมันตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะเชวียไห่ชวนสร้างแรงกดดันให้มันมากเกินรับไหว
เชวียไห่ชวนนั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือเกินไป ตอนนี้อีกฝ่ายคิดฆ่ามัน ตัวมันยังไม่กลัวได้เหรอ?
“ขออาวุโสเชวียไห่ชวนเมตตาไว้ชีวิตด้วย!”
ชายวัยกลางคนอีกคนก็คุกเข่าลง “สิ่งที่มันพูด ข้าน้อยก็ทำได้ ข้าน้อยก็ทำได้เช่นกัน!”
“อาวุโสเชวียไห่ชวน ขอท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถอะ!”
หลังจากชายวัยกลางคนทั้งคู่เร่งคุกเข่าร้องขอชีวิต ชายชราเองที่ทนรับความกดดันไม่ไหว มันก็พังทลายลง เร่งคุกเข่าร้องขอชีวิตด้วยอีกคน “พวกเรา 3 สามารถร่วมมือกันเข่นฆ่าคนของนิกายหมื่นปีศาจเป็นการชดใช้! และภายในหนึ่งปีหากพวกเราไม่อาจฆ่าคนของนิกายหมื่นปีศาจได้ครบร้อย พวกเรายินดีฆ่าตัวตายต่อหน้าอาวุโสเชวียไห่ชวน!!”
“ข้าสามารถสาบานต่อโลหิตมารหัวใจได้!”
การที่อาวุโสฝ่ายในชรารวมถึงผู้ดูแลฝ่ายในวัยกลางคนของนิกายหมื่นปีศาจเปลี่ยนสีหน้าจากหน้ามือเป็นหลังมือในฉับพลัน ทำให้ศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 ที่ชมดูเรื่องราวอยู่อดอึ้งไปไม่ได้
ครู่ต่อมาพวกมันค่อยกลับมาครองสติได้อีกครั้ง ยังหันไปมองเชวียไห่ชวนด้วยความชื่นชม
อาวุโสเชวียไห่ชวนคนนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ก็สะกดข่มพวกนิกายหมื่นปีศาจทั้ง 3 จนหวาดกลัวขนหัวลุกแล้ว ช่างสมกับที่เป็นแบบอย่างของพวกมันตั้งแต่เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับนัก!
“หากข้าอยากฆ่าคนของนิกายหมื่นปีศาจ ไฉนต้องยืมมือพวกเจ้าด้วย”
เชวียไห่ชวนคลี่ยิ้มเย็นชา และในขณะที่สีหน้าของทั้ง 3 เปลี่ยนไปมหันต์ เชวียไห่ชวนก็โบกมือส่งๆอย่างไร้เรื่องราวคราหนึ่ง จากนั้นร่างทั้ง 3 ที่คุกเข่าอยู่ก็ปลิดปลิวละลิ่วไปราวดาวหาง ปานถูกค้อนอันเขื่องฟาดทุบเข้าอย่างจังอย่างไรอย่างนั้น
ที่สำคัญหลังร่างทั้ง 3 ปลิวกระเด็นออกไปไกลระยะหนึ่ง อยู่ๆพวกมันก็ระเบิดบึ้มอย่างพิสดาร กลับกลายเป็นหมอกโลหิต 3 กลุ่ม ส่งกลิ่นคาวคลุ้งฟุ้งว่อนไปในอากาศ…
หลังจากฆ่าทั้ง 3 แล้ว เชวียไห่ชวนก็หันกลับไปมองศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 ซึ่งพากันชักสีหน้าสยดสยองกับฉากสังหารเบื้องหน้า พลางกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าย้อนกลับไปนิกายกันเองก่อนเถอะ”
“ตอนนี้คนของนิกายหมื่นปีศาจ สมควรล่าถอยออกจากละแวกใกล้เคียงของนิกายหมอกเร้นลับเราและกลับไปนิกายหมื่นปีศาจกันแล้ว”
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัว ย้อนกลับไปนิกายกันเองได้เลย ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆอีก”
“ส่วนข้าจะไปเยือนนิกายหมื่นปีศาจสักครา”
พอเสียงพูดดังจบคำ ไม่ทันที่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 จะได้ตอบสนองอะไร ร่างเชวียไห่ชวนก็อันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า ราวกับคนเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปอย่างไรอย่างนั้น
…
และเป็นดั่งที่เชวียไห่ชวนเดาไว้ไม่มีผิด หลังนิกายหมื่นปีศาจได้รับข้อความจากคนที่มันพึ่งเข่นฆ่าไป ทางนิกายก็ได้เรียกตัวคนที่รั้งอยู่เพื่อรอเล่นงานศิษย์นิกายหมอกเร้นลับกลับนิกายกันหมด
ไม่ว่าจะอาวุโสฝ่ายในก็ดี หรือผู้ดูแลฝ่ายในก็ดี พอทราบว่าเชวียไห่ชวนปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ เร่งรุดเดินทางกลับนิกายกันจ้าละหวั่น
ล้อกันเล่นหรือไร!?
นั่นมันเชวียไห่ชวนเชียวนะ!
พบเจอก็คือตายสถานเดียว!
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกมันจะกลับไปถึงนิกายหมื่นปีศาจ เชวียไห่ชวนที่ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถึงละแวกใกล้เคียงนิกายหมื่นปีศาจ ก็ได้ดักฆ่าพวกมันที่เร่งรุดกลับมายังนิกายหมื่นปีศาจทั้งหมด
หลังจากนั้นเชวียไห่ชวนค่อยบุกเข้าไปในนิกายหมื่นปีศาจอย่างโจ่งแจ้ง
กระทั่งยังเข่นฆ่าอาวุโสหลัก 3 คนของนิกาหมื่นปีศาจรวมถึงอาวุโสฝ่ายใน 12 คนของนิกายหมื่นปีศาจต่อหน้าต่อตาหลานชิงคาโถงหลักนิกาย
กระทั่งตัวหลานชิง ประมุขนิกายหมื่นปีศาจเอง ก็ถูกเชวียไห่ชวนซัดจนเปลี้ย ฟุ่บลงกับพื้นลุกไม่ขึ้นเพราะบาดเจ็บสาหัส
“วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตสุนัขของเจ้าสักครั้ง เจ้ารายงานไปยังเฒ่าชราของนิกายหมื่นปีศาจเจ้าที่อยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ได้เลย บอกพวกมันให้ชัดๆว่าเจ้าทำงามหน้าอะไรไว้ และข้าเชวียไห่ชวนทำอะไร…หากพวกมันข้องใจอันใด ก็ให้มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
นี่คือคำพูดทิ้งท้ายของเชวียไห่ชวน ก่อนที่มันจะซัดหลานชิงจนเปลี้ยน กระทั่งยามกล่าวยังผสานพลังเทพอันสุดไพศาลจนดังกังวาลไปทั่วนิกายหมื่นปีศาจ
ทั้งนิกายหมื่นปีศาจตกอยู่ในความหวาดกลัวโดยพลัน
…
ครึ่งเดือนต่อมา…
นิกายหมอกเร้นลับ
ด้านนอกบันไดสวรรค์ ปรากฏชายวัยกลางคนรูปร่างสูงคนหนึ่ง ใบหน้าคมเข้มของมันทั้งหว่างคิ้วมากล้นไปด้วยความเด็ดเดี่ยวนั่น ทำให้มันแลดูเสมือนตัวตนที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด สองตายังเปล่งประกายราวมีกระแสอัสนีวาบลั่น
“พี่ใหญ่!”
และไม่ทันที่มันจะได้สูดกลิ่นอิสรภาพเต็มปอด ก็ปรากฏร่างหนึ่งวูบมาถึงเบื้องหน้า ก่อนจะมองจ้องมันด้ยความตื่นเต้น
พอชายวัยกลางคนรู้สึกตัว และได้เห็นชายหนุ่มที่ปรากฏกายตรงหน้าซึ่งบัดนี้มีท่วงท่าลักษณะต่างออกไปจากเมื่อหมื่นปีก่อนโดยสิ้นเชิง สองตาของมันก็แดงรื้นขึ้นมาโดยพลัน “ไห่…ไห่ชวน!”
ครู่ต่อมา สองพี่น้องก็กอดกันด้วยความคิดถึงเนิ่นนานกว่าจะแยกออก
“พี่ใหญ่ท่านอยู่ในบันไดสวรรค์มาหมื่นปีแล้ว ในที่สุดท่านก็ได้ออกมาเสียที มิทราบท่านอยากทำสิ่งใดมากที่สุด และไม่ว่าท่านต้องการอันใด ข้าจะจัดให้ท่านเอง!”
เชวียไห่ชวนมองถามเชวียไห่ชานด้วยสายตากระตือรือร้น ตอนนี้มันไม่อาจระงับความตื่นเต้นยินดีได้ไหวจริงๆ
“ข้าอยากดื่มสุรา!”
เชวียไห่ชานหัวเราะร่า มันเองก็ตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบหน้าน้องชายที่มันไม่ได้เจอหน้ามาหมื่นปีกว่า กระทั่งขณะหัวเราะหยาดน้ำตา 2 สายยังอดไหลออกมาไม่ได้
“ดี! พวกเราพี่น้องไปดื่มกันให้หนำใจเถอะ ไม่เมาไม่กลับ!”
เชวียไห่ชวนก็เร่งตอบคำเป็นมั่นเหมาะ
“อ้อจริงสิ ข้ายังต้องชวนอีกคนมาร่วมดื่มกับพวกเราด้วย เจ้านั่นก็เป็นศิษย์นิกายหมอกเร้นลับเช่นกัน…เมื่อสิบกว่าปีก่อน มันถูกสุ่มมาเจอข้าในบันใดสวรรค์ และถ้ามันไม่ได้เมตตาข้า เกรงว่าข้าคงตกตายไปแล้ว และคงไม่มีโอกาสได้พบหน้าไห่ชวนเจ้าอีกเช่นนี้…”
ขณะกล่าวในใจของเชวียไห่ชานก็ปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงคนหนึ่งขึ้นมา
“ผู้ใดหรือ?”
สีหน้าของเชวียไห่ชวนเปลี่ยนไปทันที แผ่นหลังรู้สึกหนาวยะเยือกปานมีไอเย็นแล่นผ่าน เม็ดเหงื่อยังผุดซึมขึ้นมาเต็มหน้าผาก หลังได้ยินวาจาดังกล่าวของพี่ชาย
พี่ใหญ่ของมันเกือบตกตายในคุกที่เรียกว่าบันไดสวรรค์นั่น?
“เจ้านั่นชื่อว่าต้วนหลิงเทียน”
เชวียไห่ชานกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน?!”
พอเชวียไห่ชวนได้ยินคำพูดของพี่ชาย สายตาวาดหวังของมันก็กลายเป็นเลื่อนลอยทันที “เป็น…ต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว?”