WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3772 โอสถเทพชุ่ยหยาง
พอชายวัยกลางคนเอ่ยคำออกมา ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายคุ้นหูพิกล จากนั้นร่างหนึ่งก็เริ่มผุดขึ้นมาในใจของต้วนหลิงเทียน
เป็นร่างคนที่เขาพบเจอในบันไดสวรรค์ของนิกายหมอกเร้นลับ
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเลือดนก ผู้เฝ้าด่านที่ 8 ของบันไดสวรรค์!
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเลือดนกผู้นั้น ยังเป็นเทพขั้นสูงที่เชี่ยวชาญกฏแห่งเวลา ทั้งยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งเวลา 3 ประการหนึ่งชุด พลังฝีมือจัดว่าร้ายกาจเอาเรื่องในบรรดาเทพขั้นสูง
อย่างไรก็ตาม เพราะความสำเร็จในกฏมิติของเขาเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก เช่นนั้นเขาจึงเอาชนะอีกฝ่ายและผ่านด่านได้อย่างราบรื่น
“ท่านคือ…เชวียไห่ชานที่ถูกจองจำไว้ในบันไดสวรรค์?”
ต้วนหลิงเทียนนึกออกแล้ว ว่าอีกฝ่ายก็คือเชวียไห่ชาน ผู้เฝ้าด่านที่ 8 ของบันไดสวรรค์ที่เขาพบเจอในปีนั้น
ตอนนั้นเป็นเพราะยามลงมือเชวียไห่ชานไร้ซึ่งจิตสังหารใดๆ ทำให้ถึงเขาจะเอาชนะเชวียไห่ชานได้อย่างราบคาบแต่ก็ไม่ได้ฆ่าอีกฝ่าย
เชวียไห่ชานไม่เพียงขอบคุณที่เขาไว้ชีวิต ยังบอกว่าหลังออกจากบันไดสวรรค์แล้วจะชวนเขาไปดื่ม
“ฮ่าๆๆ…ข้าเอง!”
เชวียไห่ชานหัวเราะร่า
“เชวียไห่ชาน เชวียไห่ชวน…นี่พวกท่านเป็น…”
ต้วนหลิงเทียนมองเชวียไห่ชานด้วยสงสัยครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเชวียไห่ชวน ในดวงตาเริ่มฉายแววเอะใจขึ้น
กระทั่งในใจยังคาดเดาอะไรได้บางอย่าง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนเชวียไห่ชานนั้น ทั้งๆที่ยังเป็นแค่เทพขั้นสูงแต่กลับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งเวลา 3 ประการได้แล้ว
“ไห่ชวนเป็นน้องชายร่วมบิดามารดาของข้า”
เชวียไห่ชานยิ้มกล่าว
จากนั้นมันก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงทีท่าภาคภูมิใจ “น้องชายข้า ในช่วงหมื่นปีที่ข้าติดอยู่ในบันไดสวรรค์ ก็ได้เข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ กระทั่งยังไต่เต้าไปถึงระดับอาวุโสมังกรขาวได้แล้ว”
“ข้าเองก็พึ่งพ้นโทษและออกจากบันไดสวรรค์ของนิกายหมอกเร้นลับมาไม่กี่วันก่อน และน้องไห่ชวนก็เดินทางมายังนิกายหมอกเร้นลับเพื่อรับข้าไปยังนิกายมังกรสวรรค์”
มีคำกล่าวว่า พี่ใหญ่เป็นดั่งบิดาคนที่สอง ทีท่าของเชวียไห่ชานในตอนนี้ คล้ายบิดาที่ภาคภูมิใจในความสำเร็จของลูกชายไม่มีผิด
“ยินดีด้วยทีท่านพ้นโทษและได้รับอิสรภาพกลับคืน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าไฉนเชวียไห่ชวนถึงแลดูเป็นมิตรกับเขาจัง
เขาดันคิดร้ายนึกว่าอีกฝ่ายมีแผนการในใจอะไรเสียอีก
มาตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเขาคิดมากไปเอง
ที่เชวียไห่ชวนแลดูเป็นมิตรกับเขาออกหน้าออกตา 9 ใน 10 ไม่พ้นเป็นเพราะหลังเอาชนะเชวียไห่ชานได้ แต่เขาไม่ได้ฆ่าอีกฝ่าย
ต้องทราบด้วยว่า ถึงเขาจะฆ่าเชวียไห่ชานทิ้ง แต่ในเมื่อเรื่องราวมันเกิดในบันไดสวรรค์ ยังจะมีผู้ใดล่วงรู้ได้?
กระทั่งเชวียไห่ชวนเองก็คงมารู้ว่าเชวียไห่ชาน พี่ชายของตัวเองตกตายก็หลังจากถึงกำหนดพ้นโทษแล้ว แต่เชวียไห่ชานไม่ออกมาเสียที และยังรู้แค่ว่าพี่ชายอาจตกตายไปแล้วเท่านั้น ส่วนตายได้อย่างไร ถูกผู้ใดเข่นฆ่า มันไม่มีทางทราบได้เลย
“ศิษย์น้องต้วน เจ้าจำได้รึเปล่า ว่าข้าเคยบอกเจ้าไว้ว่าหลังข้าพ้นโทษออกมาข้าจะชวนเจ้าไปดื่ม…ตอนนี้ที่ข้าไม่ไปนิกายมังกรสวรรค์กับน้องชายทันที ก็เพราะคิดมาเลี้ยงสุราเจ้าตามสัญญา”
เชวียไห่ชานกล่าวด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น “หากเจ้าไม่ติดธุระอันใด พวกเราจะพาเจ้าไปดื่ม และหากเจ้าไม่สะดวกพวกเราไปนั่งในเหลาของตระกูลหลิงหูก็ได้”
“เจ้าลองพิจารณาดู ตระกูลหลิงหูเองก็เหมือนจะมีเหลาดังๆอยู่ 2-3 แห่ง หรือหากเจ้ายังไม่สะดวกจะออกไปด้านนอกจริงๆ เช่นนั้นก็ให้ทางตระกูลหลิงหูจัดห้องส่วนตัวแล้วพวกเราก็มาดื่มกันที่นี่เลยเถอะ”
เชวียไห่ชานแลดูกระตือรือร้นนัก
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบอะไร เชวียไห่ชวนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “น้องต้วน ท่านไม่ได้ฆ่าพี่ใหญ่ข้า ก็นับว่ามีบุญคุณกับข้ายิ่งนัก ถึงตอนนี้ท่านกับนิกายหมอกเร้นลับจะมีความแค้นกันอยู่บ้าง แต่ข้าไม่คิดทำอะไรท่านเพราะเหตุนี้แน่”
พอกล่าวจบคำ ก็ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดอะไรเหมือนเคย เป็นเชวียไห่ชวนได้กล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียนออกมา “ข้าเชวียไห่ชวนขอสาบานต่อโลหิตมารหัวใจไว้ ณ ที่นี้…ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียน ไม่ได้ริเริ่มลงมือทำร้ายข้าเชวียไห่ชวนก่อน ข้าเชวียไห่ชวนจะไม่กรทำการใดที่เป็นการส่งผลร้ายต่อต้วนหลิงเทียนไม่ว่าจะทางตรงหรือโดยอ้อม หากข้ากระทำผิดคำสาบานขอให้ผู้แข็งแกร่งที่สุดมารับชีวิตข้าไปได้เลย!”
พอเชวียไห่ชวนกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจออกมา ทำให้ตอนนี้เชวียไห่ชวนไม่อาจทำอะไรที่จะส่งผลร้ายต่อต้วนหลิงเทียนได้เลย หากว่าต้วนหลิงเทียนไม่ริเริ่มเป็นฝ่ายเล่นงานเชวียไห่ชวนก่อน
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่คิดว่าเชวียไห่ชวนจะทำร้ายตัวเอง เพราะเขามีบุญคุณไว้ชีวิตพี่ชายของอีกฝ่าย แต่นั่นก็ไม่อาจรับประกันอะไรได้ ทว่าพออีกฝ่ายกล่าวคำสาบานออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนสบายใจอย่างมาก
“ออกไปดื่มกันข้างนอกเถอะ น่าจะได้บรรยากาศมากกว่า”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
หลังจากนั้น ภายใต้การจัดกการของหลิงหูเหรินเจี๋ยผู้นำตระกูลหลิงหู ผู้ดูแลเหลาอาหารระดับสูงสุดของตระกูลหลิงหูก็ได้มาต้อนรับพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ด้วยตัวเอง
จากนั้นพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็ถูกพาไปยังห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของเหลาโดยตรง
และห้องส่วนตัวแห่งนี้ก็มีชื่อว่า ‘มังกรทะยานสี่สมุทร’ ซึ่งปกติแล้วจะไม่เปิดให้คนนอกเข้าใช้บริการ และมีไว้รับรองผู้อาวุโสระดับสูงที่มีฐานะเหนือกว่าผู้อาวุโสหลักของตระกูลหลิงหู
“ศิษย์น้องต้วน ข้าเชวียไห่ชานไม่ค่อยนับถือผู้ใด แต่กับท่านข้าต้องบอกเลยว่าข้านับถือท่านจากใจจริงๆ”
หลังร่วมดื่มกินกันแล้ว ระยะห่างระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเชวียไห่ชานก็สั้นลง เชวียไห่ชานยังมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความชื่นชม “ถึงแม้จะเป็นน้องชายของข้าก็ตาม”
เชวียไห่ชวนที่นั่งข้างๆ ก็ได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างโง่งม
ต่อมาเชวียไห่ชานก็เริ่มเล่าถึงวีรกรรมของต้วนหลิงเทียนที่มันรับทราบออกมาอย่างออกรส และยังอดไม่ได้ที่จะยกกนิ้วให้กับทุกเรื่อง
จนเชวียไห่ชานเมาหลับไป ในห้องส่วนตัวค่อยหาความสงบเจอ
เป็นธรรมดาที่เชวียไห่ชานเมาแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ใช้พลังเทพขับฤทธิ์สุรา
กลับกันด้านต้วนหลิงเทียนกับเชวียไห่ชวน หลังพบว่าตัวเองเริ่มเมาแล้ว จากที่พอได้กรึ่มๆก็โคจรพลังเทพเพื่อขับฤ?ธิ์สุราออกไปทันที จากนั้นทั้งคู่ก็กลับมามีสติแจ่มใสอีกครั้ง
“น้องต้วน พี่ใหญ่ข้ามักทำอะไรตามใจเช่นนี้เสมอ หากว่ามีอะไรที่ทำให้ท่านไม่พอใจ ข้าต้องขออภัยแทนพี่ใหญ่ข้าด้วย”
เชวียไห่ชวนหันไปกล่าวคำขอขมาต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินคำขอโทษของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมา คลี่ยิ้มกล่าวว่า “พี่ไห่ชานนับว่าเปิดเผยจริงใจ ข้าจะไม่พอใจอะไรได้เล่า”
“น้องต้วน”
ทันใดนั้นเอง เชวียไห่ชวนก็สะบัดมือเรียกขวดโอสถหยกขวดหนึ่งออกจากแหวนพื้นที่ ก่อนจะยื่นส่งไปให้ต้วนหลิงเทียน “นี่คือโอสถเทพชุ่ยหยาง ด่านพลังฝึกปรือของท่านตอนนี้สมควรติดจุดรอคอยอยู่กระมัง หากใช้มันก็น่าจะช่วยให้ท่านทะลวงผ่านได้อย่างไร้ปัญหา”
ตั้งแต่ที่เชวียไห่ชวนกล่าวคำพูดนี้ออกมา หมายความว่าอีกฝ่ายได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อยแล้ว ถึงรับรู้สถานการณ์ด่านพลังในร่างต้วนหลิงเทียน
เป็นธรรมดาว่า ตัวมันที่เป็นถึงจอมราชันเทพขั้นกลาง หากไม่ใช้สำนึกเทวะแผ่ไปตรวจสอบดวงจิตต้วนหลิงเทียนโดยตรง อาศัยแค่สำรวจแรงต้านทานพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเพื่อหยั่งตื้นลึกหนาบาง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าโดนอีกฝ่ายตรวจวสอบพลังฝึกปรือ
“โอสถเทพชุ่ยหยาง!?”
ด้านต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำพูดของเชวียไห่ชวน ก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจ ลูกตายังหดเล็กลงเร็วไว เพราะโอสถเทพชุ่ยหยาง ก็เป็น 1 ในโอสถเทพระดับจอมราชัน ที่เขารู้ดีว่ามันสามารถช่วยให้เขาทะลวงจุดตีบตันของด่านพลังในตอนนี้ได้ เพียงแค่ถึงเขาจะรู้สูตรโอสถดังกล่าว แต่ความสามารถในปัจจุบันของเขายังไม่อาจหลอมมันออกมาได้
และเป็นธรรมดาว่า วัตถุดิบสมุนไพรที่ต้องใช้หลอมโอสถเทพชุ่ยหยาง เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ต่อให้เขาจะสามารถหลอมมันออกมาได้ เขาก็ไม่มีสมุนไพรที่จะใช้หลอมมันอยู่ดี
แต่เขาเชื่อว่าหากศึกษาศาสตร์หลอมโอสถเทพต่ออีกสักพัก ในเวลา 3 ปีเขาต้องสามารถหลอมโอสถเทพชุ่ยหยางออกมาได้แน่นอน
อนิจจาถึงตอนนั้นก็จำต้องหาสมุนไพรให้ได้อยู่ดี
ถึงแม้อารมณ์ต้วนหลิงเทียนจะพุ่งพล่านขึ้นมา และสองตาก็มองจ้องไปยังขวดหยกในมือเชวียไห่ชวนอย่างเร้าร้อน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ห้ามใจไม่ให้เอื้อมมือออกไปรับมันมา
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันมองกล่าวกับเชวียไห่ชวนด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่ไห่ชวน โอสถเทพชุ่ยหยางเป็นอะไรที่ข้าในตอนนี้กำลังต้องการมากจริงๆ และข้าเองก็ไม่คิดปฏิเสธมัน”
“อย่างไรก็ตาม ข้ารับโอสถเทพชุ่ยหยางของท่านมาวันนี้ วันหน้าข้าจะหลอมโอสถเทพที่มีระดับเหนือกว่าโอสถเทพชุ่ยหยางคืนให้ท่านแน่นอน”
“นี่เป็นคำมั่นที่ข้าให้ท่าน”
โอสถเทพชุ่ยหยางนั้น สามารถทะลวงจุดรอคอยด่านพลังในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญญสำหรับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้มาก
ต้องทราบด้วยว่า หากด่านพลังของเขาติดคอขวดเช่นนี้วันหนึ่ง ด่านพลังของเขาก็ไม่อาจก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอีกวัน
ถึงแม้เขาจะใช้โอสถเทพที่ช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะมากแค่ไหน แต่ระดับพลังของเขาก็แค่เพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว แต่ไม่ได้มีคุณภาพอะไรเพิ่มขึ้น กล่าวได้ว่าให้เป็นโอสถเทพที่ส่งผลต่อการบ่มเพาะพลังเลิศล้ำแค่ไหน ถ้าเขาไม่อาจทะลวงจุดตีบตันจนบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางได้ มันก็ไร้ความหมาย
กระทั่งพลังงานที่ได้มาจากโอสถเทพเหล่านั้น ยังจะค่อยๆสลายหายไปตามกาลเวลาจนหมดสิ้นอย่างน่าเสียดายอีกต่างหาก
“น้องต้วน ท่านไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไรข้าหรอก”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนลั่นวาจาดังกล่าวออกมา เชวียไห่ชวนก็ส่ายหน้าไปมาเบาๆ กล่าวออกด้วยแววตาอ่อนโยนว่า “ท่านมีเมตตาไม่ลงมือพรากชีวิตพี่ใหญ่ของข้าไป สำหรับข้าแล้วนี่เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงนัก…กับอีแค่โอสถเทพชุ่ยหยางเม็ดเดียว มันยังจะนับเป็นอะไรได้เล่า…”
“พี่ไห่ชวน ท่านพูดแบบนี้ไม่ได้…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “วันนั้นเป็นเพราะพี่ไห่ชานลงมือกับข้าโดยไร้ซึ่งจิตสังหารก่อน เช่นนั้นข้าจึงไม่คิดเอาชีวิตพี่ไห่ชาน…หากเป็นพี่ไห่ชานลงมือด้วยคิดฆ่าข้าก่อน ข้าเองก็คงอดฆ่าพี่ไห่ชานไม่ได้”
“กล่าวได้ว่า เหตุผลที่ทำให้พี่ไห่ชานยังมีชีวิตอยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการกระทำของพี่ไห่ชานเอง ข้าไหนเลยจะกล้ารับความดีความชอบ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาตรงๆ และนับว่าทำให้เชวียไห่ชวนประทับใจมาก
จังหวะนี้เชวียไห่ชวนก็ตระหนักได้ ว่าหากยังไม่คิดรับการตอบแทนของต้วนหลิงเทียนในวันหลัง ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะรับโอสถเทพชุ่ยหยางของมันไปแน่ “เอาล่ะ เอาอย่างงีท่น้องต้วนว่าเถอะ ข้าเองก็จะตั้งหน้าตั้งตารอโอสถเทพเลิศล้ำของท่าน”
“เพราะข้าเองก็ได้ยินมาแล้วเช่นกัน ว่าฝีมือการหลอมยาของน้องต้วนนั้นร้ายกาจยิ่งนัก และตอนนี้ก็สมควรเทียบได้กับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นแนวหน้าแล้วกระมัง?”
เชวียไห่ชวนหัวเราะ
ในเวลาเดียวกันมันก็ยื่นขวดโอสถหยก ที่บรรจุโอสถเทพชุ่ยหยางไปให้ต้วนหลิงเทียน
“ข้ารับรองว่าจะไม่ให้พี่ไห่ชวนต้องรอนาน”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปรับขวดโอสถเทพชุ่ยหยาง เขาก็เอ่ยกับเชวียไห่ชวนด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หลังจากข้าเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์แล้ว ข้าจะมอบโอสถเทพให้พี่ไห่ชวนอย่างน้อย 3 เม็ด และพวกมันจะเป็นโอสถเทพที่มีประโยชน์กับท่านอย่างมาก”
“หืม? เข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์รึ!?”
เชวียไห่ชวนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มกล่าวออกมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น “น้องต้วน หากเจ้าอยากเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ไยไม่บอกข้าเล่า ข้าสามารถแนะนำเจ้าให้เข้าร่วมนิกายได้ตอนนี้เลย!”
“แถมไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์และความเข้าใจระดับอัจฉริยะยังอาจของเจ้าด้วยซ้ำ เอาแค่ความสามารถในการหลอมโอสถเทพของเจ้าตอนนี้ ก็มากพอที่จะทำให้นิกายมังกรสวรรค์รีบมารับเจ้าเข้าสู่นิกายฝ่ายในแล้ว”
คำพูดของเชวียไห่ชวนนั้น เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างแรงกล้า
“พี่ไห่ชวน ขอบอกท่านตามตรง…ข้าคิดจะเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนของนิกายมังกรสวรรค์ในอีก 10 ปีหลังจากนี้น่ะ”
ต้วนหลิงเทียนที่ค่อยๆเก็บขวดยาในมืออย่างระมัดระวัง ก็เงยหน้าขึ้นมากล่าวกับเชวียไห่ชวนด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เชวียไห่ชวนก็เข้าใจได้ทันที จึงคลี่ยิ้มสดใสค่อยกล่าวว่า “ข้าก็ลืมเรื่องการแข่งขันมังกรซ่อนไปเสียสนิทเลย และหากน้องต้วนเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนจนติด 1 ใน 10 อันดับแรกได้ ท่านก็จะได้รับโอสถเทพทะลวงราชัน!”
“สำหรับท่านแล้ว นี่นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีจริงๆ”
“ดูเหมือนครั้งหน้าที่พวกเราจะได้พบกันคงอีกไม่นานนัก…10 ปีหลังจากนี้ไว้พบกันใหม่!”
เชวียไห่ชวนหัวเราะ
“หลังจากนี้อีก 10 ปีข้าจะเป็นฝ่ายเลี้ยงสุราพี่ไห่ชวนกับพี่ไห่ชานเอง…ถึงตอนนั้นหากไม่เมาไม่กลับ!”
ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะ
หลังจากคุยกันต่ออีกสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำอำลาเชวียไห่ชวน เตรียมพร้อมจากไป “พี่ไห่ชวน ฝากขอโทษพี่ไห่ชานด้วยที่ข้าไม่ได้ไปส่ง”
ตอนนี้ในใจของต้วนหลิงเทียนแทบจะติดปีกเหินบินกลับบ้านไปปิดด่านบ่มเพาะ เพราะเขาอยากใช้โอสถเทพชุ่นหยางที่พึ่งได้มา ทะลวงไปให้ถึงขอบเขตราชาเทพขั้นกลางโดยเร็วที่สุด!
“การยกระดับพลังฝึกปรือนับเป็นเรื่องสำคัญ…”
เชวียไห่ชวนก็ยิ้มกล่าวอย่างรู้กัน