WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3778 ร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียน ได้เข้าร่วมตระกูลหลิงหูในฐานะอาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหู หรือจะเรียกว่าศิษย์ต่างแซ่ก็ไม่ผิด พรสวรรค์ทั้งความเข้าใจนั้นนับว่าเลิศล้ำเหนือกว่าผู้ใดในบรรดารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหู
ที่สำคัญยังมีความสามารถในการหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดอีกด้วย
ด้วยตัวตนดังกล่าว หากหลิงหูเหรินเจี๋ยในฐานะผู้นำตระกูล ปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏ 2-3 เดือนหรือกระทั่ง 1 ปีติดต่อกัน เกรงว่าคงมีไม่กี่คนในตระกูลหลิงหูที่จะว่าอะไร เพราะด้วยศักยภาพดังกล่าวถือว่ามากพอได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากตระกูลหลิงหูแล้ว
อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนแช่อยู่ในห้องลับแห่งกฏเป็นเวลา 3 ปีเต็มๆ จทำให้สายแร่หินเทพของตระกูลพร่องไป 1 ใน 3 ส่วนนั้น…การกระทำเช่นนี้ตระกูลหลิงหูไม่อาจทนรับได้ไหว เพราะหลิงหูเหรินเจี๋ยนั้นเอื้อประโยชน์ให้แก่ต้วนหลิงเทียนมากเกินไป มากกว่าที่ใครในตระกูลจะมีสิทธิ์ได้รับ และไม่ว่าจะมองอย่างไรพวกมันก็ไม่อาจแลเห็นความคุ้มค่าใดๆเลย
เช่นนั้นแล้ว หลังได้ยินความผิดที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวสารภาพออกมา ก็มีอาวุโสหลักเป็นจำนวนมากที่มองหลิงหูเหรินเจี๋ยด้วยสายตาเฉยชา
บางคนถึงกับแค่นยิ้มเยาะ
“ที่แท้เป็นเพราะเรื่องนี้…เจ้ายังนับว่าฉลาดที่เลือกจะลาออกจากตำแหน่งด้วยตัวเอง หรือที่แท้ชิงลาออกไปก่อนที่พวกเราจะรู้เรื่องแล้วไล่เจ้าออกจากตำแหน่งกัน?”
“หลิงหูเหรินเจี๋ย ครั้งนี้เจ้าทำได้งามหน้านัก…ทรัพยากรของตระกูลเราไม่ควรต้องถูกเจ้าผลาญเล่นเช่นนี้!”
“หลิงหูเหรินเจี๋ย พวกเรายอมรับว่าพรสวรรค์และความเข้าใจของอาคันตุกะต้วนนั้นเลิศล้ำ กระทั่งความสามรถในการหลอมโอสถเทพยังมิใช่ชั่ว แต่ข้าเกรงว่าตระกูลหลิงหูของพวกเราคงไม่จำเป็นต้องเฉือนเนื้อเถือหนังไปประเคนให้ผู้อื่นเพื่อประจบประแจงกระมัง?”
…
ในปัจจุบัน นอกจากเหล่าอาวุโสของตระกูลหลิงหูที่รู้เรื่องดังกล่าวแต่แรก กับอาวุโสที่เป็นสหายกับหลิงหูเหรินเจี๋ยแล้ว อาวุโสที่เหลือของตระกูลหลิงหู ก็มองหลิงหูเหรินเจี๋ยตาขวางทั้งกล่าวตำหนิออกมาด้วยความชอบธรรม เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่พอใจกับการกระทำของหลิงหูเหรินเจี๋ยอย่างแรง!
ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยก็นิ่งรับคำตำหนิติติงทั้งหมดด้วยความใจเย็น
เพราะฉากดังกล่าว มันก็คาดไว้แต่แรก
“ผู้อาวุโสทุกท่าน”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวออกมาด้วยท่าทางสง่างาม “ไม่ว่าอาวุโสทุกท่านจะเชื่อหรือไม่ แต่ทั้งหมดที่ข้ากระทำไปล้วนทำเพื่อตระกูลหลิงหูของพวกเรา…ข้าเชื่อว่าการเสียสละเพื่ออาคันตุกะต้วนครั้งนี้ วันหน้าย่อมทำให้อาคันตุกะต้วนตอบแทนตระกูลหลิงหูมากกว่าที่ตระกูลหลิงหูของพวกเราจ่ายไปหลายเท่า!”
ในสายตาคนอื่น หลิงหูเหรินเจี๋ยเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนจนหน้ามืดตามัวเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามอาวุโสส่วนใหญ่อดแค่นคำสบถเยย้ยหยัน ทั้งกล่าวเสียดสีออกมาไมได้ “หลิงหูเหรินเจี๋ย หากต้วนหลิงเทียนเต็มใจจะอยู่ในตระกูลหลิงหูเราชั่วชีวิต ข้ายอมรับว่าราคาที่ตระกูลหลิงหูของพกเราจ่ายออกไปมันไม่อาจนับเป็นอะไรได้เลย…แต่บัดนี้ผู้อื่นได้เดินทางไปนิกายมังกรสวรรค์เพื่อทดสอบ กระทั่งกำลังจะกลายเป็นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์แน่แล้ว”
“เช่นนั้นทั้งหมดที่เจ้าทำไป ไยมิใช่ตัดชุดแต่งงานให้นิกายมังกรสวรรค์อีกเล่า?”
“มิผิด! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าร่วมฝ่ายตระกูลหลิงหูของพวกเราในนิกายมังกรสวรรค์ และวันหน้าอาจช่วยเหลือตระกูลของพวกเราโดยอ้อม แต่พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มทุนเพาะสร้างอัจฉริยะให้นิกายมังกรสวรรค์ถึงขั้นนี้ ข้าคนนึงล่ะที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้า!”
“เรื่องตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนไม่ด่วนตายไปเสียก่อน วันหน้าคนต้องทะยานฟ้าข้าเชื่อ…แต่เจ้าจักมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่ด่วนตาย ทั้งวันหน้ามันจักไม่ลืมรากเหง้าของมัน?”
…
อาวุโสในโถงบรรพชนยิ่งมาก็ยิ่งพ่นคำตำหนิใส่หลิงหูเหรินเจี๋ยปานถ่ายลงกระโถน ทำให้เหล่าอาวุโสที่เป็นสหายของหลิงหูเหรินเจี๋ยเองก็จนปัญญาจะช่วยกล่าวแก้ต่าง
และเป็นธรรมดาว่าหลิงหูเหรินเจี๋ยเองก็ได้ส่งเสียงผ่านพลังไปบอกพวกมันว่าอย่าได้พูดอะไร “พวกเจ้าอย่าได้พูดช่วยข้าเชียว เดี๋ยวจะเขม่นกับผู้อื่นเสียเปล่าๆ ข้ากล้าทำก็กล้ารับ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า อีกทั้งข้าไม่อยากจะลากพวกเจ้าให้พลอยซวยไปกับข้าด้วย…”
“แถมเรื่องนี้ข้าเองก็ทำผิดจริงๆ เช่นนั้นให้พวกมันระบายใส่ข้าให้พอใจเถอะ”
หลิงหูเหรินเจี๋ยเรียกว่าล้างหูรอฟังคำตำหนิมาเนิ่นนานแล้ว เช่นนั้นมันจึงนิ่งสงบรับฟังคำตำหนิของอาวุโสทั้งหลายด้วยท่าทีเรียบๆร้อยๆ แต่ต้นจนจบไม่มีเถียงใครสักคำ
ไม่ใช่แค่คำตำหนิเท่านั้น วันนี้ต่อให้มันจะโดนเหล่าอาวุโสลงโทษมันก็พร้อมรับ
เพราะมันเชื่อ ว่าสิ่งที่มันทำลงไปเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ต้วนหลิงเทียนต้องไม่ทำให้มันผิดหวังเป็นแน่!
…
ด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันก็ไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงหูเหรินเจี๋ยในโถงบรรพชน เพราะแต่ต้จนจบเขาก็เพียงติดต่อกับหลิงหูเหรินเจี๋ยผ่านข้อความเท่านั้น จึงคิดว่าอีกฝ่ายยังปกติดี
ในระหว่างเดินทางไปยังนิกายมังกรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนที่ตั้งหน้าตั้งตาควบสร้างร่างอวตารกฏมิติ อยู่มาวันหนึ่งในที่สุดเขาก็สามารถควบสร้างร่างอวตารกฏมิติแล้วเสร็จ ยังเสร็จก่อนที่จะถึงนิกายมังกรสวรรค์ไม่นาน และร่างอวตารกฏมิติของเขาก็สามารถทำแดงพลังของกฏมิติทั้งหมดที่เขาเข้าใจ ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติที่ตัวเขาเข้าใจได้ทั้งหมด
บอกได้เลยว่า ในแง่ของพลังจากกฏมิติ ร่างอวตารกฏมิติของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาแม้แต่นิดเดียว หากเขาจะเหนือกว่าก็จำต้องใช้ความสามารถอื่นๆเท่านั้น
‘จริงสิ…ไม่รู้ว่าร่างอวตารกฏมิติมันจะใช้ จตุรวิถีของสวรรค์และโลกที่ข้าเข้าใจได้ไหม’
พอฉุกคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เรียกร่างอวตารกฏมิติออกมา จากนั้นเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏร่าง ‘ต้วนหลิงเทียน’ ที่เหมือนเขาราวกับแกะขึ้นเบื้องหน้า อีกฝ่ายังใช่ชุดสีม่วงตัวเก่งเหมือนเขา เรียกว่าลัษณะภายนอกไม่มีจุดไหนแตกต่างจากเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนคนนี้แรกปรากฏออกมา ก็แลดูซึมเซาเหมือนคนไร้วิญญาณ
ทว่าพอต้วนหลิงเทียนพยายามควบคุมร่างอวตารกฏมิติผ่านเสี้ยววิญญาณที่แบ่งไป สองตาที่หม่นหมองซึมเซาคู่นั้นก็ฉายแววแจ่มใสออกมา และไม่ว่าจะมท่วงท่า บุคลิก ไม่เว้นความรู้สึกก็เปลี่ยนไปในบัดดล จนไม่ต่างอะไรจากต้วนหลิงเทียนตัวจริงเลย
แต่เป็นธรรมดาว่าหากมานั่งจับตาสังเกตุร่างอวตารกฏมิติให้นานเข้าหน่อย และคอยดูอริยาบถทั้งหมด ก็จะสังเกตเห็นได้ว่ามันยังมีส่วนต่างจากต้วนหลิงเทียนตัวจริงอยู่บ้าง เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คือร่างอวตารแห่งกฏ ไม่ได้เป็นตัวเขาจริงๆ
เพียงแค่ว่าความแตกต่างดังกล่าว หากไม่ใช่คนที่สนิทกับต้วนหลิงเทียนมานาน เกรงว่าคงดูไม่ออก
‘ลองดู’
ร่างจริงต้วนหลิงเทียนนั่งขัดสมาธิหลับตากลางอากาศ
ส่วนร่างอวตารกฏมิตินั้น มันก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อหน้าผู้เฒ่าเหิงฮวน เดิมทีก็ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติเท่าที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเท่านั้น แตต่อมาฝ่ามือก็ควบสร้ากระบี่พลังมีสภาพเล่มหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะตวัดกระบี่ฉับไวจนอากาศแตกระเบิด และต้วนหลิงเทียนที่ควบคุมร่างอวตารกฏมิติอยู่ก็ทราบได้ทันที ว่าร่างอวตารแห่งกฏสามารถใช้จตุรวิถีของสวรรค์และโลกได้
แน่นอนว่ามรรคากระบี่มิติที้เขาเผยออกมาต่อหน้าผู้เฒ่าเหิงฮวน ยังเป็นแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ระดับความสำเร็จของมรรคากระบี่มิติที่แท้จริงของเขา ในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้มีก็แต่หลิงหูเหรินเจี๋ยเท่านั้นที่รู้ และอีกฝ่ายยังช่วยปกปิดเอาไว้ให้เขา แถมกำชับเขาไม่ให้เปิดเผยออกมาโดยง่าย เพราะหากมันเปิดเผให้คนอื่นล่วงรู้ ไม่แน่ว่าจะชักนำเภทภัยมาสู่ตัว เพราะใต้หล้าไม่ขาดคนขี้อิจฉาริษยา
อันที่จริงการที่หลิงหูเหรินเจี๋ยเต็มใจสละตำแหน่งผู้นำตระกูลเพื่อช่วยต้วนหลิงเทียน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน
ในความเห็นของมัน ต้วนหลิงเทียนมีศักยภาพมากพอจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด!
อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้มันกำลังแทงเดิมพันครั้งใหญ่!
และมันเชื่อว่ามันจะไม่สูญเสีย
แต่เป็นธรรมดาที่มันไม่อาจทำให้ทุกคนเข้าใจการกระทำของมัน เช่นนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำตำหนิทั้งหลายของเหล่าอาวุโสในตระกูล มันจึงทำได้แค่อดทนฟังเงียบๆ
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าควบสร้างร่างอวตารกฏมิติเสร็จแล้วรึ/”
หลิงหูเหิงมองถามร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ
“ใช่”
และร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบคำกลับไปว่า ‘ใช่’ ทันที
“ต้วนหลิงเทียน”
ทันใดนั้นคล้ายหลิงหูเหิงจะฉุกคิดอะไรได้ออก มันจึงนำกระบี่เทพเล่มหนึ่งที่เต็มด้วยรัศมีพลังเรืองรองออกจากแหวนพื้นที่ “เจ้าเอากระบี่เทพเล่มนี้ไปใช้เถอะ มันเป็นกระบี่เทพขั้นสูง…หากเจ้าไม่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงไว้ใช้ เกรงว่าในการแข่งขันมังกรซ่อนเจ้าอาจจะเสียเปรียบผู้อื่น”
“กระบี่เล่มนี้ ข้าให้เจ้ายืมใช้ก่อนชั่วคราว”
“หากเจ้าสามารถติด 3 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนได้ ข้าจะมอบมันให้เจ้าเป็นรางวัล”
หลิงหูเหิงกล่าวพลางคลี่ยิ้ม จากนั้นมันก็โบกมือเบาๆ ก่อนกระบี่เทพขั้นสูงที่เต็มไปด้วยรัศมีพลังเรืองรองจะถูกพลังไร้สภาพหอบหิ้วไปให้ร่างจริงของต้วนหลิงเทียน
“ผู้เฒ่าเหิง…”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็เก็บร่างอวตารกฏมิติกลับเข้าร่าง ก่อนจะรับกระบี่เทพขั้นสูงที่ลอยมาถึงเบื้องหน้า “ท่านพูดมาแบบนี้ ยังต่างอะไรจากมอบกระบี่เทพให้ข้าเลยเล่า?”
“ฮัยยะ! เจ้ามั่นใจถึงเพียงนี้เชียว”
สองตาหลิงหูเหิงทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวล้อเลียนออกมาว่า “เจ้าต้องทราบด้วยว่าการแข่งขันมังกรซ่อนของนิกายมังกรสวรรค์ มันเต็มไปด้วยเหล่ารุ่นเยาว์อัจฉริยะมากมาย…เพราะผู้ใดก็ตามที่อายุไม่ถึง 10,000 ปี ขอเพียงไม่ใช่คนของนิกายมังกรสวรรค์ และสนใจเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ ก็สามารถเข้าร่วมได้ทั้งสิ้น! และในบรรดาพวกมันก็มีราชาเทพขั้นสูงชนชั้นสุดยอดฝีมือไม่น้อย!!”
“ในเมื่อพวกมันเป็นราชาเทพขั้นสูงชนชั้นยอดฝีมือ เจ้าที่เสียเปรียบเรื่องด่านพลังฝึกปรือ ยังมั่นใจว่าจะรับมือพวกมันได้ไหวรึ?”
รอบนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มบางๆ เพียงแต่ความมั่นใจที่อัดแน่นในรอยยิ้มดังกล่าวก็ทำให้หลิงหูเหิงจดจำไว้ในใจ กระทั่งคงได้จดจำไปอีกนานแสนนาน
“ถึงแล้ว”
ราวๆ 1 ชั่วยามต่อมา สองตาหลิงหูเหิงก็เป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นมันก็ลุกขึ้นยืนก่อนสะบัดมือเก็บเรือเหาะจอมราชันเทพกลับไป
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นยืนกลางฟ้า พอหันมองไปรอบๆก็พบเห็นผู้คนจำนวนมากที่มารวมตัวกันกลางอากาศบริเวณนี้ บ้างก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม บ้างก็ลอยร่างเพียงลำพัง…ด้วยจำนวนผู้คนอันเนืองแน่นทำให้มองจากไกลๆแล้วไม่ต่างอะไรกับฟ้าส่วนนี้เต็มไปด้วยแพเมฆทะมึนเลย
‘นี่พวกมันมาทดสอบเข้านิกายมังกรสวรรค์กันหมดเลยหรือนี่…’
ต้วนหลิงเทียนอดประหลาดใจไม่ได้หลังเห็นผู้คนมารวมตัวกันมืดฟ้ามัวดิน จากจุดนี้ทำให้เขาเห็นได้ชัดเจนว่านิกายมังกรสวรรค์ที่เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพมันมีเสน่ห์มากกว่าขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมากขนาดไหน
และต้องทราบด้วยว่านิกายมังกรสวรรค์นั้นในปัจจุบันไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่แล้ว
แล้วถ้าเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้า ที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพมากกว่าหนึ่งคนเล่า ฉากเรื่องราวตอนพวกมันรับสมัครจะขนาดไหนกัน?
เขาเองก็จินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่ามันต้องอลังการงานสร้างมากกว่านี้เป็นแน่!
“พื้นที่ส่วนนั้นเป็นสถานที่ตั้งนิกายมังกรสวรรค์”
ภายใต้การแนะนำของหลิงหูเหิง ต้วนหลิงเทียนที่มองตามมืออ้วนๆนิ้วป้อมๆของอีกฝ่ายไป ก็พบจุดที่เทือกเขาทั้ง 9 แนวมาบรรจบกันตรงกลาง และเทือกเขาแต่ละแนว มองไปยังคล้ายมีม่านแสงปกคลุม
เห็นได้ชัดว่าม่านแสงดังกล่าว สมควรเป็นค่ายกลอะไรบางอย่าง
‘นั่นสมควรเป็นค่ายกลป้องกันของนิกายมังกรสวรรค์กระมัง’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ‘ถึงแม้ตระกูลหลิงหูจะเคยมีปรมาจารย์ค่ายกลที่เก่งกาจปรากฏขึ้น แต่ค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลิงหูนั่น หากเทีบประสิทธิ์ภาพแล้วก็ถือว่าโดดเด่นในบรรดาขุมกำลังระดับจอมราชันเทพด้วยกันเท่านั้น…ยังไม่อาจเทียบได้กับค่ายกลป้องกันของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ’
“ต้วนหลิงเทียน”
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน จากนั้นเขาก็พบว่าเบื้องหน้าเขาพลันมีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ แลดูสง่างามน่าเกรงขามไม่ธรรมดา
ด้านหลังชายวัยกลางคนดังกล่าว ก็ปรากฏผู้คนนับร้อยค่อยๆเหาะตามมา
มีคนที่เขาคุ้นหน้าอยู่ไม่น้อย
ทั้งหมดเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหู