WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3783 สังเกตุเห็น
“นิกายหมื่นปีศาจกับนิกายหมอกเร้นลับกำลังมีเรื่องกันอีกแล้วหรือ?”
“ใช่ เมื่อครู่ข้าได้ยินหลานชิงประมุขนิกายหมื่นปีศาจเอ่ยท้าเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ โดยบอกว่าจะให้ศิษย์นิกายหมื่นปีศาจของมัน ตู้ปั้วจวิน ประมือกับศิษย์นิกายหมอกเร้นลับคนไหนก็ได้ 2 คนพร้อมๆกัน!”
“ตู้ปั้วจวิน…เหมือนจะเป็นศิษย์นิกายหมื่นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดหลังจากที่หยางเชียนเย่ออกจากนิกายหมื่นปีศาจไปแล้ว แต่กระนั้นอาศัยมันเพียงคนเดียวต้องประมือกับศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ 2 คนที่ร่วมมือกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ชัยกระมัง?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนนิกายหมอกเร้นลับถึงไม่กล้ารับคำท้าเล่า?”
…
เหล่าผู้คนที่เริ่มทยอยกันมามุงชมเรื่องราวห่างๆ มีทั้งคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอื่นๆ บ้างก็มาจากขุมกำลังระดับราชาเทพ มีแม้กระทั่งผู้ฝึกตนอิสระ
ตอนนี้ทุกคนล้วนหันไปจับจ้องมองเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับอย่างสนใจ เฝ้าดูว่ามันจะตอบรับคำท้าหรือไม่
ถูกผู้คนมากมายมองมาแบบนี้ เฉียนหยิ่นก็รู้สึกกดดันไม่น้อย สีหน้ายังกลายเป็นอึมครึม
“ประมุข รับคำท้ามันเถอะ”
อาวุโสเหล่ยส่งเสียงผ่านพลังไปหาเฉียนหยิ่น “วันนี้หากพวกเราไม่รับคำท้ามัน เกรงว่าวันหน้านิกายหมอกเร้นลับเราคงมิอาจสู้หน้าผู้คนได้แล้ว ถึงพวกเราจะพ่ายแพ้ และอาจต้องเสียหน้าอยู่ดี…ทว่านั่นก็ยังไม่เสียหน้าหนักเท่าหลบหนีการต่อสู้”
“แต่ถ้าหากพวกเรารับคำท้า ขอเพียงยันเสมอไว้ให้ได้ไม่แพ้พ่าย พวกเราก็ไม่ถือว่าเสียหน้าอะไร”
เห็นได้ชัดว่าอาวุโสเหล่ยชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียมาเรียบร้อย
ส่วนเรื่องหินเทพ 2 ล้านตำลึงที่เป็นเงินเดิมพัน มันไม่ได้กล่าวถึง
เพราะอาศัยหินเทพแค่ 2 ล้านตำลึง มันไม่อาจนับเป็นอะไรสำหรับนิกายหมอกเร้นลับได้เลย
เรียกว่าเทียบกับศักดิ์ศรีและหน้าตาของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว มันไม่คู่ควรให้กล่าวถึง
“ท่านประมุข หลินฉงพร้อมสู้กับมัน!”
ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางของเหล่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ ชายหนุ่มชุดสีเทา ก็เหินร่างออกมาจากเหล่าศิษย์ก่อนจะกล่าวคำกับเฉียนหยิ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านประมุข ข้าหลิวอี้หมิง ขออนุญาตออกไปสู้กับมัน!”
หลังจากชายหนุ่มชุดเทา ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวก็เหินร่างออกมากล่าวคำด้วยสายตาเอาเรื่องเช่นกัน
หลินฉง กับหลิวอี้หมิงนั้น ในตอนที่ซั่งกวนฉงเฟิงยังมีชีวิตอยู่ พวกมันก็คือศิษย์หลักที่ได้รับการยอมรับจากนิกายหมอกเร้นลับว่าเป็นศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุด 3 คน และพวกมันไม่ว่าใครก็ล้วนแข็งแกร่งเหนือกว่าซั่งกวนฉงเฟิงทั้งนั้น
นอกจากนั้นหลิวอี้หมิงยังเป็นศิษย์ของอาวุโสอวิ๋นแห่งนิกายหมอกเร้นลับ ส่วนหลินฉงก็เป็นศิษย์ของอาวุโสหวู่
พวกมันทั้งคู่ล้วนเคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับพลังฝีมือของ ตู้ปั้วจวิน ศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจมานานแล้ว และยังรู้ด้วยว่าหากพวกมันคนใดคนหนึ่งออกสู้กับอีกฝ่ายตัวต่อตัว ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย!
ทว่าบัดนี้ ประมุขนิกายหมื่นปีศาจกลับเสนอให้ ตู้ปั้วจวิน คนเดียวประมือกับศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ 2 คนพร้อมๆกัน!
ทำให้พวกมันรู้สึกว่า ถ้าร่วมมือกันได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวตู้ปั้วจวิน!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันสองคนยังเงป็นสหายกันอีกด้วย ในเมื่ออาจารย์ของพวกมันทั้งคู่สนิทกัน เช่นนั้นพวกมันก็เลยได้ประมือกันเองบ่อยๆ จึงรู้พลังสามารถของอีกฝ่ายดี พอมาร่วมมือกันเองก็ย่อมดีกว่าให้พวกมันไปร่วมมือกับคนอื่นๆ
“ประมุขเฉียนหยิ่น”
ทันใดนั้นเอง หลานชิง ประมุขนิกายหมื่นปีศาจก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้ายังฉายชัดถึงความหยอกล้อ “แม้แต่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับของเจ้ายังกล้าสู้ เช่นนั้นประมุขอย่างเจ้าคงไม่ปอดแหกเอาตอนนี้กระมัง?”
“แต่ถ้าเจ้ามันปอดแหกไม่กล้าสู้จริงๆ ก็แค่พูดออกมาสักคำ…นิกายหมื่นปีศาจของข้าก็ไม่คิดบับคั้นรังแกนิกายหมอกเร้นลับของเจ้าหรอก”
กล่าวถึงจุดนี้ มุมปากของหานชิงก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมา ในสายตาของศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทุกคนรอยยิ้มดังกล่าวของมัน ไม่บอกก็รู้ว่าตัวโกงชัดๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงอีกฝ่ายจะเป็นตัวโกง แต่คำท้าของมันก็ถือว่าชอบธรรมยิ่งนัก ทำให้ไม่อาจต่อว่าอะไรมันได้ ทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับหลินฉงกับหลิวอี้หมิงเท่านั้น
“เฮอะ! ผู้ใดบอกว่านิกายหมอกเร้นลับของพวกเราไม่กล้าสู้!”
ในที่สุดเฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับก็กลับมาครองสติอีกครั้ง มันหันไปมองกล่าวกับหลานชิงด้วยสีหน้ารังเกียจ “ในเมื่อนิกายหมื่นปีศาจของเจ้า คิดส่งมอบหินเทพให้นิกายหมอกเร้นลับของเราเปล่าๆ ไฉนพวกเราจึงไม่รับเล่า?”
“หลินฉง หลิวอี้หมิง พวกเจ้าสองคนไปรับทราบพลังฝีมืออันเลิศล้ำของตู้ปั้วจวิน อัจฉริยะคนเก่งของนิกายหมื่นปีศาจนั่นสักคราเถอะ”
เฉียนหยิ่นเอ่ยออกเสียงดัง “เพียงแต่ดาบกระบี่ไร้นัยน์ตา ต่อให้ตู้ปั้วจวินนั่นจะได้รับบาดเจ็บอันใด นิกายหมอกเร้นลับก็ไม่ถือโทษโกรธพวกเจ้าว่าทำเกินเหตุ”
ในขณะที่เฉียนหยิ่นคิดไม่ตก พอได้ยินน้ำเสียงมั่นใจของหลินฉงกับหลิวอี้หมิงว่าสามารถเอาชนะตู้ปั้วจวินได้ มันก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
ถึงแม้ตู้ปั้วจวินจะร้ายกาจ แต่หลินฉงกับหลิวอี้หมิงก็ไม่ใช่สัตว์กินพืช ในฐานะศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับมานาน พวกมันก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามแต่อย่างใด
เมื่อนิกายหมอกเร้นลับตอบรับคำท้าแล้ว คนของตระกูลหลิงหู ไม่เว้นคนของตระกูลมู่หรงก็เริ่มล่าถอยออกไป เว้นที่ว่างให้ตู้ปั้วจวินศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจได้มีพื้นที่ประมือกับหลินฉงและหลิวอี้หมิงศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ…
ตู้ปั้วจวินที่ลอยร่างค้างกลางหาว มองไปยังหลินฉงกับหลิวอี้หมิงด้วยแววตาหยามหมิ่น ลึกลงไปในดวงตายังฉายประกายเย็นชาวูบวาบ
กลับกัน ด้านหลินฉงกับหลิวอี้หมิงพอออกมาเผชิญหน้ากับตู้ปั้วจวิน พวกมันก็ชักสีหน้าจริงจังแลดูระมัดระวังตัวนัก
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก ตัดสินจากสภาวะก่อนสู้รบ ก็บอกได้แล้วว่าผู้ใดมั่นใจกว่ากัน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าว่าฝ่ายไหนจะชนะหรือ?”
เสียงผ่านพลังของโหวชิ่งหนิงส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียน เห็นได้ชัดว่าโหวชิ่งหนิงเองก็สนใจการประลองครั้งนี้มาก
“ข้าเองก็บอกยาก เพราะข้าไม่เคยเห็นพวกมันคนไหนลงมือมาก่อน…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “อย่างไรก็ตาม ตัดสินจากที่หลานชิงเป็นฝ่ายริเริ่มกล่าวท้าออกมาแบบนี้ บ่งบอกว่ามันมั่นใจในตัวตู้ปั้วจวินมาก แถมท่าทีของตู้ปั้วจวินตอนนี้ก็ทำเหมือนไม่เห็นทั้งคู่อยู่ในสายตา เช่นนั้นการประลองครั้งนี้น่ากลัวนิกายหมื่นปีศาจอาจเป็นฝ่ายได้ชัย”
โหวชิ่งหนิงพอได้ยินการวิเคราะห์ของต้วนหลิงเทียนมันก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะส่งเสียงผ่านพลังมาอีกครั้ง “หากนิกายหมอกเร้นลับแพ้ กล่าวได้ว่าวันนี้พวกมันต้องเสียหน้าครั้งใหญ่แล้วจริงๆ แต่ถ้าชนะก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอะไร เพราะสุดท้ายก็อาศัย 2 รุมหนึ่ง…บอกได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร นิกายหมื่นปีศาจก็ลอยตัว กลับเป็นฝ่ายนิกายหมอกเร้นลับที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันครั้งใหญ่”
“เป็นเช่นนั้น การประลองครั้งนี้นับว่าไม่ยุติธรรมกับนิกายหมอกเร้นลับจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบผ่านพลัง “ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ 2 คนกลุ้มรุมเช่นนี้ ถึงจะชนะตู้ปั้วจวินได้ นิกายหมื่นปีศาจก็ไม่ได้รู้สึกสลดแต่อย่างใด สุดท้ายตู้ปั้วจวินก็รับศึก 1 ต่อ 2…เสมือนพวกมันคิดใช้หินเทพ 2 ล้านตำลึงแลกกับความอัปยศของนิกายหมอกเร้นลับมากกว่า เพราะถึงจะไม่สำเร็จหินเทพเพียงเท่านั้นก็ไม่อาจนับเป็นอะไรได้”
“เพราะถึงนิกายหมอกเร้นลับจะชนะการประลองได้รับหินเทพไป ก็ไม่มีใครรู้สึกชื่นชมแน่นอน”
“แต่ถ้าดันทะลึ่งแพ้ขึ้นมา…ก็หน้าแหกครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!”
ต้วนหลิงเทียนเองก็มองสถานการณ์เบื้องหน้าได้กระจ่างชัด หากเขาเป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ เขาไม่พ้นต้องหาวิธีที่จะไม่ต้องสู้ โดยที่ไม่มีใครมองว่าหลบหนีการต่อสู้
เพราะไม่ฉลาดเลย ที่ไปเล่นตามเกมของอีกฝ่ายแบบนี้
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ตู้ปั้วจวิน ศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจ กับหลินฉงและหลิวอี้หมิงศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ ก็ปะทุพลังลงมือในฉับพลัน หลังจากนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง
เป็นธรรมดาว่าหากใครมองอยู่แต่แรกจะพบว่าเป็นหลินฉงกับหลิวอี้หมิงที่ปะทุพลังลงมือป้อนกระบวนท่าออกไปก่อน ส่วนตู้ปั้วจวินก็แค่เร่งเร้าพลังเทพออกมาเพื่อรับมือเท่านั้น
ซุ่ม! ซู่มมม!!
ฟุ่บ!
ร่าง 2 ร่างโจนทะยานออกมาด้วยสภาวะพลังดุดัน ส่วนอีกร่างนั้นก็ห้อเหยียดเข้าหาร่างทั้ง 2 อย่างไร้ครั่นคร้าม แต่ละคนยังชักอาวุธเทพคู่กายออกมาเสร็จสรรพ
และทั้ง 3 ล้วนใช้อุปกรณ์เทพขั้นกลางเหมือนกันหมด
จึงไม่มีใครได้เปรียบเรื่องอุปกรณ์เทพ
ปงงง!!
ครืนนน!!
…
ทั้ง 3 ระเบิดพลังป้อนกระบวนท่าออกไปอย่างดุดัน คลื่นกระแทกจากพลังกระบวนท่าที่แหวกฟ้าออกไปฉับไว กำจายออกมาสะท้านความว่างเปล่าอย่างรุนแรง ก่อเกิดเป็นสายลมวิปริตพัดกรรโชกออกไปทั่วสารทิศ
ชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ พลังกระบวนท่าที่ทั้ง 3 ปลดปล่อยออกมาก็ปะทะกันกลางหาว พร้อมๆกันกับที่เสียงระเบิดดัง ‘ปง’ ลั่นสนั่นขึ้นก้องฟ้า คลื่นกระแทกที่รุนแรงทั้งทรงพลังยิ่งกว่าก่อนหน้าก็เริ่มกวาดสะท้านออกไป 4 ทิศ 8 ทางราวกับคลื่นสมุทรคุ้มคลั่ง หมายกลืนกินป่นปี้ทุกสิ่งที่ขวางทาง
อย่างไรก็ตาม ประมุขนิกายหมื่นปีศาจ ประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ไม่เว้นอาวุโสของตระกูลหลิงหูและผู้นำตระกูลมู่หรง ราวกับล่วงรู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่แรก พวกมันพลันสะบัดมืออยย่างไร้เรื่องราว ความว่างเปล่าพลันปรากฏม่านพลังโปร่งแสงกางกั้น ปกป้องคุ้มครองคนของตัวเองเอาไว้อย่างแยบคาย
เพราะทั้ง 3 ที่ประมือกันให้ร้ายกาจแค่ไหน ก็แค่ราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น
แต่เฉียนหยิ่น หลานชิง รวมถึงชนชั้นผู้นำและอาวุโสของอีก 2 ตระกูลไม่ว่าใครก็เป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำ ที่ทะลวงด่านพลังมาเนิ่นนาน ถึงขั้นไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งคิดจะเข่นฆ่าทั้ง 3 ที่สู้กันอยู่ ก็อาศัยเพียงพลิกฝ่ามือเท่านั้น
ต่อให้ทั้ง 3 จะพร้อมใจกันซัดพลังกระบวนท่าเข่นฆ่าสังหารเข้ามา พวกมันก็คลี่คลายได้ง่ายดาย
กับอีแค่คลื่นกระแทกจากการปะทะกันของพลัง 3 ขุม มันไม่คู่ควรให้พูดถึงเลย
“ตู้ปั้วจวินผู้นั้น ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
“ให้ตายเถอะ มันคนเดียวกลับซัดพลังต้านทานกระบวนท่าของ 2 คนได้อย่างไม่เสียเปรียบ…นับว่าตู้ปั้วจวินแห่งนิกายหมื่นปีศาจคนีน้ร้ายกาจสมคำร่ำลือจริงๆ!!”
“ด้านนิกายหมอกเร้นลับ นอกจากเชวียไห่ชวนเมื่อหมื่นปีก่อน ก็ไม่เคยปรากฏศิษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้อีกเลย…ดูเหมือนในแง่พลังสามารถของรุ่นเยาว์ นิกายหมอกเร้นลับถูกนิกายหมื่นปีศาจครอบงำเสียแล้ว!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ต้องทราบด้วยว่าในนิกายหมื่นปีศาจตู้ปั้วจวินไม่ใช่ศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุด เหนือมันยังมีหยางเชียนเย่อีกคน!”
“จริงสิ ว่าแต่ไฉนหยางเชียนเย่ถึงไม่มาด้วยเล่า?”
“เห็นว่าหยางเชียนเย่คนนั้นได้รับการทาบทามจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงเรา และขุมกำลังเหล่านั้นก็แข็งแกร่งเหนือกว่านิกายมังกรสวรรค์มาก หากเจ้าเป็นหยางเชียนเย่ ยังจะเลือกเข้านิกายมังกรสวรรค์อยู่อีกหรือไม่เล่า?”
…
พอเห็นว่าตู้ปั้วจวินเพียงคนเดียวกลับรับมือศิษย์ทั้ง 2 ของนิกายหมอกเร้นลับได้ โดยที่ไม่ตกเป็นรองแม้แต่นิดเดียว ความโกลาหลพลันบังเกิดในหมู่ผู้ชมทันที ต่างพากันถอนหายใจพูดทำนองนิกายหมอกเร้นลับไร้ผู้สืบทอดแล้ว
“อันที่จริงเดิมทีนิกายหมอกเร้นลับก็มีอัจฉริยะที่พรสวรรค์กับควมเข้าใจสูงล้ำเยี่ยงปีศาจอยู่หรอก…คนผู้นั้นไม่เพียงแต่จะไม่ด้อยกว่าเชวียไห่ชวนเมื่อหมื่นปีก่อนเท่านั้น ยังถือว่าเหนือชั้นกว่ามาก…น่าเสียดายกลับถูกนิกายหมอกเร้นลับบีบให้ต้องจากไป”
ท่ามกลางผู้ที่มุงชม อยู่ๆก็มีคนๆหนึ่งเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
และหลังจากที่มันเปิดประเด็นเรื่องนี้ ผู้คนโดยรอบก็เริ่มร่วมวงทันที “ที่เจ้าพูดใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่? ถูกนิกายหมอกเร้นลับบีบให้ออก? ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนทรยศนิกายหมอกเร้นลับก่อนหรือไร นอกจากนั้นนิกายหมอกเร้นลับไม่ใช่ใจกว้าง เลือกจะกล้ำกลืนความขับข้องใจแถมยังอวยพรให้ต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จที่ตระกูลหลิงหูหรอกหรือ?”
“เหอะๆ ทรยศนิกายหมอกเร้นลับกับผีสิ! สหายข้าอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับทั้งมีตำแหน่งสูงพอสมควร เช่นนั้นเรื่องราวเป็นมาอย่างไรไฉนข้าจึงไม่ทราบเล่า? เรื่องทรยศน่ะเหรอ นั่นมันแค่ม่านหมอกที่นิกายหมอกเร้นลับจงใจสร้างขึ้นเพื่อลวงตาผู้คนเท่านั้น! ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลิงเซียวน่ะ ที่แท้เป็นเพราะหลงเซียวไม่พอใจต้วนหลิงเทียนที่ปฏิเสธอาวุโสเหล่ย จึงให้ซั่งกวนฉงเฟิงไปหาเรื่องต้วนหลิงเทียน เห็นว่ายังรีดไถโอสถเสริมโชคจากต้วนหลิงเทียนไป 2-3 เม็ดนี่ล่ะ จากนั้นหลงเซียวนั่นก็ตามมาซ้ำเติมต้วนหลิงเทียน ปากบอกว่าจะให้ทางรอดแก่ต้วนหลิงเทียน แต่กลับบอกให้ต้วนหลิงเทียนคลานเข่า 10 ลี้ไปขอเป็นศิษย์อาวุโสเหล่ย…มารดามันเถอะ อัจฉริยะคนหนึ่งกลับถูกบีบคั้นถึงเพียงนี้เป็นข้าๆก็ไม่อยากอยู่แล้ว”
“ที่สำคัญวันที่เกิดเรื่องขึ้น เป็นซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวที่คิดฆ่าต้วนหลิงเทียนก่อนด้วยซ้ำ เพียงแค่ตอนซั่งกวนฉงเฟิงลงมือ มันกลับถูกต้วนหลิงเทียนสวนมากระบี่เดียวจอด หลงเซียวที่เห็นท่าไม่ดีก็เร่งรุดหลบหนี แต่ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะปล่อยมันไปง่ายๆ เช่นนั้นฆ่าหนึ่งฆ่าสองก็คือฆ่าคน!”
“ใช่ๆ เห็นว่าวันนั้นที่ต้วนหลิงเทียนสามารถรอดออกจากนิกายหมอกเร้นลับได้ เพราะผู้เฒ่าเหิงฮวนได้ลอบติดตามคุ้มครองต้วนหลิงเทียนมาอย่างลับๆ และทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าถ้าฆ่าทั้ง 2 คนนั่นไป อย่างไรนิกายก็ไม่มีทางให้ความเป็นธรรมแน่ สุดท้ายทั้งคู่ก็เป็นศิษย์ของอาวุโสสูงสุด จึงหาทางหนีทีไล่ไว้แต่แรก…”
“ให้ตายเถอะ ถ้าเรื่องราวมันเป็นเช่นนั้นจริง กล่าวได้ว่านิกายหมอกเร้นลับถือว่าเป็นคนผิดน่ะสิ…ถ้าไม่เกิดเรื่องพวกนั้น ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็คงยังอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับ ตู้ปั้วจวินนั่นยังนับเป็นอะไรต่อหน้าต้วนหลิงเทียนได้กัน”
…
ถึงแม้ไม่ทราบว่าคนที่กล่าวขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนเป็นใครมาจากไหน แต่เรื่องที่มันพูดออกมากลับเป็นความจริงที่น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ และไม่นานก็มีบางคนที่รู้จักต้วนหลิงเทียนหันไปมอง ทำให้สายตาร้อนแรงจากทุกทั่วสารทิศมองตามสายตาคนเหล่านั้น ไปตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียน
“นั่นน่ะหรือ ต้วนหลิงเทียน?”
“อ๋า! ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลายิ่ง! ท่าทียังแลดูสบายๆ ไม่คล้ายคนที่เข่นฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวได้ง่ายๆเลย”
“เห็นว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้นยังเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพมือดีอีกด้วย สามารถหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดได้ตามอำเภอใจเชียวล่ะ!”
…
ในบรรดาผู้คนที่หันมามองต้วนหลิงเทียน ก็มีสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย คนที่ใจกล้าๆหน่อยก็ถึงกับเล่นหูเล่นตา เรียกว่าขยิบตาอ่อยให้ท่ากันใหญ่
“ท่าทางศิษย์ทั้ง 2 ของนิกายหมอกเร้นลับจะแพ้แล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนโดยรอบแต่อย่างไร แต่ต้นจนจบเขามองความเคลื่อนไหวของร่างทั้ง 3 ที่สู้กันเบื้องหน้าไม่วางตา และไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงส่งเสียงผ่านพลังไปหาโหวชิ่งหนิง
“หืม?”
ด้านโหวชิ่งหนิงที่ชมดูการต่อสู้อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเล็กน้อยหลังได้ยินคำพูดผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน เพราะมันกลับดูไม่ออกเลยว่าศิษย์ทั้ง 2 จะแพ้พ่ายได้อย่างไร
ปงงง!!
ทว่าทันใดนั้นเอง อยู่ๆร่างของตู้ปั้วจวินก็ปรากฏพลังงานมหาศาลปะทุขึ้น เป็นพลังสายเลือดที่มันกระตุ้นใช้ไปก่อนหน้าแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ๆกลับทวีความรุนแรงขึ้นในฉับพลัน!