WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3791 เทือกเขาเหยียนหลง
ในหุบเหวกระจก ของการทดสอบคัดเลือกรอบที่ 3 สำหรับผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์ช่วงอายุไม่เกิน 5,000 ปี ร่างต้วนหลิงเทียนลอยค้างอยู่กลางหุบเหวเพียงลำพัง ให้ความรู้สึกเสมือนทวยเทพที่สะกดข่มสรรพชีวิต
ด้านบนหุบเหว รุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงที่ออกจากหุบเหวตามโหวชิ่งหนิงกับมู่หรงอวิ๋นเยว่มา แต่ละคนก็คลี่ยิ้มยินดีที่ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกมาได้
ส่วนคนที่เหลือนั้น อีกไม่นานก็คงจะออกจากหุบเหวกระจก และผ่านรอบคัดเลือกจนครบคน
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนดูเหมือนไม่คิดจะสลายกำแพงมิติ
“สหายทุกท่าน หากต้วนหลิงเทียนตั้งใจจะช่วยเหลือคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพให้ผ่านรอบคัดเลือกจริงๆ พวกเราที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคงไม่เหลือโอกาสอันใดแล้ว…ข้าแนะนำว่าให้พวกเราร่วมมือกันทำลายกำแพงมิติของมันเถอะ ข้าไม่เชื่อว่าอาศัยมันเพียงลำพังจะต้านทานการโจมตีของพวกเราทุกคนได้”
หลังจากที่คนกว่าโหลถูกต้วนหลิงเทียนซัดจนสาหัสได้สักพัก ในที่สุดก็มีคนที่ปลุกเร้าทุกคนให้ตื่นตัวเพื่อระดมกำลัง และนับว่ามันทำสำเร็จ!
ผู้ที่จะผ่านรอบคัดเลือกได้ มีแค่ 200 คนเท่านั้น
ในปัจจุบันคนของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงก็คว้าไป 30 กว่าที่แล้ว ทำให้เหลืออีกแค่ 160 กว่าที่เท่านั้น
หากต้วนหลิงเทียนตั้งใจจะช่วยเหลือคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพจริงๆ เช่นนั้นผู้ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ก็ถูกลิขิตให้กลับบ้านพร้อมความผิดหวัง!
“ลุยกันเถอะ! พวกเราทุกคนลงมือพร้อมกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันคนเดียวจะหยุดพวกเราได้!!”
“ข้าเอาด้วย!”
“ถล่มมารดามัน!!”
…
จังหวะนี้เหล่าคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพได้สามัคคีกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ละคนเร่งเร้าพลังเทพออกมาพร้อมเพรียง เตรียมพร้อมต่อสู้เพื่อโชคชะตาอย่างสุดตัว
เป็นธรรมดาว่าที่พวกมันกล้าสู้ เพราะพวกมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่กล้าฆ่าพวกมัน
เพราะถ้าต้วนหลิงเทียนลงมือฆ่าคน ก็จะละเมิดกฏ
ด้านคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ก็ถึงกับยืนตะลึงไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ามองตากันยกใหญ่ ด้วยไม่รู้ว่าพวกมันจะทำอย่างไรดี จะร่วมมือกันทำลายกำแพงมิติของต้วนหลิงเทียนดี หรือจะช่วยต้วนหลิงเทียนจัดการคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพดี
จนบัดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้บอกสักคำ ว่าจะช่วยพวกมันหรือไม่ช่วยกันแน่
“ข้าบอกว่าจะช่วยคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
พอเห็นว่าทุกคนมองเขาเหมือนตัวร้าย และกำลังจะร่วมมือกันบุกฝ่ากำแพงมิติ ต้วนหลิงเทียนก็กระพริบตาปริบๆ จากนั้นพอเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน และพบว่าคนของตระกูลมู่หรงคนสุดท้ายได้ออกจากหุบเหวกระจกแล้ว เขาก็ใช้เคลื่อนมิติ จนร่างอันตรธานหายไปทันที
และกำแพงมิติที่กางกั้นทุกคนก่อนหน้า ก็สลายพร้อมการจากไปของต้วนหลิงเทียน
“ดี! ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดช่วยพวกมัน!!”
ทันใดนั้นเอง คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็ตระหนักได้ทันที
เมื่อต้วนหลิงเทียนออกจากหุบเหวกระจกแล้ว ภายในหุบเหวกระจกก็เกิดการปะทะกันครั้งใหญ่ เรียกว่าสู้กันนัวยิ่งกว่า 2 ครั้งก่อนหน้าเสียอีก
เหล่าคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ คล้ายจะระบายโทสะทั้งหมดที่ถูกต้วนหลิงเทียนกดดันจนทำอะไรไม่ได้ไปลงยังรุ่นเยาว์ของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอย่างไรอย่างนั้น
เหล่ารุ่นเยาว์ของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอีก 17 ขุมกำลังที่เหลือก็เลยต้องพบพานกับแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในตอนนี้พวกมันยังรู้สึกแค้นต้วนหลิงเทียนนัก!
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียน ไหนเลยพวกมันจะถูกผู้อื่นเพ่งเล็งแบบนี้
ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ตอนนี้เขาก็ได้ลอยร่างเหนือปากเหวกระจก และหันไปพยักหน้าให้กับคนของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงที่กำลังกล่าวคำขอบคุณเขาไม่หยุด
โดยเฉพาะ มู่หรงอวิ๋นเยว่ คุณหนู 3 ของตระกูลมู่หรงที่กล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนซ้ำๆ
“ต้วนหลิงเทียน ข้าว่าตอนนี้คนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เหลือ แต่ละคนคงแค้นเจ้าแทบตายแล้ว…”
โหวชิ่งหนิงที่ยืนอยู่ปากเหว พอมองไปยังการต่อสู้ด้านล่างหุบเหวกระจก มันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
…
หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ ก็เริ่มมีผู้คนเหินร่างออกมาจากหุบเหวกระจก
ในบรรดาคนเหล่านั้น ก็มีคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหลายคน
ถึงแม้ว่ารุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่มีจำนวนน้อยกว่า จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลเพราะถูกคนจำนวนมากกว่าเกือบ 3 กลุ้มรุม
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาพวกมันก็มีอัจฉริยะที่เก่งกาจจริงๆ เรื่องจะบุกฝ่าขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เป็นธรรมดาว่าในรอบนี้ ผู้ที่ขึ้นมาจากหุบเหวกระจกได้ จะมีคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมากกว่า เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะพวกมันมีจำนวนมากกว่าคนที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมาก และอีกผลหนึ่งก็เพราะพวกมันกลุ้มรุมเล่นงานคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก่อน
นอกจากนั้นยังมีคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่ตีเนียนปะปนไปกับพวกมัน จึงเป็นการช่วยพวกมันอีกทาง
จะอย่างไรก็แล้วแต่ รอบนี้นับว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงสบายตัวที่สุด เพราะได้รับความช่วยเหลือจากต้วนหลิงเทียน เรียกว่าแค่เหาะขึ้นมาอย่างไร้เรื่องราวเท่านั้น
“พวกเจ้าจักภูมิใจอะไรนักหนา? รอบคัดเลือกต้วนหลิงเทียนช่วยพวกเจ้าได้ แต่การทดสอบรอบต่อไป ให้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่มีทางช่วยพวกเจ้าได้!”
รุ่นเยาว์ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพบางคน ที่เห็นรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงมองมาหน้าระรื่น ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
พวกมันไม่กล้าตอแยต้วนหลิงเทียนก็จริง แต่กับรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงพวกมันยังต้องกลัวอีกหรือ?
กล่าวได้ว่า ความคับข้องใจที่พวกมันมีต่อต้วนหลิงเทียน ถูกเอาไประบายกับรุ่นเยาว์ตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงผ่านวาจาปรามาสหมดสิ้น
ด้านรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงก็ไม่ใช่สัตว์กินพืช โดนหยามหมิ่นปรามาสแบบนี้ ไหนเลยจะยอมได้ เริ่มทำสงครามน้ำลายกับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด
เป็นธรรมดาว่าจะคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่ออกมาจากหุบเหวกระจกได้ก็ดีหรือไม่ใช่ก็ดี แต่ละคนไม่กล้ามองต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ ในแววตาของพวกมันมีแต่ความยำเกรงไม่มีโทสะหรือความไม่พอใจอันใด
พูดตรงๆมันไม่กล้าโมโหใส่ต้วนหลิงเทียน
“หากเจ้ามีเวลามาต่อปากต่อคำไร้สาระแบบนี้ เอาเวลาไปรักษาอาการบาดเจ็บกันไม่ดีกว่าหรือ…การทดสอบรอบต่อไปมันไม่รอให้พวกเจ้าหายดีแล้วค่อยเริ่มหรอกนะ…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังก่นด่ารุ่นเยาว์ของตระกูลมู่หรงกับตระกูลหลิงหูจนน้ำลายกระเซ็นด้วยสายตาเฉยเมย พลางเอ่ยเตือนเสียงเรียบ
และพอต้วนหลิงเทียนพูดจบคำ ทุกคนก็คล้ายตื่นจากฝัน เลิกสนใจเรื่องราวอื่นใด หยิบควักโอสถรักษาออกมากินและเริ่มเดินพลังฟื้นตัวทันที
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็มีผู้คนทยอยกันออกมาจากหุบเหวกระจกมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานก็ครบ 200 คน
และพอคนครบกำหนด ต้วนหลิงเทียนและทุกคนก็ถูกส่งตัวออกจากพื้นที่หุบเหวกระจกทันที พอออกมาก็พบว่ามีคนของนิกายมังกรสวรรค์รอลงทะเบียนอยู่แล้ว
“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว ข้าหลงคิดว่าข่าวลือเรื่องเจ้ามันเกินความจริงเสียอีก แต่พอได้เห็นกับตาวันนี้ นับว่าข่าวลือเรื่องเจ้าไม่มีแปลกปลอมแม้แต่นิดเดียว”
ผู้ดูแลฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ที่มาลงทะเบียนรายชื่อให้ต้วนหลิงเทียน มันไม่ได้เอ่ยถามชื่อต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ และเริ่มเขียนชื่อต้วนหลิงเทียน และทำการถ่ายภาพด้วยอุปกรณ์เทพบางอย่างทันที
หลังดำเนินการแล้วเสร็จ มันก็ยกนิ้วให้ต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาว่า “หลังจากที่เจ้าเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราแล้ว ข้าไม่ทราบว่าจะมีผู้อาวุโสมังกรดำกี่คนที่คิดจะแย่งชิงตัวเจ้าไปเป็นลูกศิษย์”
“เพราะพรสวรรค์ที่เจ้าเผยออกมา มันไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสมังกรขาวที่มีอายุน้อยที่สุดทั้ง 3 ของนิกายมังกรสวรรค์เราเลย”
ในวาจาของผู้ดูแลฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์ ไม่ขาดการชื่นชมต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันมันยังไม่ลืมส่งลูกแก้ววิญญาณของตัวเองให้ต้วนหลิงเทียน “ข้าเรียกว่า โจวฮ่าว เป็นผู้ดูแลฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ หลังเจ้าเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์แล้ว หากมีเรื่องใดสงสัยไม่เข้าใจ เจ้าติดต่อมาถามข้าได้”
“ขอบคุณผู้ดูแลโจว”
ต้วนหลิงเทียนก็แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณอีกฝ่ายอย่างสุภาพ เพราะความกระตือรือร้นกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของอีกฝ่าย ทำให้เข้าไม่อาจหักหน้าอีกฝ่ายได้
“เด็กน้อยที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่ 3 มากับข้า”
จากนั้นอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์อีกคน ที่มีลักษณะเป็นชายชราก็ก้าวออกมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด “หลังจากนี้ข้าจะเป็นคนพาพวกเจ้าเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์”
“หลังจากพาพวกเจ้าเข้าไปแล้ว การทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในรอบต่อไปของนิกายมังกรสวรรค์เราก็จะเริ่มขึ้น”
หลังชายชรากล่าวจบคำ มันก็เหินร่างนำพาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ทันที
ในระหว่างเดินทาง มันก็หันมามองต้วนหลิงเทียนหลายครั้ง ในแววตายังไม่ขาดการชื่นชม
“ข้าชื่อ เซียวเจิ้น อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์”
ขณะที่เซียวเจิ้นกล่าวแนะนำตัวเองออกมา มันก็ได้พาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆมาถึงน่านฟ้า 1 ใน 9 แนวเทือกเขาที่ทอดตัวยาวราวมังกร ซึ่งอยู่ในเขตนิกายมังกรสวรรค์
“ต่อไปข้าจะพาพวกเจ้าเข้าสู่ ‘เทือกเขาเหยียนหลง’ ของนิกายมังกรสวรรค์เรา…ภายในเทือกเขาเหยียนหลงมีภูเขาไฟที่คุกรุ่นพร้อมปะทุเป็นจำนวนมาก แต่หากพวกเจ้าเห็นว่าพื้นที่ใกล้ๆภูเขาไฟยังแลดูเขียวขจีไม่คล้ายพื้นที่ภูเขาไฟตามปกติ ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะภูเขาไฟแต่ลูกล้วนมีค่ายกลจัดตั้งไว้ ถึงมันจะปะทุระเบิดแต่หินหลอมเหลวกับเถ้าภูเขาไฟก็จะถูกพลังของค่ายกลกลืนกินทันที จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ”
ขณะที่เซียวเจิ้นพาต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆเหินผ่านเทือกเขาแห่งหนึ่ง มันก็ไม่ลืมแนะนำเทือกเขาด้านล่าง
ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็มองลงไปยังผืนดินเบื้องล่าง และเขาก็เริ่มสังเกตเห็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่ว่าเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจำนวนภูเขาไฟที่ยังไม่ดับมันมีน้อยกว่าที่ดับแล้วหลายเท่า หากมองผ่านๆก็คงไม่ทันสังเกตเห็น
และในปัจจุบันก็มีภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่เช่นกัน มันพ่นหินหลอมเหลวออกมาปานมังกรพ่นไฟ หากทว่ายามหินหนืดหินหลอมเหลวพุ่งผ่านปากปล่องภูเขาไฟได้ระยะหนึ่ง มันก็จะสลายหายไปในอากาศอย่างแปลกประหลาด
“ก็ว่าแล้วเชียว ก่อนหน้าข้าเหมือนจะเห็นแสงวิบวับออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ ตอนแรกหลงคิดว่าเป็นการหักเหของแสงหรืออะไรเพราะมันอยู่ไกลเสียอีก…ที่แท้มันเป็นหินหลอมเหลวจากภูเขาไฟจริงๆ”
โหวชิ่งหนิงที่เหินร่างข้างๆต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ชื่อเทือกเขาเหยียนหลง สมควรได้มาเพราะเหตุนี้”
ในปัจจุบันก็มีหลายๆคนที่เดาได้
ภายใต้การนำพาของเซียวเจิ้น ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็มาถึงกลางยอดเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง ในแนวเทือกเขาเหยียนหลง บนพื้นศิลาที่ปูมาอย่างดีก็มีผู้คนจำนวนมากยืนรออยู่
ต้วนหลิงเทียนมองคนที่ยยืนรออยู่ก่อนปราดเดียวก็บอกได้ว่า เป็นคนที่ผ่านรอบคัดเลือกทั้ง 2 รอบก่อนหน้านี้
ตู้ปั้วจวิน ตู้เชียนจวิน หรือหัวเทียนตู้ ก็ยืนรวมอยู่ด้วย
ทั้งผู้คนบนลานหินยังแบ่งกันยืนห่างกันออกเป็น 2 กลุ่มอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆมาถึง ก็แยกไปยืนรวมกลุ่มห่างจากพวกมันเช่นกัน
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องนี้
เพราะเขารู้ว่าการทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเจอบททดสอบเดียวกัน การทดสอบก็จะถูกแบ่งออกตามช่วงอายุ และมีความยากง่ายแตกต่างกัน
ยิ่งเป็นอัจฉริยะที่มีอายุน้อยเท่าไหร่ บททดสอบก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
แต่เป็นธรรมดาว่าการแข่งขันมังกรซ่อนที่จะจัดขึ้นหลังจากผ่านการทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในแล้ว ไม่มีการแบ่งอายุอีกต่อไป เช่นนั้นยิ่งอายุมากเท่าไหร่ก็จะมีเปรียบมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีเวลาบ่มเพาะฝึกปรือนานกว่า
“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้า”
“ขอบคุณท่านมากต้วนหลิงเทียน”
…
หลังต้วนหลิงเทียนมาถึง เขาก็ได้รับเสียงผ่านพลังมากมายจากคนของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรง พวกมันขอบคุณต้วนหลิงเทียนที่ช่วยให้ญาติพี่น้องรวมถึงคนสนิทผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกมาได้
“หลังจากที่ผู้อาวุโสของพวกเจ้าทั้งหมดมาถึง การทดสอบศิษย์ฝ่ายในรอบต่อไปก็จักเริ่มต้นขึ้น”
ในขณะนั้นเอง เซียวเจิ้น อาวุโสฝ่ายในที่นำพาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆมาถึงลานศิลากลางยอดเขาแห่งหนึ่งในแนวเทือกเขาเหยียนหลงก็เอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัด บอกกำหนดการให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆรับทราบ