WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3800 รายชื่อเจ้าคงไม่ได้ตกหล่นหรอกนะ
“คุณหนู 3 อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของท่านกับโหวชิ่งหนิง เรื่องจะผ่านการทดสอบศิษย์ฝ่ายในเมื่อ 3 วันก่อนยังไม่แน่นัก…แต่เหตุผลที่พวกท่านสามารถผ่านมันมาได้อย่างราบรื่น เป็นเพราะอาวุโสตงฟางเหยียนเหนียนที่เป็นผู้ควบคุมดูแลการทดสอบ เป็นสหายของข้า เช่นนั้นจึงได้ลอบให้การช่วยเหลือพวกท่านอย่างลับๆ”
ประโยคข้างต้นก็คือคำพูดผ่านพลังที่ต้วนหลิงเทียนส่งไปถึงมู่หรงอวิ๋นเยว่
ในขณะที่มู่หรงอวิ๋นเยว่กำลังอึ้ง ต้วนหลิงเทียนก็พูดผ่านพลังต่อ “เช่นนั้นแล้วในการแข่งขันมังกรซ่อน หากท่านไม่อยากได้อันดับรั้งท้าย ก็รีบไปยืมอุปกรณ์เทพขั้นสูงจากบิดามาก่อนดีกว่า”
ได้ยินคำชี้แนะของต้วนหลิงเทียน มู่หรงอวิ๋นเยว่ก็ได้สติกลับคืน เร่งส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ “เข้าใจแล้ว ข้าจะติดต่อไปขอยืมอุปกรณ์เทพขั้นสูงจากท่านพ่อให้โหวชิ่งนิ่ง”
“ข้าไม่ได้ให้ท่านยืมเพื่อโหวชิ่งหนิง แต่เพื่อตัวท่านเอง”
ได้ยินคำพูดของมู่หรงอวิ๋นเยว่ต้วนหลิงเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ยังรู้สึกว่าคราวนี้โหวชิ่งหนิงพบเจอคนที่ดีแล้วจริงๆ
“แต่ว่า…โหวชิ่งหนิงก็ต้องใช้อุปกรณ์เทพขั้นสูงด้วยนี่นา”
มู่หรงอวิ๋นเยว่กล่าวเสียงหนัก “ถึงแม้มันกับข้าอาจจะไม่ต้องลงแข่งขันพร้อมๆกัน แต่ข้ากลัวว่าพวกเราจะโชคร้ายและต้องขึ้นไปประลองพร้อมกันจริงๆ ถึงตอนนั้นก็มีแค่คนเดียวที่จะได้ใช้อุปกรณ์เทพขั้นสูง”
“ถึงอาวุโสของตระกูลมู่หรงเราที่มากับท่านพ่อ ก็มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงเหมือนกัน…แต่อาวุโสผู้นั้นได้เอาอุปกรณ์เทพขั้นสูงให้พี่ใหญ่หานหลินยืมไปแล้ว”
พอมู่หรงอวิ๋นเยว่กล่าวถึงจุดนี้ นางที่คิดจะพูดอะไรสืบต่อก็โดนต้วนหลิงเทียนหยุดไว้ก่อน “คุณหนู 3 วางใจได้ ข้าเอาอุปกรณ์เทพขั้นสูงให้โหวชิ่งหนิงยืมแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องมัน”
“ตอนนี้ท่านแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“แต่ท่าน…”
มู่หรงอวิ๋นเยว่ลังเล
“คุณหนู 3 ท่านอย่าได้ลืมไปว่าการแข่งขันมังกรซ่อนมันมีรูปแบบอย่างไร…”
ต้วนหลิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาวุโสของนิกายมังกรสวรรค์ ไม่ได้มาเพื่อชมดูการประลองเอาสนุกอย่างเดียว พวกมันมาเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของเหล่าศิษย์ใหม่ด้วย”
“เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะส่งให้คนที่แข็งแกร่งขึ้นไปประลองกันไวนัก”
“กล่าวอีกอย่างได้ว่า คู่ต่อสู้ที่ข้าจะพบเจอช่วงแรกๆ สมควรอ่อนด้อยกว่าข้ามาก แม้ข้าจะไม่ใช้อุปกรณ์เทพขั้นสูง ก็สมควรเอาชนะพวกมันได้ง่ายดาย…”
พอต้วนหลิงเทียนพูดออกมาแบบนี้ มู่หรงอวิ๋นเยว่ก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะติดต่อไปขอืมอุปกรณ์เทพขั้นสูงจากท่านพ่อตอนนี้เลย”
“อันที่จริงก่อนหน้านี้สักพัก ท่านพ่อก็ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงข้า ว่าจะให้ข้ายืมอุปกรณ์เทพขั้นสูงไว้ใช้ แต่เตือนข้าว่าอย่าได้เอาให้โหวชิ่งหนิงยืม เพื่อไม่ให้ข้าเสียเปรียบผู้อื่น…ท่านพ่อจะให้ยืมก็ต่อเมื่อข้ารับปากเรื่องนี้”
มู่หรงอวิ๋นเยว่กล่าวพลางยิ้มแหยๆ
“ที่ผู้นำตระกูลมู่หรงพูดแบบนั้น ข้าก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว “ท่านบอกบิดาท่านไปเถอะ ว่าท่านยืมมาใช้เองไม่ได้เอาไปให้โหวชิ่งหนิง และหากบิดาท่านยังคลางแคลง ก็ให้บอกไปว่าข้าเป็นคนเอาอุปกรณ์เทพขั้นสูงให้โหวชิ่งหนิงยืมแล้ว”
“ถ้าบิดาท่านถามถึงที่มาของอุปกรณ์เทพขั้นสูงข้า ก็แจ้งไปได้เลยว่าผู้เฒ่าเหิงของตระกูลหลิงหูให้ข้าหยิบยืม”
สิ้นคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน มู่หรงอวิ๋นเยว่ก็ส่งเสียงผ่านพลังไปหา มู่หรงอวิ๋นลิ่ว ผู้นำตระกูลมู่หรงทันที จากนั้นไม่กี่ลมหายใจมู่หรงอวิ๋นลิ่วก็หันมองมาทางต้วนหลิงเทียนบ่อยครั้ง
และที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจก็คือ มู่หรงอวิ๋นลิ่วได้ส่งเสียงผ่านพลังมาถามเขาตรงๆ ว่าเขาได้เอาอุปกรณ์เทพขั้นสูงให้โหวชิ่งหนิงยืมจริงรึเปล่า…
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดกระพริบตาปริบๆไม่ได้
ผู้นำตระกูลมู่หรงคนนี้…หรือกำลังคิดว่าลูกสาวจะหลอกตัวเองอยู่?
สุดท้ายด้วยคำยืนยันของต้วนหลิงเทียน มู่หรงอวิ๋นลิ่วก็มอบแหวนพื้นที่วงหนึ่งให้มู่หรงอวิ๋นเยว่…เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็เหมือนต้วนหลิงเทียน ได้ใส่อุปกรณ์เทพขั้นสูงไว้ในแหวนล่วงหน้าเพื่อให้คนหยิบยืมสะดวก
“ติงเหยียน”
ต้วนหลิงเทียนยังส่งเสียงผ่านพลังไปถามติงเหยียนอีกด้วย “เจ้ามีอุปกรณ์เทพขั้นสูงใช้หรือยัง ในการแข่งขันมังกรซ่อนพกอุปกรณ์เทพขั้นสูงติดตัวไว้ย่อมได้เปรียบกว่า…หากเจ้าไม่มี ข้าให้ยืมก่อนก็ได้”
“ไม่ต้องๆ ข้ามีแล้ว”
ติงเหยียนกล่าวตอบกลับเร็วไว “ข้าก็พึ่งจะถามเจ้าโหวชิ่งหนิงไปเมื่อครู่นี้เอง ว่ามันจะเอาอุปกรณ์เทพขั้นสูงรึเปล่า ถ้ามันต้องการข้าจะยืมท่านลุงสือคงให้มันใช้ก่อน…แต่มันบอกว่าเจ้าให้มันยืมเรียบร้อยแล้ว”
“ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อเจ้าให้มันยืมไปแล้ว เช่นนั้นในมือเจ้าก็ไม่น่าจะมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงแล้วกระมัง…เพื่อความปลอดภัย ข้าหยิบยืมให้เจ้าพกติดตัวไว้ก่อนดีไหม?”
ติงเหยียนเอ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “หากข้าอยากได้อุปกรณ์เทพขั้นสูงจริง ข้าไม่ต้องรบกวนเจ้าหรอก เพราะคราวนี้อาวุโสตระกูลหลิงหูก็มากันถึง 3 คน ข้าอยากได้อุปกรณ์เทพขั้นสูงยังจะไปยากอะไรเล่า?”
“จริงของเจ้า ข้าก็ลืมไป”
ติงเหยียนตบหัวตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ทางด้านสังเวียนกลางหาวทั้ง 10 ตอนนี้ เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกทั้ง 20 ชีวิตก็จับคู่สู้กันอย่างดุเดือด
ศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็มีด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพขั้นสูง
สองในนั้นเป็นราชาเทพขั้นต่ำแล้ว และมันก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในเวลาอันสั้น
ส่วนอีก 8 คู่ที่เหลือ หังจากพัวพันกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเทพขั้นสูง 8 คนที่แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ ก็คว้าชัยมาได้ไม่ยากเย็น
และไม่ว่าสังเวียนประลองกลางหาวสังเวียนไหน ถ้าได้ตัวผู้แพ้ผู้ชนะแล้ว อีก 2 รายชื่อจะปรากฏขึ้นทันที จากนั้นพวกมันก็จะขึ้นไปสู้กันต่อ เรียกว่าสังเวียนไม่เคยว่าง
การประลองดังกล่าวก็ทำให้เหล่ารุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ชมดูด้วยความสนใจ
แต่กระนั้น ผู้ที่ขึ้นไปประลองอย่างไรก็เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกมันก็มีจำกัด ทำให้หลายๆคนรู้สึกเบื่อถึงขั้นหาวหวอด…เพราะอารมณ์ความรู้สึกก็ประมาน ผู้ใหญ่ดูเด็กน้อยทะเลาะกัน
ผู้ใหญ่นั้น หากเป็นผู้ใหญ่ตีกันมันก็น่าดูชมอยู่หรอก…
แต่ให้มาดูเด็กน้อยทะเลาะกันสาวหมัดง่อยๆแลกกันไปมา ไหนเลยจะไม่น่าเบื่อได้
จนกระทั่งชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองเข้มผู้หนึ่งขึ้นสังเวียนไป และสามารถสบคู่ต่อสู้ได้ในหมัดเดียว ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนและหลายๆคนเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
‘พลังฝีมือเจ้านั่น…เกรงว่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าโหวชิ่งหนิงเลย’
ถึงแม้ชายหนุ่มจะชกออกแค่หมัดเดียวก็สยบคู่ต่อสู้ได้ แต่พลังระเบิดในหมัดของมันก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่ย้อนนึกถึงการลงมือของโหวชิ่งหนิงในด่านทดสอบศิษย์ฝ่ายในเมื่อ 3 วันก่อนเลิกคิ้วขึ้นมา
เพราะคู่ต่อสู้ของชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองนั่น ก็เป็นราชาเทพขั้นต่ำดุจเดียวกัน
เอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีด่านพลังราชาเทพขั้นต่ำเหมือนกันได้ในหมัดเดียว ต่อให้อีกฝ่ายจะปวกเปียกแค่ไหน แต่ก็มากพอจะบอกให้รู้ว่าพลังฝีมือของมันเหนือกว่าราชาเทพขั้นต่ำทั่วๆไป
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงผู้คนบางกลุ่มก็ดังขึ้นเข้าหู
“เจ้านั่นเหมือนจะเป็นศิษย์คนที่ 3 ของนิกายเฉียนหยวนที่เป็นนิกายระดับราชาเทพชื่อว่า จ้าวเป่ย อายุของมันแค่ 5,000 ปีเศษๆ แต่กลับทะลวงถึงราชาเทพขั้นต่ำแล้ว แถมความเข้าใจในกฏก็ไม่เลวเลยทีเดียว…ในรอบคัดเลือกมันก็โชคไม่ดี ดันไปปะทะเข้ากับโอวหยางเจี้ยนเฉิน นายน้อย 3 ของตระกูลโอวหยางที่เป็นตระกูลระดับจอมราชันเทพจนเสียท่า”
“อ๋อ ที่แท้เป็นเจ้านี่เองหรอกหรือที่ถูกโอวหยางเจี้ยนเฉินซัดร่วงไป ความจริงพลังฝีมือของจ้าวเป่ยคนนี้ก็มากพอจะผ่นรอบคัดเลือกได้อย่างไม่ยากเย็น แต่มันดันพบเจอโอวหยางเจี้ยนเฉินเข้าให้ หลังถูกซัดร่วงแม้จะใช้โอสถเทพเพื่อรักษาตัว แต่ก็สายเกินไป”
“ข้าคิดว่าครั้งนี้มันอาจจะจบแค่ศิษย์ฝ่ายนอกแล้วเสียอีก…แต่ดูเหมือน 3 วันที่ผ่านมันจะรักษาตัวให้หายทัน เช่นนั้นก็อาจเลื่อนระดับไปเป็นศิษย์ฝ่ายในได้เพราะกฏของการแข่งขันมังกรซ่อน!”
…
ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร
หากเป็นอย่างที่คนพูดกัน ก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ในตอนนั้นแม้เขาจะชมดูการทดสอบในรอบคัดเลือกอยู่ด้วย แต่เขาก็ให้ความสนใจกับหัวเทียนตู้ โอวหยางเจี้ยนเฉิน และแม่นาง 7 ของหุบเขาหมื่นบุปผาเท่านั้น เรียกว่าเขาสนใจก็แต่คนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ไม่ได้สนใจว่าใครจะถูกคนเหล่านี้จัดการไป
“จ้าวเป่ยคนนั้นมันร้ายกาจไม่ใช่เล่นๆเลย”
สีหน้าของโหวชิ่งหนิงก็ฉายชัดถึงความจริงจังเคร่งขรึม เพราะมันก็มองออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าตัวมัน
การแข่งขันมังกรซ่อนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ต่อมาก็ปรากฏศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนที่พลังฝีมือกล้าแข็ง และหลายคนเชื่อว่าพวกมันน่าจะทำอันดับในการแข่งขันมังกรซ่อนได้ดี จนยกระดับเป็นศิษย์ฝ่ายในได้สำเร็จ
เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลุ่มผู้ชนะของศิษย์ฝ่ายนอกปรากฏขึ้นมากเข้า ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสมังกรดำ หลันอวี่ซาน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการแข่งขันมังกรซ่อนก็ออกมาประกาศ ว่าการแข่งขันมังกรซ่อนวันนี้จะหยุดลงไว้ก่อน และค่อยดำเนินต่อไปในวันรุ่งขึ้น
…
วันที่ 2
การแข่งขันมังกรซ่อนก็ยังคงดำเนินสืบต่อ
พอตกเย็น เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกกว่า 800 คนที่เวียนขึ้นไปประลองกันหลายครั้ง ก็สามารถระบุตัวยอดฝีมือ 100 อันดับแรกออกมาได้แล้ว
ถึงแม้จะมีศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนที่ไม่ได้ขึ้นไปต่อสู้ แต่เพราะพวกมันก็รู้ตัวดีว่าตัวเองมีพลังฝีมือจำกัด และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ถึงขึ้นไปประลองก็ไม่พ้นถูกอีกฝ่ายทุบตีกลับมาอยู่ดี
และอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ทั้ง 10 ที่ยืนจดบันทึกอยู่ข้างสังเวียนแต่ละแห่ง ด้วยความที่ด่านพลังของพวกมันก็มีถึงจอมราชันเทพขั้นกลาง เช่นนั้นการแบ่งแยกความสูงต่ำของเทพขั้นสูงกับราชาเทพขั้นต่ำจะนับเป็นอะไรได้
การจัดคู่ประลองของพวกมัน ก็เลยมีความเหมาะสม และคัดคนมาสู้กันได้อย่างรวบรัดที่สุด
ทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกเกือบพัน ไม่มีใครคัดค้านผลที่ออกมา
“พรุ่งนี้ ศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 100 คน กับศิษย์ฝ่ายในทั้งหมดจะแข่งขันร่วมกัน…และทางเราจะทำการเฟ้นหาผู้แข็งแกร่งที่สุดจำนวน 100 คนจากศิษย์ร่วม 400 คนให้ได้ภายใน 3 วัน”
เมื่ออาวุโสมังกรดำ หลันอวี่ชิงออกมากล่าวคำ ก็เป็นอันบ่งบอก่าการแข่งขันมังกรซ่อนในวันนี้ก็ถึงกาลยุติ
…
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกวัน
ต้วนหลิงเทียนและศิษย์ฝ่ายในเข้าใหม่ทั้งหลาย หลังจากอยู่ว่างๆชมดูการประลองไปเพลินๆ 2 วัน ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องลงมือกันแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากชื่อของผู้เข้าแข่งขันทยอยกันปรากฏขึ้นบนสังเวียนแต่ละแห่งหลายต่อหลายคู่ กระทั่งโหวชิ่งหนิงเองก็ต้องขึ้นไปประลอง 2 รอบแล้ว แต่ชื่อต้วนหลิงเทียนยังไม่ปรากฏขึ้นบนสังเวียนไหนเลย
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น
แม้แต่ชื่อของตู้ปั้วจวินศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจ หัวเทียนตู้นายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์ แม่นาง 7 จากหุบเขาหมื่นบุปผา ไม่เว้นโอวหยางเจี้ยนเฉินนายน้อย 3 ของตระกูลโอวหยาง ก็ยังไม่ปรากฏขึ้นเช่นกัน
กล่าวได้ว่าผู้ที่โดดเด่นในรอบคัดเลือก ยังไม่มีชื่อของผู้ใดปรากฏขึ้น
‘ดูเหมือนพลังฝีมือของพวกเราจะเป็นที่ยอมรับ เช่นนั้นจึงคิดจะเก็บพวกเราไว้ประลองกันภายหลัง’
ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็มีบางคนที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรในรอบคัดเลือก และชื่อของพวกมันก็ปรากฏขึ้นบนสังเวียนอยู่บ้าง
อย่างเช่น จี้อู่ชาง ของนิกายบูรพารุ่งโรจน์ แม้หลายคนจะล่วงรู้ว่ามันมีชื่อเสียงทัดเทียมกับหัวเทียนตู้ แต่เนื่องจากมันไม่ได้เผยความแข็งแกร่งในรอบคัดเลือกมากมายอะไร เช่นนั้นชื่อมันก็ปรากฏจนต้องขึ้นสังเวียนไปสู้
อย่างไรก็ตาม พอมันสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่บุกเข้ามาเต็มกำลังโดยการลงมือส่งๆ ชื่อมันก็ไม่ปรากฏขึ้นบนสังเวียนอีกต่อไป
ลงมือแค่ครั้งเดียว รู้เรื่อง!
‘ดูเหมือนว่าการเผยพลังในรอบคัดเลือกก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย…อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องเสียเวลาออกไปสู้อะไรหลายรอบ’
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
“เฮ่ ติงเหยียน ไฉนถึงไม่มีชื่อเจ้าขึ้นเลยล่ะ?”
ด้วยเสียงสงสัยของโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็กลับมารู้สึกตัว และยังนึกอะไรขึ้นได้
จริงด้วย
วันนี้ทั้งวัน ชื่อของติงเหยียนยังไม่ปรากฏขึ้นบนสังเวียนเลย
พอเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน จนค่ำคืนกำลังจะมาเยือนแล้ว การแข่งขันมังกรซ่อนของวันนี้ก็ใกล้จบลงเต็มที แต่ชื่อของติงเหยียนยังไม่เคยปรากฏบนสังเวียนเลยสักครั้ง!
“นี่รายชื่อของเจ้าคงไม่ตกหล่นหรอกนะ?”
โหวชิ่งหนิงย่นคิ้ว