WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3802 คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียน
คู่ต่อสู้ของติงเหยียนนั้น เป็นราชาเทพขั้นกลางที่มีอายุอยู่ในช่วง 8,000 – 10,000 ปี
ในการทดสอบรับศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์คราวนี้ ก็แบ่งรุ่นเยาว์ออกเป็น 3 ช่วงอายุ
ในบรรดาพวกมัน ไม่ขาดคนที่กำลังจะอายุครบหมื่นปี
และคู่ต่อสู้คนแรกของติงเหยียน มันก็เป็นอัจฉริยะอายุ 9,000 กว่าปี ด่านพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นกลาง เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการ 3 ชุด แถมพลังสายเลือดของมันยังไม่ใช่ชั่ว
มันขึ้นสังเวียนประลองมาแล้ว 2 ครั้ง ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้ง 2 คนได้อย่างไม่ยากเย็น
นี่เป็นการขึ้นสังเวียนครั้งที่ 3 ของมัน
“ราชาเทพขั้นต่ำกระนั้นรึ?”
ถึงแม้ว่าติงเหยียนจะไม่ได้ปรากฏตัวในรอบคัดเลือก แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็จดจำไม่ได้ว่ามีใครบ้าง นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็เป็นผู้ที่เข้าร่วมรอบคัดเลือกรอบแรก ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าหลังจากมันมีใครผ่านรอบคัดเลือกอีกบ้าง
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ดูถูกติงเหยียนเพียงเพราะมีระดับพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มันเฝ้าดูการประลองบสังเวียนกลางหาวทั้ง 10 อยู่เสมอ ช่วงแรกนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงที่ 2 นั้นมันตั้งใจดูมาก กล่าวได้ว่ามันจดจำทุกคนที่ขึ้นสังเวียนได้
อย่างไรก็ตาม มันจดจำคนเบื้องหน้าไม่ได้เลย
หมายความว่า…
อีกฝ่ายพึ่งขึ้นสังเวียนเป็นครั้งแรก!
ในเวลาเดียวกัน นอกจากคู่ต่อสู้ของติงเหยียนแล้ว หลาๆยคนที่ชมดูอยู่ก็ค้นพบเรื่องนี้เช่นกัน “เจ้านั่นเป็นราชาเทพขั้นต่ำงั้นหรือ? แต่ดูเหมือนมันจะพึ่งลงสังเวียนเป็นครั้งแรก!”
“ท่าทางพลังฝีมือของมันจะร้ายกาจไม่เบา”
“ข้าจำมันไม่ได้เลย ตอนรอบคัดเลือกมีคนๆนี้อยู่ด้วยหรือ?”
…
ในบรรดากลุ่มผู้ชม ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมรอบคัดเลือกรอบที่ 3 แต่พวกมันกลับจดจำติงเหยียนไม่ได้ เพราะปกติแล้วมันจะจดจำได้ก็แต่ผู้ที่แสดงฝีมืออย่างโดดเด่นในรอบคัดเลือกเท่านั้น รวมถึงคนที่มีพลังฝีมือร้ายกาจจนเป็นที่สังเกตเห็น
“นับว่าจากกัน 3 วันต้องมองใหม่โดยแท้…ไม่คิดเลยว่าติงเหยียนจะก้าวหน้าขึ้นถึงขนาดนี้”
มู่หรงสุยเฟิงกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ ฟังแล้วคล้ายยังทอดถอนใจอยู่บ้าง
“ท่านรู้จักมันด้วยรึ?”
เมื่อสังเกตเห็นว่ามู่หรงสุยเฟิงให้ความสนใจกับคู่ประลองในสังเวียนหนึ่งเป็นพิเศษ เฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับจึงอดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้ ทั้งยังประหลาดใจพอสมควร
เพราะตามกฏที่ไม่ได้พูดของการแข่งขันมังกรสวรรค์ คนที่พึ่งจะมาขึ้นสังเวียนเป็นครั้งแรกเอาวันนี้ หมายความว่าพลังฝีมือของคนๆนั้นได้รับการยอมรับจากอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์
หาไม่แล้วคงไม่ถูกจัดให้พึ่งมาประลองเอาป่านนี้
คนที่อ่อนแอนั้นถูกจัดให้ขึ้นประลองกันแต่แรก
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่พ่ายแพ้ไปแล้วก็จะไม่ได้รับโอกาสให้ขึ้นสังเวียนอีกเลย
เว้นเสียแต่จะทำผลงานได้โดดเด่นเข้าตาจริงๆ
กล่าวไปแล้ว กฏเกณฑ์ในการแข่งขันมังกรซ่อนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 ข้างสังเวียนกลางหาวทั้งสิ้น
เป็นธรรมดาว่าทุกคนยังรู้ดีอีกด้วย ว่าแม้การจับคู่ประลองจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่เป็นคนตัดสินใจเรื่องราวสุดท้าย ก็คือผู้ที่รับผิดชอบการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้อย่างอาวุโสมังกรดำ หลันอวี่ซาน กระทั่งอาวุโสมังกรขาว 2 คนที่อยู่ด้วยก็ไม่ใช่หัวหลักหัวตอ พวกมันเองก็ไม่มีทางปล่อยให้อาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 ตัดสินใจกันทั้งหมดแน่นอน หากมีอะไรผิดพลาดพวกมันจะเข้ามาแทรกทันที
ในกรณีนี้ การตัดสินใจของอาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 ย่อมมีความถูกต้องประมาณหนึ่ง กระทั่งยังต้องทำให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้อาวุโสมังกรขาวหรืออาวุโสมังกรดำไม่พอใจ
กระทั่งคนที่มีพลังฝีมือกล้าแข็ง แต่กลับซุกซ่อนเอาไว้จนพ่ายแพ้ พวกมันก็ได้แต่ตัดสินตามที่เห็น
สิ่งนี้ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อท่านไม่อยากโดดเด่นเอง จะไปโทษใครได้
“เมื่อ 20 กว่าปีก่อน มันก็เป็นนักศึกษาในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ของพวกเรา แต่อยู่ๆมันก็ทิ้งจดหมายลาออกและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พึ่งจะได้พบกันอีกครั้งที่สังเวียนเหยียนหลงเมื่อไม่กี่วันก่อน”
มู่หรงสุยเฟิงกล่าวพลางทอดถอนใจ
แทบจะพร้อมๆกันกับที่มู่หรงสุยเฟิงกล่าวจบคำ คู่ต่อสู้ของติงเหยียนอันเป็นราชาเทพขั้นกลางผู้นั้น ก็ได้ชิงลงมือบุกจู่โจมเข้าใส่ติงเหยียนก่อน
แรกลงมือ มันก็ทุ่มสุดตัวทันที!
ไม่มีการออมรั้งยั้งมือใดๆ!
การผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการ 3 ชุด พร้อมด้วยพลังเทพสุดกำลัง รวมถึงอุปกรณ์เทพขั้นกลางที่ขยายพลังอำนาจให้รุนแรงไปอีกขั้น
นอกจากนั้นมันยังปลดปล่อยพลังสายเลือดออกมาอีกอย่าง!
กลับกัน มองไปทางฝั่งติงเหยียนนั้น ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เมื่อพบเจอกับการลงมือของอีกฝ่าย ติงเหยียนสะบัดมือเรียกหอกยาว 8 ฉื่อ ที่ลักษณะแทบจะคล้ายง้าวอยู่รอมร่อ
ทันใดนั้น ทั่วร่างของมันปรากฏแสงสีเลือดเรืองรองขึ้นมา พลังเทพยังปะทุพวยพุ่งขึ้นปานเพลิงไฟ กลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาไม่คล้ายราชาเทพขั้นต่ำอีกต่อไป ประหนึ่งราชาเทพขั้นกลางก็ไม่ปาน!
จากนั้นทั่วหอกยาว 8 ฉื่อของมันก็ปรากฏเปลวเพลิงร้อนระอุลุกโชนขึ้น ติงเหยียนควงหอกไม่กี่ครั้งก็เสือกหอกทะลวงความว่างเปล่าออกไปอย่างดุดัน จากปลายหอกปรากฏเพลิงพลังอ่านน่ากลัวพุ่งทะยานออกไปดั่งมังกรเพลิง ปรี่ตรงเข้าใส่กระบวนท่าของอีกฝ่ายอย่างไรครั่นคร้าม
คู่ต่อสู้ของติงเหยียนเชี่ยวชาญกฏแห่งนั้น
ตามปกติแล้ว น้ำย่อมเอาชนะไฟ
อย่างไรก็ตาม นั่นหมายความว่าพลังทั้ง 2 ขุมต้องเท่าๆกัน
เมื่อไฟมันรุนแรงมากพอ ก็ระเหยน้ำให้เป็นไอได้!
ท่ามกลางสายตาชมมองของหลายๆคน มังกรเพลิงที่พุ่งออกจากหอกของติงเหยียน กลับทำลายพลังสภาวะของกระบวนท่าอีกฝ่ายลงได้อย่างราบคาบ กระทั่งยังพุ่งฝ่าม่านพลังคุ้มกาย ซัดกระแทกเข้ากลางอกคู่ต่อสู้จนปลิวละลิ่วไปดั่งว่าวสายป่านขาด!
“การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 3 ประการ!!”
การเปิดเผยพลังออกมาของติงเหยียน ทำให้ใครหลายๆคนอดตกใจไม่ได้! ด้วยด่านพลังราชาเทพขั้นต่ำ กลับสามารถเอาชนะราชาเทพขั้นกลางได้ในกระบวนเดียว กระทั่งแต่ต้นจนจบยังพึ่งผ่านไปไม่กี่ลมหายใจด้วยซ้ำ!
“ให้ตายเถอะ ราชาเทพขั้นต่ำมันร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”
“ความแตกต่างของทั้งคู่มากเกินไป พลังมันนอยู่คนละระดับกันเลยก็ว่าได้ อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ใช่จับคู่ผิดไปหรือไม่?”
“บางทีอาจเป็นเจ้าหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นมันซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้ตอนรอบคัดเลือก ทำให้อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์เองก็ประเมินความสูงต่ำของมันผิดไป”
…
ติงเหยียน ราชาเทพขั้นต่ำ สยบคู่ต่อสู้ที่เป็นราชาเทพขั้นกลางได้ในชั่วพริบตา
“ร้ายกาจจริงๆ”
มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มบางๆ
กลับกัน ด้านโหวชิ่งหนิงกับมู่หรงอวิ๋นเยว่นั้นคล้ายสติหลุดลอยไปแล้ว เดิมทีหลังได้ยินเรื่องเล่าของติงเหยียน ทั้งคู่ก็ตระหนักได้ว่าติงเหยียนไม่ธรรมดา แต่การได้มาเห็นติงเหยียนลงมือสยบคู่ต่อสู้ภายในไม่กี่ลมหายใจกับตา มันก็เป็นอะไรที่ต่างออกไปคนละเรื่องแล้ว…
“หอกนั่นเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง! ดูเหมือนเจ้าหนุ่มผู้นี้จะมีความเป็นมาไม่ใช่ชั่ว!!”
ขณะเดียวกัน หลายคนก็ตระหนักได้ว่าหอกในมือของติงเหยียนนั้นเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง หาไม่แล้วด้วยความแข็งแกร่งของติงเหยียนถึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ก็คงไม่ง่ายดายเช่นนี้
และในปัจจุบัน เหล่าอาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 เองก็ตกตะลึงไม่ต่าง
“หลานชายของอาวุโสสักการะสือคง ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
“ดูเหมือนพวกเราจะดูเบาเจ้าหนุ่มนี่ไปแล้วจริงๆ…หากรู้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกเราคงไม่ต้องให้มันขึ้นไปประลองกับผู้ใดเร็วนัก”
“ราชาเทพขั้นต่ำกลับถือครองพลังระดับนี้แล้ว…แถมมันยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีอีกใช่หรือไม่? อัจฉริยะเช่นนี้ในนิกายเราก็ไม่ใช่ว่าจะมีมากนัก”
“ข้าได้ยินว่ากฏแห่งไฟของมันพึ่งจะบังเกิดความก้าวหน้าขึ้น หลังจากใช้ห้องลับแห่งกฏของนิกายเราในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาใช่ไหม?”
“ถึงกระนั้น หากผู้เข้าใช้ไม่มีความเข้าใจมากพอ ก็ยากจะยกระดับความเข้าใจในกฏแห่งไฟได้ในเวลาอันสั้นเช่นมัน!”
“แต่ว่าก็ว่าเถอะ นิกายเรานับว่าให้อภิสิทธิ์อาวุโสสักการะสือคงจริงๆ…ไม่เพียงแต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสมังกรดำ แต่ยังปล่อยให้ติงเหยียนคนนั้นเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏติดต่อกัน 10 ปีอีก พวกเรา 10 คนเองหากนับรวมเวลาที่สามารถเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏได้ ยังไม่เท่ามันคนเดียวเลยกระมัง?”
“เรื่องนี้ทีหลังเจ้าอย่าได้กล่าวซี้ซัวไปเล่า…หากคำพูดเมื่อครู่เจ้าพูดให้ท่านประมุขได้ยิน ข้าเกรงว่าถึงเจ้าไม่ตายก็ต้องมีหนังลอกกันบ้าง! ท่านประมุขนั้นนับถืออาวุโสสักการะสือคงมากนัก หลายคนยังกล่าวกันว่าอาวุโสสักการะสือคงนั้นเหมือนจะเป็นผู้อาวุโสของท่านประมุขอะไรทำนองนั้น”
…
ในในขณะที่เหล่าอาวุโสฝ่ายในกำลังส่งเสียงผ่านพลังคุยกันอย่างออกรส สายตาที่ใช้มองติงเหยียนของพวกมันก็เริ่มฉายความอิจฉาไม่น้อย
“เจ้าหนุ่มนั่นน่ะหรือติงเหยียน…หลานชายที่อาวุโสสักการะสือคงใช้สิทธิ์ให้มันเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้?”
หลันอวี่ซาน อาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์เอ่ยถามเสียงเบา พอให้อาวุโสมังกรขาวทั้ง 2 คนด้านหลังได้ยินเท่านั้น
“มิผิด อาวุโสหลันเป็นเจ้าหนุ่มคนนี้เอง”
ตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวตอบเร็วไว
“เป็นหน่ออ่อนที่ดี”
หลันอวี่ซานพยักหน้า “สมแล้วที่เป็นลูกชายของจอมราชันเทพ”
ฟังจากคำพูดของหลันอวี่ซาน เห็นได้ชัดว่ามันก็รู้เรื่องที่บิดาของติงเหยียนเป็นจอมราชันเทพ
…
เมื่อติงเหยียนกลับมาอย่างมีชัย มู่หรงอวิ๋นเยว่ก็กล่าวแสดงความยินดี ส่วนโหวชิ่งหนิงนั้นมองติงเหยียนด้วยสีหน้าแววตาหดหู่ มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าติงเหยียนที่อ่อนด้อยกว่ามันในอดีต วันนี้จะมีพลังกล้าแข็งถึงขั้นมันไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกแล้ว
‘บ้าเอ๊ย ดูเหมือนข้าต้องขยันฝึกฝนบ่มเพาะให้มากแล้ว…มิเช่นนั้น ไม่พ้นโดนเจ้าติงเหยียนมันทิ้งห่างไปไกลแน่’
โหวชิ่งหนิงได้แต่ลอบทอดถอนอยู่ในใจ ‘กับสัตว์ประหลาดอย่างต้วนหลิงเทียนนั่นว่าไปอย่าง…แต่กับเจ้าติงเหยียนข้ายังพอมีโอกาสไล่มันทัน’
‘ตราบใดที่ข้าตั้งตัวในนิกายมังกรสวรรค์ทั้งพยายามจนเป็นศิษย์ที่โดดเด่นได้ ด้วยทรัพยากรบ่มเพาะที่จะได้รับก็ไม่ใช่ว่าจะตามติงเหยียนไม่ทัน’
สองตาโหวชิ่งหนิงเริ่มฉายชัดถึงความมุ่งมั่น
“ติงเหยียน ดูเหมือนอาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 ก็ไม่รู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางกล่าว “หลังจากนี้ เจ้าคงต้องรอสักพักว่าจะได้ขึ้นไปสู้อีกรอบ”
“พวกมันไม่รู้ความแข็งแกร่งของข้าก็ไม่แปลกหรอก เพราะท่านลุงสือคงเองก็พึ่งเปิดโอกาสให้ข้าลงมือ…ว่าแต่ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าพูดถึงข้าเลย อาศัยพลังฝีมือของเจ้าเกรงว่ากว่าจะได้สู้ก็คงพรุ่งนี้กระมัง”
ติงเหยียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว
“หืม!? เจ้าตู้เชียนจวินของนิกายหมื่นปีศาจนั่น ชื่อมันโผล่ในสังเวียนแล้ว”
ทันใดนั้นเอง เสียงของโหวชิ่งหนิงก็ดังขึ้น ดึงความสนใจของต้วนหลิงเทียนให้กลับไปอยู่บนสังเวียนทันที
จากนั้นเขาก็เห็นว่าตู้เชียนจวินเหินร่างขึ้นสังเวียนหนึ่งไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ตู้เชียนจวินเองก็ยังไม่ได้ออกไปสู้กับใครมาก่อน
ความเข้าใจในกฏของมันนั้นไม่ใช่ชั่ว การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏเองก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย แถมด่านพลังของมันยังบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางแล้วเช่นกัน กล่าวได้ว่าพลังฝีมือของมันก้าวหน้าขึ้นกว่าตอนที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอในเทพซ่อนพอสมควร นอกจากนั้นในรอบคัดเลือกมันก็โดดเด่น ก็เลยไม่ได้ออกไปสู้จนถึงตอนนี้
‘ไม่ทราบว่าตอนนี้ศิษย์พี่หวูเฟิงเป็นอย่างไรแล้ว…’
พอเห็นตู้เชียนจวินอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็อดนึกถึงเทพซ่อนของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ขึ้นมาไม่ได้ ยังนึกถึงหวู่เฟิง ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ไปกับเขาวันนั้นด้วย
ตู้เชียนจวินนั้นไม่ได้อ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของมันก็เป็นคนที่พึ่งจะลงสังเวียนเป็นครั้งแรกเช่นกันและเป็นศิษย์หลักของนิกายระดับจอมราชันเทพด้วย เช่นนั้นหลังจากผ่านไป 100 กระบวนท่า อีกฝ่ายก็สามารถเอาชนะตู้เชียนจวินได้สำเร็จ
ด้านตู้เชียนจวินที่พ่ายแพ้ สีหน้าก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก
ในขณะเดียวกันก็มีผู้ชามมากมายเริ่มซุบซิบคุยกันว่ามันไม่เห็นจะเก่งเหมือนพี่ชายอย่างตู้ปั้วจวินเลย กระทั่งยังพูดทำนองบิดามารดาเป็นหส์มังกรกลับมีลูกเป็นหนอน ทำให้ตู้เชียนจวินหันไปมองผู้พูดตาขวาง ยังอยากจะพุ่งไปสู้กับอีกฝ่ายให้ตายกันไปข้าง
แต่เป็นธรรมดา ว่ามันไม่ถือดีจนกล้าพอจะทำอะไรแบบนั้น
ที่สำคัญคนที่หาญกล้าซุบซิบนินทามันก็ไม่มีใครไร้ภูมิหลัง และไม่มีใครหวาดกลัวมันสักคน จึงกระซิบกระซาบคุยกันเหมือนไม่เห็นหัวมัน
และอีกวันก็ได้ผ่านพ้นไป…
เช้าวันใหม่ ติงเหยียนที่ขึ้นสังเวียนอีกครั้ง ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ใน 30 กระบวนท่า และในที่สุดชื่อของต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏขึ้นบนสังเวียนแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้าที่ชื่อต้วนหลิงเทียนจะปรากฏ ไม่ว่าตู้ปั้วจวินศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจ หรือหัวเทียนตู้นายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์ ต่างก็ขึ้นสังเวียนประลองกันหมด และไม่มีข้อยกเว้น ทั้งคู่เอาชนะมาได้ไม่ยากเย็น
“อาคันตุกะต้วนแห่งตระกูลหลิงหู ข้าได้ยินคำร่ำลือถึงท่านมานานแล้ว”
คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม มาในชุดคลุมสีฟ้าอ่อน รูปร่างสมส่วน ใบหน้าจัดว่าหล่อเหลา รอยยิ้มของมันให้ความรู้สึกเสมือนไม่มีพิษมีภัย
อย่างไรก็ตาม ความเป็นมาของมันหาได้ง่ายดายไม่
มันเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลฝาง ยังเป็นหลานชายของผู้นำตระกูลฝางคนปัจจุบัน ฝางเหวินเซียว
ฝางเหวินเซียวผู้นี้ก็นับเป็นคนที่มีชื่อเสียงเช่นกัน ถึงแม้จะไม่โด่งดังเท่าหัวเทียนตู้ แต่ก็ต่างกันไม่มาก