WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3812 ผู้ชนะเลิศการแข่งขันมังกรซ่อน!
“ของมันเอง?”
หลิงหูเหิงชักสีหน้าหดหู่ ประหนึ่งรู้ตัวว่าพลาดแล้ว “หากข้าล่วงรู้แต่แรกว่าเจ้าหนูนั่นมันมีกระบี่เทพขั้นสูงอยู่แล้ว…ข้าคงไม่บ้าจี้เดิมพันกับมันเช่นนั้นหรอก”
“ถ้าเกิดมันได้อันดับ 1 ในการแข่งขันมังกรซ่อนขึ้นมาจริงๆ กระบี่เทพขั้นสูงของข้าก็คงต้องกลายเป็นของมัน”
“และพอถึงตอนนั้น เจ้าหนูนั่นก็จะมีกระบี่เทพขั้นสูง 2 เล่ม ส่วนข้าก็เหลือแค่เล่มเดียวเท่านั้น!”
ยังดีที่หลิงหูเหิงไม่ได้รู้เลย ว่าในมือต้วนหลิงเทียนยังมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงอีกมาก หาไม่แล้วมันคงเลือกจะทวงกระบี่เทพขั้นสูงที่ให้ต้วนหลิงเทียนยืมใช้ชั่วคราวกลับมาแต่แรก
“นี่เจ้ากำลังจะอวดข้ารึไง ว่ามีกระบี่เทพขั้นสูง 2 เล่ม?”
หลิงหูเจิ้งซิงมองค้อนหลิงหูเหิง เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมันก็มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น แต่ในอดีตหลิงหูเหิงกลับเคยโชคดีที่ได้รับกระบี่เทพขั้นสูงมาเพิ่มอีกเล่ม
ในขณะที่หลิงหูเจิ้งซิงกับหลิงหูเหิงคุยกัน สถานการณ์บนสังเวียนก็เริ่มเปลี่ยนไป
เวิงง!
เวิงงง!!
…
ในสายตาของผู้ชมโดยรอบ ไม่ว่าจะร่างต้นของต้วนหลิงเทียนหรือร่างอวตารกฏมิติ บัดนี้พายุมิติที่สั่นสะท้านและบิดเบือนความว่างเปล่ารอบกาย ก็ได้ทวีความน่ากลัวขึ้นไปอีกขั้น
กลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งที่ผสานรวมอย่างลงตัว 3 ประการ 2 ชุดกำจายออกมาให้สัมผัสชัดเจน และจากกลิ่นอายพลังดังกล่าวก็บอกให้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งได้อย่างไร้ที่ติ
ทันใดนั้น ร่างต้นต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างผ่านมิติไปผุดโผล่เบื้องหน้าร่างต้นของหัวเทียนตู้ ก่อนจะสู้กันอย่างดุเดือด พร้อมกันกับที่ร่างอวตารกฏมิติก็ได้วูบไปปะทะกับร่างแยกแห่งความตายของหัวเทียนตู้เช่นกัน
ขณะปะทะยังเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนได้เผยมรรคากระบี่มิติขั้นพื้นฐานออกมาอย่างไม่ออมรั้ง และที่สำคัญเขายังใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการที่เข้าใจเพิ่มออกมาอีกด้วย
ต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้ รบเร้าพัวกันกันอย่างไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าจะร่างต้นก็ดีร่างแยกก็ดี ไม่มีใครเหนือกว่าอ่อนกว่า
“ฮ่าๆๆ…ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของข้าจะถูกเผง!”
หัวเทียนตู้ที่กำลังประมือกับต้วนหลิงเทียนกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะออกมาว่า “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าความเข้าใจในกฏมิติของเจ้า ที่แท้มันไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าความเข้าใจในกฏแห่งความตายของข้าเลย!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังเยาว์กว่าข้าถึง 5,000 ปี!”
กล่าวถึงจุดนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหัวเทียนตู้ก็เริ่มแข็งค้าง จากนั้นความจริงจังก็เริ่มเข้ามาแทนที่
เพราะมันพึ่งตระหนักได้อีกครั้ง ว่าต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี
และหลังมันโพล่งวาจาดังกล่าวออกมาไม่ทันไร บรรดาผู้ชมที่ตกตะลึงกับความเข้าใจในกฏมิติที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนได้เปิดเผยออกมาเพิ่มเติม ก็พลันดึงสติกลับมาได้เช่นกัน และพึงตระหนักว่าความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนมันไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสฝ่ายในส่วนใหญ่ของนิกายมังกรสวรรค์ด้วยซ้ำ!
และเป็นเช่นนั้นจริง
ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีด้วยซ้ำ
ทว่าผู้ที่อายุไม่ถึง 3,000 ปีกลับถือครองพลังระดับนี้ ให้มองไปทั่วเขตคฤหาสน์ตงหลิงก็เป็นตัวตนที่น่ากลัวมาก
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ต่อให้เริ่มทำความเข้าใจกฏมิติตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ก็ยังไม่น่าจะเป็นไปได้กระมังที่มันจะประสบความสำเร็จถึงระดับนี้?”
“ในระนาบเทพ ช้าเกรงว่าคงมีแต่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่ทรงพลัง ไม่ก็ขุมกำลังระดับอริยะเทพกระมังที่จะเพาะสร้างอัจฉริยะเช่นนี้ออกมาได้”
“และอย่าได้ลืมไป ว่าความสำเร็จในเส้นทางการหลอมโอสถเทพของมันก็ไม่ใช่ชั่ว”
…
ต้วนหลิงเทียนที่เปิดเผยการผสานรวมความลึกซึ้งกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด กับการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการออกมาอีก 2-3 ชุด ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ที่ชมดูอยู่โดยรอบ
เพราะความเข้าใจในกฏระดับนี้ ยังโดดเด่นแม้จะนำไปเทียบกับเหล่าอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์…แน่นอนว่าเทีบได้กับอาวุโสฝ่ายในทั่วๆไปเท่านั้น
ในนิกายมังกรสวรรค์ ตราบใดที่ด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงจอมราชันเทพขั้นกลาง และสามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 4 ประการได้แม้จะแค่ชุดเดียว ก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งไปเป็นผู้อาวุโสมังกรขาวได้แล้ว
แต่ถ้าไร้พลังสายเลือดแน่นอนว่าความเข้าใจในกฏหรือด่านพลังต้องมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วๆไปแล้ว ผู้ที่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะมาได้ถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลาง ก็ล้วนมีพลังสายเลือดทั้งสิ้น หาผู้ที่ไม่อาจปลุกพลังสายเลือดได้ยากนัก
เพราะการที่จะบ่มเพาะฝึกปรือมาถึงระดับนี้ได้ บ่งบอกว่าพรสวรรค์ค่อนข้างดี และเหล่าผู้เที่มีพรสวรรค์กับศักยภาพค่อนข้างดี โดยทั่วไปแล้วก็เป็นการบ่งบอกว่าสายเลือดผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ไหลเวียนอยู่ในกายนั้นไม่ธรรมดา ย่อมสามารถปลุกพลังสายเลือดได้ไม่ยากเย็น
ต่อหน้าผู้ชม ต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้ก็ประมือกันอย่างสูสี ไม่ว่าจะร่างจริงหรือร่างแยก
‘ถ้าไม่ทิ้งไพ่ลงไปอีกสักใบ เกรงว่าคงยากจะเอาชนะหัวเทียนตู้ได้’
ในขณะที่ประมือกับหัวเทียนตู้อย่างคู่คี่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่นึกในใจอย่างทอดถอน
เขาไม่คิดเลยว่านายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์เบื้องหน้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้
และความแข็งแกร่งของหัวเทียนตู้ในปัจจุบัน เผลอๆจะไม่ได้อ่อนไปกว่ารุ่นเยาว์อันดับ 1 ของนิกายหมื่นปีศาจ หยางเชียนเย่ ผู้นั้นเลย
หยางเชียนเย่นั่น เพราะพลังฝีมือระดับนี้ ก็เลยถูกขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงมาทาบทาม
เห็นว่ามันก็ได้ตอบตกลงและเข้าร่วมกับขุมกำลังที่ว่าแล้ว
“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าหัวเทียนตู้นั่น มันจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนั้น…”
ด้านโหวชิ่งหนิงที่ชมดูอยู่นอกสังเวียน ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เรื่องที่เจ้าต้วนจะเอาชนะมันได้ คงยาก…ยากเย็นนัก!”
ติงเหยียนที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
และแน่นอนว่าติงเหยียนเองก็กำลังตกตะลึงกับความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยออกมาเช่นกัน มันไม่คิดเยว่าต้วนหลิงเทียนจะเติบโตได้ถึงขนาดนี้ทั้งๆที่ผ่านมาแค่ 30 ปี
นี่ยังใช่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวกับที่เอาชนะมันในสถานศึกษาหมอกเร้นลับของเมืองวายุสวรรค์อยู่หรือไม่?
“มัน…ช่างน่าทึ่งนัก”
ในบรรดาผู้ที่มาชมดูการประลอง ก็มีคนของนิกายหมอกเร้นลับอยู่หลายคนที่ผ่านการทดสอบกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายมังกรสวรรค์ได้สำเร็จ ถังอู๋เยียนที่กำลังมองไปยังร่างในชุดสีม่วงบนสังเวียนไม่วางตา แววตาของนางก็เผยความซับซ้อนนัก
แมนางเองก็จะมีความมั่นใจในตัวเองพอสมควร แต่ต่อหน้าชายหนุ่มุชดม่วงคนนี้ นางมีก็แต่ความละอายใจ
“บางที ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นข้ามโนไปเอง…ข้าไม่คู้ควรกับมันเลย”
ถังอู๋เยียนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน “หลังจบการแข่งขันมังกรซ่อน ข้าจะเอาป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายมังกรสวรรค์ไปคืน จากนั้นก็ออกจากนิกายมังกรสวรรค์และย้อนกลับไปนิกายหมอกเร้นลับ…และข้า ถังอู๋เยียน ชั่วชีวิตจะไม่ออกจากนิกายหมอกเร้นลับอีก!”
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบความคิดดังกล่าวของถังอู๋เยียนเป็นธรรมดา
ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าจะเอาชนะหัวเทียนตู้อย่างไรดี
‘จะให้ทิ้งไพ่อะไรลงมาเพิ่ม ก็ต้องกลายเป็นจุดเด่นเกินไปแน่นอน…แถมไม่ว่าจะลอบใช้อย่างแยบคายแค่ไหน คงยากจะหลบเลี่ยงสายตาของจอมราชันเทพขั้นกลางเป็นสิบ ไหนจะมีจอมราชันเทพขั้นสูงอีก’
‘อย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนตัดทิ้งไปได้เลย เอาออกมาเมื่อไหร่ข้าตายแน่…’
‘ส่วนมรรคากระบี่มิติ หากเผยความเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นออกมา ไม่พ้นก็ต้องตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนแน่นอน…มรรคากระบี่ หากเข้าใจขั้นพื้นฐานยังบอกได้ว่าเป็นโชค แต่ถ้าเผยความเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นออกมา นั่นก็เป็นการประกาศว่าความเข้าใจในมรรคากระบี่มิติของข้าไม่ใช่ชั่วแล้ว’
‘หรือจะใช้วิถีควบคุมขั้นพื้นฐานออกมาดี? แต่จะให้อ้างว่าโชคดีเข้าใจวิถีควบคุมขั้นพื้นฐานได้อีกหรือไง? เข้าใจ 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกเพราะโชค เรื่องพรรค์นี้มันจะบังเอิญเกินไปไหม พูดไปใครจะเชื่อ?’
…
หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบๆ
กล่าวตามตรง ขอเพียงเขาเพิ่มพลังเพิ่มเติมอีกแค่เสี้ยวเดียว ก็สามารถเอาชนะหัวเทียนตู้ได้ง่ายๆแล้ว
อย่างไรก็ตาม บางอย่างหากเผยออกมาแล้วไม่เพียงจะดึงดูดความอิจฉา แม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรูกับเขาก็ยังมีแนวโน้มว่าจะยอมเสี่ยงเพื่อฆ่าเขาให้ตาย
‘พลังเท่าที่ข้าเผยออกมาตอนนี้ ด้วยวัยดังกล่าว ขอแค่แพร่กระจายออกไป เหล่าขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิง 9 ใน 10 ไม่พ้นต้องส่งคนมาเชิญข้าแน่’
‘ในตอนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องแสดงคุณค่าเพิ่มเติมอีกแล้ว’
‘แต่ถ้าไม่เผยพลังออกมาเพิ่ม เรื่องจะเอาชนะหัวเทียนตู้ก็คงยาก และไม่แน่ว่าจะได้รางวัลชนะเลิศ…’
หากจะบอกว่าตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็สนใจแค่ติด 1 ใน 10 ของการแข่งขันมังกรซ่อน และไม่ได้สนใจเรื่องอันดับ 1 มากล่ะก็…พอได้ฟังเชวียไห่ชวนรวมถึงคนวงในอย่างติงเหยียนบอกกล่าวถึงของรางวัลผู้ชนะเลิศออกมา เขาก็อยากได้อันดับ 1 ในการแข่งขันครั้งนี้ทันที
เชวียไห่ชวนว่าไปอย่าง แต่ติงเหยียนนั้นไม่มีทางผิดพลาดเรื่องของรางวัลอันดับ 1 แน่นอน!
อนิจจา ตอนนี้กลับยากที่เขาจะเอาตำแหน่งชนะเลิศมาได้
ความแข็งแกร่งของหัวเทียนตู้ มันเหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้!
ต้องทราบด้วยว่า เดิมทีเขาเข้าใจว่าหัวเทียนตู้ก็แค่พอๆกับพวกตู้ปั้วจวิน จี้อู่ชางและคนอื่นๆเท่านั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับอัจฉริยะเหล่านั้นเลย
‘หืม?’
ในขณะที่ความคิดมากมายกำลังวิ่งพล่านในหัวของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆเขาก็พบว่าการโจมตีของหัวเทียนตู้มัรวดเร็วทั้งรุนแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ราวกับอีกฝ่ายกำลังจะเร่งจบศึกนี้อย่างไรอย่างนั้น
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทันตั้งตัว จึงถูกหัวเทียนตู้ช่วงชิงความได้เปรียบทันที
“หืม? ต้วนหลิงเทียนเสียเปรียบแล้วรึ!?”
“ไม่! หัวเทียนตู้นั่น ดูเหมือนจะเร่งรีบอย่างไรชอบกล”
…
ในขณะที่ผู้ชมโดยรอบกำลังฮือฮา ต้วนหลิงเทียนที่ได้แต่วูบร่างข้ามมิติทั้งต้านรับการรุกโหมปานพายุบุแคมของหัวเทียนตู้ ก็สัมผัสได้ว่าพลังสายเลือดที่ปกคลุมร่างแยกแห่งความตายของหัวเทียนตู้เริ่มอ่อนกำลังลง!
เช่นนั้นพลังของร่างแยกแห่งความตายดังกล่าวก็เริ่มอ่อนลงเช่นกัน!
‘จริงสิ!’
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักอะไรได้ทันที เขารู้แล้วว่าไฉนอยู่ๆหัวเทียนตู้ถึงรีบร้อนจบศึกนี้นัก ที่แท้พลังสายเลือดของมันไม่ได้มีมากพอจะยกระดับร่างแยกแห่งความตายได้ตลอดเวลา!
และร่างแยกแห่งความตายที่ไม่ได้รับการหนุนเสริมจากพลังสายเลือด ก็ไม่อาจเทียบกับร่างอวตารกฏแห่งความตายหรือร่างอวตารกฏใดๆได้เลย
ที่สำคัญพอพลังสายเลือดหมดไปเมื่อไหร่ ร่างแยกแห่งความตายของหัวเทียนตู้ไม่เพียงแต่จะไม่อาจใช้พลังของกฏแห่งความตายได้อีก ยังไม่อาจใช้อุปกรณ์เทพขั้นสูงหรือแม้แต่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำใดๆได้ด้วย!
‘ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยพลังเพิ่มเติมแล้ว!’
‘ขอเพียงเอาตัวรอดจากการรุกโหมครั้งสุดท้ายของหัวเทียนตู้ได้ ข้าจะก็เป็นผู้ชนะ!’
‘ตอนนี้มันเสมือนศรปลายเกาทัณฑ์!’
พอโล่งใจต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดต้านรับให้เหนื่อยสืบไป เลือกจะใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติวูบร่างทิ้งห่างออกไปจากหัวเทียนตู้ทันที ปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปโผล่ข้างๆร่างอวตารกฏมิติของเขา ยังลงมือจู่โจมร่างแยกแห่งความตายของหัวเทียนตู้ เพื่อให้มันเผาผลาญพลังสายเลือดเฮือกสุดท้ายทันที!
ฟั่ฟฟฟ!!
ปงงงง!!
…
กระบี่ที่ตวัดออกไปปานเส้นแสง ก่อเกิดพายุมิติอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่ง ซัดกระแทกเข้าร่างแยกแห่งความตายของหัวเทียนตู้อย่างจัง จากนั้นพลังสายเลือดที่ปกคลุมทั่วร่างแยกแห่งความตายดังกล่าว ก็เริ่มมอดดับลงอย่างเห็นได้ชัด!
ร่างต้นของหัวเทียนตู้เองก็รีบร้อนพุ่งเข้ามาพัวพันกับร่างต้นของต้วนหลิงเทียน แถมสภาวะราวกับจะจู่โจมด้วพลังทั้งหมดหมายลากต้วนหลิงเทียนให้ล่มจมไปด้วยกัน! อนิจจาต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะเสียเวลารบเร้าพันตูกับมัน เลือกจะวูบร่างถอยออกไป
จังหวะนี้หัวเทียนตู้ก็ถึงกับไปไม่เป็น
“อั้ยหยา! ต้วนหลิงเทียนเหมือนจะแบ่งรับแบ่งสู้ หมายผลาญพลังสายเลือดของหัวเทียนตู้!”
“ดูเหมือนพลังสายเลือดของหัวเทียนตู้ก็มีขีดจำกัด…อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเรายืนยันได้สิ่งหนึ่ง ว่าพลังสายเลือดส่วนใหญ่ มันเทียบกับร่างอวตารแห่งกฏไม่ได้!”
“ไฉนฟ้าถึงไม่ยุติธรรมเลยเล่า…ทำไมพวกเราถึงไม่อาจควบแน่นพลังสร้างร่างอวตารแห่งกฏได้ล่ะ!”
“ไม่มีอันใดไม่ยุติธรรม…ในเมื่อพวกเราเป็นชนพื้นเมืองของระนาบเทพ ทรัพยากรบ่มเพาะทั้งสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่พวกเราพบเจอตั้งแต่เกิด ก็สุดที่คนจากระนาบเทวโลกจะเทียบเทียมได้ นอกจากนั้นบรรพบุรุษของพวกเราก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่สุด”
…
จังหวะนี้หลายๆคนเริ่มคาดเดาตอนจบได้แล้ว
และเป็นดั่งที่ทุกคนคาดไว้ไม่มีผิด ต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จในการตีแล้วหนี สุดท้ายก็เผาผลาญพลังสายเลือดของหัวเทียนตู้ได้จนหมด หลังผ่านไปราวๆ 1 เค่อ
เมื่อร่างแยกแห่งความตายของหัวเทียนตู้ถูกทุบตีจนกลับไปเป็นร่างแยกแห่งความตายตามปกติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยการลงมือแค่ 2 กระบวนท่า ก็สามารถเอาชนะหัวเทียนตู้มาได้
คว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ได้สำเร็จ!
“ต้วนหลิงเทียนเอาชนะหัวเทียนตู้ในรอบชิง สุดท้ายก็คว้าอันดับ 1 ในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ไปครองได้สำเร็จ”
ทันใดนั้นเองมีคนๆหนึ่งที่ปะปนอยู่กับผู้ชมรอบสังเวียนกลางหาว ได้ส่งข้อความไปยังที่ไหนสักแห่งของนิกายมังกรสวรรค์
จากนั้น ก็มีคำสั่งถ่ายทอดกลับมาโดยพลัน
“ฆ่าหลิงหูเหรินเจี๋ยเสีย!”