WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3821 ถอดแบบมาจากศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด
ศึกจักรพรรดินั้น มีต้นกำเนิดมาจาก ‘ศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด’
ในระนาบเทพ ‘ศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด’ กล่าวได้ว่าเป็นประเพณีปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณกาลเลยก็ว่าได้
และศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ก็มีไว้เพื่อให้ตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดถือกำเนิดขึ้น และมันจะเป็นการสู้รบกันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างขุมกำลังระดับอริยะเทพชั้นแนวหน้า 2 ขุมกำลัง ทำการสู้รบกันในระนาบอิสระที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเทพนั้นๆเป็นผู้สร้างขึ้นมา
แต่เป็นธรรมดาว่าให้กวาดตามองไปในประวัติศาสตร์ของระนาบเทพทั้งมวล ศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ก็ถูกจัดขึ้นน้อยครั้งนัก
เพราะมันมีความสูญเสียมากเกินไป!
ในการสู้รบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เข้าทำนอง ‘ไม่ท่านตายก็ข้าม้วย’ เหล่าตัวตนอันทรงพลังของทั้ง 2 ฝ่ายก็เรียกว่าตกตายกันประหนึ่งใบไม้ร่วง บางครั้งกระทั่ง 2 ขุมกำลังรบกันฉิบหายวายป่วงถึงขั้นล้มตายกันแทบจะหมดสิ้น ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่มีวี่แววว่าจะถือกำเนิดขึ้นด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ายังมีขุมกำลังระดับอริยะเทพบางขุมกำลัง ที่มีตัวตนขอบเขตอริยะเทพชนชั้นอัจฉริยะ ที่หลังทำศึกผู้แข็งแกร่งที่สุดไปได้ไม่นาน ก็สามารถอาศัยแรงกดดันจากการต่อสู้ท่ามกลางความเป็นตาย ทะลวงถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งได้ในที่สุด แต่แน่นอนว่ากว่าจะถึงจุดนั้น การสูญเสียก็ไม่ใช่น้อยๆเช่นกัน
สำหรับขุมกำลังระดับอริยะเทพที่เป็นคู่ต่อสู้ หากฝ่ายตัวเองไร้ผู้แข็งแกร่งที่สุดปรากฏขึ้น แถมยังสูญเสียกำลังรบไปมาก เช่นนั้นก็มีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่สภาวะถดถอย
ด้วยเหตุนี้ในระนาบเทพจึงมีคำกล่าวกันหนาหูว่า…
จะรุ่งโรจน์ก็ศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด จะล่มจมก็ศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด
และศึกผู้แข็งแกร่งที่สุดนั้น ก็ถือเป็นสงครามระหว่าง 2 ขุมกำลังที่รุนแรงที่สุดในระนาบเทพแล้ว และผู้แข็งแกร่งที่สุดของระนาบเทพนั้นๆ ก็จะจัดเตรียมสถานที่สู้รบ อีกทั้งเป็นประจักษ์พยานในสงครามเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันมีความเสี่ยงสูงเกินไป เช่นนั้นจึงไม่มีขุมกำลังระดับอริยะเทพขุมไหนกล้าที่จะทำศึกผู้แข็งแกร่งที่สุดง่ายๆ กระทั่งมีขุมกำลังระดับอริยะเทพน้อยนัก ที่จะเป็นฝ่ายไปท้าขุมกำลังระดับอริยะเทพอื่นเพื่อเปิดศึก
เมื่อเทียบกับศึกผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
ศึกอริยะนั้น จะถูกจัดขึ้นมากกว่า
และไม่ว่าจะเป็นศึกจักรพรรดิก็ดี ศึกอริยะก็ดี ล้วนถอดแบบมาจากศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด
ดุจเดียวกับศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ที่ให้ขุมกำลังระดับอริยะเทพมาสู้รบกันเพื่อให้กำเนิดตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุด ศึกอริยะกับศึกจักรพรรดิก็มีไว้ให้ขุมกำลังระดับอริยะเทพและขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพต่อสู้กัน เพื่อให้กำเนิดตัวตนระดับอริยะเทพและจักรพรรดิเทพ
และขุมกำลังที่จะรบกันในศึกอริยะ ก็คือขุมกำลังระดับอริยะเทพถดถอยที่ไร้ตัวตนระดับอริยะเทพดำรงอยู่ในปัจจุบัน หรือเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูงที่มั่นใจในกำลังรบของตัวเอง
ศึกจักรพรรดิก็เช่นเดียวกัน เป็นศึกระหว่างขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพถดถอยที่ไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิดำรงอยู่ แน่นอนว่าหากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่มั่นใจในกำลังรบของตัวเอง ก็สามารถท้าขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพถดถอยเพื่อทำศึกจักรพรรดิได้เช่นกัน
และไม่ว่าจะศึกอริยะก็ดี ศึกจักรพรรดิก็ดี ความรุนแรงของมันหากมองในระดับพลังนั้นๆแล้ว ก็มีความรุนแรงไม่ต่างกันเลย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขุมกำลังระดับอริยะเทพถดถอยกับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้ามันมีจำนวนมากกว่าขุมกำลังระดับอริยะเทพชั้นแนวหน้า ความถี่ในการทำศึกอริยะก็เลยมีมากกว่าศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด
ศึกจักรพรรดิจะเป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในระนาบเทพ ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน
จำนวนขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพถดถอยกับขุมกำลังระดับจอมราชันเทพชั้นแนวหน้านั้น เมื่อเทียบกับขุมกำลังระดับอริยะเทพถดถอยแล้ว แน่นอนว่ามันมีมากกว่ากันอย่างเทียบไม่ติด เช่นนั้นศึกจักรพรรดิก็เลยเกิดขึ้นบ่อยกว่าศึกอริยะหลายเท่า
…
ณ นิกายมหาเอกะ
ภายในห้องโถงหลัก
“เช่นนั้น…พวกเจ้าจะเสี่ยงเชื่อว่า ต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้เลือกจะออกจากนิกายมังกรสวรรค์และไปเข้าร่วมขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิงของพวกเรา?”
ลั่วฉีจ้านเอ่ยถามด้วยสีหน้าน้ำเสียงเย้ยหยัน
จังหวะนี้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายของนิกายมหาเอกะที่เลือกจะบ่ายเบี่ยงทำศึกเพราะเหตุผลดังกล่าว ก็ได้แต่ก้มหน้าปิดปากเงียบ เพราะพวกมันก็ไม่รู้จะเถียงอย่างไร
จริงอยู่ ด้วยศักยภาพพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้นั้น สามารถเลือกที่จะเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าได้อย่างไม่มีปัญหา…แต่ไฉนทั้งคู่ถึงเลือกมาเข้าร่วมกับนิกายมังกรสวรรค์แต่แรกเล่า?
ถึงแม้ว่าจะมีคนกล่าวกันหนาหูว่า ‘ยอมเป็นหัวไก่ ไม่ขอเป็นหางหงส์’
อย่างไรก็ตาม อาศัยความสามารถที่ทั้งคู่เผยออกมาในตอนนี้ จริงอยู่การเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์อาจเป็น ‘หัวไก่’ ทว่าถึงทั้งคู่จะไปขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้า ก็ไม่ใช่ ‘หางหงส์’ แน่นอน
เพราะด้วยศักยภาพและพรสวรรค์ของทั้งคู่ ต่อให้ไปอยู่ในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าเหล่านั้น ก็ยังถือเป็นชนชั้นอัจฉริยะอยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้วนหลิงเทียน! ต่อให้ไปอยู่ในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้า ก็ถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะอันดับต้นๆ!
สุดท้ายคนก็ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีด้วยซ้ำ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งคู่เลือกที่จะไปแน่ๆเช่นกัน!
“เรื่องศึกจักรพรรดิล้วนตัดสินแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกันอีกต่อไป”
ลั่วฉีจ้านเอ่ยคำขาดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้ใครปฏิเสธ “หากไม่หลอกตัวเอง นับว่าเป็นเวลานานแล้ว ที่นิกายมหาเอกะของพวกเรา ได้ตกเป็นรองนิกายมังกรสวรรค์อยู่ในระดับหนึ่ง”
“นิกายมังกรสวรรค์นั้น ครั้งสุดท้ายที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพปรากฏขึ้นก็แค่ 20,000 กว่าปีก่อนเท่านั้น…แต่นิกายมหาเอกะของพวกเราเล่า? นี่มันผ่านไปก็ 50,000 กว่าปีเข้าไปแล้ว!!”
“อีกทั้ง ในปีที่ปรากฏตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขึ้นในนิกายมังกรสวรรค์ ก็เป็นเพราะพวกมันไปท้าผู้อื่นทำศึกจักรพรรดิ…แต่ดูนิกายมหาเอกะของพวกเราเข้าเถอะ! พวกเราบ่ายเบี่ยงไม่กล้ารับคำท้าเปิดศึกจักรพรรดิมากี่หมื่นปีเข้าไปแล้ว ทุกครั้งที่ผู้ใดเอ่ยท้ามาพวกเรา ก็ได้แต่บอกปัด หลบเลี่ยงเพราะหวาดกลัวอยู่ร่ำไป…”
“คราวนี้ที่นิกายมหาเอกะของพวกเราตัดสินใจทำศึกจักรพรรดิ ก็มิใช่เพราะว่านิกายมังกรสวรรค์ปรากฏอัจฉริยะอย่างต้วนหลิงเทียนและหัวเทียนตู้เท่านั้น เรื่องนี้มันแค่ส่วนน้อย แต่เหตุผลจริงๆเพราะพวกเรากำลังถอยหลังลงคลองเข้าไปทุกที!”
“นิกายมหาเอกะของพวกเรา ได้เวลาที่ต้องลุกขึ้นสู้แล้ว!”
“พวกเจ้าแต่ละคนล้วนได้รับผลประโยชน์จากนิกายมหาเอกะมานานปี บัดนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อนิกายมหาเอกะ และมุ่งมั่นที่จะทำให้นิกายมหาเอกะของพวกเราก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นไปให้สูงขึ้นกว่านี้!”
“นอกจากนั้น คราวนี้เหล่าศิษย์ในขอบเขตราชาเทพของนิกายมังกรสวรรค์ โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้นั่น…พวกมันก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงศึกจักรพรรดิแน่นอน เพราะถ้าหากพวกมันเลือกจะหลบเลี่ยงไม่ต่อสู้เพราะขลาดกลัว สิ่งนี้ก็จะกลายเป็นมารในใจของพวกมัน ทำให้พวกมันไม่อาจก้าวไกลไปในเส้นทางบ่มเพาะได้อีก”
“และถ้าศิษย์ขอบเขตราชาเทพของนิกายมหาเอกะของพวกเรา สามารถฆ่าอัจฉริยะเช่นพวกมันได้…จิตใจของพวกมันย่อมบังเกิดความฮึกเหิมขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ศึกจักรพรรดิครั้งนี้ในนิกายเราอาจไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพปรากฏขึ้น แต่เหล่ารุ่นเยาว์ที่ผ่านการต่อสู้และโค่นล้มอัจฉริยะมาได้ ก็มีโอกาสที่วันหน้าจะก้าวถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพเช่นกัน!”
“นอกจากนั้น ศึกจักรพรรดิเทพ ไม่ใช่ว่านิกายมหาเอกะของพวกเราจะเป็นฝ่ายสูญเสียคนเดียว ด้านนิกายมังกรสวรรค์เองก็ต้องสูญเสียเช่นกัน…แล้วเช่นนั้นพวกเจ้าจักกลัวอะไร”
“พวกเจ้าลองใช้สมองขบคิดดูเอาเถอะ…หากในศึกจักรพรรดิครั้งนี้นิกายมหาเอกะของพวกเรามีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพถือกำเนิดขึ้นมา พวกเจ้าที่เข้าร่วมสู้ศึกจักภาคภูมิใจถึงขนาดไหน? ลูกหลานเหล่าศิษย์ของพวกเจ้าจักภาพภูมิใจถึงเพียงใด?”
“นามของพวกเจ้าจักถูกจารึกไว้ในหอเกียรติศของนิกายมหาเอกะเรา! ทั้งนามของพวกเจ้าจักคงอยู่ไปชั่วกาล!!”
…
หลังลั่วฉีจ้านกล่าวร่ายยาวออกมาจบคำ ภายในห้องโถงที่เงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็มีหลายคนกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด “อาวุโสลั่ว ข้าสนับสนุนให้พวกเราทำศึกจักรพรรดิ!”
“ใช่แล้วอาวุโสลั่ว ถึงเวลาแล้วที่นิกายมหาเอกะของพวกเราต้องเปลี่ยนแปลง! หลายปีที่พวกเราเอาแต่อยู่เฉย มันทำให้จิตใจของพวกเราแทบจะอ่อนล้าสิ้นแรงแล้ว!”
“ในโลกที่ผู้เข้มแข็งล้วนเป็นที่เคารพนับถือ แต่พวกเรากลับเอาแต่บ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงหนทางสู่ผู้เข้มแข็งมานาน…หลังจบศึกจักรพรรดิคราวนี้ ไม่แน่ในบรรดาพวกเราอาจมีคนทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพได้จริงๆ!”
“มิผิด ผู้อาวุโสสูงสุดหลายท่านรวมถึงอาวุโสลั่วเองก็ติดอยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูงมานานปีแล้ว กระทั่งห่างจากขอบเขตจักรพรรดิเทพแค่ก้าวเดียวเท่านั้น…ในศึกจักรพรรดิครั้งนี้ ขอเพียงมีอาวุโสสูงสุดสักท่านบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพได้ นิกายมหาเอกะของพวกเราก็ถือว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่!”
“อาวุโสลั่วสนับสนุนการทำศึกจักรพรรดิเช่นนี้ นับว่าจิตต่อสู้ของท่านได้ลุกโชนขึ้นมาแล้ว มีแนวโน้มสูงที่อาวุโสลั่วท่านจักทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพ!”
…
กล่าวได้ว่าเหล่าอาวุโสของนิกายมหาเอกะทั้งหลายในห้องโถง ถูกคำพูดปลุกใจของลั่วฉีจ้านจนเสมือนติดเชื้อไปแล้วก็ไม่ปาน
ส่วนทางด้านผู้ที่คอยต่อต้านการทำศึกจักรพรรดิทั้งหลายก่อนหน้า ก็ได้แต่เงียบไม่พูดไม่จา
เพราะพวกมันเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ถูกตัดสินแล้ว ถึงพวกมันจะคัดค้านต่อไปก็ไร้ประโยชน์ แถมยังจะพลอยทำให้อาวุโสลั่ว ประมุขนิกาย และคนอื่นๆดูถูกพวกมันอีก
‘ช่างเถอะ…ศึกจักรพรรดิก็ศึกจักรพรรดิ ขอแค่ระวังตัวให้มากก็มิใช่ว่าคนที่ตายจะเป็นข้า’
พวกมันได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยทำนองดังกล่าว
“พรุ่งนี้ข้าจักนำกลุ่มคนไปเยือนนิกายมังกรสวรรค์ด้วยตัวเอง และออกคำท้าทำศึกจักรพรรดิกับนิกายมังกรสวรรค์อย่างเป็นทางการ!”
ขณะนั้นเอง ประมุขนิกายมหาเอกะก็ประกาศคำออกมาเสียงดังฟังชัด สองตาฉายชัดถึงความแน่วแน่ “ตราบใดที่นิกายมังกรสวรรค์เห็นด้วย และเมื่อผ่านขั้นตอนลงทะเบียนกับเหล่าขุมกำลังระดับจักรพรรดิชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงแล้วเสร็จ วันที่พวกเราจะทำศึกจักรพรรดิก็จะถูกกำหนด!”
“หากไม่มีเหตุผิดพลาดอันใด ศึกจักรพรรดิครั้งนี้จักเริ่มต้นขึ้นภายใน 3 ปี!”
…
เมื่อนิกายมหาเอกะเห็นชอบแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น ประมุขนิกายมหาเอกะก็ได้นำพาเหล่าผู้อาวุโสระดับสูง 2-3 คนไปเยือนนิกายมังกรสวรรค์ด้วยตัวเอง จากนั้นก็ส่งสาส์นท้าทำศึกจักรพรรดิกับนิกายมังกรสวรรค์อย่างเป็นทางการ
ด้านระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์ก็แปลกใจไม่น้อย ที่อยู่ๆนิกายมหาเอกะมาท้าทำศึกจักรพรรดิแบบนี้
เนื่องเพราะในอดีต นิกายมังกรสวรรค์ของพวกมันได้ส่งสาส์นท้าทำศึกจักรพรรดิกับอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง
เช่นนั้นในสายตาของคนนิกายมังกรสวรรค์ คนของนิกายมหาเอกะก็เสมือนไร้ศักดิ์ศรีของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพมานานแล้ว
หากไม่ใช่เพราะไม่กล้าสู้ ป่านนี้อีกฝ่ายคงไปหาขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพถดถอยเหมือนกัน เพื่อท้าทำศึกจักรพรรดิแต่แรก
“พวกท่านคิดเห็นเช่นไร?”
หลังจากจัดแจงให้คนของนิกายมหาเอกะเข้าพักเป็นการชั่วคราว เหล่าระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์ก็มาหารือกันทันที
ในบรรดาคนที่มาหารือ ตัวตนระดับอาวุโสมังกรทองซึ่งนับว่ามีฐานะสูงที่สุดในนิกายมังกรสวรรค์ก็มาด้วย
ผู้อาวุโสมังกรทองของนิกายมังกรสวรรค์ ก็ดุจเดียวกับอาวุโสสูงสุดของนิกายมหาเอกะ ล้วนเป็นจอมราชันเทพขั้นสูง
ในอดีตที่นิกายมังกรสวรรค์ออกคำท้าทำศึกจักรพรรดิกับนิกายมหาเอกะถึง 3 ครั้ง ก็เพราะหวังว่าเหล่าอาวุโสมังกรทองจะสามารถใช้แรงกดดันในการต่อสู้เป็นตาย เจาะทะลวงคอขวดฝ่าจุดรอคอยจนบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพ เพื่อทำให้นิกายมังกรสวรรค์ฟื้นคืนความรุ่งโรจน์อย่างในอดีต
ในระนาบเทพ ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่ไร้ตัวตนจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ กับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ เป็น 2 เรื่องที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก ตอนนี้พื้นที่ในละแวกใกล้เคียงนิกายมังกรสวรรค์ นอกจากนิกายมังกรสวรรค์แล้ว ก็ยังมีนิกายมหาเอกะดำรงอยู่
หากว่านิกายมังกรสวรรค์ปรากฏตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขึ้นมา สถานะก็จะเหนือล้ำกว่านิกายมหาเอกะทันที และตามกฏของเขตคฤหาสน์ตงหลิง นิกายระดับจักรพรรดิเทพที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพก็จะได้รับอาณาเขตเพิ่มขึ้น เช่นนั้นหมายความว่าดินแดนที่ครอบครองก็จะขยายออกไปอีก
และเนื่องจากนิกายมหาเอกะอยู่ใกล้ๆกับนิกายมังกรสวรรค์ เช่นนั้นพวกมันก็ต้องทำการย้ายออกไป หาไม่แล้วนิกายมังกรสวรรค์มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อช่วงชิงทรัพยากรอย่างชอบธรรม!
“ท่านประมุข”
ได้ยินคำถามของประมุขนิกาย เซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ ก็ออกตัวเอ่ยขึ้นมาก่อนใคร “ข้าว่าพวกเราอย่าพึ่งรีบร้อนรับคำท้าของพวกมันดีกว่า…ลองไปตรวจสอบเสียก่อน ว่าไฉนอยู่ๆพวกมันถึงได้เปลี่ยนใจ และเป็นฝ่ายมาท้าพวกเราทำศึกจักรพรรดิเช่นนี้”
“ข้ารู้สึกว่านิกายมหาเอกะที่ประพฤติตัวเยี่ยงมุสิกขลาดเขลามาก่อน อยู่ดีๆพวกมันกลับกล้าสู้กับพวกเราเช่นนี้ เป็นไปได้สูงที่พวกมันจะมีลับลมคมในบางอย่างที่พวกเราไม่ทราบ”
เซวียหมิงจื่อเอ่ยอย่างระวัง
ในนิกายมังกรสวรรค์นั้น เซวียหมิงจื่อก็เป็นดั่งเฒ่าชราอยู่ไปวันๆไร้ความฝันอันใด ในอดีตตอนที่นิกายมังกรสวรรค์คิดไปท้านิกายมหาเอกะ มันเองก็ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระดับสูงสุดของนิกายมังกรสวรรค์เห็นพ้องต้องกันเรื่องทำศึกจักรพรรดิ แม้มันจะไม่เห็นด้วย แต่มันก็ทำได้แค่โอนอ่อนไปตามสถานการณ์ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เหล่าอาวุโสมังกรทองทั้งหลายของนิกายมังกรสวรรค์ ต่างใฝ่ฝันจะทะลวงให้ถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพกันมานานแล้ว ทุกคนก็เลยยืนกรานเรื่องทำศึกจักรพรรดิมาโดยตลอด
และอีกหนึ่งเหตุผลเลยก็คือ มีอาวุโสมังกรทอง 2 คน ที่เริ่มรู้สึกกดดันกับหายนะสวรรค์ในรอบพันปีที่จะมาถึงบ้างแล้ว
หากพวกมันไม่อาจทะลวงผ่านขอบเขตพลัง พวกมันก็รู้สึกว่าในอีกไม่กี่รอบหายนะสวรรค์…พวกมันอาจต้องตาย!
ในกรณีนี้ ศึกจักรพรรดิจึงกลายเป็นทางเลือกเดียว
ด้วยมีการต่อสู้ที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพถดถอยดุจเดียวกัน พวกมันย่อมสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน จนอาจบีบคั้นให้ตัวเองทะลวงด่านพลังไปได้
“เซวียหมิงจื่อ”
ทันใดนั้นเอง อาวุโสมังกรทองคนหนึ่งของนิกายมังกรสวรรค์ ก็หันไปมองจ้องเซวียหมิงจื่อตาเขม็ง “ในที่สุดนิกายมหาเอกะก็คิดทำศึกจักรพรรดิกับพวกเราทั้งที! หากนิกายเราต้องพลาดทำศึกจักรพรรดิครั้งนี้เพราะเจ้า ผู้เฒ่าคนนี้ไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่!!”