WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3826 สายของนิกายมหาเอกะ
เดิมทีด้านเซวียจินเองก็อยากลองเสี่ยงสู้กับต้วนหลิงเทียนดูสักตั้งเหมือนกัน เพราะมันก็อยากได้คะแนนอุทิศของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
รับหนึ่งกระบวนท่าของอีกฝ่ายโดยไม่แพ้พ่าย มันมั่นใจว่าสามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม พอเห็นต้วนหลิงเทียนนำโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมาได้ถึง 10 เม็ด ใจมันก็เริ่มสั่นไหวทันที เพราะดูเหมือนต้วนหลิงเทียนคนนี้จะไม่อาจใช้สามัญสำนึกของมันวัดได้
ยากหยั่งถึงนัก
และสิ่งที่มันเคยเห็นกับข้อมูลที่ได้รับมา อาจไม่ใช่ทั้งหมด
หากอีกฝ่ายตั้งใจไม่เผยออกมา ก็ยากที่จะมองก้นบึ้งของอีกฝ่ายได้
เช่นนั้นมันจึงเริ่มนิ่งคิดไตร่ตรองดูอีกครั้ง สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าเดิมพันถึง 10,000 คะแนนอุทิศนั้น มันสูงเกินกว่าจะเสี่ยง…มันไม่ใช่จะหาคะแนนอุทิศได้ง่ายๆเหมือนต้วนหลิงเทียน มันอาศัยการเก็บเล็กผสมน้อยเอาทั้งนั้น
และมันก็อยู่ในนิกายมังกรสวรรค์มานานปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังพึ่งเก็บสะสมคะแนนอุทิศได้แค่ 20,000 กว่าแต้มเท่านั้น
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจ ไม่เดิมพันแค่ 10,000 คะแนนอุทิศ แต่เลือกจะท้าเดิมพันถึง 40,000 คะแนนอุทิศ มันก็ฉวกโอกาสนี้หนีหน้าอีกฝ่ายทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตามมากมายที่จับจ้องมาด้านหลัง เซวียจินก็เลือกจะกล่าวโดยไม่หันไปมองเหมือนตอนหันกลับมาแขวะหวงถิง “ต้วนหลิงเทียน ข้ามีคะแนนอุทิศไม่ถึง 40,000 แต้ม เช่นนั้นเมื่อใดที่ข้าสะสมคะแนนอุทิศได้ถึง 40,000 แต้ม ข้าจะมาเดิมพันกับเจ้าเอง”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องแผ่นหลังเซวียจินเขม็ง “มีไม่ถึงเอาแค่ 30,000 คะแนนอุทิศก็ได้”
“ถ้า 30,000 ไม่มีเช่นนั้นก็ 20,000 คะแนนอุทิศเถอะ”
“และถ้าเจ้าไม่มีแม้แต่ 20,000 คะแนนอุทิศ พวกเรามาเดิมพันกันแค่ 10,000 คะแนนอุทิศก็พอ!”
อนิจจาแม้ต้วนหลิงเทียนจะลดเดิมพันมาถึง 10,000 คะแนนอุทิศแล้ว แต่เซวียจินก็ไม่หยุด พวกจ้ำพรวดๆไปราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขาอย่างไรอย่างนั้น
ขณะเดียวกัน หวงถิง ที่อยู่ข้างๆก็กล่าวคำเย้ยเยาะออกมา “ต้วนหลิงเทียน มันเป็นตัวขี้ขลาด…อย่าว่าแต่เจ้าจะเดิมพันกับมันถึง 10,000 คะแนนอุทิศเลย ต่อให้จ้าเดิมพันกับมันแค่ 1,000 คะแนนอุทิศ มันก็ไม่กล้ารับหรอก”
เซวียจินที่จ้ำพรวดๆจากไปไกล จนลุถึงประตูโถงตำหนักกิจการฝ่ายในแล้ว พลันหยุดลงอีกครั้งหลังได้ยินคำเย้ยเยาะดังกล่าวของหวงถิง อย่างไรก็ตามมันไม่ได้พูดอะไร หลังหยุดลงครู่หนึ่งก็ก้าวอาดๆออกจากโถงตำหนักกิจการฝ่ายใน หายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
“ในเมื่อมันไม่เดิมพันกับข้า แล้วทำไมเจ้าไม่เล่นกับข้าล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหวงถิงที่เหมือนจะกลัวโลกวุ่นวายไม่พอ พลางถามเสียงเรียบ
“ข้าหรือ?”
หวงถิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาที่มองต้วนหลิงเทียนก็คล้ายสั่นไหว ไม่นานนักก็ส่ายหัวไปมา “ท่านพ่อท่านแม่รมถึงอาจารย์ข้าสั่งสอนข้าตั้งแต่ยังเด็ก ว่าเด็กดีไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการพนัน…นี่รวมถึงการพนันกับผู้อื่นด้วย”
“ต้วนหลิงเทียน หากเจ้าอยากประลองชี้แนะกับข้าก็ไม่มีปัญหา…แต่ถ้าเจ้าคิดนำคะแนนอุทิศมาเดิมพัน เจ้าควรไปหาผู้อื่น ถึงแม้ข้าเองก็อยากเดิมพันกับเจ้าสักครา แต่คำสอนสั่งของท่านพ่อท่านแม่และท่านอาจารย์นั้น ข้าไม่อาจขัดได้จริงๆ”
กล่าวจบคำ หวงถิงก็เลือกจะเดินจากไป
ไม่อาจตอแย!
จังหวะนี้มันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่ไม่อาจล่วงเกินตอแยด้วยได้จริงๆ
ถึงแม้มันเองก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเก่งกาจถึงขั้นเอาชนะมันได้ในท่าเดียว แต่มีหรือมันจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่เซวียจินคิดอ่านเช่นไร?
มันกับเซวียจินสู้กันมาหลายปีแล้ว มันย่อมรู้ดีว่าเซวียจินเป็นคนอย่างไร เรียกว่า ‘หากไม่เห็นกระต่าย ไม่ปล่อยเหยี่ยว’ ต่อหน้าการเดิมพันที่มีคะแนนอุทิศหลักหมื่น แต่กลับสงบสติเลือกที่จะนิ่งเฉยได้ เห็นชัดว่าเซวียจินไร้ซึ่งความมั่นใจโดยสมบูรณ์
กระทั่งเซวียจินยังเป็นแบบนั้น แล้วมันที่อ่อนด้อยกว่าเซวียจินอยู่บ้างยังต้องพูดถึงอีกหรือ?
“เฮ่ย หวงถิง! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพึ่งเดิมพันคะแนนอุทิศกับศิษย์ฝ่ายในคนนึงเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เรอะ!?”
ในขณะที่หวงถิงกำลังเดินจากไป ก็มีศิษย์ฝ่ายในกลุ่มหนึ่งโพล่งออกมาเสียงดังเคล้าเสียงหัวเราะ
“ใช่ๆ 2 เดือนก่อน ข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หวงถิงมันเดิมพันกับผู้อื่นด้วยคะแนนอุทิศ 500 แต้ม แถมเอาชนะมาได้”
ไม่นานก็มีคนกล่าวเสริม
และไม่ทันไร ก็มีศิษย์ฝ่ายในคนอื่นเร่งกล่าวออกมาอีก ยังบอกว่าเมื่อครึ่งปีก่อนหวงถิงก็เคยท้าผู้อื่นสู้โดยมีคะแนนอุทิศเป็นเดิมพัน
หวงถิงที่ยังก้าวไปไม่พ้นธรณีประตูโถงตำหนักกิจการฝ่ายใน ถึงกับสะดุดแทบล้มอยู่สองสามครั้ง สุดท้ายก็รีบก้าวอาดๆออกจากตำหนักกิจการฝ่ายในไปตัวปลิว ราวกับมีธุระด่วนต้องรีบไปสะสาง
‘ไฉนศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์แต่ละคนถึงได้รู้มากนักล่ะ?’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเสียดายอยู่ในใจ
คะแนนอุทิศแค่ 10,000 แต้มมันมากนักหรือไร?
วันนี้เดิมทีเขาไม่มีคะแนนอุทิศสักแต้มด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ก็มีถึง 40,000 แต้มแล้ว
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าเบาๆพลางถอนหายใจ จากนั้นค่อยหันไปกวาดตามองรอบๆ “ท่านทั้งหลาย หากพวกท่านมีศิษย์พี่ศิษย์น้องหรือผู้อาวุโสที่ต้องการโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด ท่านมาแลกกับข้าได้เลย เอาเป็นเม็ดละ 10,000 คะแนนอุทิศอย่างที่อาวุโสจูเสนอ”
“ตอนนี้ข้าเหลือโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดแค่ 6 เม็ดเท่านั้น หากช้าก็อด”
“อย่างไรเสียศึกจักรพรรดิก็ใกล้เข้ามาแล้ว หากว่าชีพจรสวรรค์มีปัญหา ยามต้องสู้ศึกจักรพรรดิ มันต้องส่งผลกระทบกับพลังต่อสู้ของพวกท่านอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง และนั่นอาจเป็นเหตุที่นำไปสู่ความตายได้ อย่าได้ประมาทดีกว่า”
“เช่นนั้น โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดมันมีค่าแค่ไหน พวกท่านคงตระหนักดี”
ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะกล่าวจบคำได้ไม่ทันไร หลายๆคนก็เริ่มเคลื่อนไหวต่างเร่งติดต่อส่งข้อความกันใหญ่ ต้วนหลิงเทียนที่เห็นฉากดังกล่าวก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ
เหตุผลที่ไฉนเขาถึงกล่าวออกมาแบบนี้ เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินศิษย์ฝ่ายในซุบซิบกันว่า ลูกชายคนเดียวของอาวุโสมังกรขาว จูเฟยอวี่ ที่แลกเปลี่ยนกับเขาเมื่อครู่ อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีพจรสวรรค์เสียหาย ยากจะฟื้นตัวได้หากไม่มีเวลาเดินพลังรักษาตัว 180 ปี
และในตอนนี้ ศึกจักรพรรดิกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ตามกฏของนิกายมังกรสวรรค์ ทุกคนที่มีด่านพลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตเทพ ตราบใดที่ยังไม่ตาย จำต้องเข้าร่วมศึกจักรพรรดิ!
ใครกล้าหนีทัพจะถูกลงโทษสถานหนัก!
เช่นนั้น เพื่อให้ลูกชายฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด จูเฟยอวี่ ก็ได้ออกภารกิจและคะแนนอุทิศ 10,000 แต้มกับโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด 1 เม็ดอย่างไม่เสียดาย
ต้องทราบด้วยว่าก่อนที่ จูเฟยอวี่ จะออกภารกิจดังกล่าว โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดมันมีราคาแค่ 2,000 -3,000 คะแนนอุทิศเท่านั้น
แน่นอนว่าเป็นราคาที่คนซื้อไม่รีบ
ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องรีบใช้โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด
และในอดีตนั้น แม้ในนิกายมังกรสวรรค์จะมีคนนำโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดมาขาย แต่ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่ออกไปผจญภัยด้านนอกทั้งนั้น
ในเขตคฤหาสน์ตงหลิงนั้น มีก็แต่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิในขุมกังระดับจักรพรรดิชั้นแนวหน้าเท่านั้น ที่มีคามสามารถในการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด
จึงกล่าวได้ว่า นานๆครั้งถึงจะปรากฏโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดในตลาดของเขตคฤหาสน์ตงหลิง และจำนวนมันก็ไม่ได้มีมากมายอะไร คนซื้อมีมากกว่าคนขายเสมอ
ตอนนี้ในเมื่อศึกจักรพรรดิกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะคนของนิกายมังกรสวรรค์ก็ดี คนของนิกายมหาเอกะก็ดี ล้วนต้องการโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดกันทั้งนั้น เรียกว่ามูลค่าของเม็ดยาได้ถีบตัวสูงขึ้นเกิน 3 เท่า!
“ต้วนหลิงเทียน”
ทันใดนั้นเองเสียงแหบแห้งหนึ่งก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดทั้ง 6 เม็ดนั่น นิกายมหาเอกะของเราต้องการทั้งหมด”
“นิกายมหาเอกะของพวกเรายินดีใช้หินเทพซื้อโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดของเจ้า และหินเทพที่พวกเราจะจ่ายให้สำหรับโอสถแต่ละเม็ด มีค่ามากกว่าคะแนนอุทิศ 10,000 แต้มของนิกายมังกรสวรรค์แน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็บอกได้ทันที่ว่านี่เป็นการส่งเสียงผ่านพลัง และไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนก็หาตัวคนที่ส่งเสียงผ่านพลังมาไม่เจอ
เช่นนั้นเขาก็เลยไม่มีหนทางตอบกลับอีกฝ่าย
“เจ้าไม่ต้องหาแล้ว ข้าไม่เผยตัวให้เจ้ารู้หรอกว่าข้าเป็นใคร”
เสียงผ่านพลังดังขึ้นอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม หากเจ้าสนใจแลกเปลี่ยน ในอีกสิบวันหลังจากนี้…ยามเที่ยง ในป่าลึกห่างออก 3,000 ลี้ทางทิศตะวันออก จักมีคนของนิกายมหาเอกะมาติดต่อเจ้าเอง”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มไม่แยแส
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ในช่วงเวลาแบบนี้ หากเขาขายโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดให้นิกายมหาเอกะขึ้นมา เกิดคนของนิกายมังกรสวรรค์ล่วงรู้ยังจะปล่อยเขาไปอีกหรือ?
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจาก 2 ทัพเผชิญหน้า การให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายยังต่างอะไรจากกบฏชั่วช้า!
แถมใครจะไปรู้ ว่านี่เป็นกับดักที่เอาไว้เล่นงานเขาหรือเปล่า?
บางทีอีกฝ่ายอาจไม่ใช่สายของนิกายมหาเอกะที่แฝงตัวอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ด้วยซ้ำ แต่เป็นคนของนิกายมังกรสวรรค์ที่วางกับดักเพื่อเล่นงานเขาโดยเฉพาะ ไม่แน่เผลอๆอาจเป็นคนของกวงเทียนเจิ้งที่ฉวยโอกาส หาทางล่อเขาออกไปฆ่าก็เป็นได้
ท้ายที่สุดแล้วสถานที่นัดพบที่อีกฝ่ายแจ้งมาก็อยู่นอกนิกายมังกรสวรรค์
เช่นนั้นเขาไม่มีความคิดจะไปเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเชื่อว่าเขาไม่ต้องรอนาน โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดอีก 6 เม็ดที่เหลือ ต้องมีคนมาซื้อจากเขาถึงที่ ทั้งยังยินดีจ่ายในราคาที่เขาเคยขายได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พอคิดว่าคนที่ส่งเสียงผ่านพลังมาอาจเป็นสายของนิกายมหาเอกะจริงๆ เขาก็เลือกจะส่งข้อความไปบอกเชวียไห่ชวน
และคำตอบของเชวียไห่ชวน ก็ไม่ได้แลดูแปลกใจอะไร “นี่เป็นเรื่องธรรมดา”
“นิกายมหาเอกะไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ส่งคนมาแฝงตัวเป็นสายในนิกายมังกรสรรค์เรา ทางเราก็ส่งสายไปแฝงตัวอยู่ในนิกายมหาเอกะไม่น้อย…ปกติแล้วสายเหล่านี้จักระวังตัวแจ ไม่คิดเปิดเผยตัวตนออกมาง่ายๆหรอก”
เชวียไห่ชวนกล่าว
จากนั้นเชวียไห่ชวนก็กล่าวเตือนถึงประเด็นที่ต้วนหลิงเทียนคิดได้แต่แรก
ว่าอีกฝ่ายอาจเป็นคนในที่คิดตีกรอบเขา
เช่นนั้น ไม่ต้องไปเล่นตามเกมของอีกฝ่ายจะดีที่สุด
“พี่ไห่ชวนอย่าได้ห่วงไป ข้าไม่บ้าจี้ออกไปตามที่มันว่าหรอก”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว
หลังจากคุยกับเชวียไห่ชวนจบแล้ว ในหัวต้วนหลิงเทียนก็คล้ายมีหลอดไฟดวงหนึ่งสว่างวาบ ‘หรือข้าจัดประมูลโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด 6 เม็ดที่เหลือดี ถ้าจัดประมูลเผลอๆพวกมันอาจทำให้ข้าได้คะแนนอุทิศถึง 100,000 แต้มได้ง่ายๆเลย…’
อย่างไรก็ตาม ความคิดบรรเจิดดังกล่าวพึ่งจะปรากฏได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็โละทิ้งทันที
เพราะสิ่งนี้แทบไม่ต่างอะไรจากปล้นชิงผู้อื่นตอนบ้านไฟไหม้เลย
หลังคิดได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง ‘หรือว่าข้าจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดเพิ่มดี เช่นนั้นคะแนนอุทิศก็หาได้ง่ายๆแล้ว’
เรื่องฉวยโอกาสนั้นแน่นอนว่าทำไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะหลอมยาเพิ่มไม่ได้!
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาก่อนจะเลิกคิดวุ่นวาย เตรียมเดินไปยังอีกฟากของตำหนักกิจการฝ่ายใน ที่เขาคิดจะไปก่อนหน้าแต่ไม่ได้ไป
มันเป็นโต๊ะที่ใช้คะแนนอุทิศแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ
‘น่าจะมีของที่ข้าต้องการอยู่ไม่น้อย…นอกจากนั้น โอสถเทพมากมายที่ข้าคิดหลอมเพื่อส่งเสริมการบ่มเพาะ แต่ตระกูลหลิงหูไม่อาจหาซื้อสมุนไพรให้ข้าได้ นิกายมังกรสวรรค์ในฐานะขุมกำลังระดับจักรพรรดิก็น่าจะมีเก็บไว้อยู่’
คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
…
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเดินไปโต๊ะแลกเปลี่ยนในตำหนักกิจการฝ่ายใน ส่วนอื่นๆของนิกายมังกรสวรรค์ก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา
ไม่ใช่อะไรอื่น เหล่าผู้ที่ชีพจรสวรรค์ได้รับบาดเจ็บ หลังได้รับข้อความจากคนที่อยู่ในตำหนักกิจการฝ่ายในก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
“อะไร!? โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดเรอะ!?”
“ข้ากำลังคิดอยู่เชียวว่าศึกจักรพรรดิกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วแท้ๆ แต่อาการบาดชีพจรสวรรค์ของข้ายังต้องใช้เวลาอีก 10 กว่าปีถึงจะฟื้นฟู…ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะมีโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดให้ซื้อ! ประเสริฐนัก แค่ 10,000 แต้มคะแนนอุทิศเท่านั้น นับว่าคุ้มยิ่ง!!”
“อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียนมีโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดขายหรือ แต่ขายอิงจากราคาที่อาวุโสมังกรขาวจูเฟยอวี่จ่าย น่าเสียดายที่ข้ามีคะแนนอุทิศไม่พอ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนยินดีรับส่วนต่างเป็นหินเทพหรือไม่?”
“ยังเหลือโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดขายอีก 6 เม็ดหรือ…ด้วยอาการบาดเจ็บของข้า จำต้องใช้ 3 เม็ดเป็นอย่างต่ำถึงจะหายดี”
…
หลายๆคนเริ่มทยอยกันออกจากสถานที่พัก เร่งรุดไปยังตำหนักกิจการฝ่ายใน
“เสี่ยวเทียนมีโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดมากขนาดนั้นเชียว?!”
ภายในห้องหับที่มองจากการตกแต่งก็รู้ว่าเป็นห้องของสตรี ตงฟางเหยียนเหนียนหันไปยิ้มกล่าวกับสตรีสะสวยที่นั่งขัดสมาธิบนเตียงด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ลี่เอ๋อ ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวอาการบาดเจ็บของชีพจรสวรรค์เจ้าจะลากถ่วงข้ารึไร?”
“เช่นนั้นหากชีพจรสวรรค์ของเจ้ารักษาหายดีแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลกับมันอีกกระมัง?”