WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3831 ศึกจักรพรรดิที่ใกล้เข้ามา
ตอนที่ 3,831 : ศึกจักรพรรดิที่ใกล้เข้ามา
ดั่งคำว่าชาวบ้านชมดูอย่างบันเทิงเริงใจ แต่คนวงในแลเห็นลู่ทาง
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่ไม่ได้เป็นปรมจารย์หลอมโอสถเทพ กับผู้ที่พึ่งเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับต่ำ ย่อมไม่อาจเห็นความพิสดารใดๆในการหลอมยาของต้วนหลิงเทียนเลย และคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ อาจเป็นเพราะเคล็ดลับที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกมาอย่างแยบคาย และล้ำลึกเกินไปจนพวกมันมองไม่ออก
ทว่าในสายตาของปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่เก่งกาจ พวกมันเห็นกันชัดเจนว่าทักษะในการหลอมโอสถเทพของต้วนหลิงเทียนนั้น ธรรมดามาก อยู่แค่ระดับกลางๆเท่านั้น ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย
เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ง่ายๆ เพราะต้วนหลิงเทียนสามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดิน และสกัดมันออกมาใช้ได้จมหูเท่านั้น…
ถูกแล้ว นั่นคือทั้งหมด!
อย่างน้อยๆก็เป็นแบบนั้นในสายตาของหยวนคังหมิงและโหวฟาง รวมถึงปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับราชาขึ้นไป
หากจะบอกว่านี่อาจไม่ใช่ทั้งหมด ก็มีแค่กรณีเดียวเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนยังอาจสกัดพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินได้มากกว่านี้…
“เรื่องจะสัมผัสพลังชีวิตให้ได้ก็ว่ายากแล้ว ที่ยากกว่าก็คือการสกัดมันออกมา…จุดนี้เป็นปัญหาอันยากแก้ไขสำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพทุกคน เช่นนั้นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่มีความสามารถในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ถึงกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น และมีชื่อเสียงเลื่องลือ”
โหวฟางคลี่ยิ้มขื่นขมพลางกล่าว “แต่สำหรับต้วนหลิงเทียนนั่น ดูเหมือนมันจะไวต่อพลังชีวิตเป็นพิเศษ ไม่เพียงสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตง่ายๆ แต่ยังสกัดออกมาได้ง่ายดายปานกินข้าวดื่มน้ำ…เรื่องที่เป็นดั่งขุนเขาสูงชันไม่อาจปีนสำหรับผู้อื่น กับมันลำบากเพียงกระดิกนิ้วเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของโหวฟาง เหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่อยู่ไม่ไกล ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ร้ายกาจแท้!!”
ติงเหยียนเองก็ได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพเช่นกัน และเมื่อรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีความสามารถในการสัมผัสและสกัดพลังชีวิตอันเลิศล้ำ มันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ด้านสือคงเยว่ที่อยู่ไม่ไกล สายตาที่นางใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ไม่หลงเหลือความดูถูกอีกต่อไป ความเหลือเชื่อได้เข้ามาแทนที่หมดสิ้น
ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่เพียงแต่จะอายุน้อยกว่านางเท่านั้น ยังอายุน้อยกว่าติงเหยียนด้วยซ้ำ
แต่อีกฝ่ายไม่เพียงเหนือกว่านางในแง่ความแข็งแกร่ง แต่ในศาสตรก์การหลอมโอสถ อีกฝ่ายยังมีความโดดเด่นถึงขั้นท้าทายสวรรค์
พอเทียบกับผู้อื่นแล้ว สือคงเยว่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเล็กกระจ้อย
นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของสือคงเยว่เลยที่บังเกิดความรู้สึกดังกล่าว
ต้องทราบว่าแม้จะมีรุ่นเยาว์อันฉริยะมากมายในเขตคฤหาสน์ตงหลิงที่เหนือกว่านาง แต่สือคงเยว่เชื่อว่าทั้งหมดเพราะอีกฝ่ายมีชาติกำเนิดที่ดีกว่า และอยู่ในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่ทรงพลังกว่าจึงมีทรัพยากรเหนือกว่า รวมถึงหลายๆคนก็แก่กว่านาง เช่นนั้นนางลองถามตัวเองแล้วก็กล้าพูดว่านางไม่ด้อยกว่าคนเหล่านั้นเลย
แต่บัดนี้ ต้วนหลิงเทียน ที่ลอยอยู่ตรงหน้าทั้งๆที่ไม่ได้มีภูมิหลังความเป็นมาเลิศล้ำอันใด แถมอายุยังน้อยกว่านางอีก แต่กลับเก่งกาจสุดที่นางจะเทียบได้ ทำให้ตัวนางเริ่มสงสัยในชีวิตขึ้นมาแล้ว
จังหวะนี้ กระทั่งติงเหยียนหันมามองนางด้วยสายตาเย้ยหยันท้าทาย และนางเองก็สังเกตเห็น ทว่านางกลับไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับติงเหยียนสืบไป
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำ สือคงเยว่มองจ้องร่างในชุดสีม่วงไกลๆอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังจากไปทันที แต่ต้นจนจบไม่พูดอะไรสักคำ
สิ่งนี้ก็ทำให้ติงเหยียนอดแปลกใจไม่ได้
สตรีนางนี้กลายเป็นคนสองบุคลิกไปแล้วหรือ ไฉนเงียบนักล่ะ?
มันพร้อมจะทำสงครามน้ำลายกับอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับหนีไปเสียอย่างนั้น!
ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มทำการหลอมโอสถเตาที่สองต่อหน้าต่อตาผู้คนแล้ว
“ข้ายังรู้สึกเสมือนสิ่งที่ข้าเห็นมันเกินความจริงไปบ้าง…มาดูกันว่าเตาที่สองของมัน จะสามารถสัมผัสและสกัดพลังชีวิตได้มากมายมหาศาลเท่าเมื่อครู่หรือไม่”
สองตาโหวฟางทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง เอ่ยคำเสียงหนัก “ไม่แน่ เมื่อครู่มันอาจจะแค่โชคดี”
“และครั้งนี้ มันอาจไม่โชคดีอีกต่อไป!”
อันที่จริงก็มีผู้คนไม่น้อยที่กำลังคิดไปทำนองดังกล่าว แม้แต่หยวนคังหมิงเองก็ไม่ต่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการตั้งแง่คล้ายจะ ‘จับผิด’ ของคนอื่นแล้ว หยวนคังหมิงกับรู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่มาจากระนาบเทวโลกเหมือนมันคนนี้ น่าจะแสดงความเลิศล้ำให้ทุกคนได้เห็นเหมือนเดิมแน่นอน
หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ ความจริงก็ยืนยันว่าสิ่งที่หยวนคังหมิงคิดมันถูกต้อง
การหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรเตาที่ 2 ของต้วนหลิงเทียน พลังชีวิตที่สกัดจากพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบกลับมากมายมหาศาลยิ่งกว่าครั้งก่อนเสียอีก
เช่นนั้นผลลัพธ์ก็เดิมๆ
โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดปรากฏขึ้นบนโลกอีกเม็ด
“ให้ตายเถอะ หลอมได้ติดๆกัน 2 เม็ดแล้ว!”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะร้ายกาจเกินไปไหม หลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจร 2 เตา กลับออกมาเป็นขั้นสุดยอดทั้ง 2 เตา อัตราการหลอมเป็นขั้นสุดยอดได้สำเร็จ บัดนี้นับว่ามี 10 ส่วนเต็ม!”
“มารอดูกันเถอะ ว่าการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรเตาที่ 3 ต้วนหลิงเทียนจะหลอมมันออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้อีกครั้งหรือไม่…หากยังได้ นับว่าความสำเร็จในเต๋าแห่งโอสถของมันจัดว่าน่ากลัวยิ่งนัก!”
…
การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชัพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ 2 เตาติดๆกัน แม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถและไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ ก็ยังพากันตกใจกับอัตราความสำเร็จในการหลอมยาที่สูงล้ำจนน่าเหลือเชื่อของต้วนหลิงเทียน
เพราะไม่มีใครไม่รู้ ว่านี่ไม่ใช่โอสถเทพระดับราชาธรรมดาๆ!
และไม่มีใครไม่รู้ว่า การจะหลอมโอสถเทพระดับราชาขนานนี้ให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้มันยากขนาดไหน!
ทุกคนล่วงรู้กันดี ว่านี่เป็นหนึ่งในโอสถเทพระดับราชาที่ยากจะหลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ยากที่สุด!
มีเพียงแต่หยวนคังหมิง โหวฟาง และปรมจารย์หลอมโอสถเทพมือดีของนิกายมังกรสวรรค์ไม่กี่คนเท่านั้น ที่รู้ดีว่าทักษะการหลอมโอสถเทพของต้วนหลิงเทียน มันไม่ได้เลิศล้ำอะไรเลย เพียงแต่เมื่อผนวกเข้ากับความสามารถในการสกัดพลังชีวิตดังกล่าวแล้ว การหลอมโอสถเทพระดับราชาที่ไม่ธรรมดาอย่างโอสถเทพคลี่คลายชีพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดนั้น มันง่ายดายไม่ต่างอะไรจากกินข้าวดื่มน้ำ
หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรเตาที่ 3 ให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้สำเร็จ
คราวนี้คนที่ไม่รู้เรื่องการหลอมโอสถเทพ ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม
“มัน…มันเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?”
มู่หรงอวิ๋นเยว่ คุณหนู 3 แห่งตระกูลมู่หรงก็อยู่ในที่เกิดเหตุเช่นกัน หลังเห็นว่าการหลอมยาทั้ง 3 เตาของต้วนหลิงเทียน ประสบความสำเร็จทั้งหมด และได้โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมา 3 เม็ด นางก็อดหวาดกลัวไม่ได้
วินาที นางรู้สึกว่าการที่นางอยู่กับโหวชิ่งหนิงนั้น ฐานะอะไรของนางเสมือนไม่มีค่าอีกต่อไป ไม่ได้เหนือไปกว่าโหวชิ่งหนิงอีกแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงฐานะความเป็นมาของโหวชิ่งหนิงนั้น จะเทียบนางไม่ได้ แต่โหวชิ่งหนิงที่มีสหายเช่นนี้ ในอนาคตอันใกล้เผลอๆ ทั้งตระกูลมู่หรงยังต้องแหงนหน้ามองด้วยซ้ำ
ไม่แน่วันหน้า การที่นางอยู่กับโหวชิ่งหนิง อาจมีคนมองว่าเป็นนางต่างหากที่คิดปีนขึ้นที่สูง!
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ต้วนหลิงเทียนก็ได้เก็บโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดเม็ดที่ 3 รวมถึงเตาหลอมโอสถเทพลงแหวนพื้นที่ จากนั้นเขาที่นั่งขัดสมาธิหลอมยากลางอากาศมาโดยตลอด ก็ลุกขึ้นยืน และกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด
“ปรมาจารย์โอสถต้วน ทักษะในการหลอมโอสถเทพของท่าน…เอ่อ ความสามารถในการหลอมโอสถเทพของท่าน ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
โหวฟาง ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เดิมทีมันคิดจะกล่าวชมว่าทักษะการหลอมยาของต้วนหลิงเทียนน่าทึ่ง ต่อมันกลับรู้สึกกระดากปากและขัดใจอย่างไรชอบกล สุดท้ายจึงกล่าวชมเรื่องความสามารถในการหลอมโอสถ ที่มองจากผลลัพธ์แทน
หลังโหวฟางกล่าวจบคำ ก็ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ตอบสนองอะไร หยวนคังหมิงก็กล่าวเย้ยออกมาเสียก่อน “อะไรแพะชราไม่ยอมตายแซ่โหวเจ้า ไม่เต็มใจจะยอมรับว่าทักษะการหลอมโอสถเทพของปรมาจารย์ต้วนเลิศล้ำหรือไร?”
“เจ้าอย่าได้ลืมไป ว่าการสัมผัสพลังชีวิตรวมถึงสกัดมันออกมาใช้จากพลังวิญญาณฟ้าดิน ก็คือจุดที่ยากที่สุดสำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพทุกคน! หากสิ่งนี้ไม่เรียกว่าทักษะเลิศล้ำ เช่นนั้นทักษะเลิศล้ำของเจ้ามันเป็นเช่นไร?”
หยวนคังหมิงกล่าวออกมาแบบนี้ แม้โหวฟางจะไม่พอใจ แต่วินาทีนี้มันก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ
ครู่ต่อมา คล้ายโหวฟางนึกอะไรได้ออก จึงหันไปมองต้วนหลิงเทียนจากนั้นก็ป้องมือประสานกล่าวว่า “ปรมาจารย์โอสถต้วน ที่ข้าพูดไม่ได้หมายความอย่างที่เฒ่าผายลมนั่นกล่าวแน่นอน!”
“ทักษะการหลอมโอสถเทพของท่านนั้นยอดเยี่ยมนัก ตัวข้ามิอาจเทียบได้เลย และหวังว่าวันหน้า หากปรมาจารย์ต้วนมีเวลาจักช่วยชี้แนะให้ข้าบ้าง”
กล่าวจบประโยค โหวฟางก็นำลูกแก้ววิญญาณออกมาส่งให้ต้วนหลิงเทียน “ปรมาจารย์ต้วน พวกเรามาแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกันดีหรือไม่ วันหน้าไม่ว่าท่านมีเรื่องใดให้ข้าช่วย อย่าได้ลังเลที่จะบอกข้า”
“อีกทั้งท่านยังมาจากตระกูลหลิงหู…กล่าวไปแล้ว ข้าก็มีศิษย์หลานคนหนึ่งที่มาจากตระกูลหลิงหูเช่นกัน ยังเป็นศิษย์ของศิษย์น้องข้า เช่นนั้นพวกเราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่ผิด”
โหวฟางกล่าวจบ ก็หัวเราะร่า
“เหอะ!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังนำลูกแก้ววิญญาณออกมา หยวนคังหมิงก็อดหันไปกล่าวเย้ยเยาะโหวฟางไม่ได้ “แพะชราไม่ยอมตายแซ่โหว เจ้าฝึกวิชาหนังหน้าคงกระพันมาหรือไร ไฉนหน้าเจ้าถึงได้หนานัก กล้าดีอย่างไรถึงได้ถือว่าตัวเองเป็นคนครอบครัวเดียวกับปรมาจารย์ต้วน?”
“อย่าได้ลืมไปว่าปรมาจารย์ต้วนเป็นเพียง อาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหูเท่านั้น มิใช่คนของตระกูลหลิงหูโดยกำเนิด!”
พอหยวนคังหมิงกล่าวมาเช่นนี้ โหวฟางก็โพล่งสวนกลับทันที “อย่างน้อยก็ดีกว่าเจ้าแล้วกัน ผายลมเฒ่าเจ้านอกจากเรื่องที่มาจากระนาบเทวโลกเหมือนปรมาจารย์ต้วนแล้ว ดูเหมือนเจ้าก็มิได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์ต้วนอีกเลยกระมัง?”
…
พอเห็นว่าเฒ่าชราทั้ง 2 เริ่มมีปากเสียงกันอีกแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะจากไปเงียบๆ
หลังต้วนหลิงเทียนจากไปได้สักพัก หยวนคังหมิงกับโหวฟางที่รู้สึกตัว ก็เริ่มหันมาโทษกันเอง “บัดซบ เป็นเพราะเจ้าคนเดียวผายลมเฒ่า ข้าเลยอดแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับปรมาจารย์ต้วนเลย!”
“เพ่ย! เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวรึไรที่อดแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับปรมาจารย์ต้วน!”
ในปัจจุบัน สภาพทั้งสองไม่ค้ายตัวตนระดับอาวุโสมังกรดำเลย คล้ายอันธพาลเฒ่า 2 คนทะเลาะกันอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ป้า 2 คนที่เถียงกันข้ามฟากถนน
นอกจากทั้ง 2 คนที่เถียงกันแล้ว คนอื่นๆอย่างดีก็เป็นแค่อาวุโสมังกรขาวเท่านั้น การทะเลาะกันของตัวตนระดับอาวุโสมังกรดำไหนเลยจะต่างจากการทะเลาะกันของเทพเซียน พวกมันจะกล้าสอดปากห้ามได้อย่างไร?
เหล่าศิษย์ฝ่ายใน ก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ
ปรากฏว่า แม้จะเป็นตัวตนที่มีฐานะสูงส่งอย่างอาวุโสมังกรดำ ก็เป็นคนปกติเหมือนพวกมัน ยังมีอารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างจากพวกมัน กระทั่งยังมีด่าทอกันดุร้ายเหมือนชาวบ้านทั่วไป
‘ไม่คิดเลยว่าทางนิกายจะมอบคะแนนอุทิศให้ข้า 300,000 แต้ม กับสมุนไพรหายากให้ข้าโดยที่มีเงื่อนไขง่ายๆแบบนี้’
หลังกลับมาถึงห้อง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกสบายใจนัก เงื่อนไขของนิกายมังกรสวรรค์นั้น นอกจากหลอมโอสถเทพตามกำหนดเพื่อสนับสนุนแล้ว ก็แค่การหลอมยาต่อหน้าสาธารณชนเท่านั้น ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย และการหลอมยาต่อหน้าผู้คนก็กินเวลาไม่ถึง 2 ชั่วยามด้วยซ้ำ แต่เรื่องง่ายๆแบบนี้นิกายกลับมอบคะแนนอุทิศให้เขามากมาย ไหนจะสมุนไพรที่เขาต้องการอีก
แต่แน่นอนว่า ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ไร้เดียงสา…ไฉนเขาจะไม่รู้ว่าที่นิกายมอบผลประโยชน์ให้มากมาย เพราะอยากเห็นเขาหลอมโอสถกลางแจ้งโดยเฉพาะ? ทั้งหมดก็แค่อยากเห็นเคล็ดลับของเขาเท่านั้น!
เดือนถัดมา ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดให้แล้วเสร็จ จากนั้นก็เริ่มหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด ไม่เว้นโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดเพื่อใช้สำหรับการบ่มเพาะ
เป็นธรรมดาว่า การหลอมโอสถเทพระดับราชากับระดับจอมราชันให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดนั้นหายนะโอสถที่เกิดขึ้นจะมีจำนวนเส้นสายอัสนีฟาดผ่าต่างกัน
หากทว่าก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดนั้น เขาก็เลือกที่จะแสร้งทำเป็นออกมาสูดอากาศ ก่อนจะหลอมโอสถเทพระดับราชาที่ลานด้านหน้าพร้อมกัน 2 เตาให้สำเร็จไล่เลี่ยกัน
และเป็นธรรมดาว่าการแสดงความสามารถในการหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด 2 เตาในเวลาเดียวกัน ก็ได้สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้กับเหล่าศิษย์ฝ่ายในที่เห็นเหตุการณ์อีกครั้ง
เช่นนั้นแล้วในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดในบ้านทีละเตา ทุกคนจึงเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนกำลังหลอมโอสถเทพระดับราชาพร้อมๆกัน 2 เตา เพราะจำนวนครั้งที่ที่สายฟ้าฟาดผ่ามันเท่ากัน
และความจริงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพระดับราชาพร้อมๆกัน 2 เตานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะกับการหลอมมันออกมาได้เป็นขั้นสุดยอด! จุดนี้ทำให้หยวนคังหมิงกับโหวฟาง ไม่เว้นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพมือดีของนิกายมังกรสวรรค์ ต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้ง เพราะความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป
จากนั้นด้วยความพยายามของหยวนคังหมิงกับโหวฟาง ในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม จินตนาการนั้นสวยหรู แต่ดูความเป็นจริงช่างโหดร้าย เดิมทีพวกมันคิดจะขอแรงต้วนหลิงเทียนให้ช่วยหลอมโอสถเทพระดับราชาบางขนานให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด
ไม่คิดเลยว่าก่อนที่พวกมันจะทันได้เปิดปากร้องขอ กลับโดนต้วนหลิงเทียนยิงคำถามออกมาเป็นชุด และทั้งหมดก็คือกคำถามของเต๋าแห่งโอสถทั้งนั้น บางเรื่องก็ลึกล้ำจนพวกมันต้องไปถามอดีตประมุขเฒ่าอีกที
…
วันเวลาค่อยๆล่วงเลยผ่านไป
และวันเปิดศึกจักรพรรดิก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ