WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3832 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ หยางเชียนเย่
ตอนที่ 3,832 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ หยางเชียนเย่
ศึกจักรพรรดิใกล้เข้ามาแล้ว
ไม่ว่าจะนิกายมังกรสวรรค์ก็ดี นิกายมหาเอกะก็ดี บรรยากาศภายในนิกายเต็มไปด้วยความตึงเครียด แม้แต่เหล่าศิษย์ที่ด่านพลังยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ ก็รู้สึกกดดันกันอย่างมาก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศึกจักรพรรดิก็ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน เว้นเสียแต่พวกมันจะเลือกไม่ทะลวงไปยังด่านพลังราชาเทพ
ทว่าสำหรับนิกายระดับจักรพรรดิเทพอย่างนิกายมังกรสวรรค์หรือนิกายมหาเอกะนั้น หากท่านยังเยาว์และพึ่งเข้าร่วมนิกายได้ไม่ทันไร ด่านพลังไม่ถึงราชาเทพก็ไม่สำคัญ…แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เมื่อท่านได้รับทรัพยากรจากนิกายแล้ว ทว่ายังไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้อีก ท่านก็ทำได้แค่จากไปเท่านั้น
ส่วนตัวตนที่อยู่ระดับราชาเทพขึ้นไป ไม่ว่าใครก็ต้องเข้าร่วมศึกจักรพรรดิ!
แถมหลังจากเข้าสู่สมรภูมิรบแล้ว ทุกคนก็มีภารกิจ!
ไม่ว่าใครก็ตาม ก่อนจะออกจากระนาบศึกจักรพรรดิได้ ก็มีแต่ต้องทำภารกิจพื้นฐานที่กำหนดไว้ให้เสร็จก่อนเท่านั้น เมื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว ก็สามารถนำไปส่งมอบให้กับผู้รับผิดชอบตรวจสอบได้ทันที ถึงตอนนั้นก็จะมีอิสระเลือก
ภารกิจที่ว่าก็ไม่ใช่อะไรนอกจาก ฆ่าฝ่ายตรงข้ามและเก็บป้ายประจำตัวอีกฝ่ายมา
คนของทั้ง 2 นิกายที่เข้าสู่สนามรบศึกจักรพรรดินั้น จะต้องถ่ายพลังเทพของตัวเองลงสู่ค่ายกลที่จัดตั้งโดยผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อระบุตัวตน จากนั้นก็จะได้รับป้ายประจำตัวมา
ป้ายประจำตัวดังกล่าวก็จะมีกลิ่นอายพลังเหมือนเจ้าของ และมีเพียงแต่เจ้าของคนเดียวเท่านั้นที่พกพาได้
หากนำไปแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น การระบุตัวตนของป้ายก็จะหายไปทันที
เว้นเสียแต่เจ้าของป้ายจะตาย หาไม่แล้วป้ายประจำตัวจะไม่อาจถูกผู้อื่นถือครองได้เลย
ในระนาบสนามรบของศึกจักรพรรดิ ป้ายประจำตัวก็เหมือน ‘ป้ายชีวิต’
ถ้ามันเปลี่ยนมือ ก็หมายความว่าเจ้าของตายแล้ว
…
ภายในเขตที่พักส่วนต่างๆของนิกายมังกรสวรรค์ เมื่อใกล้ถึงวันที่ศึกจักรพรรดิจะเริ่มต้นขึ้น หัวใจของเหล่าศิษย์และอาวุโสก็เริ่มบังเกิดความเร่าร้อนนัก ในสายตาของหลายๆคนยังเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เมื่อศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น ต้องหาทางเก็บป้ายประจำตัวให้ได้มากๆ เพราะยิ่งมากเท่าไหร่แต้มรบก็จะยิ่งเยอะเท่านั้น…แต้มรบที่ว่า ก็สามารถนำไปแลกทรัพยากรที่นิกายมังกรสวรรค์เรา กับนิกายมหาเอกะนำมาตั้งเป็นรางวัลในระนาบสนามรบ และของเหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้ด้วยพลังของค่ายกลที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดจัดตั้งไว้ จะสามารถแลกเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่อศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้นแล้วเท่านั้น”
“แน่นอนว่าหากมีใครคิดจะเก็บป้ายประจำตัวเอาไว้ชมดูเฉยๆ ไม่คิดนำไปแลกแต้มรบก็ทำได้…แต่จะนำมันออกมาได้ก็ต่อเมื่อศึกจักรพรรดิจบลงเช่นกัน”
“เหอะๆ ผู้ใดมันจะเลือกเก็บไว้ดูกันเล่า ไม่สู้เอาไปแลกของมาใช้ยังจะดีกว่า…แถมรอให้ศึกจักรพรรดิจบ? ข้าว่าศึกจักรพรรดิมันคงไม่จบลงง่ายๆหรอก…เท่าที่ข้ารู้มาหากไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพถือกำเนิดขึ้น ก็ไม่มีทางจบลงง่ายๆสักครั้ง”
“จริง พอเข้าไปเข่นฆ่ากันจนตาแดง แต่สุดท้ายไม่มีจักรพรรดิเทพถือกำเนิด ต่างฝ่ายก็ต่างไม่คิดเลิกราทั้งนั้นล่ะ”
“เฮ่อ สรุปแล้วศึกจักรพรรดิมันก็เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส…ในความคิดข้า หนทางสู่ความเข้มแข็งก็มีแต่ต้องสู้เท่านั้นล่ะ! ถ้าไม่กล้าสู้แล้วจะเป็นผู้เข้มแข็งได้อย่างไร?”
…
ในเขตที่พักของเหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ ศิษย์ส่วนใหญ่ก็สนับสนุนศึกจักรพรรดิ หลายคนยังตั้งหน้าตั้งตารออีกด้วย
มีศิษย์หลายคนที่พรสวรรค์กับความเข้าใจมีจำกัด และไม่ได้รับการดูแลปฏิบัติจากนิกายเหมือนชนชั้นอัจฉริยะ…กล่าวได้ว่าศึกจักรพรรดิก็เสมือนเป็นโอกาสของพวกมัน
ในศึกจักรพรรดิ หากสามารถฆ่าศัตรูและได้แต้มรบมากพอ ก็สามารถไปแลกทรัพยากรบบ่มเพาะที่ต้องการได้ง่ายๆ
เพราะเมื่อศึกจัรพรรดิเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่านิกายมังกรสวรรค์หรือนิกายมหาเอกะ ก็จะนำทรัพยากรทั้งหมดในคลังออกมา
ด้วยความที่มีคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล เช่นนั้นพวกมันก็จะทำการตรวจสอบทรัพยากรของแต่ละนิกายโดยละเอียด ยากที่จะหมกเม็ดไว้ได้
แต่ปกติก็ไม่มีใครคิดจะซ่อนทรัพยากรอยู่แล้ว
เพราะสุดท้ายศึกจักรพรรดิ ก็เป็นดั่งหน้าตาของขุมกำลังทั้ง 2 ที่ต่อสู้กัน จังหวะนี้ขุมกำลังที่เข้าร่วมไหนเลยจะตระหนี่ ยิ่งอยากจะแสดงให้อีกฝ่ายเห็นความยิ่งใหญ่มากกว่า
หากจะบอกว่าช่วงแรกๆ มีคนของนิกายมหาเอกะหลายคนตื่นตระหนกล่ะก็
เมื่อเวลาผ่านไป และวันที่จะเปิดศึกจักรพรรดิใกล้เข้ามาทุกขณะ เหล่าผู้ที่เคยตื่นตระหนกก็เริ่มทำใจได้ ไม่มีใครงอแงอะไรอีก แต่ละคนเริ่มขยันฝึกฝนบ่มเพาะและเตรียมความพร้อมทั้งนั้น
สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครที่ฝึกฝนบ่มเพาะมาถึงระดับราชาเทพขึ้นไปเป็นตัวโง่งม
ในเมื่อศึกจักรพรรดิไม่ใช่อะไรที่ล้มเลิกได้ตามอำเภอใจ เช่นนั้นสิ่งเดียวที่พวกมันทำได้ก็คือยกระดับพลังฝีมือให้ได้มากที่สุดก่อนที่ศึกจักรพรรดิจะเริ่มต้นขึ้น จะได้มีทุนรอนในการเอาชีวิตรอดเพิ่มขึ้น
ที่สำคัญพอทำใจได้ หลายๆคนก็รู้สึกว่าศึกจักรพรรดิเองก็เป็นโอกาสอันดี หากฉกฉวยอะไรได้ไม่แน่ชีวิตอาจจะเปลี่ยนไปก็เป็นได้!
…
อย่างไรก็ตาม วันนี้ นิกายมังกรสวรรค์ก็ได้ทำการต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกครั้ง
เหตุไฉนที่กล่าวว่า ‘อีกครั้ง’ นั้น ก็เพราะไม่นานมานี้มีกลุ่มแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนนิกายมังกรสวรรค์ถึง 2 กลุ่ม และไม่ว่ากลุ่มไหนก็มาจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพในเขตคฤหาสน์ตงหลิงทั้งสิ้น
แขกไม่ได้รับเชิญ 2 กลุ่มที่มา พอไปคารวะทักทายประมุขนิกายมังกรสวรรค์แล้ว พวกมันก็ไปพบต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเป็นประเด็นร้อนในนิกายมังกรสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้ และประมุขก็พากลุ่มแขกไปพบต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง
จุดประสงค์ที่แขกเหล่านี้อยากเจอต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีอะไรมากมาย พวกมันคิดมาชวนต้วนหลิงเทียนไปเข้าร่วมขุมกำลังของพวกมัน กระทั่งยังสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ให้ต้วนหลิงเทียนมากมาย
ในอดีต ขุมกำลังเหล่านี้เพียงรู้ว่าพรสวรรค์กับความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนนั้นร้ายกาจ จึงคิดว่ารอให้ต้วนหลิงเทียนผ่ายศึกจักรพรรดิมาก่อน ค่อยมาทำการชักชวน
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับหลอมโอสถกลางแจ้ง จนเปิดเผยความสามารถในการหลอมโอสถเทพอันน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอมโอสถเทพระดับราชา 2 เตาพร้อมๆกันให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ง่ายดายจนทำให้ทั้งนิกายมังกรสวรรค์แตกตื่นวันนั้น จุดนี้ยังทำให้ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิงทั้งหลายตกใจไม่แพ้กัน
เรียกว่าพวกมันไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก
เร่งส่งคนมาทันที
ก็แค่มีคนที่มาถึงเร็วกว่ากับช้ากว่าเท่านั้น
“หยางเชียนเย่ ขอคารวะอาจารย์ลุง อาจารย์อา ท่านน้า แล้วก็ผู้อาวุโสทุกท่าน”
แขกไม่ได้รับเชิญที่มาถึงนิกายมังกรสวรรค์กลุ่มแรก ก็มีอดีตรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายหมื่นปีศาจ หยางเชียนเย่ รวมอยู่ด้วย
แน่นอนว่าหยางเชียนเย่ไม่ได้มาคนเดียว มีหลายคนที่มาพร้อมกับมัน และไม่ว่าใครก็แข็งแกร่งเหนือกว่ามันมากทั้งสิ้น เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าที่อยู่เบื้องหลังมันที่ส่งมันมา
หยางเชียนเย่ในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับในอดีตแล้ว แลดูน่าเกรงขามขึ้นมาก สองตาเผยประกายลึกล้ำ คนยืนอยู่เฉยๆก็ให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา ราวกับมีบารมีบางอย่าง
อย่างน้อยๆตู้เชียนจวินที่ยืนอยู่ข้างๆก็รู้สึกเช่นนั้น “พี่เชียนเย่…ไฉนข้ารู้สึกว่าหลังท่านไปเข้าร่วมขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพแห่งนั้น ท่านเสมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะ?”
ตู้ปั้วจวินที่ยืนข้างๆก็มองหยางเชียนเย่ด้วยสายตาซับซ้อนเช่นกัน
อีกฝ่ายนั้นมีพลังฝีมือสะกดข่มมันตั้งแต่ตอนอยู่ที่นิกายหมื่นปีศาจแล้ว แต่มันก็ยอมรับนับถืออีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าหลังอีกฝ่ายไปขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าได้ไม่นาน พบกันอีกครั้งก็กลายเป็นยากหยั่งถึง มันรู้ดีว่า 9 ใน 10 ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ทิ้งห่างมันไปไกลแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ…เชียนเย่ นี่เจ้าทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันตั้งแต่เมื่อใด!?”
สายของนิกายหมื่นปีศาจในนิกายมังกรสรรค์ 2 คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสมังกรขาว และตอนนี้ทั้งคู่ก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย หนึ่งในนั้นกำลังเอ่ยถามหยางเชียนเย่ด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์ลุง ข้าพึ่งทะลวงผ่านได้ไม่นานนัก”
หยางเชียนเย่กล่าวตอบคำด้วยน้ำเสียงเคารพ มุมปากอดยกยิ้มขึ้นมาบางๆไม่ได้ ตอนนี้มันรู้สึกโชคดีนักกับทางเลือกของตัวเอง เพราะหากมันเลือกจะมานิกายมังกรสวรรค์เกรงว่าคงยากจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ในเวลาอันสั้น
“พี่เชียนเย่ ท่านทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วหรือ!?”
ตู้เชียนจวินที่อยู่ข้างๆ ในที่สุดก็อดไม่ไหว โพล่งออกมาด้วยความตกใจเสียงดัง
“เชียนจวิน!”
ทันใดนั้นเอง 1 ใน 3 ชายชราที่อยู่ในที่นี้ ก็ขมวดคิ้วกล่าวเตือนออกมาเสียงดุ “อาจารย์ลุงของเจ้ากำลังคุยกับศิษย์พี่ของเจ้าอยู่ อย่าได้สอดปากอีก”
ชายชราที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็คือกวงเทียนเจิ้ง อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสรรค์
โดยปกติแล้ว ด้วยสถานะของกวงเทียนเจิ้งในนิกายมังกรสวรรค์ เมื่อคนในสายนิกายหมื่นปีศาจมารวมตัวกัน มันคงไม่มีคุณสมบัตินั่งเก้าอี้แถวหน้าแบบนี้ ได้แต่นั่งเก้าอี้แถวหลังเท่านั้น
แต่ผู้ใดใช้ให้ศิษย์คนรองของมันแต่งกับลูกสาวคนเดียวของเซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์กันล่ะ?
ในปัจจุบัน จงซ่าน ซึ่งเป็นศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้งที่ว่าก็ยืนอยู่ด้านหลังกงเทียนเจิ้ง สายตาที่ใช้มองหยางเชียนเย่ก็ฉายแววซับซ้อนไม่น้อย
(*จงซ่านคนนี้ตอน 3,824 ผมพิมพ์ผิดเป็น จ้งค่าน)
ชื่อหยางเชียนเย่ จงซ่านเคยได้ยินมามากกว่า 1 ครั้งแล้ว
หลังหยางเชียนเย่ถูกขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้ามาทาบทาม มันก็ให้ความสนใจหยางเชียนเย่มากขึ้น เพราะหยางเชียนเย่มีอายุพอๆกับมัน
แน่นอนว่าในเวลานั้น มันไม่คิดว่าตัวเองจะด้อยกว่าหยางเชียนเย่เลย
แต่วันนี้พอรับทราบว่าหยางเชียนเย่ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว มันก็ตระหนักว่าตัวเองยังอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายมากจริงๆ
“ช่างเถอะ…”
ชายชราคนก่อนหน้าส่ายหัวไปมาพลางโบกมือ “เชียนจวินกับเชียนเย่สนิทกันตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ข้าเองก็รู้ดี…เทียนเจิ้งอย่าได้ตำหนิมันเลย”
“ทราบแล้วอาวุโส”
กวงเทียนเจิ้งเร่งตอบรับเร็วไว
ขณะเดียวกัน อาวุโสมังกรขาวอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล อันมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีฟ้าอ่อน จมูกโง้งปานจะงอยปากนกอินทรีย์นั่นของมันช่างเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มันมองถามหยางเชียนเย่ว่า “เชียนเย่ ด่านพลังของอาวุโสที่เจ้าติดตามมาด้วยครั้งนี้เป็นเช่นไรหรือ?”
“อาจารย์ลุงหลิวหยิน อาวุโสที่ข้าติดตามมาครั้งนี้มีทั้งอาจารย์ลุงและอาจารย์อาข้า และทั้งหมดล้วนเป็นจอมราชันเทพขั้นสูง พวกเรามาเพื่อชวนต้วนหลิงเทียนไปเข้าร่วมนิกาย…”
หยางเชียนเย่กล่าวคำด้ยรอยยิ้มบางๆ
พอหยางเชียนเย่กล่าวจบคำ สองตาของชายจมูกโง้งก็สว่างขึ้น อีกฝ่ายล้วนแล้วแต่เป็นจอมราชันเทพขั้นสูงกันหมดเลยหรือ?
ด้านตู้ปั้วจวิน ตู้เชียนจวิน และอาจารย์ลุงของพวกมันกวงเทียนเจิ้งซึ่งมีความสัมพันธ์อันดับกับปู่ของพวกมัน ตู้จ้าน ก็หน้าเปลี่ยนสีไปพร้อมๆกัน
ตู้จ้านที่นั่งอยู่ด้านหลังกวงเทียนเจิ้งเองก็ไม่ต่าง
ถึงแม้พวกมันจะพอคาดเดาได้ว่าคนที่หยางเชียนเย่ติดตามมาด้วยกลุ่มนั้นต้องมีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วแน่…แต่พอได้ยินหยางเชียนเย่กล่าวบอกออกมาชัดๆ สำหรับพวกมันนับว่าเป็นคนละรสชาติจริงๆ
“สารเลวน้อยนั่น มันปฏิเสธขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าไป 2 ขุมแล้ว มันไม่มีทางตอบตกลงเชียนเย่แน่”
พอคิดถึงจุดนี้ ไม่ว่ากวงเทียนเจิ้ง หรือจงซ่าน ตู้ปั้วจวิน และตู้เชียนจวิน ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนต้องตาย! หากอีกฝ่ายไม่ตาย วันหน้าจะเป็นพวกมันที่ตายแทน!!
แม้แต่จงซ่านเองที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน แต่ครั้งสุดท้ายที่มันเร้าหรือภรรยาให้ไปร้องขอพ่อตา เรื่องส่งคนไปเล่นงานต้วนหลิงเทียน ก็นับว่ามันต่อต้านต้วนหลิงเทียนแลว
มันเองก็รู้ตัวดี ว่าถ้าต้วนหลิงเทียนเติบโตขึ้น อีกฝ่ายไม่น่าจะละเว้นมันเช่นกัน
“ศิษย์หลานเชียนเย่…”
ทันใดนั้นเอง สองตาของชายวัยกลางคนที่จมูกโง้งดั่งจะงอปากนกอินทรีย์ก็หรี่ลง มันเอ่ยกับหยางเชียนเย่เสียงหนักว่า “เจ้าสามารถขอให้คนที่เจ้าติดตามมา ลงมือสังหารอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสรรค์อย่าง เชวียไห่ชวน ได้หรือไม่?”