WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3833 ราชาเทพขั้นสูง!
ตอนที่ 3,833 : ราชาเทพขั้นสูง!
สิ้นคำกล่าวชายวัยกลางคนจมูกโง้ง เสียงในห้องก็เงียบลงทันที
ครู่ต่อมา หยางเชียนเย่ ก็เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มขื่นขม “อาจารย์ลุงหลิวหยิน ข้าเองก็ได้ยินเรื่องที่เชวียไห่ชานถูกปล่อยออกจากบันไดสวรรค์ของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว”
“ข้ารู้ดีว่าท่านอยากแก้แค้น…แต่อาวุโสที่ข้าติดตามมาด้วยครั้งนี้ มาเพื่อชักชวนต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ…”
“หากท่านขอให้ฆ่าคนอื่น ไม่แน่อีกฝ่ายอาจเห็นแก่หน้าอาจารย์ข้าและลงมือให้…”
“แต่กับเชวียไห่ชวน ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้เลย…”
“อันที่จริงก่อนที่พวกเราจะมา ทางนิกายก็ประเมินต้วนหลิงเทียนไว้สูงมาก เช่นนั้นจึงสืบเรื่องต้วนหลิงเทียนโดยละเอียด ทำให้รู้ว่ามันสนิทกับเชวียไห่ชวน ทางนิกายยังแนะนำให้พวกเราเข้าหาเชวียไห่ชวน เพื่อให้ช่วยเกลี้ยกล่อมต้วนหลิงเทียนอีกทาง”
“ในกรณีนี้เรื่องให้อาวุโสเหล่านั้นฆ่าเชวียไห่ชวน ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย”
เอ่ยถึงจุดนี้ หยางเชียนเย่ก็ส่ายหัวไปมา
และชายวัยกลางคนที่จมูกโง้งปานจะงอยปากนกอินทรีย์ ก็คือ หลิวหยิน 1 ใน 2 อาวุโสมังกรขาวที่อยู่ในสายนิกายหมื่นปีศาจของนิกายมังกรสวรรค์ สีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นมืดลงทันที
หลิวหยินนั้นในอดีตเคยเป็นประมุขของนิกายหมอกเร้นลับมาก่อน
ย้อนกลับไปในอดีต ลูกชายคนเดียวของมันถูกเชวียไห่ชาน พี่ชายของเชวียไห่ชวนฆ่าตาย มันก็คิดตะฆ่าเชวียไห่ชานเพื่อล้างแค้นให้ลูกชาย แต่สุดท้ายอาวุโสระดับสูงของนิกายหมอกเร้นลับ ก็เลือกจะขังเชวียไห่ชานในเรือนจำสวรรค์เป็นเวลา 10,000 ปีแทน
มันไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ จึงออกจากนิกายหมอกเร้นลับด้วยความโมโห จากนั้นก็แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับนิกายหมื่นปีศาจ ที่เป็นศัตรูตัฉกาจของนิกายหมอกเร้นลับหน้าตาเฉย
มันเข้าร่วมนิกายหมื่นปีศาจได้ไม่ทันไร ก็ได้กลายเป็นชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุด ต่อมาก็เข้าสู่นิกายมังกรสรรค์ผ่านคำแนะนำของนิกายหมื่นปีศาจ และหลังมาอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ได้สักพักมันก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางได้สำเร็จ จนยกระดับเป็นอาวุโสฝ่ายใน ต่อมาเมื่อพลังฝีมือก้าวหน้า จึงได้กลายเป็นอาวุโสมังกรขาวอย่างวันนี้
มันเขม่นกับเชวียไห่ชวนมาโดยตลอด อนิจจาแรกๆอีกฝ่ายก็เป็นแค่ชนรุ่นหลังไม่สำคัญ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเป็นถึงผู้อาวุโสมังกรขาวดุจเดียวกับมันเสียแล้ว
แม้แต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง มันก็ไม่อาจเอาชนะเชวียไห่ชวนได้อีกต่อไป
เดิมที มันก็ไม่ได้มีความแค้นกับเชวียไห่ชวนโดยตรง เช่นนัน้ช่วงแรกๆที่เชวียไห่ชวนมาถึงนิกายมังกรสวรรค์ แม้มันจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้เล่นงานเชวียไห่ชวนหนักหนามากนัก
จนเมื่อเชวียไห่ชานถูกปล่อยออกมาจากบันไดสวรรค์ และมันคิดจะฆ่าเชวียไห่ชานให้ตาย กลับเป็นเชวียไห่ชวนที่ขวางมันไว้ตลอด และมันก็ดันสู้เชวียไห่ชานไม่ได้เสียแล้ว…
เมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้ มันก็คิดจะหาทางแยกเชวียไห่ชวนให้ออกห่างจากเชวียไห่ชวน หรือไม่ก็ต้องฆ่าเชวียไห่ชวนให้ตายก่อน
หาไม่แล้วมันคงไมมีวันล้างแค้นได้สำเร็จ
อนิจจาตั้งแต่ที่เชวียไห่ชานมายังนิกายมังกรสวรรค์ มันที่หาโอกาสลงมือหายครั้ง แต่ก็พบว่าไร้หนทางจริงๆ เพราะเชวียไห่ชวนไม่ยอมออกห่างจากเชวียไห่ชานเลย
มันพยายามใช้วิธีล่อเสือออกจากถ้ำบ่อยครั้ง แต่ก็พบกับความล้มเหลวตลอด
ตอนนี้ด้วยความแค้น มันจึงคิดให้หยางเชียนเย่ช่วยเหลือ
“หากต้วนหลิงเทียนปฏิเสธเล่า?”
หลิวหยินเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง แม้จะได้ยินคำตอบของหยางเชียนเย่ เห็นชัดว่ามันไม่คิดเลิกราเรื่องนี้ง่ายๆ “ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ปฏิเสธขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงที่มายื่นข้อเสนอไปแล้วถึง 2 ครั้ง…หากไม่มีอะไรผิดพลาด มันก็คงปฏิเสธพวกเจ้าเช่นกัน”
“เมื่อมันปฏิเสธ หมายความว่าตราบใดที่หลานเชียนเย่ออกปาก อาวุโสเหล่านั้นก็สามารถฆ่าเชวียไห่ชวนได้มิใช่หรือไร?”
สองตาหลิวหยินเริ่มเร่าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”
หยางเชียนเย่ส่ายหัวไปมา “อันที่จริงก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางครั้งนี้ พวกเราได้รับการกำชับมาเป็นพิเศษ…ว่าถึงพวกเราจะไม่อาจชักชวนต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ แต่พวกเราก็ต้องสานไมตรีกับต้วนหลิงเทียนเพื่อผูกมิตรให้ได้”
“สุดท้ายศึกจักรพรรดิก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนปฏิเสธไม่เข้าร่วมขุมกำลังใดนับเป็นเรื่องปกติ เพราะหากเป็นข้า ก็คงไม่อยากออกจากนิกายมังกรสวรรค์ตอนนี้เช่นกัน”
“ทางนิกายของพวกเราวางแผนว่าจะชักชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วม หลังจากศึกจักรพรรดิระหว่างนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะจบลง”
“เว้นเสียแต่ ต้วนหลิงเทียนจะไม่รอดจากศึกจักรพรรดิครั้งนี้…”
เมื่อได้ยินคำตอบของหยางเชียนเย่ ความคิดของหลิวหยินก็พังทลายลงหมดสิ้น
ขณะนั้นเอง อาวุโสมังกรขาวอีกคนที่อยู่ในสายนิกายหมื่นปีศาจก็เอ่ยขึ้นว่า “หลิวหยิน ข้ารู้ดีว่าเจ้าอยากล้างแค้นให้ลูกชาย จึงมีแต่ฆ่าเชวียไห่ชวนก่อนเท่านั้น ถึงจะจัดการเชวียไห่ชานได้”
“แต่เจ้าไม่คิดว่า เรื่องนี้ยังมีโอกาสดีๆรออยู่หรือไร”
“เพราะเมื่อศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น เชวียไห่ชวนมันก็ต้องเข้าร่วมด้วยแน่…เช่นนั้นเชวียไห่ชานเล่า? แม้มันจะอยากปกป้องเชวียไห่ชานมากแค่ไหน แต่มันจะพาเชวียไห่ชานเข้าไประนาบสนามรบได้ด้วยหรือไม่?”
“ระนาบสนามรบของศึกจักรพรรดิ ไม่เพียงแต่ตัวตนระดับราชาเทพขึ้นไปต้องเข้าร่วม แต่ตัวตนระดับเทพก็ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไป”
“ถึงตอนนั้น เจ้ายังกลัวว่าจะไม่มีโอกาสฆ่าเชวียไห่ชานหรือไร?”
ได้ยินคำพูดของอาวุโสมังกรขาวอีกคน สองตาหลิวหยินก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “จริงด้วย ข้าก็ลืมคิดถึงจุดนี้ไปเสียสิ้น…ดูเหมือนครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณท่านแล้ว!”
“เป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ…ถึงตอนนั้นข้าต้องมีโอกาสฆ่าเชวียไห่ชานแน่!”
กล่าวจบ แววตาของหลิวหยินก็ฉายประกายอำมหิตออกมาทันที
จากนั้น กวงเทียนเจิ้งก็เอ่ยคำออกมาเสียงหนักว่า “หลังจากศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น…พวกท่านว่าเป็นไปได้หรือไม่ทีจะฆ่าต้วนหลิงเทียนในระนาบสนามรบของศึกจักรพรรดิ?”
เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าวของกวงเทียนเจิ้ง ทุกคนก็พากันเงียบ
เพราะความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน พวกมันรู้กันดี
ต่อให้ศึกจักรพรรดิจะเริ่มต้นขึ้นและต้วนหลิงเทียนเข้าร่วม แต่ในสนามรบราชาเทพ ต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจากเป็ดลงน้ำ ใต้ขอบเขตจอมราชันเทพนับว่ามีน้อยคนนักที่สู้ต้วนหลิงเทียนได้
ถึงแม้จะมีคนร่วมมือกันเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียน แต่ถ้าต้วนหลิงเทียนคิดหนีก็คงยากที่ใครจะจับได้ไล่ทัน
กล่าวได้ว่า หากคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนในสนามรบศึกจักรพรรดินั้น เว้นเสียแต่ตัวตนระดับจอมราชันเทพจะลงมือ หาไม่แล้วคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่า!
“เรื่องนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
หลิวหยินส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันไม่ใช่ราชาเทพธรรมดาๆ…ตอนนี้ในนิกายมังกรสวรรค์ ภายใต้ขอบเขตจอมราชันเทพ ไม่มีใครกล้าพูดว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้…”
“ถึงแม้จะให้ราชาเทพชั้นแนวหน้าในนิกายกลุ้มรุมปิดล้อม แต่ด้วยกฏมิติที่มันเชี่ยวชาญ คงไม่มีใครมีปัญญาจับตัวมันได้”
“และข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าในนิกายมหาเอกะจะมีตัวตนในขอบเขตราชาเทพที่แข็งแกร่งเหนือกว่ามัน”
“กล่าวได้ว่า สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว ศึกจักรพรรดิไม่ได้มีอันตรายอะไรมากนัก ถึงแม้จะมีบ้างแต่ก็ไม่ใช่อันตรายที่จะคุกคามชีวิตมันได้แน่นอน”
หลิวหยินตระหนักถึงเรื่องนี้ดี
หากเป็นก่อนหน้า ตอนที่มันไม่มีความแค้นกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน มันคงไม่สนใจอะไรมากนัก
อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่มีความแค้นกับต้วนหลิงเทียนมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว…ตอนนี้พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีความสำคัญกับนิกายของหยางเชียนเย่ และถ้าต้วนหลิงเทียนตาย คนของนิกายหยางเชียนเย่อาจลงมือฆ่าเชวียไห่ชวนให้มันได้ มันก็เลยอยากให้ต้วนหลิงเทียนตายเช่นกัน
เพราะถ้าต้วนหลิงเทียนตาย จอมราชันเทพขั้นสูงที่มากับหยางเชียนเย่ ก็ไม่กังวลเรื่องฆ่าเชวียไห่ชวนอีกต่อไป
“ไม่น่าจะเป็นไปได้จริงๆ”
อาวุโสมังกรขาวอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย “หากคิดจะลงมือกับต้วนหลิงเทียนผู้นั้น จำต้องลงมือนอกสนามรบศึกจักรพรรดิ…ในสนามรบศึกจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นเขตปลอดภัยหรือในสนามรบราชาเทพ ก็ไม่มีใครสามารถฆ่ามันได้ และมันก็ไม่อาจเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพได้ เพราะที่นั่นต่อให้มันอยากเข้าไปก็ติดที่ระดับพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นอยู่ดี…”
…
ด้านต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้เลยว่าคนในสายนิกายหมื่นปีศาจรวมถึงหยางเชียนเย่กำลังคุยกันเรื่องฆ่าเขาอยู่
และทั้งหมดเป็นเพราะความแค้นระหว่างเขากับกวงเทียนเจิ้ง
กวงเทียนเจิ้งนั้นเคยคิดจะลงมือฆ่าเขาคาตระกูลหลิงหูมาแล้ว หากไม่ใช่เพราะค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลิงหูมีอานุภาพยอดเยี่ยม เผลอๆต้วนหลิงเทียนคงตายคามือกวงเทียนเจิ้งไปแต่แรก
เช่นนั้นคนในสายนิกายหมื่นปีศาจของนิกายมังกรสวรรค์จึงทราบดี ว่าสายนิกายหมื่นปีศาจในนิกายมังกรสวรรค์ได้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย ไม่มีทางปรองดองกันได้แน่
เว้นเสียแต่พวกมันจะฆ่ากวงเทียนเจิ้ง รวมถึงลูกหลานเหล่าศิษย์ของกวงเทียนเจิ้งเพื่อเป็นการขอขมาต้วนหลิงเทียน
แต่นั่นเป็นไปไม่ได้
กับกวงเทียนเจิ้งนั้นไม่เป็นอะไร
แต่ จงซ่าน ศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้ง ได้กลายเป็นลูกเขยของ เซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ไปแล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่สายนิกายหมื่นปีศาจจะเสี่ยงขนาดนั้น
…
ครึ่งเดือนต่อมา
“ในที่สุด ด่านพลังก็เสถียรมั่นคงเสียที…”
ภายในเขตที่พักของศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่บนเตียง ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นก็รอยยิ้มพึงพอใจก็คลี่กางขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงด้วยความช่วยเหลือจากโอสถเทพระดับราชามากมาย ในนั้นยังมีโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด่านพลังที่ทะวงผ่านเพราะพลังของเม็ดยา ย่อมไม่เสถียรมั่นคง
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงใช้เวลาเพื่อควบรวมด่านพลัง ปรับให้เสถียรอยู่พักหนึ่ง จนวันนี้ ในที่สุดด่านพลังของเขาก็เสถียรเรียบร้อย
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนก็ลุกออกจากเตียง จากนั้นก็สะบัดมือปิดค่ายกลที่ปกคลุมที่พัก
ด้วยมีพลังของค่ายกลดังกล่าว โลกภายนอกไม่อาจติดต่อเขาได้เลย
และหลังจากต้วนหลิงเทียนปิดค่ายกลได้ไม่นาน เสียงข้อความก็ดังขึ้น เป็นข้อความที่เชวียไห่ชวนส่งมา “เสี่ยวเทียน หยางเชียนเย่พาคนของนิกายมันมาถึงนิกายมังกรสวรรค์เราตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน และคิดเชิญเจ้าไปพบปะสนทนา ท่าทางคิดจะชวนเจ้าไปเข้าร่วมนิกายระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงอีกแล้ว”
ใกล้ๆบ้านพักของต้วนหลิงเทียน เชวียไห่ชวนก็ได้จัดตั้งค่ายกลเล็กๆเอาไว้ เพื่อแจ้งเตือนให้รู้ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปิดค่ายกลป้องกัน เพราะนั่นหมายความว่าต้วนหลิงเทียนได้ออกจากการปิดด่านฝึกฝน
สำหรับเรื่องที่หยางเชียนเย่กับคนอื่นๆที่มาหาต้วนหลิงเทียนนั้น ประมุขนิกายมังกรสวรรค์ได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่เชวียไห่ชวน เพราะมันรู้ว่าเชวียไห่ชวนสนิทกับต้วนหลิงเทียน
“หยางเชียนเย่?”
ภายใต้การจัดการของเชวียไห่ชวน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้พบเจอหยางเชียนเย่ที่โด่งดังปานฟ้าร้องครั้งที่เขายังอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับเสียที
รุ่นเยาว์อันดับ 1 แห่งนิกายหมื่นปีศาจ
ยังเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายหมื่นปีศาจ!
“ปรมาจารย์ต้วน”
ด้านหยางเชียนเย่พอได้พบต้วนหลิงเทียน รอยยิ้มหายากก็คลี่กางขึ้นบนใบหน้าจริงจัง “ข้าเชื่อว่าท่านคงรู้แล้วกระมังว่าพวกข้ามาหาท่านเพราะเหตุใด…”
“ไม่ทราบปรมจารย์ต้วนสนใจเข้าร่วมนิกายเดียวกันกับข้าหรือไม่?”
หยางเชียนเย่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ด้านหลังหยางเชียนเย่ก็มีคนไม่กี่คนยืนอยู่ มีทั้งวัยกลางคนและวัยชรา แต่ละคนก็กำลังมองสำรวจต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
คนเหล่านี้ก็คือจอมราชันเทพขั้นสูงที่มากับหยางเชียนเย่ จุดประสงค์ของพวกมันก็เหมือนกับหยางเชียนเย่ คิดชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วมนิกายของพวกมัน
เหตุไฉนที่จอมราชันเทพขั้นสูงถึงมากันหลายคน เพราะทางนิกายของพวกมันคิดแสดงความจริงใจต่อต้วนหลิงเทียน
“ข้าเกรงว่าประมุขน้อยหยางคงมาเสียเที่ยวแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆพลางตอบ
อย่างไรก็ตาม พอต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกมา สีหน้าของหยางเชียนเย่ก็เปลี่ยนไปทันที “ต้วนหลิงเทียน ชื่อนั้นท่านไม่อาจเรียกหาส่งเดชได้!”
“อ่าว มิใช่ว่าท่านเป็นบุตรชายของประมุขนิกายหมื่นปีศาจหรอกหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองหยางเชียนเย่ พอเห็นอีกฝ่ายมีอาการราวนกหวาดเกาทัณฑ์ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังกลัวอะไรอยู่