WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3834 นิกายหยางพิสุทธิ์
ตอนที่ 3,834 : นิกายหยางพิสุทธิ์
พอได้ยินคำถามเพิ่มเติมของต้วนหลิงเทียน หยางเชียนเย่ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ในนิกายหมื่นปีศาจ มันเป็นดั่งบุตรแห่งสวรรค์ที่ยิ่งผยองไม่เห็นหัวใคร แต่พอไปอยู่ในนิกายระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงแล้ว มันไม่ใช่อัจฉริยะที่เก่งกาจเพียงลำพังอีกต่อไป มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์มากมายที่ทัดเทียมกับมัน และมีบางคนที่มีพรสวรรค์กับความเข้าใจเหนือล้ำกว่ามันเสียอีก
อีกทั้งที่มันได้รับการทาบทามในอดีต เพราะมันก็พึ่งผ่านเกณฑ์ที่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงตั้งไว้พอดี
หากมันไม่ได้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว เรียกว่าขอเพียงพรสวรรค์กับความเข้าใจมันด้อยกว่านี้เพียงแค่เล็กน้อย ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าทั้งหลายของเขตคฤหาสน์ตงหลิง ไม่มีวันส่งคนมาทาบทามมันแน่
เช่นนั้นพอได้ยินคำเรียกหาว่า ประมุขน้อย ของต้วนหลิงเทียน หยางเชียนเย่ก็กลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก
วินาทีนั้นมันรู้สึกเสมือนมีคมดาบหนามแหลมจดจ่ออยู่ที่หลัง ยังไม่ยากที่จะสัมผัสได้ว่าเหล่าจอมราชันเทพขั้นสูงด้านหลังกำลังมองจ้องมันด้วยสายตาแหลมคม
จอมราชันเทพขั้นสูงเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ติดตามของมัน ที่อีกฝ่ายมากับมัน ไม่ใช่เพื่อปกป้องคุ้มกันมันเลย แต่เพื่อให้มันกล่าวชักชวนต้วนหลิงเทียนที่มีวัยไม่ห่างกันมาก สิ่งนี้อาจทำให้ต้วนหลิงเทียนสนใจมากกว่า
“ต้วนหลิงเทียน…”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธหยางเชียนเย่ เหล่าจอมราชันเทพขั้นสูงด้านหลังก็เร่งเอ่ยชวนเขาทีละคน แถมยังพากันสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์มากมายให้เขา
กระทั่งข้อเสนอที่บางคนเอ่ยมา ยังทำให้ใจต้วนหลิงเทียนเต้นแรงขึ้น
หากไม่ใช่เพราะศึกจักรพรรดิกำลังจะมาถึง เผลอๆเขาอาจตอบตกลงเข้าร่วมกับอีกฝ่ายไปแล้ว
แต่สุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็ยังเลือกจะปฏิเสธ
สำหรับคำปฏิเสธของต้วนหลิงเทียน แม้ทุกคนจะรู้สึกผิดหวัง ก็ไม่ได้มีโมโหอะไร เพราะรู้กันแต่แรกแล้วว่าต้วนหลิงเทียนได้ปฏิเสธขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าที่มาชักชวนก่อนถึง 2 ขุมกำลัง
“ต้วนหลิงเทียน หลังจากศึกจักรพรรดิระหว่างนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะสิ้นสุดลง แล้วเจ้าสนใจอยากเข้าร่วมนิกายของพวกเรา เช่นนั้นเจ้าก็สามารถติดต่อมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
ชายชราคนหนึ่งสะบัดมือส่งลูกแก้ววิญญาณให้ต้วนหลิงเทียน “ถึงตอนนั้นเจ้าเพียงส่งข้อความมาบอกข้า ข้าจักไปหาเจ้าเอง”
“และคำสัญญาที่ข้าให้ไว้กับเจ้าเมื่อครู่ ยังคงมีผลเสมอ”
ชายชราที่ส่งลูกแก้ววิญญาณให้ เป็นคนที่กล่าวยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับต้วนหลิงเทียน
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเร็วไว ขณะเดียวกันก็รับลูกแก้ววิญญาณที่อีกฝ่ายมอบให้ “หลังจากศึกจักรพรรดิจบลง ข้าเองก็วางแผนไว้ว่าจะออกจากนิกายมังกรสวรรค์…และถึงตอนนั้นข้าก็คิดจะเข้าร่วมขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิงสักแห่งอยู่แล้ว”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมา สองตาชายชราก็สว่างขึ้นทันที จากนั้นหลังมันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มันก็ให้สัญญาต้วนหลิงเทียนเพิ่มเติม
และคำสัญญาครั้งนี้ ทำให้สีหน้าของหยางเชียนเย่เปลี่ยนไปทันที
พอคิดถึงตอนมัน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์ของนิกายหมื่นปีศาจแล้ว ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าทั้งหลายที่มาทาบทาม เพียงแค่เปิดโอกาสให้มันเข้าร่วมเท่านั้น ไม่ได้สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์อะไรให้มันสักอย่าง…
แต่การมาชวนต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ มันกลับได้ยินคำสัญญามอบผลประโยชน์มากมาย ถึงขั้นทำให้มันอิจฉาตาร้อน
“อาวุโสฉิน…”
กระทั่งคำสัญญาของชายชรายังทำให้คิ้วของคนอื่นๆขดย่นเป็นปม เพราะผลประโยชน์ที่ชายชรารับปากว่าจะมอบให้ต้วนหลิงเทียน มันมากเกินไปอยู่บ้างเมื่อเทียบกับคำสัญญาที่พวกมันให้ไว้ก่อนหน้า
ยังทำให้พวกมันอดละอายใจไม่ได้
พวกเรามิได้มาจากนิกายเดียวกันหรือไร?
อย่างไรก็ตามหลังนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งและนึกถึงตัวตนของชายชราขึ้นมา พวกมันก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ
ใครใช้ให้อีกฝ่ายมีความเป็นมายิ่งใหญ่ในนิกายเล่า?
คำสัญญาอันหนักหน่วงที่ชายชรากล่าวออกไป หากเป็นพวกมันพูดเผลอๆผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาจไม่เห็นด้วย…แต่สิ่งีท่ชาชรารับปากนั้น แม้เบื้องหลังชายชราจะเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็จะทำตามทุกประการแน่นอน
“ผู้อาวุโส มิทราบท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”
มองชายชราเบื้องหน้าอีกครั้ง สายตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย ขณะเดียวกันเขาก็สะบัดมือเรียกลูกแก้ววิญญาณออกมาส่งมอบให้ชายชราโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเรียกว่า ฉินหวู่หยาง เจ้าเรียกข้าว่าผู้เฒ่าฉินก็ได้ ปกติคนรู้จักในนิกายก็มักเรียกหาข้าเช่นนี้”
ชายชราย่อมมองออกเป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนถูกมันล่อลวงสำเร็จแล้ว หลังจากเก็บลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนแล้วเสร็จ รอยยิ้มสดใสก็คลี่กางขึ้นบนใบหน้าชรา
หนึ่งแก่หนึ่งหนุ่ม คุยกันด้วยรอยยิ้มร่า บรรยากาศอบอุ่นราวปู่หลานคุยกันก็ไม่ปาน
“จริงสิ ยอดเขาของข้านั้นยังมีจุดแข็งแกร่งการหลอมโอสถเทพเช่นกัน…หากเจ้ามา เจ้าสามารถเข้าร่วมยอดเขาของพวกข้าได้โดยตรง ที่นั่นมีสมุนไพรหายากมากมายปลูกไว้เต็มไปหมด เชื่อข้าเถอะว่าสมุนไพรบางชนิดเจ้าเองก็นึกไม่ถึงแน่นอน และอะไรที่เจ้ารู้จักเพียงมองหาสักพักย่อมเจอแน่!”
นับว่าคำพูดประโยคนี้ของฉินหวู่หยางทำให้ต้วนหลิงเทียนถูกล่อลวงแล้วจริงๆ
สองตาต้วนหลิงเทียนยังสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ
ฉากดังกล่าวทำให้ หยางเชียนเย่ ที่ยืนอยู่ข้างๆหน้าเปลี่ยนสีทันที ในแววตาเริ่มฉายความกังวลให้เห็น ขณะเดียวกันมันก็ไม่รอช้าสืบไป เร่งส่งข้อความออกไปทันที
และเป้าหมายที่มันส่งข้อความไปถึงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อาวุโสฝ่ายในนิกายมังกรสรรค์ กวงเทียนเจิ้ง “อาจารย์ลุง ตอนนี้ผู้อาวุโสในนิกายที่มากับข้า ได้สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ให้ต้วนหลิงเทียนมากมายยิ่งนัก…และข้าดูจากท่าทีของต้วนหลิงเทียนแล้ว เป็นไปได้สูงที่หลังจบศึกจักรพรรดิมันจะออกจากนิกายมังกรสวรรค์มาเข้าร่วมนิกายข้า”
“เช่นนั้นทางที่ดีท่านรีบหาทางฆ่ามันให้ตายก่อนจบศึกจักรพรรดิเถอะ…หาไม่แล้วทันทีที่มันเข้าร่วมนิกายเดียวกับข้า ไม่เพียงแต่ท่านจะมิอาจฆ่ามันได้ ท่านยังต้องคิดถึงเรื่องที่มันจะล้างแค้นท่านอย่างไร!”
“ท่านเองก็ควรรู้ดีว่าด้วยพรสวรรค์และความเข้าใจของมัน ไหนจะความสามารถในการหลอมโอสถที่น่ากลัวนั่น อีกไม่นานมันก็จัดการท่านได้ง่ายๆแล้ว”
“เผลอๆหลังมันออกจากนิกายมังกรสวรรค์ มันอาจยืมมือคนอื่นมาเล่นงานท่านทันทีก็เป็นได้”
ด้านกวงเทียนเจิ้งที่ได้รับข้อความจากหยางเชียนเย่ สีหน้าก็บิดๆเบี้ยวๆเปลี่ยนไปไม่หยุด
จากนั้นมันก็เร่งส่งข้อความไปหา จงซ่าน ศิษย์คนรองของมันทันที “ซ่านเอ๋อตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด สะดวกให้อาจารย์ไปหาเจ้าหรือไม่?”
ตอนนี้กวงเทียนเจิ้งคิดไปหาจงซ่านเพราะจะไปหาทางจัดการต้วนหลิงเทียน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หาทางให้รองประมุขเซวียจัดการกับต้วนหลิงเทียน
…
ต้องบอกเลยว่าฉินหวู่หยานนั้นจริงใจมาก
อย่างน้อยๆก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนประทับใจจริงๆ
นอกจากนั้นเขายังรู้อีกว่าผลประโยชน์ที่ฉินหวู่หยางรับปากเขาไว้นั้น ต่อให้เป็น 2 ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงที่มาติดต่อเขาก่อนหน้า ก็ไม่อาจมอบให้เขาได้
ยิ่งไปกว่านั้นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าที่เคยมาชักชวนเขา ก็เป็นตระกูลทั้งสิ้น
เมื่อเทียบกันแล้วเขาชอบขุมกำลังประเภทนิกายมากกว่าตระกูล
‘เอาล่ะ เรื่องพวกนี้ค่อยว่าคุยกันหลังจากจบศึกจักรพรรดิดีกว่า…เพราะกว่าศึกจักรพรรดิจะจบลง ก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าใด”
‘ศึกจักรพรรดินั้นบางทีไม่กี่ปีก็ยุติ แต่บางทีก็อาจนานหลายสิบปี เผลอๆหลายร้อยปียังไม่จบก็มี…ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทพ ศึกจักรพรรดิที่กินเวลานานสุดก็เป็นพันปี’
‘สุดท้าย ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลก็ต้องยื่นมาเข้ามาแทรกแซง เพื่อให้ศึกจักรพรรดิยุติลง’
‘หลังศึกจักรพรรดิครั้งนี้ ระนาบเทพต่างๆก็ได้ตั้งกฏสำหรับการทำศึกจักรพรรดิเพิ่มขึ้นอีกข้อ…ศึกจักรพรรดิต้องไม่กินเวลาเกิน 1,000 ปี’
‘เมื่อครบกำหนดพันปีแล้ว ระนาบสนามรบศึกจักรพรรดิจะปิดตัว’
…
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้เรื่องศึกจักรพรรดิไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นข้าจะกลับไปรอเจ้าที่นิกายหยางพิสุทธิ์”
หลังฉินหวู่หยาง กับคนอื่นๆรวมถึงหยางเชียนเย่จากไป ฉินหวู่หยางที่แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับต้วนหลิงเทียนไว้แล้ว ก็ได้ส่งข้อความมาอำลาอีกรอบ
‘นิกายหยางพิสุทธิ์หรือ…’
ขณะเดียวกัน ก็นับเป็นครั้งแรกเลยที่ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบนามนิกายระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิง ที่ฉินหวู่หยางกับหยางเชียนเย่อยู่
‘หยางพิสุทธิ์…’
‘นิกายหยางพิสุทธิ์นี้ คงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ หลี่ตงปิน 1 ใน 8 เซียนอมตะตามตำนานของโลกเก่าหรอกนะ เพราะหากจำไม่ผิด หลี่ตงปิน ก็เหมือนจะถูกเรียกว่าบุตรแห่งหยางพิสุทธิ์’
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมา เพราะคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
หลี่ตงปินนั้น หากขึ้นสวรรค์แล้วจริงๆ ก็สมควรไปโผล่ในระนาบอวี้หวงเทียน…ทว่าตอนที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในระนาบเทวโลก เขากลับไม่เคยได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายเลย
หากคนผู้นี้มาถึงระนาบเทพจริงๆ แถมยังสร้างรากฐานอันยิ่งใหญ่อย่างก่อตั้งนิกายขึ้นมา คงเป็นที่กล่าวขานถึงในระนาบอวี้หวงเทียน หรือระนาบเหยียนหวงแล้ว
แน่นอนว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้
บางทีอีกฝ่ายอาจเป็นคนถ่อมตัว แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้แพร่ข่าว?
นอกจากนั้น ระนาบเทพก็มีกันเกือบ 20 ระนาบ และผู้ที่ออกจากระนาบอวี้หวงเทียน ก็ไม่แน่ว่าจะมาปรากฏในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้
อีกอย่าง หากหลี่ตงปินเกี่ยวข้องอะไรกับนิกายหยางพิสุทธิ์จริงๆ ขอเพียงอีกฝ่ายไม่คิดเผยแพร่ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนในระนาบอวี้หวงเทียน กับระนาบเหยียนหวงจะไม่รู้
‘บ่มเพาะพลังต่อดีกว่า…ตอนนี้เมื่อด่านพลังราชาเทพขชั้นสูงเสถียรมั่นคงดีแล้ว ก็ได้เวลาสั่งสมพลังเพิ่มให้ถึงจุดรอคอยราชาเทพขั้นสูง…’
‘สุดท้ายจุดรอคอยราชาเทพขั้นสูงที่ว่า สำหรับข้ามันก็เหมือนไม่มีอยู่จริง เพราะด้วยพลังของโอสถเทพทะลวงราชัน ขอเพียงข้าใช้โอสถเทพเสริมการบ่มเพาะดีๆ ก็น่าจะฝืนบรรลุถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำได้’
‘พอบรรลุถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำแล้ว ค่อยพยายามควบรวมปรับด่านพลังเอา’
‘ที่สำคัญ ยังมีโอสถเทพที่ช่วยให้จอมราชันเทพขั้นต่ำสามารถควบรมปรับด่นพลังให้เสถียรได้อีกด้วย…’
คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิดฟุ้งซ่านใดๆสืบต่อ กลับไปฝึกฝนบ่มเพาะที่ห้องทันที
และก่อนที่จะปิดด่านครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนยังส่งข้อความไปหาเชวียไห่ชวน และบอกว่าหากมีคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้ามาหาเขาอีก ก็ให้ปฏิเสธไปได้เลย และให้เหตุผลว่าใดๆล้วนค่อยว่ากันหลังจบศึกจักรพรรดิ!
จากนั้นก็ไม่รอให้เชวียไห่ชวนตอบกลับ ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเปิดค่ายกลทันที
“ให้ข้า…ปฏิเสธคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงทั้งหมด?”
เชวียไห่ชวนได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะถ้าหากเป็นมัน คงไม่มีความ ‘มั่นใจ’ ถึงระดับนี้
อย่างไรก็ตาม มันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนมีคุณสมบัติครบถ้วนให้มั่นใจ เพราะอาศัยคุณค่าที่เผยออกมา ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าทั้งหลายแม้จะถูกปฏิเสธไม่พบ แต่เต็มที่ก็แค่บ่นเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถอดใจไม่รอชวนต้วนหลิงเทียน
เพราะดูจากความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนในวัยไม่ถึง 3,000 ขอเพียงวันหน้าไม่เกิดเรื่องผิดพลาดใด ก็ต้องกลายเป็นตัวตนอันทรงพลังแน่นอน
กับตัวตนระดับนี้ แม้จะไม่อาจชักชวนมาเข้าร่วมขุมกำลังของตัวเองได้ ก็ไม่อาจตั้งตัวเป็นศัตรูได้เด็ดขาด!
…
วันเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
3 ปีผ่านพ้นไปในพริบตา
วันแห่งศึกจักรพรรดิใกล้เข้ามาแล้ว
ระนาบสนามรบศึกจักรพรรดิก็ได้เปิดออกเรียบร้อย เหล่าระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์และนิกายมหาเอกะ ก็ได้นำพาผู้คนจำนวนมากเข้าสู่ระนาบสนามรบตั้งแต่ต้นปี เพื่อสร้างค่ายที่พักของนิกายมังกรสวรรค์และนิกายมหาเอกะ
มันจะเป็นสถานที่อยู่อาศัยของคนในนิกายมังกรสรรค์และคนของนิกายมหาเอกะที่เข้าสู่ระนาบสนามรบศึกจักรพรรดิ
ในระนาบสนามรบศึกจักรพรรดินั้น นอกจากสนามรบทั้ง 3 ระดับแล้ว ก็มีแต่พื้นที่ส่วนกลางแห่งนี้เท่านั้น ที่สามารถรับรองความปลอดภัยได้อย่างแท้จริง!