WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3848 ศิษย์นิกายมหาเอกะ คนเดียว
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองคนนี้ ชื่อว่า ‘หูอี้หยวน’ มันเป็นหลานชายของผู้อาวุโสมังกรดำ และยังเป็นหนึ่งในศิษย์มังกรฟ้า ที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงได้ด้วยอายุ 9,000 กว่าปี นับเป็นยอดฝีมือในบรรดาราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่ง
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัว มีตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพไม่กี่คนเท่านั้นในนิกายที่สามารถประมือกับมันได้อย่างทัดเทียม ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะมันได้
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่กลัวคำขู่ของแม่นาง 7 เลย
อีกเรื่องก็คือ หูอี้หยวน คนนี้เป็นคนมากตัณหาผู้หนึ่ง มันไม่อาจต้านทานสตรีที่มีรูปโฉมงดงามได้ไหว และศิษย์สตรีหน้าตาสะสวยในนิกายมังกรสวรรค์ที่ไร้ผู้ใดหนุนหลัง ไม่ว่าใครก็ล้วนโดนมันไล่เกี้ยวทั้งสิ้น
ในบรรดาสตรีเหล่านั้น มีคนที่มันทำท้องป่องหลายคน แต่ไม่มีข้อยกเว้นทั้งหมดถูกมันสั่งให้ทำแท้ง
ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของหูอี้หยวนในนิกายมังกรสวรรค์จึงไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
แม้ว่าแม่นาง 7 จะพึ่งเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ได้ไม่กี่ปี แต่นางก็ได้ยินศิษย์สตรีหลายคนพูดถึงความชั่วร้ายของหูอี้หยวนบ่อยครั้ง และตอนทุกคนกล่าวถึงมัน ไม่ว่าใครก็ทำหน้ายี้ด้วยความรังเกียจทั้งสิ้น
“ศิษย์น้องหญิงชี…หากเจ้าคิดสั่งสอนข้า ในฐานะศิษย์พี่แล้วข้าย่อมไม่คิดปฏิเสธเป็นธรรมดา”
หูอี้หยวนยังคงกล่าวคำด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม
“ศิษย์พี่หู”
ทว่าทันใดนั้นเอง ในบรรดาศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ที่เดินตามมาด้านหลัง ก็มีบางคนทนดูไม่ได้สืบไป ก้าวออกมากล่าวคำด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “พวกเรายังมีภารกิจสำคัญอยู่ หากท่านกับแม่นาง 7 คิดประลองชี้แนะอันใด วันหน้ายังมีโอกาสอีกมาก”
“แต่ตอนนี้ หากพวกท่านเกิดพลาดพลั้งบาดเจ็บอะไรขึ้นมาขณะประมือ ไม่เพียงแต่พวกท่านที่เสียหาย พวกเราเองก็จะพลอยเสียการไปด้วย”
พอศิษย์ฝ่ายในคนนั้นกล่าวจบคำ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
และไม่เพียงแต่ศิษย์ฝ่ายในที่ออกหน้ากล่าวคำกับหูอี้หยวนคนแรก ยังมีอีกหลายคนที่กล่าวเกลี้ยกล่อมให้ทั้งคู่สงบศึกกันก่อน
สุดท้ายแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่มีใครทำอะไรอีก แม้แต่หูอี้หยวนเองก็กลัวจะสร้างความโกรธให้แก่คนในกองเช่นกัน
“เจ้าให้เกียรติข้าด้วย หาไม่แล้วต่อให้ทางนิกายไม่ลงโทษเจ้า ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
แม่นาง 7 เหลือบมองหูอี้หยวนด้วยสายตาเย็นชา อย่างไรก็ตามท่าทางดุดันของนางกลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหูอี้หยวนทวีความสดใสขึ้น สองตายังฉายแววเร่าร้อนปานเพลิงไฟ
สตรีนางนี้ช่างหยิ่งเสียจริง…
อย่างไรก็ตามยิ่งหยิ่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจสำหรับมันมากขึ้นเท่านั้น
กับสตรีที่ได้ง่ายๆ ย่อมไม่มีอะไรน่าสนใจ
“ศิษย์น้องหญิงชี สักวันหนึ่งเจ้าต้องเป็นฝ่ายอยากให้ข้าชมมองเจ้าเอง…”
หูอี้หยวนคลี่ยิ้มสดใส กล่าวคำเสียงหล่อ
”ฝัน!”
แม่นาง 7 สบถคำด้วยความเหยียดหยาม
ขณะเดียวกัน ร่างชายหนุ่มชุดม่วงพลันปรากฏขึ้นในใจ
นอกจากเชวียไห่ชวนแล้ว ก็มีอีกฝ่ายแค่คนเดียวเท่านั้น ที่ยามมองมาที่นาง ในแววตากลับใสกระจ่างไร้ความคิดอื่นใด ราวกับไม่สนใจในรูปร่างหน้าตาของนางเลย
ล้วนเป็นบุรุษเหมือนกัน ไฉนถึงได้แตกต่างกันมากมายเพียงนี้?
ท่านแม่นางพูดถูกจริงๆ ผู้ชายส่วนใหญ่ล้วนไม่ใช่ตัวดีอันใด!
…
ตัดกลับมาทางด้านต้วนหลิงเทียน เขายังคงเตร็ดเตร่ไปทั่วสนามรบราชาเทพ บางครั้งเขาก็พบกลุ่มคนของนิกายมังกรสวรค์ที่ประมือกับกลุ่มคนของนิกายมหาเอกะ จากนั้นก็ยืนมือเข้าช่วยแม้จะศิษย์นิกายมังกรสวรรค์จะไม่ได้เสียเปรีบอะไร ทำให้สามารถเก็บป้ายศิษย์นิกายมหาเอกะได้เพิ่ม 20 กว่าป้าย..
ในระหว่างนั้น เขาเองก็ได้พบกับกลุ่มศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์หลายครั้ง
นอกจากนั้นเขายังได้พบราชาเทพของนิกายมหาเอกะที่เดินทางกัน 2 คน เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพตั้งแต่ระนาบศึกจักรพรรดิพึ่งเปิด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบศิษย์นิกายมหาเอกะทั้งคู่ ก็พอดีกับมีกลุ่มศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ผ่านมาพบทั้งคู่เช่นกัน แถมศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้เหมือนจะพบทั้งคู่ ก่อนต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ
ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนั้นย่อมไม่คิดจะปล่อยเหยื่อให้กับต้วนหลิงเทียน อนิจจาเมื่อเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่เก่งกฏมิติอันลึกลับ และสามารถเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปถึงตัวเป้าหมายได้ในพริบตา พวกมันก็ไม่ทันกินเป็นธรรมดา
หลังต้วนหลิงเทียนเก็บสินสงครามจากศิษย์นิกายมหาเอกะที่ตกตายทั้งสองแล้วเสร็จ เขาก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติหายไปต่อหน้าต่อตาศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนั้น
ศิษย์ราชาเทพของนิกายมังกรสวรรค์กลุ่มดังกล่าว ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา บ้างก็ถอนหายใจในความโชคร้ายของตัวเอง พวกมันพบคนนิกายมหาเอกะ 2 คนนั่นก่อนแท้ๆ แต่พวกมันกลับได้แต่มองต้วนหลิงเทียนฆ่าคนแล้วจากไปตาปริบๆ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อต้วนหลิงเทียนลงมือเร็วกว่า ถึงพวกมันจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่สถานะของต้วนหลิงเทียนในนิกายมังกรสวรรค์ไม่ธรรมดา ลำพังแค่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ไม่กล้าตอแยล่วงเกินต้วนหลิงเทียนแล้ว
“โอย ไฉนพวกเราถึงซวยนักเล่า ดันมาเจอเจ้าพวกนั้นตอนต้วนหลิงเทียนอยู่ใกล้ๆแบบนี้…”
“นั่นสิ ถ้าไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนลงมือเร็วเกินไป ป่านนี้พวกมันคงเป็นเหยื่อของพวกเราแล้ว…”
…
แม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่คนที่โดนต้วนหลิงเทียนตัดหน้าแย่งเหยื่อ หรือโดนต้วนหลิงเทียนมาร่วมฆ่าแบ่งปันสิ่งของก็ยังบ่นไม่เลิก
เหตุผลที่พวกมันบ่นก็ไม่ใช่เพราะเหตุใดอื่น เพราะมันน่าเบื่อเกินไป…
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ถูกต้วนหลิงเทียนตัดหน้าแย่งเหยื่อไป จวบจนวันนี้พวกมันยังไม่พบเจอศิษย์ของนิกายมหาเอกะอีกเลย
“โอยถึงจะเจอศิษย์นิกายมหาเอกะหลงมาสักคนก็ยังดี…ไฉนไม่มีโผล่มาแม้แต่เงาเลยล่ะ?”
“ข้ารู้สึกเสมือนโชคของกลุ่มเรามันหมดลงตั้งแต่โดนต้วนหลิงเทียนตัดหน้าวันนั้น…เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว พวกเรายังไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ใดเลย”
…
กลุ่มศิษย์ที่เดินทางหลายวันแต่ไม่เจอใคร ย่อมรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นธรรมดา หลายๆคนก็เริ่มคุยกันไปเรื่อย
บางทีคำอธิษฐานของพวกมันอาจสำฤทธิ์ผล…
เพราะ 10 วันต่อมา ในที่สุดพวกมันก็ได้พบศิษย์นิกายมหาเอกะอีกครั้ง
และยังเป็นศิษย์นิกายมหาเอกะคนเดียว!
แถมศิษย์นิกายมหาเอกะคนนี้ก็ได้ยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในบรรดาแนวเทือกเขาแถวนี้ อีกฝ่ายแม้จะเห็นกลุ่มของมันมุ่งหน้าเขาหา แต่ก็ยืนมองพวกมันอย่างสงบ กระทั่งพวกมันเริ่มกระจายกำลังกันปิดล้อมก็แล้ว อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอันใด
ราวตัวโง่งมก็ไม่ปาน
“พวกที่ใช้กฏมิติเป็นหลัก เร่งใช้พลังรบกวนพื้นที่มิติเสีย หากมันเป็นคนใช้กฏมิติจักได้เคลื่อนย้ายข้ามมิติหนีไปไม่ได้!”
ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม เริ่มออกคำสั่งเสียงดังโผงผาง
จากนั้นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ที่เชี่ยวชาญกฏมิติไม่กี่คนท่ามกลางสมาชิก 32 คน ก็เริ่มใช้พลังรบกวนพื้นที่มิติโดยรอบทันที ทำให้อีกฝ่ายที่อาจจะเป็นผู้ใช้กฏมิติเหมือนกันไม่อาจใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติได้
กล่าวได้ว่า ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทั้ง 32 คน ได้ปิดล้อมทางหนีทุกทางของศิษย์นิกายมหาเอกะที่ยืนนิ่งบนยอดเขาเรียบร้อย
ด้านศิษย์นิกายมหาเอกะที่ถูกพวกมันปิดล้อมอยู่ ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมสีขาวราวหิมะ ใบหน้าหล่อเหลาผู้นั้น แม้จะเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทั้ง 32 คน จนจะเหินฟ้าดำดินก็ไม่มีทางรอด แต่สีหน้าท่าทีของมันยังแลดูสงบนิ่ง ไม่แปรเปลี่ยน
ครู่ต่อมา เมื่อศิษย์นิกายมังกรสวรรค์หลายคนคิดจะเปิดฉากลงมือ ศิษย์นิกายมหาเอกะผู้นั้นก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของมันยังเย็นชาไร้แยแสนัก “หากพวกเจ้าสามารถให้เบาะแสที่อยู่ในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนได้ ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า”
ได้ยินดังนั้น ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ก็นิ่งไปด้วยความตะลึง
ไม่นานนักทุกคนก็พากันฟื้นคืนสติ ขณะเดียวกัน สายตาที่ทุกคนใช้มองไปยังศิษย์นิกายมหาเอกะเบื้องหน้า ก็เริ่มฉายให้เห็นความกลัวและความกังวลเล็กน้อย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากพวกมันเจอคนที่หยิ่งยโส ย่อมคิดไปก่อนว่าอีกฝ่าอาจเป็นคนที่หยิ่งผยองถือดีเพราะมีภูมิหลังอันใด
แต่พอเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของอีกฝ่ายยังนิ่งสงบไม่แปรเปลี่ยน ราวกับไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา…
ในหัวทุกคน ก็ปรากฏชื่อหนึ่งแว่บขึ้นมา
“เจ้า…เจ้าคือซีเหมินหลงเซี่ยงเช่นนั้นรึ!?”
หัวหน้าของศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ เอ่ยถามขึ้นมาก่อนใคร สายตาที่ใช้มองชายหนุ่มชุดขาว บัดนี้กลับฉายให้เห็นถึงความตึงเครียด
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาเทพขั้นสูงในนิกายมังกรสวรรค์ และมั่นใจว่านอกจากต้วนหลิงเทียนแล้วไม่มีตัวตนขอบเขตราชาเทพคนไหนสามารถเอาชนะมันได้อีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ‘ซีเหมินหลงเซี่ยง’ มันไม่อาจไม่กลัว!
ซีเหมินหลงเซี่ยงคนนี้ ตั้งแต่เมื่อพันกว่าปีก่อนตอนยังอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นกลาง ก็สามารถเอาชนะตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะได้หมด! และจากข้อมูล ก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเอาชนะตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์ของมันได้หมดเช่นกัน!!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า ให้ประมือกันตัวต่อตัว ให้เป็นซีเหมินหลงเซี่ยงเมื่อพันกว่าปีก่อน ก็ไม่ใช่อะไรที่มันตอนนี้จะเอาชนะได้!
ทว่าในปัจจุบัน เวลามันล่วงเลยผ่านไปพันกว่าปีแล้ว ด้วยพรสวรรค์และความเข้าใจของซีเหมินหลงเซี่ยง เรื่องอีกฝ่ายจะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงได้หรือไม่ แทบไม่ต้องสงสัยเลย
และเพราะอีกฝ่ายมีความเข้าใจสูง น่ากลัวกฏแห่งลมของอีกฝ่าย บัดนี้คงบรรลุความเข้าใจเพิ่มเติมจนร้ายกาจกว่าในอดีตไปแล้ว…
“ซีเหมินหลงเซี่ยง!”
อันที่จริงเหล่าศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ทุกคนในกลุ่ม พอเห็นว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว ยังกล้ากล่าวข่มขู่พวกมันออกมา แม้จะโดนพวกมันปิดล้อม พวกมันก็พอจะคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้รางๆจากชุดคลุมสีขาวของอีกฝ่าย
พวกมันรู้ดีว่าในนิกายมหาเอกะ ชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา ชอบใส่ชุดคลุมสีขาว คิ้วคมเข้มปานดาบ สองตากระจ่างใสปานดวงดารา ทั่วร่างให้ความรู้สึกไม่ธรรมดานั้น มันมีแค่คนๆเดียวเท่านั้น
และชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้าก็ตรงกับคำอธิบายของคนๆนั้นไม่ผิดเพี้ยน
รวมกับความมั่นใจในตัวเอง และคำพูดข่มขู่ที่ไม่อนุญาตให้ใครปฏิเสธได้นั่น พวกมันย่อมตระหนักได้ทันที ว่า 9 ใน 10 ชายหนุ่มคนนี้ก็คือซีเหมินหลงเซี่ยงแห่งนิกายมหาเอกะผู้โด่งดังเป็นแน่!
“ไม่ผิด”
ชายหนุ่มชุดขาวหรือก็คือ ซีเหมินหลงเซี่ยง เงยหน้าขึ้นมาเหลือบมองผู้นำกลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ “หากเจ้าอยากรอดชีวิต ก็แจ้งเบาะแสที่อยู่ของต้วนหลิงเทียนเสีย”
“หากไม่อาจมอบเบาะแสหรือไม่รู้ ก็ฝังกระดูกไว้ที่นี่เถอะ”
ขณะกล่าว น้ำเสียงของซีเหมินหลงเซี่ยงยังคงเฉยเมยไร้แยแส ทำราวกับพูดถึงเรื่องไม่สลักสำคัญอะไร
ด้านศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ สีหน้าแต่ละคนก็เริ่มเปลี่ยนไปทันที
“ซีเหมินหลงเซี่ยง”
หัวหน้ากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ก็ชักสีหน้าปั้นยาก “ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก และเหตุผลที่ทำให้พวกเราต้องร่วมกลุ่มกันมากมายเพียงนี้ ก็เพราะพวกเรารู้ว่าเจ้าเข้าสู่สนามรบราชาเทพแล้ว”
“แต่…หากเจ้าคิดว่า อาศัยกำลังของเจ้าคนเดียวจะสามารถฆ่าพวกเราที่ร่วมมือกันได้ ข้าเกรงว่าเจ้ากำลังฝันไป!”
“เจ้าจะจากไปเดี๋ยวนี้ หรือเลือกจะอยู่ที่นี่ไปตลอดก็เลือกเอา!”
ขณะที่หัวหน้ากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กล่าวประโยคนี้ออกมา มันก็ยกมือขึ้นโบกเพื่อให้สัญญาณเหล่าศิษย์ที่ปิดล้อมซีเหมินหลงเซี่ยงกระชับวงล้อมเข้ามา
หากเลือกได้ พวกมันก็อยากเห็นซีเหมินหลงเซี่ยงเลือกที่จะถอนตัวจากไป
สุดท้ายแล้ว หากต้องปะทะกันขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้สุดท้ายพวกมันจะสามารถเอาชนะ กระทั่งฆ่าซีเหมินหลงเซี่ยงได้ แต่ไม่พ้นต้องมีคนตายหลายคนแน่นอน
นี่ไม่ใช่อะไรที่พวกมันอยากจะเห็น
เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าคนที่จะตายเป็นใคร
ไม่ว่าใครก็ห่วงชีวิตตัวเองทั้งนั้น!
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว”
ซีเหมินหลงเซี่ยงไม่คิดจะจากไป “น่าเสียดาย แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ถนอมโอกาสนั้น ก็ฝังกระดูกไว้ที่นี่เถอะ”
แต่พอเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของอีกฝ่ายยังนิ่งสงบไม่แปรเปลี่ยน ราวกับไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา…
ในหัวทุกคน ก็ปรากฏชื่อหนึ่งแว่บขึ้นมา
“เจ้า…เจ้าคือซีเหมินหลงเซี่ยงเช่นนั้นรึ!?”
หัวหน้าของศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ เอ่ยถามขึ้นมาก่อนใคร สายตาที่ใช้มองชายหนุ่มชุดขาว บัดนี้กลับฉายให้เห็นถึงความตึงเครียด
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาเทพขั้นสูงในนิกายมังกรสวรรค์ และมั่นใจว่านอกจากต้วนหลิงเทียนแล้วไม่มีตัวตนขอบเขตราชาเทพคนไหนสามารถเอาชนะมันได้อีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ‘ซีเหมินหลงเซี่ยง’ มันไม่อาจไม่กลัว!
ซีเหมินหลงเซี่ยงคนนี้ ตั้งแต่เมื่อพันกว่าปีก่อนตอนยังอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นกลาง ก็สามารถเอาชนะตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะได้หมด! และจากข้อมูล ก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเอาชนะตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์ของมันได้หมดเช่นกัน!!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า ให้ประมือกันตัวต่อตัว ให้เป็นซีเหมินหลงเซี่ยงเมื่อพันกว่าปีก่อน ก็ไม่ใช่อะไรที่มันตอนนี้จะเอาชนะได้!
ทว่าในปัจจุบัน เวลามันล่วงเลยผ่านไปพันกว่าปีแล้ว ด้วยพรสวรรค์และความเข้าใจของซีเหมินหลงเซี่ยง เรื่องอีกฝ่ายจะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงได้หรือไม่ แทบไม่ต้องสงสัยเลย
และเพราะอีกฝ่ายมีความเข้าใจสูง น่ากลัวกฏแห่งลมของอีกฝ่าย บัดนี้คงบรรลุความเข้าใจเพิ่มเติมจนร้ายกาจกว่าในอดีตไปแล้ว…
“ซีเหมินหลงเซี่ยง!”
อันที่จริงเหล่าศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ทุกคนในกลุ่ม พอเห็นว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว ยังกล้ากล่าวข่มขู่พวกมันออกมา แม้จะโดนพวกมันปิดล้อม พวกมันก็พอจะคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้รางๆจากชุดคลุมสีขาวของอีกฝ่าย
พวกมันรู้ดีว่าในนิกายมหาเอกะ ชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา ชอบใส่ชุดคลุมสีขาว คิ้วคมเข้มปานดาบ สองตากระจ่างใสปานดวงดารา ทั่วร่างให้ความรู้สึกไม่ธรรมดานั้น มันมีแค่คนๆเดียวเท่านั้น
และชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้าก็ตรงกับคำอธิบายของคนๆนั้นไม่ผิดเพี้ยน
รวมกับความมั่นใจในตัวเอง และคำพูดข่มขู่ที่ไม่อนุญาตให้ใครปฏิเสธได้นั่น พวกมันย่อมตระหนักได้ทันที ว่า 9 ใน 10 ชายหนุ่มคนนี้ก็คือซีเหมินหลงเซี่ยงแห่งนิกายมหาเอกะผู้โด่งดังเป็นแน่!
“ไม่ผิด”
ชายหนุ่มชุดขาวหรือก็คือ ซีเหมินหลงเซี่ยง เงยหน้าขึ้นมาเหลือบมองผู้นำกลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ “หากเจ้าอยากรอดชีวิต ก็แจ้งเบาะแสที่อยู่ของต้วนหลิงเทียนเสีย”
“หากไม่อาจมอบเบาะแสหรือไม่รู้ ก็ฝังกระดูกไว้ที่นี่เถอะ”
ขณะกล่าว น้ำเสียงของซีเหมินหลงเซี่ยงยังคงเฉยเมยไร้แยแส ทำราวกับพูดถึงเรื่องไม่สลักสำคัญอะไร
ด้านศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ สีหน้าแต่ละคนก็เริ่มเปลี่ยนไปทันที
“ซีเหมินหลงเซี่ยง”
หัวหน้ากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ก็ชักสีหน้าปั้นยาก “ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก และเหตุผลที่ทำให้พวกเราต้องร่วมกลุ่มกันมากมายเพียงนี้ ก็เพราะพวกเรารู้ว่าเจ้าเข้าสู่สนามรบราชาเทพแล้ว”
“แต่…หากเจ้าคิดว่า อาศัยกำลังของเจ้าคนเดียวจะสามารถฆ่าพวกเราที่ร่วมมือกันได้ ข้าเกรงว่าเจ้ากำลังฝันไป!”
“เจ้าจะจากไปเดี๋ยวนี้ หรือเลือกจะอยู่ที่นี่ไปตลอดก็เลือกเอา!”
ขณะที่หัวหน้ากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กล่าวประโยคนี้ออกมา มันก็ยกมือขึ้นโบกเพื่อให้สัญญาณเหล่าศิษย์ที่ปิดล้อมซีเหมินหลงเซี่ยงกระชับวงล้อมเข้ามา
หากเลือกได้ พวกมันก็อยากเห็นซีเหมินหลงเซี่ยงเลือกที่จะถอนตัวจากไป
สุดท้ายแล้ว หากต้องปะทะกันขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้สุดท้ายพวกมันจะสามารถเอาชนะ กระทั่งฆ่าซีเหมินหลงเซี่ยงได้ แต่ไม่พ้นต้องมีคนตายหลายคนแน่นอน
นี่ไม่ใช่อะไรที่พวกมันอยากจะเห็น
เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าคนที่จะตายเป็นใคร
ไม่ว่าใครก็ห่วงชีวิตตัวเองทั้งนั้น!
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว”
ซีเหมินหลงเซี่ยงไม่คิดจะจากไป “น่าเสียดาย แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ถนอมโอกาสนั้น ก็ฝังกระดูกไว้ที่นี่เถอะ”
สิ้นคำกล่าว ทั่วร่างซีเหมินหลงเซี่ยงก็ปรากฏสายลมสีเขียวม้วนพัน พริบตาต่อมาสายลมดังกล่าวก็ทวีความรุนแรงขึ้นปานพายุใต้ฝุ่น กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึง พร้อมสายลมที่มีอานุภาพทำลายล้างอันน่ากลัวเริ่มกำจาออกไปโดยรอบ ทำให้เหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์หลายคนรู้สึกกดดัน จำต้องล่าถอยออกไปเพื่อคลี่คลายแรงกดดันกันใหญ่
บางคนที่ระดับพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นรู้ตัวว่าไม่อาจต้านทานสายลมอันทรงพลังที่มาพร้อมแรงกดดันพลังอันมหาศาลได้ไหว ก็ปล่อยตัวให้ปลิวไปตามแรงลม บางคนที่หาญกล้าต่อต้าน ก็ได้รับบาดเจ็บจนเลือดกระอักพุ่งออกปาก
“ทุกคนลงมือ! ฆ่ามัน!!”
หัวหน้ากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ ตัดสินใจตะโกนสั่งออกมาเสียงดังลั่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ราชาเทพขั้นสูงทุกคน แยกยย้ายกันจู่โจมพร้อมๆกัน ทุกคนมีเท่าไหร่ใส่ให้หมดอย่าได้ออมรั้งยั้งมือ! ราชาเทพขั้นกลางรอโจมตีซ้ำ!!”
“พยายามฆ่ามันให้ได้ในระลอกเดียว! หากปล่อยให้มันสู้ยืดเยื้อ พวกเราไม่พ้นถูกมันไล่ฆ่าทีละคน คงไม่มีผู้ใดอยากตายกระมัง!!”
“เพียงสู้กับมันพวกเราถึงจะมีโอกาส..หากหวาดกลัวไม่กล้าสู้ พวกเราได้ตายหมดแน่!!”
พอหัวหน้ากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ออกคำสั่งจบคำ มันก็เร่งเปิดฉากจู่โจมนำออกไปคนแรก คนพุ่งทะยานข้ามฟ้าปานสายรุ้ง สภาวะพลังทั่วร่างประหนึ่งเทพสงครามออกศึกอย่างไรอย่างนั้น!
��