WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3854 สมรู้ร่วมคิด
แต้มรบ 740 แต้มที่ได้มา สาหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันไม่ได้มากมายอะไรเลย อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังใช้มันเพื่อแลกสมุนไพรที่เขาต้องการจนหมด
‘สิ่งที่ข้าต้องการอย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้แต้มรบ 20,000 กว่าแต้ม…เกรงว่าการเข้าสู่สนามรบราชาเทพ ไม่มีทางที่ข้าจะได้รับแต้มรบจานวนนั้นได้เลย’
‘อย่างไรก็ตามตอนนี้ภารกิจที่เร่งด่วนที่สุดก็คือทะลวงไปให้ถึงขอบเขตจอมราชันเทพก่อน รอให้ทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นต่าเมื่อไหร่ ค่อยเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ และไปไล่ฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ากับจอมราชันเทพขั้นกลางของนิกายมหาเอกะเพื่อเก็บแต้มรบ’
ในสนามรบราชาเทพนั้น การฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะขอบเขตราชาเทพขั้นสูงก็ได้แต้มรบ 25 แต้มต่อคนเท่านั้น
ทว่าหากฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะที่อยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่าได้สักคน เขาก็จะได้รับแต้มรบ 200 แต้มทันที!
ยิ่งไปกว่านั้น การสังหารจอมราชันเทพขั้นกลางยังมอบแต้มรบให้เขาถึง 2,000 แต้ม!
‘ออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วกัน’
หลังกลับมาถึงเมืองมังกรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็ถูกเหล่าศิษย์ที่พบเห็นเข้ามารายล้อมทันที อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเพียงประสานมือกล่าวคาขอทางอย่างสุภาพ จากนั้นก็ออกจากเมืองมังกรสวรรค์ และย้อนกลับไปยังนิกายมังกรสวรรค์
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะออกมา เหล่าศิษย์ที่มารายล้อมก็กล่าวสรรเสริญเยินยอต้วนหลิงเทียนไม่ขาดปาก
เนื่องเพราะบัดนี้ เรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนนาป้ายประจาตัวศิษย์นิกายมหาเอกะไปแลกแต้มรบถึง 100 ป้ายที่ตาหนักแต้มรบในเมืองสันติ มันได้แพร่ไปทั่วเมืองมังกรสวรรค์รวมถึงนิกายมังกรสวรรค์แล้ว
บัดนี้ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทั้งหมด รู้สึกซาบซึ้งต่อต้วนหลิงเทียนที่ทาให้นิกายมังกรสวรรค์ได้หน้า
ในระนาบศึกจักรพรรดิตอนนี้ กล่าวได้ว่าสถานการณ์ของสนามรบราชาเทพนั้นดุเดือดที่สุด และมีการปะทะรวมถึงการสูญเสียมากที่สุด เช่นนั้นการกระทาของต้วนหลิงเทียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้มอบขวัญกาลังใจให้นิกายมังกรสวรรค์มากขนาดไหน
“เนื่องจากนิกายมหาเอกะได้ตั้งค่าหัวต้วนหลิงเทียนเอาไว้ถึง 300,000 แต้มรบ…อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะกลับมาอย่างปลอดภัย แต่ยังสามารถฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้ 100 คนอย่างที่พูดไว้ เช่นนั้นนิกายมังกรสวรรค์ก็จักมอบรางวัลให้ต้วนห
ลิงเทียนเช่นกัน และจะมอบคะแนนอุทิศให้ต้วนหลิงเทียน 300,000 แต้ม”
ไม่นานหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงนิกายมังกรสวรรค์ เขาก็ได้ยินเสียงประกาศของหลงฉิงชงประมุขนิกายมังกรสวรรค์ที่ดังไปทั่วเขตนิกายมังกรสวรรค์ ซึ่งสิ่งนี้ทาให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้างว่าหลงฉิงชงให้ความดูแลเขาดีถึงขั้นป่าวประกาศไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์เชียวหรือ อีกทั้งยังประกาศตอนที่เขาพึ่งกลับมาถึงนิกายมังกรสวรรค์ไม่ทันไร ราวกับตั้งใจให้เขาได้ยิน
สุดท้ายแล้วหากเขายังอยู่ในระนาบศึกจักรพรรดิก็คงไม่ได้ยิน
“ต้วนหลิงเทียน ขอแสดงความยินดีด้วย!”
ต้วนหลิงเทียนที่กลับมาถึงสถานที่พักศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ ไม่ทันที่เขาจะได้กลับเข้าเข้าบ้าน ก็ปรากฏร่างมากมายเหาะออกมาจากตาหนักกิจการฝ่ายใน และเข้ามาแสดงความยินดี
ปัจจุบันศิษย์ฝ่ายในกว่า 9 ส่วนของนิกายได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพหมดแล้ว และถึงจะไม่ได้อยู่ในสนามรบราชาเทพ แต่ปกติแล้วถ้าไม่อยู่ที่เมืองมังกรสวรรค์ก็จะอยู่ที่เมืองสันติในระนาบศึกจักรพรรดิ
“ผู้อาวุโสทั้งหลาย มิทราบคะแนนอุทิศ 300,000 แต้มที่ท่านประมุขประกาศว่าจะมอบให้ข้าเมื่อครู่ ข้าต้องไปรับมันที่ใดหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มรับการทักทายแสดงความยินดีของเหล่าอาวุโสที่เหินออกมาจากตาหนักกิจการฝ่ายใน ค่อยเอ่ยถามด้วยน้าเสียงสุภาพ
“โอ้ เจ้าต้องการใช้แต้มเลยรึ?”
อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยถามเคล้าเสียงหัวเราะ
หลังจากเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้า อาวุโสก็เหม่อไปเพราะกาลังส่งข้อความ จากนั้นหลังได้รับข้อความตอบกลับแล้ว มันก็หันมากล่าวตอบต้วนหลิงเทียนทันที “ต้วนหลิงเทียน ท่านประมุขได้มอบหมายให้รองประมุขเซวียนาคะแนนอุทิศ 300,000 แต้มมามอบให้เจ้าด้วยตัวเอง”
รองประมุขเซวีย?
ได้ยินคาตอบของอาวุโสเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ลูกตาจะหดเล็กลง
หากเขาจาไม่ผิด ในบรรดารองประมุขของนิกายมังกรสวรรค์ ผู้แซ่เซวียเหมือนจะมีแค่คนเดียว…
กล่าวได้ว่ารองประมุขเซวียที่กาลังจะนาคะแนนอุทิศมาให้เขาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อตาศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้ง อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์สายนิกายหมื่นปีศาจ และรองประมุขเซวียที่ว่าก็คือ เซวียหมิงจื่อ
‘กล่าวไปข้าก็ไม่เคยเห็นรองประมุขเซวียที่ว่าเลย’
ตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้ามาเหยียบนิกายมังกรสวรรค์ เชวียไห่ชวนก็ได้กล่าวเตือนเขาแล้วว่าเมื่อกวงเทียนเจิ้งเป็นศัตรูกับเขา เช่นนั้นก็เสมือนเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรองประมุขแซ่เซวียเช่นกัน
กับกวงเทียนเจิ้งนั้นไม่นับเป็นตัวอะไร แต่กับรองประมุขแซ่เซวียเขาไม่อาจไม่ระวัง
หลังจากมองไปรอบๆครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมดังมาแต่ไกล พอรู้ตัวก็พบว่ามีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาแล้ว
เป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าหนักแน่นมั่นคง หว่างคิ้วแผ่พุ่งความน่าเกรงขามออกมา
“คารวะรองประมุขเซวีย”
“รองประมุขเซวีย”
…
ขณะเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น เหล่าอาวุโสจากตาหนักกิจการฝ่ายในก็เร่งประสานมือทาความเคารพทันที
“อืม”
เซวียหมิงจื่อหันไปพยักหน้าให้กับเหล่าอาวุโสทั้งหลาย จากนั้นก็หันมาหยุดสายตายังร่างต้วนหลิงเทียน ยังมองสารวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ต่างจากต้วนหลิงเทียน
วันนี้อาจเป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนพบเห็นมัน แต่ตัวมันนั้นไม่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก
ตั้งแต่ตอนที่มีการแข่งขันมังกรซ่อน มันก็ได้ไปลอบสังเกตการณ์ที่สนามประลอง ยังข่มขู่ต้วนหลิงเทียนผ่านพลัง แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบว่าคนที่ขู่ข่มเป็นมัน
“ต้วนหลิงเทียน?”
บัดนี้ พอได้พบเจอต้วนหลิงเทียนซึ่งๆหน้า เซวียหมิงจื่อก็เลยปั้นยิ้มกล่าวคาทักทายต้วนหลิงเทียน
“รองประมุขเซวีย”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้เซวียหมิงจื่อเบาๆเป็นการทักทาย
สาหรับความเย่อหยิ่งของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อรองประมุขเซวียนั้น ทาให้เหล่าอาวุโสของตาหนักกิจการฝ่ายในแปลกใจอยู่บ้าง เพราะต้วนหลิงเทียนไม่เคยแลดูหยิ่งเช่นนี้กับพวกมันเลย ต้วนหลิงเทียนมักประสานมือให้พวกมันและทักทายด้วยรอยยิ้มเสมอ
และต้องทราบว่าภายในนิกายมังกรสวรรค์แห่งนี้ ฐานะของรองประมุขเซวียอยู่สูงกว่าพวกมันมาก
“รองประมุขเซวียนี่ป้ายประจาตัวข้า”
หลังจากนั้น ภายใต้สายตาตกตะลึงของอาวุโสตาหนักกิจการฝ่ายใน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้า สะบัดมือเบาๆส่งป้ายประจาตัวของเขาไปหยุดลอยเบื้องหน้ารองประมุขเซวีย
เห็นชัดว่าเขาคิดให้เซวียหมิงจื่อรีบส่งมอบคะแนนอุทิศ 300,000 แต้มที่ประมุขนิกายมังกรสวรรค์มอบหมายมาให้เขาเร็วๆ
ฉากเรื่องราวดังกล่าวทาให้อาวุโสตาหนักกิจการฝ่ายในชักหน้าเหวอไปอยู่บ้าง และในขณะที่ทุกคนกาลังคิดว่ารองประมุขเซวียต้องไม่พอใจกับการกระทาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนจนต้องขมวดคิ้วหรือมีโมโหอะไรสักอย่าง แต่นั่นกลับทาให้พวกมันต้องอึ้งไปอีกรอบ
เพราะเซวียหมิงจื่อไม่คล้ายแปลกใจกับท่าทีไม่เคารพของต้วนหลิงเทียนเลย เพียงรับป้ายประจาตัวดังกล่าวมาถ่ายโอนคะแนนอุทิศ 300,000 แต้มให้โดยไม่พูดไม่จาอะไร
แน่นอนว่าคะแนนอุทิศ 300,000 แต้มที่ว่า ไม่ใช่คะแนนอุทิศของเซวียหมิงจื่อ แต่มันได้รับมาจากประมุขนิกายมังกรสวรรค์มาส่งมอบให้ต้วนหลิงเทียนอีกทอดเท่านั้น
กล่าวกันตรงๆ ตอนนี้เสมือนมันเป็นแค่คนส่งของ
“เอาล่ะ ข้าทาตามคาสั่งที่ได้รับมอบหมายจากท่านประมุขเสร็จสิ้นแล้ว ไว้พบกันใหม่วันหน้า”
หลังจากส่งป้ายประจาตัวคืนให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว ใบหน้าของเซวียหมิงจื่อก็ไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป เพราะมันรู้ดีว่าระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนไม่มีที่ว่างให้ประนีประนอมกันอีกแล้ว
แน่นอนว่ามันไม่คิดว่าจะมีที่ว่างให้ประนีประนอมรอมชอมกับต้วนหลิงเทียนแต่แรก
เพราะในความเห็นของมัน หลิงหูเหรินเจี๋ยผู้นาตระกูลหลิงหูไม่พ้นต้องบอกให้ต้วนหลิงเทียนทราบเรื่องที่มันส่งคนไปฆ่าหลิงหูเหรินเจี๋ยเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่หันหลังจากไป สองตาเซวียหมิงจื่อก็เริ่มฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอามหิต ‘ข้ามิอาจรั้งรอได้อีกสืบไป…ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ให้เทียบกับซีเหมินหลงเซี่ยงแล้วเกรงว่าคงมิได้ด้อยไปกว่ากัน’
‘ไม่แน่ในปัจจุบันมันอาจมีพลังต่อกรกับจอมราชันเทพขั้นต่าที่อ่อนแอได้แล้วด้วยซ้า…หาไม่แล้วไฉนมันถึงเป็นดั่งเป็ดคืนลาห้วยในสนามรบราชาเทพ และฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้เป็นร้อยทั้งที่เวลายังผ่านไปไม่ถึงปี?’
‘หากให้เวลามันเติบโตก้าวหน้า ไม่เพียงแต่กวงเทียนเจิ้ง กระทั่งลูกสาว ลูกเขยไม่เว้นตัวข้าเองต้องประสบเคราะห์เป็นแน่!’
เซวียหมิงจื่อไม่ได้รีบร้อนกลับไปยังสถานที่พักของตัวเอง แต่เลือกจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่พักบ่มเพาะของอาวุโสฝ่ายในกวงเทียนเจิ้งก่อน
…
หลังเซวียหมิงจื่อจากไป เหล่าอาวุโสตาหนักกิจการฝ่ายในก็หันกลับมามองต้วนหลิงเทียน และหนึ่งในนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ต้วนหลิงเทียน…นี่เจ้ามีเรื่องบาดหมางอันใดกับรองประมุขเซวียหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ และไม่ได้คิดจะปฏิเสธอะไร “อาจารย์ของจงซ่านที่เป็นลูกเขยรองประมุขเซวีย หรือก็คืออาวุโสฝ่ายในกวงเทียนเจิ้ง ได้ลงมือหมายฆ่าข้าตั้งแต่ตอนที่ข้าอยู่ในตระกูลหลิงหู เรียกว่าเป็นศัตรูของข้าตั้งแต่ข้ายังไม่ทันเข้านิกายมังกรสวรรค์ด้วยซ้า”
“และวันนั้นหากไม่ใช่เพราะผู้นาตระกูลหลิงหูเปิดใช้ค่ายกลพิทักษ์ได้ทัน เกรงว่าข้าคงตายไปแล้ว”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคา เขาก็ไม่รอให้อาวุโสตาหนักกิจการฝ่ายในได้ถามอะไรสืบต่อ เพียงมุ่งหน้าไปยังตาหนักกิจการฝ่ายในและเข้าไปด้านในทันที
ปล่อยให้อาวุโสตาหนักกิจการฝ่ายในไม่กี่คนได้แต่หันหน้ามองกันตาปริบๆ จากนั้นพวกมันก็ตระหนักได้ ว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่
ไฉนต้วนหลิงเทียนแลดูไม่แยแสรองประมุขเซวียนัก ที่แท้กลับมีเรื่องราวเช่นนี้
“ต้วนหลิงเทียนไม่ช้าก็เร็วจักต้องเติบโตก้าวหน้าจนกลายเป็นตัวตนอันทรงพลัง…หากว่ากวงเทียนเจิ้งนั่นมันไม่คิดมาขอขมาลาโทษกับต้วนหลิงเทียน อีกไม่นานมันต้องประสบเคราะห์ครั้งใหญ่แน่”
อาวุโสตาหนักกิจการฝ่ายในไม่กี่คนได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“เมื่อครู่ หลังเห็นท่าที่ของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อรองประมุขเซวีย น่ากลัวความแค้นความบาดหมางระหว่างต้วนหลิงเทียนกับกวงเทียนเจิ้งคงมิใช่เรื่องเล็กน้อยเป็นแน่ รวมถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพูดเมื่อครู่อีก ข้าว่ากวงเทียนเจิ้งไม่น่าจะประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียนได้อีก”
“ข้าเกรงว่าคงใช้เวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนก็คงมีพลังมากพอจะต่อกร กระทั่งฆ่ากวงเทียนเจิ้งได้!”
“ต้วนหลิงเทียนยังต้องรอเวลาให้เติบโตอีกหรือ? เท่าที่ข้าทราบมาขุมกาลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงเราแห่กันมาชักชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วมไม่หยุด ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเข้าร่วมขุมกาลังใดขุมกาลังหนึ่ง ถึงตอนนั้นขอแค่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยปากร้องขออาวุโสที่มารับสักคา ไม่แน่กวงเทียนเจิ้งอาจต้องชะตาขาด!”
…
หลังจากดูของในตาหนักกิจการฝ่ายในสักพัก ต้วนหลิงเทียนที่ตอนนี้มีคะแนนอุทิศล่าซาก็จัดหนักจัดเต็ม เลือกแลกเปลี่ยนสมุนไพรที่เขาต้องใช้มากมาย เมื่อพึงพอใจแล้วเขาก็กลับออกจากตาหนักกิจการฝ่ายใน
เมื่อกลับไปถึงบ้านพัก เขาก็ปิดด่านบ่มเพาะทันที
ในตอนนี้เขาไม่จาเป็นต้องหลอมโอสถเทพเพื่อช่วยในการฝึกฝนบ่มเพาะเพิ่มอีกแล้ว เพราะโอสถเทพที่เขาหลอมไว้ก่อนหน้ายังเหลืออีกมาก
และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกลับไปปิดด่านบ่มเพาะพลังที่บ้านพักนั้น ด้านรองประมุขของนิกายมังกรสวรรค์ เซวียหมิงจื่อ ก็ได้มาหารือกับอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์กวงเทียนเจิ้งถึงบ้านพักเป็นเรื่องเป็นราว
“พวกเรามิอาจรอได้สืบไป…ต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นให้เร็วที่สุด!”
เซวียหมิงจื่อเอ่ยคาเสียงหนัก “เวลาพึ่งจะผ่านไปนานเท่าไหร่กันตั้งแต่มันบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นราชาเทพขั้นสูงแล้ว ที่สาคัญพลังฝีมือของมันในปัจจุบัน น่ากลัวจะเทียบได้กับจอมราชันเทพขั้นต่าที่อ่อนแอหรือจอมราชันเทพขั้นต่าทั่วๆไปแล้วด้วยซ้า!”
“เจ้าเองก็สมควรได้ยินผลงานที่มันทาไว้ในสนามรบราชาเทพแล้วกระมัง?”
เซวียหมิงจื่อเอ่ยถาม
“ข้าได้ยินมาแล้ว”
กวงเทียนเจิ้งพยักหน้ารับด้วยท่าทีจริงจังเคร่งขรึม “ข้าเองก็มิอาจรอได้ไหวเช่นกัน…หากข้าปล่อยให้มันทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพ ข้าเกรงว่าอีกไม่นานข้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ถึงขั้นที่ข้าพูดได้ไม่อายปากว่าข้าต้องถูกมันฆ่าตายแน่!”
“แล้วแผนที่เจ้าวางไว้ก่อนหน้เล่า?”
เซวียหมิงจื่อเอ่ยถามอีกรอบ “ตอนนี้มันออกจากระนาบศึกจักรพรรดิแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าจักดาเนินตามแผนการ และหาทางล่อมันออกไปฆ่าได้แล้วกระมัง?”
“ข้าได้เริ่มจัดการตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อนแล้ว”
กวงเทียนเจิ้งกล่าว
“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
เซวียหมิงจื่อกล่าวด้วยน้าเสียงสีหน้าจริงจัง “การดารงอยู่ของมันทาให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างไรชอบกล…ตอนนี้มีเพียงความตายของมันเท่านั้น ถึงจะทาให้ใจข้าสงบได้”
“ไหรเลยข้าจะไม่เป็นเช่นนั้นเล่า…”
กวงเทียนเจิ้งคลี่ยิ้มขื่นขม “ขอรองประมุขเซวียโปรดวางใจ หลังจากที่ข้าดาเนินตามแผนแล้วเสร็จ ข้าจะส่งอาวุโสมังกรขาว 2 คนที่อยู่ในสายนิกายหมื่นปีศาจของข้าไปลงมือด้วยตัวเอง เพื่อให้รับรองว่าเรื่องราวทุกอย่างจะเรียบร้อย”
“จุดนี้ไม่ต้องรบกวนให้ท่านรองประมุขเซวียลงมือเองแน่นอน”
กวงเทียนเจิ้งกล่าวคามั่น
“เช่นนั้นก็ดี”
เซวียหมิงจื่อพยักหน้า ค่อยกล่าวเสริม “หากเป็นไปได้ บอกให้ 2 คนที่ว่าผนึกกาลังกันลงมืออย่างเต็มกาลัง อย่าได้ประมาทหรือชะล่าใจเด็ดขาด!”
“ข้ารู้สึกอยู่ตลอดเวลา ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันค่อนข้างแปลก”
“เพียงแค่แปลกตรงที่ใด ตอนนี้ข้าไม่อาจบอกได้”
มีปัญหาเรื่องสระอำเดี๋ยวมาแก้ทีหลังเน้อ