WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3857 ติงเหยียนหลงกล
หลังกลับมาถึงเมืองมังกรสวรรค์ได้โดยสวัสดิภาพ ติงเหยียนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ หลังจากนั้นก็หาที่นั่งประชุมกับสมาชิกในกลุ่ม เรื่องแบ่งป้ายที่จะใช้จบภารกิจ
สุดท้ายแล้วพวกมันก็ไม่เหมือนต้วนหลิงเทียน ที่กลับมาพร้อมป้ายประจาตัวของศิษย์นิกายมหาเอกะมากมาย จนแลกเปลี่ยนแต้มรบได้จานวนมาก
ป้ายประจาตัวศิษย์นิกายมหาเอกะที่พวกมันได้รับมาทั้งหมด ถูกเก็บไว้โดยหัวหน้ากลุ่มที่เก่งที่สุด หลังแบ่งป้ายให้ทุกคนนาไปใช้ยืนยันภารกิจแล้วเสร็จ ที่เหลือก็จะถูกจัดแบ่งให้เท่าๆกัน
หลังได้รับแบ่งป้ายส่วนของตัวเองแล้ว ติงเหยียนก็เดินตามกลุ่มคนไปยังตาหนักแต้มรบของเมืองสันติ
เดิมทีในระนาบศึกจักรพรรดิ ป้ายประจาตัวของศิษย์นิกายฝั่งตรงข้ามที่จะใช้จบภารกิจนั้น ไม่อาจนาไปแลกเปลี่ยนเป็นแต้มรบได้…อย่างไรก็ตามหลังจากที่นิกายมหาเอกะตัดสินใจเปลี่ยนกฏเกณฑ์ดังกล่าว ทางนิกายมังกรสวรรค์ก็เลือกจะเปลี่ยนด้วยเช่นกัน
เพราะหากอีกฝ่ายเปลี่ยน แต่ตัวเองไม่เปลี่ยนก็จะทาให้คนของตัวเองเอาใจออกห่างแล้ว
“ติงเหยียน แต้มรบที่เจ้าได้มา เจ้าจะเอาไปแลกอะไรหรือ?”
สหายร่วมกลุ่มคนหนึ่งยิ้มถามติงเหยียน
ได้ยินคาถามดังกล่าว ติงเหยียนก็ส่ายหน้าไปมาเบาๆ “ยังไม่ ข้าไปเดินดูของมาแล้ว ถึงแม้จะมีบางสิ่งที่ข้าอยากได้ แต่อาศัยแต้มรบน้อยนิดในมือเกรงว่าจะไม่พอ…”
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็ยังไม่คิดจะแลกอะไร”
กล่าวจบคา ติงเหยียนก็บอกลาอีกฝ่าย ก่อนจะกลับเมืองมังกรสวรรค์
ในขณะที่ติงเหยียนกาลังเดินไปยังประตูทางออกเมืองสันติ เพื่อกลับไปยังเมืองมังกรสวรรค์ และช่วงรอยต่อระหว่างเมืองนั้นเองก็มีคนสองคนกาลังเดินซุบซิบคุยกันข้างทาง
และทั้ง 2 คนนั่นก็คล้ายจะไม่สังเกตเห็นการมาของติงเหยียน ยังกระซิบกระซาบกันต่อ “เจ้าระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ใครรู้เรื่องนี้อีกเชียว…ที่นั่นไม่แน่อาจจะเป็นเทพซ่อนของจักรพรรดิเทพขั้นสูง”
“ข้ารู้แล้วหน่า เห็นข้าโง่รึไงกัน แต่เจ้าบอกว่าเทพซ่อนนั้นอย่างไรก็ต้องใช้คนจานวนหนึ่งเพื่อเปิดมันหรือไร แถมในนั้นไม่แน่ก็มีอันตรายไม่น้อย เช่นนั้นพวกเราต้องขอแรงจอมราชันเทพหรือไม่?”
“บัดซบ เจ้าบอกเองว่าไม่โง่ แต่ไฉนยังถามเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้? พวกเราเป็นแค่ราชาเทพขั้นสูง แต่คิดจะเอาจอมราชัน
เทพไปด้วยงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าหากจอมราชันเทพเข้าไปกับพวกเรา ยังจะเหลืออะไรดีๆตกถึงมือพวกเราหรือไม่?”
…
ขณะที่ทั้งคู่กระซิบกระซาบคุยกัน ก็มีหันรีหันขวางอยย่างระแวดระวัง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกมันไม่เห็นติงเหยียนที่อยู่ด้านหลัง พวกมันก็เลยคุยกันไม่หยุด
หากทว่าหลังคุยกันไปสักพัก หนึ่งในนั้นพลันหันไปมองด้านหลังโดยไม่รู้ตัว และพอเห็นติงเหยียน สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปทันที
ยิ่งไปกว่านั้น 2 ตาของมันยังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันชัดเจน!
อย่างไรก็ตาม เจตนาฆ่าฟันดังกล่าวกลับหายไปในพริบตา
“มีคน!”
มันรีบกล่าวเตือนสหายตัวเองเร็วไว สหายที่ว่าก็หยุดพูดและหันกลับมาตามมัน จนในที่สุดก็สังเกตเห็นติงเหยียน
“เจ้าได้ยินหมดแล้ว?”
ชายหนุ่มทั้งคู่ล้วนเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ หนึ่งในนั้นสวมใส่ชุดคลุมสีเขียวอ่อนอีกคนใส่ชุดคลุมสีเทาขาว สายตาที่มองมายังติงเหยียนของพวกมัน แลดูดุร้ายอยู่บ้าง
“ใช่”
ติงเหยียนรู้ดีแก่ใจ ว่าด้วยระยะทางทางแค่นี้ รวมถึงด่านพลังราชาเทพขั้นกลางของตัวเอง หากตอบไปว่าไม่ได้ยิน อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเชื่อแน่ เช่นนั้นมันก็ได้แต่กล่าวยอมรับออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้ ในใจของมันก็พุ่งพล่านร้อนรนไม่น้อย
เทพซ่อน ที่อาจถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิเทพขั้นสูง?
หากมันได้เข้าไปที่นั่น ก็นับว่าเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่!
“หืม? นี่เจ้า…ติงเหยียนเช่นนั้นรึ?”
หนึ่งในนั้น หลังมองติงเหยียนครู่หนึ่ง คิ้วมันก็ขมวดเป็นปม ต่อมาก็คล้ายจะนึกอะไรได้ออก สองตาเป็นประกายเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก
“เป็นข้าเอง”
ติงเหยียนพยักหน้า
“ติงเหยียน?”
อีกคนหันมามองถามสหายด้วยความสงสัย “เจ้ารู้จักมันด้วยหรือ?”
“ข้าไม่รู้จักมันเป็นการส่วนตัวหรอก แต่ข้าได้ยินเรื่องมันมาบ้าง เจ้านั่นเป็นคนที่อาวุโสสักการะสือคงพาเข้ามาอาศัยอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์เราเมื่อหลายปีก่อน แต่มันก็ไม่ได้เข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์เราอย่างเป็นทางการจนกระทั่งการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งที่ผ่านมา มันก็ได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายในอย่างเป็นทางการรุ่นเดียวกับต้วนหลิงเทียนและหัวเทียนตู้”
“อาวุโสสักการะสือคง? นั่นมิใช่บิดาของแม่นางสือคงเยว่หรอกรึ?”
“ไม่ผิด”
…
ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาหาติงเหยียน ด้านติงเหยียนแม้จะรู้สึกเสมือนหัวใจถูกบีบรัด แต่สีหน้ามันก็ยังคงความสงบไว้ได้ เพราะมันรู้ดีว่าทั้งคู่ไม่กล้าฆ่ามันที่นี่แน่นอน
“ติงเหยียน”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวอ่อน มองกล่าวกับติงเหยียนด้วยน้าเสียงจริงจัง “พวกเราไม่ได้ตั้งใจให้เจ้าได้ยิน แต่ในเมื่อเจ้าได้ยินแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะให้ทางเลือกแก่เจ้า 2 ทาง”
“หืม?”
ติงเหยียนมองรอฟังคาตอบของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มชุดเขียว “ช้าก่อน ตอนนี้เจ้าตามพวกเราไปที่อื่นก่อนดีกว่า”
“ระหว่างนี้ เจ้าก็คิดให้ดี”
“ถ้าเจ้าไม่สนใจเทพซ่อนที่อาจเป็นของตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูงเหลือทิ้งไว้ เช่นนั้นหลังจากออกไปข้างนอกกับพวกเราแล้ว เจ้าต้องกล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจต่อหน้าพวกเรา ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดล่วงรู้เด็ดขาด และพวกเราจะให้คะแนนอุทิศกับเจ้า”
“แต่ถ้าหากว่าเจ้าสนใจ เช่นนั้นพวกเราสามารถพาเจ้าขึ้นเรือลานี้ได้…อย่างไรก็ตามเจ้าสามารถหาคนมาด้วยได้แค่คนเดียวเท่านั้น และในเมื่อเจ้าสนิทกับอาวุโสสักการะสือคง เจ้าสามารถเชิญแม่นางสือคงเยว่มาด้วยได้”
“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เจ้าจะบอกเรื่องราวแก่แม่นางสือคงเยว่ เจ้าต้องกล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจก่อนว่านอกจากนางแล้วเจ้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครอีก และก่อนที่เจ้าจะบอกนาง เจ้าต้องให้นาง
กล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจก่อนเช่นกัน ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง…”
“นอกจากนั้น พวกเรายังรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางสือคงเยว่…เช่นนั้นหากนางสนใจจะไปด้วยจริงๆ เจ้าต้องให้นางกล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจอีกเรื่อง ว่าจะไม่ลงมือกับพวกเราไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งหลังออกนอกเขตนิกาย เว้นเสียแต่พวกเราจะเป็นฝ่ายลงมือกับนางก่อน”
…
ชายหนุ่มทั้ง 2 ผลัดกันกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ใดๆ
หากจะพูดว่าตอนแรกติงเหยียนนั้นสงสัยว่าเรื่องเทพซ่อนของตัวคนที่อาจจะเป็นจักรพรรดิเทพขั้นสูงที่อีกฝ่ายกล่าวมาอาจเป็นเรื่องเหลวไหล มาบัดนี้ความสงสัยดังกล่าวได้ลดทอนลงไป 3 ส่วน
หากพวกมันไม่แน่ใจนัก ไฉนถึงได้ระวังตัวกันนัก
เห็นได้ชัดว่าไม่มีเหตุไม่ระวัง!
“ข้ามีเรื่องหนึ่งจะขอพวกเจ้า…”
เมื่อทั้ง 2 นิ่งไปไม่พูดอะไรอีก ติงเหยียนก็มองกล่าวกับทั้ง 2 ว่า “ทุกเรื่องราวข้าตกลงทาตามพวกเจ้าว่า รวมถึงเรื่องที่จะพาคนไปด้วย 1 คน…”
“แต่ข้าไม่อยากพาสือคงเยว่ไปด้วย”
“ข้าต้องการชวนต้วนหลิงเทียนไปกับข้า สุดท้ายมันก็ยังไม่ใช่จอมราชันเทพ”
ติงเหยียนกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน?”
ได้ยินคาพูดของติงเหยียน สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนสีไปทันที “ต้วนหลิงเทียนที่เจ้ากล่าวถึง ใช่ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะไป 100 คนในสนามรบราชาเทพ และต้องสงสัยว่าพลังฝีมือทัดเทียมกับจอมราชันเทพขั้นต่าทั่วไปคนนั้นหรือไม่?”
“ยังเป็นศิษย์ฝ่ายในคนใหม่ของนิกายมังกรสวรรค์ ปรมาจารย์ต้วน?”
ในขณะที่สีหน้าทั้ง 2 คนเปลี่ยนไป แววตาของพวกมันก็ฉายชัดถึงความระวังตัวอย่างยิ่ง
“ใช่”
ติงเหยียนพยักหน้า
“ไม่ได้!”
หนึ่งในนั้นส่ายหัวไปมาทันที ยังโพล่งคาปฏิเสธออกมาเสียงหนัก “ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนคนนั้นสูงเกินไป ยังเหนือกว่าสือคงเยว่มาก…เช่นนั้นหากเข้าไปในเทพซ่อนที่ว่าแล้ว พวกเรายังจะได้รับผลประโยชน์อันใดอีก ไม่ใช่พวกเราต้องมองมันเอาทุกสิ่งไปรึไง?”
“ต้วนหลิงเทียนคนนั้นไปไม่ได้ เจ้าพาแม่นางสือคงเยว่ไปแทนเถอะ”
กล่าวจบคา ชายหนุ่มที่บอกปัดก็ส่ายหัวไปมาอีกรอบ
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มอีกคนก็ย่นคิ้วกล่าว “แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าต้วนหลิงเทียนไปด้วย อาศัยพลังฝีมืออันร้ายกาจของมัน เท่ากับว่าพวกเราไม่จาเป็นต้องชวนคนไปเพิ่มอีก จุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี”
“อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังฝีมือของมัน ถ้าเข้าไปในนั้นสิ่งดีๆคงไม่เหลือถึงมือพวกเราเช่นกัน เจ้าเองก็ต้องเข้าใจพวกเราบ้าง”
ทั้ง 2 คนหนึ่งยืนกรานปฏิเสธ อีกหนึ่งปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ทาให้หว่างคิ้วติงเหยียนย่นยู่เป็นปม
สิ่งดีๆแบบนี้ มันย่อมไม่อยากพาสือคงเยว่ไป
คนแรกที่มันนึกถึงก็คือต้วนหลิงเทียน
“ไม่ใช่ก่อนหน้าพวกเจ้าพูดเองหรือไร ว่าแค่ไม่ใช่จอมราชันเทพเป็นพอ ต้วนหลิงเทียนอย่างไรก็ยังเป็นราชาเทพขั้นสูงนี่”
ติงเหยียนยืนกรานเสียงหนัก “ไม่รู้ล่ะ ข้าจะพาต้วนหลิงเทียนไป…ถ้าพวกเจ้าสองคนไม่ยอมรับ เช่นนั้นหลังกลับออกไปข้างนอกแล้ว ข้าจะป่าวประกาศไปทั่วเลยว่าพวกเจ้า 2 คนรู้ตาแหน่งที่ตั้งของเทพซ่อนที่อาจจะเป็นของตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูง ถึงตอน
นั้นเชื่อข้าเถอะ ว่าพวกเจ้าจะยิ่งไม่ได้อะไรมากกว่าให้ข้าพาต้วนหลิงเทียนไปด้วยแน่!”
พอติงเหยียนพูดมาแบบนี้ สีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง สองตายังเปลี่ยนแป็นแหลมคมดุร้าย
จากนั้นทั้งคู่ก็ได้แต่หันหน้ามองตากัน จากนั้นก็นิ่งไปคล้ายหารือด้วยการส่งเสียงผ่านพลังต่อหน้าติงเหยียนอยู่นานสองนาน
ในที่สุดก็เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวอ่อน หันมามองกล่าวกับติงเหยียน “เจ้าจะพาต้วนหลิงเทียนไปด้วยก็ได้…อย่างไรก็ตามก่อนจะเดินทางไปยังเทพซ่อนที่อาจเป็นของจักรพรรดิเทพขั้นสูงนั้น เจ้าต้องให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจเพิ่มเติม ว่าสิ่งดีๆในเทพซ่อนแห่งนั้น มันไม่อาจฮุบเอาไปคนเดียวได้หมด”
“แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าด้วยความแข็งแกร่งของมันทาให้พวกเราลดจานวนคนที่ต้องเข้าไปแบ่งของกัน เช่นนั้นสิ่งใดๆในเทพซ่อน ต้วนหลิงเทียนคนนั้นสามารถรับไปได้แค่ 3 ส่วนเท่านั้น สาหรับ 7 ส่วนที่เหลือพวกเรา 2 คน เจ้า และคนอื่นๆจะแบ่งเท่าๆกัน”
ได้ยินคาพูดของชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวอ่อน ติงเหยียนก็พยักหน้า “ไม่มีปัญหา ว่าแต่พวกเจ้าคิดจะชวนคนไปเพิ่มอีกกี่คน? ข้าแนะนาว่าพวกเจ้าอย่าได้ชักชวนมาเยอะจะดีกว่า”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”
ชายหนุ่มอีกคนพยักหน้า กล่าวเสริม “ด้วยมีต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นพวกเรา 2 คนชวนคนไปเพิ่มอีก 4 คนก็น่าจะพอ!”
“ถึงตอนนั้น ต้วนหลิงเทียนจะได้ไป 3 ส่วน สาหรับพวกเราอีก 7 คนที่เหลือก็รับกันไปคนนละส่วน นับว่าลงตัวพอดีไม่มีปัญหา”
ได้ยินคาพูดของชายหนุ่มคนนี้ ติงเหยียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายโลกสวยเกินไป
สมบัติใดๆในเทพซ่อนของตัวตนที่อาจเป็นถึงจักรพรรดิเทพขั้นสูง คิดว่าได้มาง่ายดายนักหรือ?
เผลอๆอาจเอาชีวิตไปทิ้งด้วยซ้า!
พอนึกถึงจุดนี้ ติงเหยียนจึงพูดเสริมออกมา “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนตายด้านใน? พวกเจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน หากถึงช่วงเวลาคับขันสุดที่พวกเราจักรับมือ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้”
“เช่นนั้น ในบรรดาพวกเรา 8 คน…หากมีคนตาย 1 คน ต้วนหลิงเทียนจะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 4 ส่วน ถ้า 2 คนก็เป็น 5 ส่วน และถ้า 3 คนก็เป็น 6 ส่วน…”
ติงเหยียนเอ่ยเงื่อนไขออกมา “เรื่องนี้พวกเจ้าคงไม่มีใดขัดข้องกระมัง”
ทั้ง 2 ไม่รีบร้อนตอบรับเพียงนิ่งคิดและหารือผ่านพลังกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้ติงเหยียน “ตามนั้น”
…
‘ต้วนหลิงเทียนออกมาได้สักพักแล้วหรือ’
‘ไม่รู้ว่าตอนนี้ปิดด่านบ่มเพาะไปแล้วรึยัง’
หลังออกจากระนาบศึกจักรพรรดิ ติงเหยียนก็มุ่งหน้ากลับบ้านพักของตัวเอง ซึ่งเป็นสถานที่พักสาหรับศิษย์ฝ่ายใน และชายหนุ่มทั้ง 2 คนที่เป็นศิษย์ฝ่ายในเช่นกันก็มากับติงเหยียนด้วย จากนั้น 3 คนนาโดยติงเยยียนก็ไปยังบ้านพักของต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตามติงเหยียนพบว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ที่บ้าน
“เอาล่ะ เช่นนั้นหากข้าติดต่อต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ข้าค่อยติดต่อไปหาพวกเจ้า”
ขณะกล่าว ติงเหยียนก็นาลูกแก้ววิญญาณออกมาเพื่อแลกเปลี่ยนกับทั้งคู่ จากนั้นก็ลาทั้งคู่กลับที่พัก
ทั้ง 2 คนก็กลับไปยังบ้านพักหลังหนึ่ง พอมาถึงก็เปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นทันที
“ปลางับเหยื่อแล้ว…”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวอ่อนคลี่ยิ้มสดใส “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรารีบแจ้งให้อาวุโสกวงเทียนเจิ้งทราบเถอะ”
“ฮ่าๆๆ ครั้งนี้นับว่าพวกเราแจ้งข่าวดีไปจริงๆ…ข้าเชื่อว่าอาวุโสกวงเทียนเจิ้งต้องไม่ตระหนี่คะแนนอุทิศเป็นแน่!”
ชายหนุ่มอีกคนก็หัวเราะชอบใจ
ฟังจากที่ทั้ง 2 คุยกันในบ้าน เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นนกต่อที่กวงเทียนเจิ้งวางไว้ เพื่อล่อต้วนหลิงเทียนให้ออกจากนิกาย โดยเพ่งเล็งไปที่ติงเหยียนและใช้เรื่องเทพซ่อนของจักรพรรดิเทพขั้นสูงเป็นเหยื่อล่อ
จากนั้นแต่ละคนก็เร่งส่งข้อความออกไปทันที
ด้านกวงเทียนเจิ้งก็ได้รับข้อความ ทั้งตอบกลับเร็วไว
“ติงเหยียนงับเหยื่อแล้วรึ?”
หลังได้ยินรายละเอียดของเรื่องราว กวงเทียนเจิ้งก็คลี่ยิ้ม “นับว่าราบรื่นกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก…ด้วยวิธีนี้ติงเหยียนต้องปักใจเชื่อไปแล้ว ว่าเรื่องเทพซ่อนของจักรพรรดิเทพขั้นสูงเป็นเรื่องจริง!”