WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3860 ถูกจอมราชันเทพไล่ฆ่า
มีคำผิดบ้างประปรายโดยเฉพาะสระ-ำ เดี๋ยวมาแก้ให้ทีหลังเน้อ หรือลองโหลดของอีกเจ้าได้คะ
“ว่าอะไร!?”
“ค่ายกลรึ!?”
…
อีก 2 ใน 4 เดิมทีก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นร่องรอยอาคมีอะไร แต่ตอนนี้พอได้ยินคำกล่าวของอีก 2 คน พวกมันก็เร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบททำงเบื้องหน้าอย่างละเอียดทันที่และไม่นานนักพวกมันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของป่าศิลาเบื้องหน้า
“เป็นค่ายกลจริง ๆ!”
“ให้ตายเถอะ หากไม่มีใครเตือนข้า อาศัยการตรวจสอบทั่ว ๆ ไป ข้าคงไม่อาจค้นพบความผิดปกติได้เลย”
ได้ยินคำกล่าวของทั้ง 2 คน ด้าน 1 ใน 2 ที่พเบาะแสก็กล่าวคาออกมาเสียงหนัก “หากไม่ใช้เพราะพวกเราทั้งคู่ก็เคยขลุกอยู่กับการจัดตั้งค่ายกลมานาน ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะค้นพบ”
“ที่แท้พวกเจ้า 2 คนคิดจะทำอะไรกันแน่ ?!”
หลังจากนั้น สายตาของผู้ที่ค้นพเบาะแสทั้ง 2 คน ก็มองจ้องไปยังชายหนุ่มทั้ง 2 ที่นาทาง ยังกล่าวถามออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน สองตาแต่ละคนฉายชัดถึงโทสะ
ขณะเดียวกัน อีก 2 คนที่พึ่งค้นพบความผิดปกติหลังได้รับคาเตือน ก็มองจ้องไปยังชายหนุ่มผ็นาทางทั้ง 2 ด้วยสายตาระแวดระวังทั้งเอาเรื่อง
ส่วนอีกด้านั้นนต้วนหลิงเทียนเพียงมองไปยังชายหนุ่มผู้นำทั้ง 2 ด้วยท่าทางเฉยเมย สองตาฉายแววสงบไม่ยินดียินร้าย ราวกับไม่ได้แปลกใจกับเรื่องทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
แต่ทวาด้านติงเหยียนั้นน มีโมโหเป็นฟืนไฟ ท่าทางยังทารากับทนรอพุ่งไปกระชากคอเสื้อชายหนุ่มผู้นำทั้ง 2 แล้วถามพวกมันว่า ‘ตัวบัดซบเจ้า คิดจะทำอะไร!’ ไม่ไหวแล้ว
เมื่อชายหนุ่มผู้นำทั้ง 2 เห็นว่าพวกมันถูกต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นค้นพบความผิดปกติ แต่ละคนก็ย่นคิ้วเป็นปมจากนั้นก็เร่งปะทุพลังล่าถอยไปทันที่
และแทบจะพร้อม ๆ กันกับที่ชายหนุ่มทั้ง 2 คนล่าถอยไปปานฟ้าแลบ ในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ ร่างต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่ข้างตัวติงเหยียน ก่อนจะพาร่างติงเหยียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติวูบร่างไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มทั้ง 2 ล่าถอยไปทันที่
ปงงงง!!
แทบจะพร้อม ๆ กันกับที่ต้วนหลิงเทียนพาติงเหยียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติ พื้นที่ๆ ทั้งคู่อยู่ก่อนหน้า พลันถูกพลังมหาศาลขุมหนึ่งโถม
ถล่มอย่างเกรี้ยวกราด แสงพลังสว่างวาบ ปฐพีแผ่นฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น!
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนที่บัดนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยพลังมิติสีเทาปกคลุม พอหันไปมองพื้นที่เดิมที่พวกเขาเคยอยู่ เขาก็พบได้ทันที่ว่าบัดนี้ศิษย์ฝ่ายในทั้ง 4 คนได้ถูกพลังมหาศาลดังกล่าวป่นร่างจนแหลกเป็นหมอกเลอดหมดสิ้น
“ขุมพลังระดับจอมราชันเทพ!!”
ติงเหยียนที่ถูกต้วนหลิงเทียนพาข้ามมิติหลบหนีมาได้อย่างทันท่วงที่สีหน้าเปลื่ยนไปใหญ่หลวง
สำหรับต้วนหลิงเทียนั้นน สีหน้าทาทีของเขาไม่ได้เปลื่ยนไปสักเท่าไหร่ แต่ก็เผยให้เห็นความหวั่นเกรงอยู่บ้าง ขณะเดียวกันเขาก็รีบพาติงเหยียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปดักหน้า ศิษย์ฝ่ายในทั้ง 2 ที่นาทางมาทันที่
พอทั้งคู่เห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมาขวางทาง สีหน้าก็เปลื่ยนไปทันใด แต่ละคนเร่งคุกเข่าลงกลางฟ้า โขกหัวคานับกล่าวคาอ้อนวอนร้องขอความเมตตากันยกใหญ่ “ต้วนหลิงเทียนี้เป็นข้าถูกบีบคั้น! ปล่อยข้าไปเถอะ!!”
“ต้วนหลิงเทียน ขอเพียังวันนี้ท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ข้าจักไม่ลืมบุญคุณท่านไปชั่วชีวิต!!”
ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งคู่คล้ายลบเลื่อนความคิดหลบหนี้ไปหมดสิ้น เพียงคุกเข่าก้มหัววิงวอนร้องขอชีวิตถ่ายเดียว
อินจจาต้วนหลิงเทียนไม่แยแสคาวิงวอนใด ๆ ของพวกมัน
เพียงสะบัดมือออกไปส่ง ๆ ตามอำเภอใจ ความว่าง เปล่าเบื้องหน้ากอุบัติพายุมิติแปรปรวนอันทรงพลัง ก่อนจะโถมถล่มกลืนร่างทั้ง 2 จนสลายหายไปไม่เหลือซาก จากนั้นเขาก็พาติงเหยียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนี้ไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
แน่นอนว่าเขาหลบหนี้ไปทิศทางตรงกันข้ามกับป่าศิลา
ในเมือรู้แล้วว่าในนนเต็มไปด้วยค่ายกล การหลบหนีเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
“ติงเหยียน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมาแค่คนเดียว…เช่นั้นนเจ้ารีบหนี้ไปก่อนเถอะ ข้าจะล่อมันไปอีกทาง”
หลังวูบร่างข้ามแนวเทือกเขาที่ห่างออกไปจากป่าศิลา ต้วนหลิงเทียนก็รีบปล่อยติงเหยียน ก่อนจะปะทุพลังวูบร่างข้ามมิติไปทางตรงกันข้าม ยังจงใจทำให้อีกฝ่ายจับสัมผัสได้ง่าย ๆ
ด้านติงเหยียนแม้จะเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและรู้สึกผิด แต่มันก็ไม่ได้ติดตามต้วนหลิงเทียน หรือกี่ล่าววาจาให้มากความสืบต่อเพราะมันรู้ดีว่าการทำแบบนั้นก็จะมีแต่ลากถ่วงต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
‘เป็นข้าอ่อนแอเกินไป!!’
‘ไม่ได้การแล้ว! จากพลังจู่โจมเมื่อครูคนที่ซ่อนอยู่ในป่าหินมิพ้นจอมราชันเทพเป็นแน่ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจรับมือมันได้!’
‘แจ้งลุงสือคง!!’
คิดถึงจุดนี้ ติงเหยียนก็เร่งส่งข้อความออกไปอย่างไร้ลังเล
อินจจาหลังจากส่งข้อความไปแล้ว แต่กลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ สีหน้าติงเหยียนก็เปลื่ยนี้เป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ‘ท่านลุงสือคงจกำลังกักตัวฝึกฝน หรืออยู่ในระนาบศึกจักรพรรดิกัน ?’
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด แต่ก็ทำให้ใบหน้าติงเหยียนบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดรั้งอยู่ที่นี่สืบไป เร่งมุ่งหน้าย้อนกลับไปนิกายมังกรสวรรค์ทันที่
อีกทั้งเพื่อความปลอดภัย มันยังจงใจเบี่ยงทิศทาง
‘หากข้ารู้ข้าคงแลกเปลื่ยนลูกแก้ววิญญาณกับคนอื่น ๆ…ถึงท่านลุงสือคงจะไม่อยู่ แต่ถ้าติดต่อคนในนิกายมังกรสวรรค์ได้อย่างน้อย ๆ ทางนั้นก็ต้องเร่งส่งหน่วยกู้ภัยมาแน่’
ในขณะที่ใจตงเหยียนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล มันก็ยังท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกผิดนัก
…
และในขณะที่ติงเหยียนกำลังจะย้อนกลับไปนิกายมังกรสวรรค์ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านต้วนหลิงเทียนที่วูบร่างข้ามมิติติดต่อกัน ในที่สุดก็ได้นาพาจอมราชันเทพที่ไล่ตามเขามาไป ‘เล่นซ่อนหา’ ในพื้นที่ป่าภูเขา
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ถูกจอมราชันเทพดังกล่าวไล่ทัน
สุดท้ายความเร็วของอีกฝ่ายก็เหนือกว่าเขา แม้เขาจะใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ทว่าหลังอีกฝ่ายไล่ล่าเขาอยู่ครึ่งคือ นิวันในที่สุดอีกฝ่ายก็ตามเขาทันจนได้
ฟุ่บ!
ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ที่พึ่งจะปรากฏตัวออกมาจากการข้ามมิติ
อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดา สูงกว่าเขาเล็กน้อย อีกฝ่ายที่ลอยร่างขวางทางไว้ก็กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเฉยเมย พาลให้เขารู้สึกเสมือนถูกสัตว์ร้ายจับจ้อง
ชายวัยกลางคนผู้นี้มาในชุดคลุมลมสีดำแกมเทา ไร้ป้ายสัญลักษณ์ใดห้อยแขวนเอาไว้ ยากระบุที่มาของอีกฝ่ายได้แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้า ไม่พ้นต้องเป็นคนของนิกายมังกรสวรรค์แน่
กระทั่ง 9 ใน 10 ก็สมควรเป็นคนจากสายนิกายหมื่นปีศาจ
ตั้งแต่วินาทีแรกที่มาถึงป่าศิลา ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าเขากับติงเหยียนถูกหลอก
ส่วนเหตุผลที่ไฉนอีกฝ่ายถึงทำแบบนี้ ก็ไม่พ้นล่อหลอกเขาให้ออกจากินกายมังกรสวรรค์
เพื่อฆ่าเขา ต้วนหลิงเทียน คนในสายนิกายหมื่นปีศาจของนิกายมังกรสวรรค์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนของเซวียหมิงจื่อได้วางแผนล่อเขาโดยใช้เทพซ่อน…แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมาจากสายนิกายหมอกเร้นลับ
ถึงแม้เขากับเชวียไห่ชวนจะมีความสัมพันธ์อันดี และเชวียไห่ชวนก็มาจากสายนิกายหมอกเร้นลับ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่น ๆ ในสายนิกายหมอกเร้นลับ จะคิดดีกับเขา
“เจ้าเป็นใครกันเล่า มาจากสายนิกายหมื่นปีศาจหรือค้นของเซวียหมิงจื่อ ?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามชายวกัลางคนในชุดคลุมลมดาแกมเทาเบื้องหน้าด้วยสีหน้าน้ำเสียงใจเย็น
อย่างไรก็ตาม ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าไม่คิดจะเสียเวลากล่าววาจาใด ๆ กับเขา อีกฝ่าย ชักดาบใหญ่ยาว 5 ฉื่อเข่นฆ่ามาทางเขาเร็วไว ตวัดาบเปล่งแสงพลังสีทองให้กลิ่นอายแหลมคมราวกับจะสับสะบั้นได้กระทั่งความว่าง เปล่า
ดาบใหญ่ตวัดฟัน ส่งรัศมีดาบสีทองฟันฟาดจนความว่าง เปล่าสะท้านปานระลอกน้า เข่นฆ่ามาทางต้วนหลิงเทียนอยย่างอามหิต
แม้พลังดาบที่อีกฝ่ายใช้ออก จะเกิดจากพลังเทพขับเคลื่อนการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งทอง 3 ประการแต่เนื่องจากพลังเทพของอีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำ ทำให้พลังอานุภาพแข็งแกร่งไม่ใช้ชั่ว กดดันต้วนหลิงเทียนอย่างหนัก
ซัว!
พลังเทพในร่างต้วนหลิงเทียนที่โคจรเตรียมพร้อมแต่แรกระเบิดออกมาทันใด ร่างอันตรธานหายข้ามมิติหลบรัศมีดาบสีทองแกร่งกล้า ไปปรากฏตัวไกลหางหมายฉีกระยะเพื่อหาโอกาสตอบโต้
อย่างไรก็ตาม แม้ร่างเขาจะวูบไปปรากฏไกลห่าง ทว่ารัศมีดาบสีทองคล้ายมีดวงตางอกเงย มันเป็ลื่ยนทิศทางตัดฟ้าจี้เข่นฆ่าสังหารตามติดมาด้วยความเร็วอัศจรรย์ พลังทาลายด้วยสภาวะประหนึ่งจะเบิกผ่าแผ่นฟ้าก็ไม่ปาน!
ครืนนน!
ยามีพลังดาบสีทองผ่าฟ้าเข่นฆ่าเข้ามา เวิ้งฟ้าในอาณาบริเวณแถบนี้ก็คล้ายจะถูกแสงทองชโลมย้อมงดงาม ตระการตำราวแสงดาวสุกสกาวกลางฟ้ามืด ชวนให้บรรยากาศนิ่งสงบพิกล
ซัว!
ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบไปอีกครั้ง ดาบพลังสีทองที่ฟันอากาศดังขวับ ก็พุ่งถล่มลงไปตกกระทบผืนดินเบื้องล่าง อุบัติเสียงดังกึกก้องปานโลกถล่ม
มองลงไปก็พบเห็น้เป็นรอยดาบที่ผ่าแยกปฐพีไปเป็นแนวยาว คล้ายหุบเหวไร้ก้นบึ้ง ต้นไม้ที่ทำงพินาศวอดวาย ผืนป่าที่เคยสุขสงบกลายเป็นโกลาหลทันใด
“เจ้าหนี้ไม่พ้นหรอก!”
เมื่อต้วนหลิงเทียนวูบร่างหายไปอีกครั้ง ชายวัยกลางคนในชุดคลุมลมดาแกมเทาก็คารามเสียงเหี้ยม ดาบที่อัดแน่นไปด้วยรัศมีพลังสีทองในมือตวัดฟันซัดคลื่นดาบเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครา
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนสามารถหลีกหลบคลื่นดาบสังหารได้ทุกครั้ง
“ฮึ่ม!”
ในที่สุดสีหน้าชายวัยกลางคนในชุดคลุมลมดาแกมเทาก็เผยความเย็นชา พลังเทพทั่วร่างปะทุสูงขึ้นในฉับพลัน แสงพลังสีทองยิ่งมายิ่งส่องสว่าง จนคนคล้ายกัลับกลายเป็นอรหันต์ทองคา
ฟั่ฟฟฟฟ!
ดาบสีทองจู่โจมเข่นฆ่าเข้ามาอีกครา
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่ใช้คลื่นดาบธรรมดาเหมือนก่อนหน้า แต่ร่างชายวัยกลางคนในชุดคลุมลมดาแกมเทา คล้ายจะผสานหลอมรวมเป็นหนังก็ับดาบ คลื่นพลังมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย
ร่างต้วนหลิงเทียนไหววูบ คิดจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติอีกครา หากทว่าคลื่นดาบครานี้มาได้รวดเร็วเกินไป ไม่อาจหลบหนี้ได้อย่างไร้เรื่องราวอีกแล้ว
ดาบพลังฟันผ่าฉีกชายเสื้อของต้วนหลิงเทียนก่อนที่ร่างต้วนหลิงเทียนจะหายไป จากนั้นมีันก็หกเหเปลื่ยนทิศเข่นฆ๋าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งปรากฏตัวสืบต่อ
หลังจากไล่ตามต้วนหลิงเทียนได้ทัน พลังดาบคล้ายกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดกลืนร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งปรากฏตัวไปในบัดดล
“ในที่สุดข้าก็ทำตามความคาดหวังของทานอาจารย์ได้ทาสำเร็จ”
ขณะที่คลื่นดาบกลืนร่างต้วนหลิงเทียนจนบังเกิดการระเบิด ก่อเกิดพายุพลังซัดกาจายถล่มไปทั่วทิศทาง ร่างชายวัยกลางคนก็ปรากฏตัวออกมา พลางกล่าวพึมพาออกมาอย่างสาแก่ใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อแสงพลังอ่อนจางลง สำนึกเทวะที่แผ่ออกไปหมายเก็บสินสงครามพอพบเจอความว่าง เปล่า สีหน้ายินดีแต่เดิมก็เปลื่ยนี้เป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ทันใด
“บัดซบ! เป็นร่างอวตารกฏมิติ!!”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช้ใครอื่น มันคือศิษย์คนโตของกวงเทียนเจิ้งนามว่า เมิ่งซาน อาวุโสฝ่ายนอกของนิกายมังกรสวรรค์ สีหนามินบัดนี้บิดเบี้ยวจนดูไม่เหมือนผู้คน ยังมืดดาปานจะคั้นได้เป็นหยดน้าหมึก
ถึงแม้มันจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าอาจลงเอยเช่นนี้
แต่พอพบพานเข้าจริง ๆ ก็ดุจัด่งระเบิดห่าใหญ่ถล่มลงกลางใจ
“ทานอาจารย์ !”
ไม่รอช้า เมิ่งซาน ที่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบอารมณ์เฮือกหน่ง ก็รีบส่งข้อความรายงานเรื่องราวให้อาจารย์ของมันอย่างกวงเทียนเจิ้งรับทราบทันที่
ด้านกวงเทียนเจิ้งหลังได้รับข้อความของเมิ่งซาน สองตาของมันก็ฉายแววเย็นชานัก “ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนผู้นี้ จาต้องตายคามือข้า กวงเทียนเจิ้ง จริง ๆ”
ทั่วร่างกวงเทียนจ้งระเบิดจิตสังหารออกมาอย่างอามหิต ยังแผ่ซ่านออกมากดดันในบรรยากาศอยู่นานสองนาน
…
“ต้วนหลิงเทียน…”
ติงเหยียนที่เร่งรุดหลบหนีกลับนิกายมังกรสวรรค์ พอสัมผัสได้ถึงแรงระเบิดครั้งใหญ่ด้านหลังไกล ๆ ใจของมันก็เป็นกังวลหนักหนา ได้แต่ภาวนาให้ต้วนหลิงเทียนแคล้วคลาดปลอดภัย
“ติงเหยียน ทางเจ้าไม่เป็นอะไรนะ ?”
อย่างไรก็ตาม เสียงข้อความของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นในใจอย่างประจวบเหมาะ ทำให้ใจที่เป็นกังวลของมันพอได้ผ่อนคล้ายลงทันที่“ข้าไม่เป็นไร เจ้าเล่าต้วนหลิงเทียน จัดการมันได้แล้วหรือ ?”
“ไม่”
ต้วนหลิงเทียนก็ตอบกลับข้อความเร็วไว “ร่างอวตารกฏมิติของข้าถูกมันทาลายไปแล้ว…ส่วนร่างจริงของข้ายังคงอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดมาแบบนี้ สองตาติงเหยียนก็เปล่งแสงจ้าทันที่“เช่นั้นนหมายความว่า…ที่ไปกับข้าก่อนหน้า เป็นร่างอวตารกฏมิติของเจ้ารึ!?”
“ใช้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบัตรง ๆ “ก็เจ้าบอกว่าคนที่จะไปเทพซ่อนครั้งนี้ ไม่มีจอมราชันเทพเลย เต็มที่ก็แค่ราชาเทพขั้นสูง เช่นั้นนข้าคิดว่าแค่ร่างอวตารกฏมิติก็น่าจะเอาอยู่”
“และเพื่อไม่ให้มีพิรุธอะไร ข้าก็เลยปกปิดไว้กระทั่งเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
หลังได้ฟัง ติงเหยียนก็ดีใจหนักหนา จากนั้นก็เร่งส่งข้อความขอโทษเร็วไว “ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ครั้งนี้เป็นข้าทำให้เจ้าลำบากแล้ว…เดิมที่ข้าคิดว่าพวกเราจะได้พบเจอเทพซ่อนที่อาจ
เหลือไว้โดยจักรพรรดิเทพขั้นสูงด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายมันจะเป็นแค่กับดัก”
“อีกทั้งกับดักสังหารนี้ยังเพ่งเล็งมุ่งเป้ามาที่เจ้าโดยเฉพาะ”