WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3868 หอคุมกฎ
ตั้งแต่ใช้พลังสายเลือดรูปแบบที่ 2 เพื่อลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนครั้งที่ 3 แต่ไม่อาจเอาชีวิตต้วนหลิงเทียนได้ กวงเทียนเจิ้งก็รู้ดีว่ามันพลาดแล้ว
มันฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ไม่ว่า แต่มันยังต้องตายอีก!
ในใจมันทั้งมีโมโหทั้งไม่ยอมรับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
‘คุ้มค่าหรือไม่ ?’
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าทาทีกวงเทียนเจิ้งก็เปลื่ยนไปทันที่
เพราะในปัจจุบัน มันไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่าที่มันอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย ที่แท้เป็นเพราะมันต้องการล้างแค้นให้ลูกศิษย์อย่างฉู่
หานที่ตกตายไปในอดีต หรือที่แท้เป็นเพราะมันกลัวว่าต้วนหลิงเทียนที่เติบโตขึ้น จะหวนกลับมาคิดบัญชีภายหลัง
บางที่…อาจจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ก่อนหน้านี้ มันเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยกับการกระทำผลีผลามในอดีต มันไม่น่าลงมือกับต้วนหลิงเทียนในตระกูลหลิงหูเลย ทั้ง ๆ ที่มันเองก็รู้ว่าค่ายกลป้องกันของตระกูลหลิงหูมีอานุภาพไม่ใช้ชั่ว
วันั้นนไม่เพียงแต่มันจะไม่อาจแตะได้แม้ปลายผมต้วนหลิงเทียน แต่ยังกลายเป็นการเพาะสร้างความแค้นคว้ามอาฆาตกับต้วนหลิงเทียนโดยสมบูรณ์
“อาวุโสกวงเทียนเจิ้ง…”
พอเห็นสีหน้าทาทีกวงเทียนเจิ้งเปลื่ยนไป และอีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจเขา สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววสนุกสนาน จากนั้นก็ส่ง
เสียงผ่านพลังไปบอกว่า “ข้าจะบอกความจริงให้ฟัง…ศิษย์เจ้า ฉู่หาน เป็นข้าฆ่ามันเองกับมือ”
ได้ยินคำพูดผ่านพลังดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน กวงเทียนเจิ้งเพียงเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย ไม่คล้ายมีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงแม้มันจะไม่อาจยืนยันให้แน่ชัด ว่าคนที่ฆ่าฉู่หานศิษย์มันใช้ต่วนหลิงเทียนแน่หรือไม่ แต่มันก็เชื่อมาตลอดว่าต้วนหลิงเทียนี้เป็นฆาตกร
ดังนั้นพอได้ยินคาสารภาพของต้วนหลิงเทียน มันไม่เพียงไม่โกรธ แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรเลย
ขณะเดียวกัน ด้านต้วนหลิงเทียนก็พูดผ่านพลังต่อ “เจ้าคงไม่รู้สินะ…ว่าข้าไปเป็นศัตรูกับมันได้อย่างไร”
ได้ยินประโยคนี้แววตากวงเทียนเจิ้งเปลื่ยนไปเล็กน้อย
ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็น ก็กล่าวผ่านพลังไปตรง ๆ “อันที่จริงข้ากับมันพวกเราไม่ได้มีความแค้นอะไรกันเลย กระทั่งตอนที่มันตกตายคามือข้า ข้าก็ไม่ได้เคียดแค้น หรือไม่พอใจอะไรมันด้วยซ้ำ”
“เพราะในตอนั้นน เป็นมันกับข้าได้พบเจอโอกาสประเสริฐพร้อม ๆ กัน…อย่างไรก็ตาม มีเพียงหนึ่งในพวกเราเท่านั้นที่ถูกลิขิตให้ได้รับโอกาสประเสริฐดังกล่าว”
“ในตอนั้นนข้าอยากฆ่ามัน และมันเองก็อยากฆ่าข้า…แต่พอดี ข้ามีเปรียบกว่า คนที่ตายก็เลยไม่ใช้ข่า”
กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็นว่าแววตากวงเทียนเจิ้งเปลื่ยนไปคล้ายมีไฟลุก ก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของมัน เร่งกล่าวผ่านพลังสืบต่อ “และเพราะโอกาสประเสริฐที่ข้าได้มาหลังข้ามศพมัน ก็เลยทำให้ข้าในตอนั้นนที่เป็นแค่เทพขั้นสูงสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ และอย่างที่เห็นระดับพลังฝึกปรือของข้าก้าวหน้ำขึ้นมาถึงราชาเทพขั้นสูงได้อย่างรวดเร็วเหนือผู้อื่น กระทั่งในตอนนี้ข้าก็สามารถทะลวงถึงจอมราชันเทพได้แล้ว…เวลามันสั้นมากใช้หรือไม่เล่า ?”
“หากไม่ใช้เพราะโอกาสประเสริฐที่ว่า ต่อให้ข้าจะสามารถบ่มเพาะพลังได้ถึงราชาเทพขั้นสูงในเวลาอันสั้นรวมถึงได้รับโอสถเทพทะลวงราชันมาเหมือนกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ หากไม่ใช้เวลาบ่มเพาะ 20-30 ปี”
“อาวุโสกวงเทียนเจิ้ง…พอกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าเองก็ต้องขอบคุณศิษย์ท่านฉู่หานด้วย เพราะมันเป็นคนค้นพบเทพซ่อนแห่งนั้นพร้อมกลุ่มคนที่ออกไปทำภารกิจ หากไม่ใช้ว่าหนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวมาชวนข้าไปด้วย ข้าก็คงไม่พบเจอโอกาสประเสริฐเช่นั้นนหรอก”
“และถ้าข้าไม่พบเจอโอกาสประเสริฐนั่น หากข้าโดนเจ้าเล่นงานเหมือนวันนี้ ข้าคงเป็นศพไปแล้ว”
“น่าเสียดาย…น่าเสียดายจริง ๆ”
หลังได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนรอบนี้ กวงเทียนเจิ้งที่รู้ตัวว่ามันกำลังจะตายเปล่า ก็สูญเสียความยับยั้งชั่งใจไปหมดสิ้น มันี้ช
หน้าต้วนหลิงเทียนพลางตะโกนออกมาเสียงดังลั่นน้าลายแตกฟอง “ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้วันนี้ข้ากวงเทียนเจิ้งจะต้องตาย แต่เจ้าก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก!”
“อีกไม่นาน เจ้าก็ต้องตามข้ากับฉู่หานมา!!”
กระทั่งในภาวะสิ้นหวัง แต่กวงเทียนเจิ้งยังเดือดดาลถึงขั้นี้ชหน้าตะโกนด่าปานมนุษย์ป้าถูกแม่ค้าทอนเงินผิด เห็นได้ชัดว่าคำพูดของต้วนหลิงเทียนได้ยั่วโมโหมันขนาดไหน
“ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสนั่นหรอก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ด้านกวงเทียนเจิ้งที่หัวร้อนทั้งหงุดหงิดอยู่สักพัก ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าตอนนี้มันไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้แล้ว เช่นั้นนมันก็ไม่คิดจะสนใจอะไรต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป
‘ในตอนั้นนที่แท้เป็นมันพบเจอโอกาสวาสนาพร้อมหานเอ้อ…หลังมันฆ่าหานเอ้อและได้รับโอกาสวาสนาทีว่ามา จึงทำให้มันสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ ?’
ด้านเซวียหมิงจื่อหลังที่รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว มันก็รู้ดีว่ากวงเทียนเจิ้งต้องลงมือล้มเหลวแน่นอน
สุดท้ายก็เป็นไปตามคาด
อย่างไรก็ตามหลังรู้ว่ากวงเทียนเจิ้งได้ใช้พลังสายเลือดต้องห้ามออกมา มันก็ไม่คิดตาหนิกวงเทียนเจิ้งอีก เพราะมันรู้ดีว่ากวงเทียนเจิ้งทาดีที่สุดแล้ว
สุดท้ายแล้ว กระบวนท่าสังหารครั้งสุดท้ายของกวงเทียนเจิ้งนั่น ให้มองไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์แต่จอมราชันเทพขั้นต่ำที่สามารถรอดพ้นความตายได้ ก็มีน้อยถึงขั้นนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับรอดมาได้
สิ่งนี้ยังแสดงให้มันรู้ว่า ต้วนหลิงเทียนั้นนถึงแม้จะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำ แต่กลับไม่ใช้จอมราชันเทพขั้นต่ำธรรมดา ๆ แม้พลังรบอาจเทียบจอมราชันเทพขั้นกลางไม่ได้ แต่ก็ไล่ ๆ กับจอมราชันเทพขั้นกลางแล้ว!
‘ข้าหลงคิดว่ามันสามารถหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดได้เสียอีก…ที่แท้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้’
เซวียหมิงจื่อระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังได้รับข้อความจำกกวงเทียนเจิ้ง
มันกังวลจริง ๆ ว่าสาเหตุที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ในเวลาอันสั้น อาจเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดได้ เพราะถึงตอนั้นนหากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป้เกรงว่าชนชั้นผู้นำของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงต้องนั่งไม่ติด จนเร่งรุดมาเชิญต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองแน่
กระทั่งขุมกำลังที่ทรงพลังอำนาจเหนือกว่าขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิง หากรู้ข่าวก็อาจเดินทางมาชวนต้วนหลิงเทียนถึงที่
ถึงตอนั้นน ขอเพียงต้วนหลิงเทียนเอ่ยปากออกมาสักคา ถึงมันจะเป็นรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ก็คงต้องตายแน่นอน!
หากต้วนหลิงเทียนรับทราบว่าเซวียหมิงจื่อกำลังคิดอะไรเอ่ยู่ แม้จะไม่แปลกใจ แต่ไม่พ้นเขาต้องยิ้มเยาะมันแน่
การหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดได้ ย่อมทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นธรรมดา
แต่กลับกัน มันก็อาจชักนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเขาด้วย
สุดท้ายตอนนี้เขาก็เป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำตัวเล็ก ๆ ระดับพลังไม่อาจตามความสามารถในการหลอมโอสถเทพอันฝืนฟ้าได้
เลย หากทุกคนเคารพนับถือเขาเพราะความสามารถก็แล้วไป แต่เขาเกรงว่าตัวตนอันทรงพลังบางคน อาจมองเขาเป็นดั่งทาสคนหนึ่ง อาจจับตัวเขาไปเพื่อบังคับให้เขาหลอมยาทั้งวันทั้งคืนก็เป็นได้
ในระนาบเทพก็มี ‘ทาสโอสถ’ มากมาย ทั้งหมดถูกตัวตนอันทรงพลังบีบบังคับให้หลอมยาไปจนตาย
และทาสโอสถเหล่านี้ ก็มักเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ ที่พลังฝีมือไม่อาจตามความสามารถในการหลอมโอสถเทพได้ทัน
และเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนไม่อยากกลายเป็นทาสโอสถล้วน ๆ หลังเขาเปิดเผยพลังฝึกปรือออกมาแล้ว เขาก็เลยเลือกจะส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเย้ยกวงเทียนเจิ้ง เพื่อให้กวงเทียนเจิ้งหลงเชื่อว่าเหตุผลที่เขาทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ในเวลาอันสั้น ทั้งหมดเป็นเพราะโอกาสวาสนาที่เขากับฉู่หานได้พบเจอในอดีต
หาไม่แล้ว ไม่พ้นต้องมีบางคนระแคะระคายเรื่องที่เขาอาจหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดได้แน่นอน!
“รองประมุขเซวีย”
หลังเล่าเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้ฟังแล้วเสร็จ กวงเทียนเจิ้งก็ส่งข้อความมาหาเซวียหมิงจื่ออีกครั้ง “หลังข้าไปถึงหอคุมกฏ อีกไม่นานข้าก็คงต้องตายแล้ว…เช่นั้นนข้ามีคาคิดพูดอยู่ 2-3 คา และหวังว่ารองประมุขเซวียจะรับฟัง”
“เจ้าว่ามาเถอะ”
เซวียหมิงจื่อตอบข้อความกลับไปอย่างอดทน ดังคำกล่าว ‘คนกำลังจะตาย มีหมื่นล้านคาที่คิดกล่าว’ มันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากวงเทียนเจิ้งจะพูดอะไรก่อนตาย
ด้านกวงเทียนเจิ้งที่ได้รับข้อความตอบกลับ ก็เริ่มส่งข้อความต่อ “ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังเยาว์ แต่ความคิดอ่านคล้ายเฒ่าชราผ่านโลกมามาก…กระทั่งผู้ชราบางคนยังไม่อาจสู้มันได้ในเรื่องนี้”
“ตั้งแต่ครั้งก่อน ที่ข้าลวงติงเหยียนให้ล่อัมนออกมา มันไม่เพียงแต่ส่งร่างอวตารกฏออกมากระทั่งหลังร่างอวตารกฏถูกทาลาย มันก็ตัดสินใจไปลี้ภัยที่บ้านของเชวียไห่ชวนทันที่จึงไม่ยากที่จะมองเห็นว่ามันระวังตัวเพียงใด”
“คล้ายมันมีสัญชาตญาณรับรู้เภทัภยอันเฉียบคม”
“อย่างไรก็ตาม หากเป็นแค่สัญชาตญาณคงไม่เป็นไร ท้ายที่สุดแล้วสัญชาตญาณหรือลางสังหรณ์อันใดก็มิได้แม่นยาทุกครั้ง…แต่ข้าไม่คิดว่านี่เป็นสัญชาตญาณหรือลางสังหรณ์อันใด สมควรเป็นความคิดอ่านของมันมากกว่า”
“ต่อมา แม้ท่านจะพยายามทุกทางเพื่อล่อเชวียไห่ชวนออกไป้แต่มันก็ไม่ได้ตามเชวียไห่ชวนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ แต่กลับเลือกหาทางหนีที่ไล่ด้วยตัวเอง…สุดท้ายมันก็ไปขออาศัยอยู่ที่บ้านของอาวุโสสักการะสือคง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าไม่เห็นว่ามันจะเคย้ของแวะกับอาวุโสสักการะสือคงสักครั้ง”
“และคราวนี้ มันเลือกจะเดินทางเพียงลาพัง และตอนที่มันพบว่าข้าลอบทาร้ายมัน แต่มันกลับไม่เผยควาวมแปลกใจหรือตื่นตระหนักอันใด…ข้าเชื่อว่า เป็นมันรู้แต่แรกว่าข้าจะลงมือ!”
“ไม่แน่ ที่มันออกมาครั้งนี้ เผลอ ๆ อาจเป็นมันที่คิดล่อให้ขาลงมือ!”
กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของกวงเทียนเจิ้งก็ฟังดูหดหู่นัก “ข้าได้ยินมาว่ามันมาจากระนาบเทวโลก…ดูจากการกระทำของมัน มันไม่ใช้คนที่มีพื้นเพยิ่งใหญ่อะไรตั้งแต่ต้นในระนาบเทวโลก และไม่น่าจะเป็นศิษย์ที่ขุมกำลังใด ๆ เพาะสร้างขึ้นมา แต่สมควรเป็นผู้ฝึกตนที่ฟันฝ่าไขว่คว้าทุกสิ่งมาด้วยตัวเอง ดิ้นรนจนมาถึงจุดนี้ได้”
“ที่ข้ากล่าว ก็มิได้มีอะไรมากมาย…”
“ข้าเพียงอยากเตือนท่านสักคา รองประมุขเซวีย ว่าวันหน้าหากท่านไม่มี่นใจว่าจะสามารถลงมือฆ่ามันได้แน่ ๆ เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ลงมือกับมันโดยง่าย หาไม่แล้วข้าเกรงว่าท่านไม่เพียงขโมยไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารไปอีกหนังกามือ”
“คราวนี้ก็มีข้าเป็นเยี่ยงอย่างแล้ว”
หลังกล่าวจบคา กวงเทียนเจิ้งก็ไม่ส่งข้อความีอะไรออกไปสืบต่อ
ด้านเซวียหมิงจื่อก็ตกอยู่ในความเงียบทันที่
มันที่สามารถเป็นถึงรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ได้ ในแง่สติปัญญาแม้จะไม่ได้สูงกว่ากวงเทียนเจิ้งมากนัก แต่ก็ไม่มีทางด้อยกว่าแน่
หลังได้ยินคำพูดของกวงเทียนเจิ้ง มันเองก็บังเกิดความคิดเปลี่ยนจากเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนแล้วหันมาผูกมิตรแทน…แต่หลังคิดดูอีกรอบ มันก็ได้แต่โละความคิดดังกล่าวทิ้งไป
เพราะในปัจจุบัน ดูเหมือนมนจะไม่มีทางให้ย้อนกลับแล้ว
ถึงแม้วันนี้ผู้ลงมือจะมีแต่กวงเทียนเจิ้ง และมันไม่ได้ปรากฏตัวออกไป้
อย่างไรก็ตาม ด้วยสติปัญญาของต้วนหลิงเทียน หลังพบว่าอาวุโสมังกรดาที่ทำหน้าที่ลาดตระเวณพื้นที่แถบนั้นกลับไม่ปรากฏตัวออกมาระงับเหตุอยู่นานสองนาน ถึงขั้นอาวุโสมังกรขาวมาถึงก่อน ไม่พ้นต้องฉุกคิดได้แน่ว่าเป็นมันลอบลงมืออะไรบางอย่าง
‘ทันทีที่มันทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำ มันกลับมีพลังระดับนี้แล้ว…หากให้เวลามันเติบโตก้าวหน้าอีก บางทีแม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจทำอะไรมันได้’
‘กระทั่งหากให้เวลามันมากพอเผลอ ๆ ข้าจะเป็นฝ่ายถูกมันทิ้งห่าง’
‘กวงเทียนเจิ้งแนะนำให้ข้าไม่ลงมือผลีผลาม…แต่ถ้าไม่เสี่ยงลงมือหนึ่งวันก็เหมือนให้เวลามันเพิ่มอีกวัน เช่นั้นนเมือใดจะจัดการมันได้’
‘บางครั้งไม่เกี่ยวกับลงมือผลีผลามหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับสามารถลงมือให้ประสบผลไดีหรือไม่’
‘ต้องรีบหาทางฆ่ามันให้ได้เร็วที่สุด’
ในเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนและกวงเทียนเจิ้งถูกควบคุมตัวไปยังหอคุมกฏ เซวียหมิงจื่อก็ได้ส่งข้อความออกไปเช่นกัน
และข้อความที่มันส่งออกไปรอบนี้ ไม่ได้ส่งให้ใครในนิกายมังกรสวรรค์ แต่ถูกส่งออกไปหาสหายเก่าที่เคยพบเจอในอดีตคนหนึ่งนอกินกายมังกรสวรรค์
“ข้าต้องการนักรบเดนตายขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลาง 2 คน…เจ้าพอมีหนทางหรือไม่ ?”
และนี่ก็คือข้อความแรกที่เซวียหมิงจื่อส่งออกไป้
จากนั้นเซวียหมิงจื่อก็ส่งข้อความที่ 2 ออกไปตามติด “ไม่ว่าราคาจะสูงเพียงใด ขอเพียงข้าเซวียหมิงจื่อจ่ายไหว ขาย่อมจ่าย”
…
หอคุมกฏ
หลังจากต้วนหลิงเทียนกับกวงเทียนเจิ้งถูกควบคุมตัวมาถึงหอคุมกฏ ผู้คนในหอคุมกฏก็เปิดใช้อาคมกระจกสะท้อนลักษณ์ ฉายฉากเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ด้วยอาคมในค่ายกลของนิกายมังกรสวรรค์ทันที่
หลังจากนั้นฉากเรื่องราวทั้งหมด ก็ถูกบันทึกไว้ด้วยลูกแก้วเงาลอย ก่อนจะถูกส่งไปยังรองจ้าวหอคุมกฏ ซึ่งเป็นอาวุโสมังกรดาทันที่
สำหรับจ้าวหอคุมกฏนั้น ก็เป็นหนึ่งในอาวุโสมังกรทองไม่กี่คนของนิกายมังกรสวรรค์ และในปัจจุบันก็ได้เข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิไปแล้วยังไม่ได้กลับออกมา
“ท่านประมุข…”
ด้านรองจ้าวหอคุมกฏ หลังชมดูและยืนยันเรื่องราวแล้วเสร็จ มันก็เร่งติดต่อไปหาประมุขนิกายมังกรสวรรค์ หลงฉิงชง ทันที