WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3871 ต้วนหลิงเทียน จอมราชันเทพ
หลังจากต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิแล้ว ถึงแม้จะมีหลายคนจดจำเขาได้ แต่ก็เพียงจดจำได้เท่านั้น ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรอีก
เพราะตอนนี้ ข่าวเรื่องอาวุโสฝ่ายในอย่างกวงเทียนเจิ้งพึ่งจะแพร่ไปในนิกายได้ไม่ทันไร เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะแพร่เข้ามาในระนาบศึกจักรพรรดิ
และคราวนี้หลังจากต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิแล้ว เขาก็ไม่เตร็ดเตร่ที่ไหน สองเท้าก้าวอาด ๆ มุ่งหน้าไปยังทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพทันที่
เดิมทีคนที่จดจำต้วนหลิงเทียนได้ ก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนเข้ามาระนาบศึกจักรพรรดิครั้งนี้อาจเป็นเพราะมาเดินเล่นในเมืองมังกรสวรรค์ ไม่ก็ไปเดินดูของในเมืองสันติ แต่พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนก้าวอาด ๆ ไปยังทางเข้าสนามรบ พวกมันก็ตะลึงกันพักหนึ่ง “นี่มัน
อย่างไรกันแน่ ? ไฉนต้วนหลิงเทียนจ้าพรวดไปทางเข้าสนามรบแล้วล่ะ ไม่ใช้ว่าถูกสั่งห้ามไปแล้วหรือไร ?”
“นั่นสิ…นิกายมังกรสวรรค์เราตกลงกับนิกายมหาเอกะไปแล้วไม่ใช้หรือท่างนิกายมหาเอกะก็ได้สั่งห้ามซีเหม็นหลงเซี่ยงไปแล้ว เช่นั้นนต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่อาจเข้าสู้สนามรบราชาเทพได้เช่นกันนี่ ?”
“เดียวนะ ต้วนหลิงเทียนคงไม่ได้กำลังคิดจะฉีกสัญญาระหว่างนิกายมังกรสวรรค์เรากับนิกายมหาเอกะหรอกนะ ? ทุกคนก็ทราบดีว่าเพราะเรื่องนี้ท่านประมุขถึงมอบคะแนนอุทิศให้ต้วนหลิงเทียนี้เป็นพิเศษ!”
“ไม่หรอกมั้ง…ต้วนหลิงเทียนคงไม่ฉีกสัญญาหรอก”
…
หากต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิและไปเดินในเมืองมังกรสวรรค์ หรือมุ่งหน้าไปเมืองสันติ คงมีคนให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนไม่มาก
แต่บัดนี้ ต้วนหลิงเทียนกลับก้าวอาด ๆ มุ่งหน้าไปยังทางเข้าสนามรบทั้ง 3 ซึ่งที่นั่นก็ไม่มีอะไรให้ดูชม จึงทำให้ผู้คนฮือฮากันใหญ่
หลายคนถึงขั้นเดินตามต้วนหลิงเทียนเพื่อไปชมดูให้รู้เรื่อง
ด้านต้วนหลิงเทียนถึงจะพบว่ามีคนเดินตามเขามาเป็นพรวนเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร และพอได้ยินเสียงซุบซิบของพวกมัน เขาก็อดอมยิ้มไม่ได้
สนามรบราชาเทพหรือ ?
สถานที่ผีสางยากจนั่นน ตั้งแต่ที่เขากลับออกมาแล้ว ต่อให้ไม่มีข้อตกลงและด่านพลังยังไม่บรรลุ เขาก็ไม่มีวันเข้าไปอีกแน่นอน!
รายได้มันต่าเตี้ยเรี่ยดินเกินไป!
ต่อให้ฆ่าราชาเทพขั้นสูงของนิกายมหาเอกะ แต่ก็ทำให้เขาได้แต้มรบแค่ 25 แต้มเท่านั้น
แต่ในสนามรบจอมราชันเทพนั้น แค่ฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำสักคนของนิกายมหาเอกะ ก็ทำให้เขาได้แต้มรบ 200 แต้มแล้ว! ยิ่งฆ่าจอมราชันเทพขั้นกลางได้ เขาก็จะได้รับแต้มรบถึง 2,000 แต้ม!
ต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันก็ไม่ใช้คนไม่รู้ทางเหมือนการเข้ามาครั้งแรกอีกต่อไป วันั้นนแค่จะเข้าสนามรบราชาเทพเขาก็ต้องไปถามทางจากผู้คน แต่วันนี้เขาจดจำทางได้แล้ว นอกจากนั้นครั้งก่อนเขาก็ไม่ทันสังเกตว่าที่แท้มันมีป้ายศิลาบอกทางอยู่ด้วย
ด้านหนึ่งของเมืองมังกรสวรรค์ บริเวณทางสามแพร่งก็มีป้ายศิลาบอกทางไปสนามรบตั้งอยู่
ซ้ายสุดเป็นทางไปสนามรบราชาเทพ ตรงกลางไปสนามรบจอมราชันเทพ และขวาสุดก็ไปยังสนามรบกึ่งจักรพรรดิ
ในอดีตต้วนหลิงเทียนได้ไปยังทางซ้ายเพื่อเข้าสู่สนามรบราชาเทพ
แต่วันนี้ต้วนหลิงเทียนเลือกตรงกลางซึ่งนำไปสู่สนามรบจอมราชันเทพ
และฉากดังกล่าว ก็ตกอยู่ในสายตาของคนนิกายมังกรสวรรค์ที่ติดตามต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
“เดียวนะ…ทางนั้นมีัน…ต้วนหลิงเทียนคิดจะเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพหรือ!?”
“สนามรบจอมราชันเทพ ? ไม่ใช้ว่าจะเข้าไปได้ต้องมีระดับพลังอยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำก่อนรึไร…หรือต้วนหลิงเทียนั่นน มันทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำแล้ว ?”
“เป็นไปไม่ได้! เท่าที่ข้ารู้มาต้วนหลิงเทียนยังทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงได้ไม่ถึง 10 ปีด้วยซ้ำ…เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้แล้วรึ?”
“แล้วไฉนมันไปทางนั้นล่ะ ?”
“ข้าก็ไม่รู้หรอก…บางทีต้วนหลิงเทียนอย่ากไปดูรึเปล่า ว่าทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพเป็นอย่างไร ?”
…
ด้วยความอยากร้อยากเห็น ทุกคนก็พากันเดินตามต้วนหลิงเทียนต่อไป
ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วสักคน ดุจเดียวกับตอนที่ต้วนหลิงเทียนออกจากสถานที่พกับ่มเพาะของอาวุโสสักการะสือคง ไม่ว่าจะกวงเทียนเจิ้ง
หรือเซวียหมิงจื่อก็ไม่มีใครเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วสักคน
ในปัจจุบัน คนของนิกายมังกรสวรรค์ด้านนอกกกยังตะลึงกันไม่หายด้วยซ้ำ สำหรับเรื่องการทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนเดินตามทางมาไม่นานนัก ก็พบเห็นทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ
ทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ ก็ไม่ได้แตกต่างจากทางเข้าสนามรบราเทพแต่อย่างไร เพียงแค่ที่นี่มีผู้คนบางตากว่ามาก อีกทั้งลูกแก้ววิญญาณที่ว่างไว้บนชั้นก็มีน้อยกว่า
เนื่องเพราะตัวตนในขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะ มนั้นอยกว่าตัวตนในขอบเขตราชาเทพมาก
“หืม ?”
เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ ผู้อาวุโสของนิกายมังกรสวรรค์ที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลทางเข้าออกสนามรบจอมราชันเทพก็หันไปให้ความสนใจทันที่
และในปัจจุบันก็มีอาวุโสของนิกายมังกรสวรรค์ทำหน้าที่เฝ้าระวังกันอยู่ 2 คนเท่านั้น
“ไฉนผู้คนมากันเยอะนักล่ะ ?”
ไม่นานนักพวกมันก็สังเกตเห็นกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่มชุดม่วง และยังมีบางคนที่พวกมันคุ้นตา แถมจดจำได้ว่าเป็นศิษย์ในขอบเขตราชาเทพ “นี่พวกศิษย์ขอบเขตราชาเทพมันมาทำอะไรที่นี่ ?”
ทั้ง 2 อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ทานอาวุโสทั้ง 2 ข้าจะเข้าสนามรบจอมราชันเทพ”
ท่ามกลางสายตางุนงงของอาวุโสทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนก้าวออกไปทั้งทายพวกมันด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ไปยังโต๊ะข้าง ๆ เพื่อพิสูจน์ตัวตนกับจานค่ายกล จากนั้นก็หยิบป้ายประจำตัวที่ต้องใช้เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพมาผูกพันธะ เพราะทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพก็เหมือนกับทางเข้าสนามรบราชาเทพ มันมีค่ายกลระบุตัวตนทั้งตรวจสอบพลังฝึกปรืออยู่ด้วย
สิ่งนี้จะเป็นการยืนยันตัวตนรวมถึงพลังฝึกปรือและตัวป้ายที่ได้มาก็จะบอกให้คนอื่นรู้ได้ทันที่ว่าเขาเป็นคนนิกายมังกรสวรรค์
วู้มมม!
จากนั้นต่อหน้าต่อตาทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติหายไป ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่บนทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ เจ้ายังไม่ได้ทิ้งลูกแก้ววิญญาณเอาไว้เลย”
ถึงแม้ 1 ในอาวุโสฝ่ายในที่เฝ้าทางเข้าออกจะตะโกนออกมาได้ทันเวลาก่อนต้วนหลิงเทียนจะเข้าไปในสนามรบจอมราชันเทพ แต่ต้วนหลิงเทียนก็หายเข้าไปในสนามรบจอมราชันเทพโดยไม่ได้สนใจฟัง
ในเวลาเดียวกัน
“เอื๊อก”
“ฟืด-”
เหล่ากลุ่มคนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมา บ้างก็กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก บ้างก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเห็นบ
“สวรรค์ช่วย! ต้วนหลิงเทียนรับป้ายประจำตัวจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์เรา ทั้งเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพได้เฉยเลย!!”
“ช้าก่อน ป้ายนั่น…มิใช่ว่าต้องเป็นจอมราชันเทพแล้วเท่านั้น หรือไร ถึงจะผูกพันธะครอบครองได้ ?”
“ให้ตายเถอะ ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว!!”
…
บทสนทนาอันน่าตกใจของกลุ่มคน ย่อมดังเข้าหูอาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลทางเข้าออกสนามรบจอมราชันเทพเช่นกัน และทำให้ร่างพวกมันนิ่งค้างไปราวกลายเป็นหินพักใหญ่
ชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพผู้นั้น ที่แท้เป็นต้วนหลิงเทียนเช่นั้นน หรือ!?
พวกมันไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนตัวเป็น ๆ มาก่อน เช่นั้นนจึงจดจำไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ใช้ว่าพวกมันจะเคยเห็นคนในนิกายมังกรสวรรค์ทั้งหมด จึงไม่แปลกที่บางครั้งก็ไม่เคยเห็นหน้าคนดัง
แต่บัดนี้พอรับทราบว่าชายหนุ่มชุดม่วงเมื่อครูคือต้วนหลิงเทียน พวกมันก็อดหวาดกลัวไม่ได้
เพราะต้วนหลิงเทียนั้นนถึงแม้พวกมันจะไม่เคยเห็นหน้า แต่พวกมันก็ได้ยินเรื่องราวมามากมาย
นั่นคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ร้ายกาจเยี่ยงปีศาจของนิกายมังกรสวรรค์ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นราชาเทพอันดับ 1 ของนิกายมังกรสวรรค์ เมื่อไม่กี่ปีก่อนก็สร้างผลงานมหากาพย์เข่นฆ่าศิษย์ขอบเขตราชาเทพของนิกายมหาเอกะไปถึง 100 คนในเวลาไม่ถึงปี่ เรื่องนี้ทำให้ประมุขนิกายมหาเอกะถึงขั้นต้องมาเยือนนิกายมังกรสวรรค์และทาข้อตกลงไม่ให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่สนามรบราชาเทพอีกครั้ง!!
เพราะเรื่องดังกล่าว ทำให้พวกมันตระหนักได้ทันที่ว่าต้วนหลิงเทียนี้เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าซีเหม็นหลงเซี่ยงที่เป็นอัจฉริยะอันหาตัวจับยากของนิกายมหาเอกะเลย
นอกจากนั้น พวกมันยังรู้อีกด้วย ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว
มาวันนี้พอพวกมันได้พบเห็นต้วนหลิงเทียนตัวเป็น ๆ ครั้งแรก แต่ต้วนหลิงเทียนกลับยืนยันตัวตนและระดับพลัง คว้าป้ายจอมราชันเทพไปผูกพันธะ จวบจนเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพหน้าตาเฉย! กระทั่งพวกมันผ่านอะไรมามาก จังหวะนี้ยังอดกลืนน้ำลายลงคอดัง ‘อึก’ ไม่ได้ จากนั้นพวกมันก็รู้สึกเสมือนลาคอแห้งผากพิกล
ในเวลาไม่ถึง 10 ปี ต้วนหลิงเทียนกลับพัฒนาจากราชาเทพขั้นสูงไปสู่จอมราชันเทพขั้นต่ำ ?
ไม่ใช้ว่า กระทั่งซีเหม็นหลงเซี่ยงของนิกายมหาเอกะก็ยังไม่ก้าวหน้าเลยไม่ใช้เหรอ ?
ในเวลาเดียวกัน
เหล่าผู้ที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมา แต่ละคนก็เร่งติดต่อแจ้งข่าวให้สหายรับทราบกันจ้าละหวั่น
และพอดีกับที่คนของนิกายมังกรสวรรค์ได้เข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ และมาแจ้งเรื่องราวใหญ่โตที่พึ่งเกิดขึ้นด้านนอกกกให้คนในเมืองมังกรสวรรค์รับทราบ
ครูต่อมา เมืองมังกรสวรรค์ก็แตกตื่นกันยกใหญ่
กระทั่งไม่นานนัก เรื่องราวกได้ยินไปถึงเมืองสันติ ทำให้เหล่าคนของนิกายมหาเอกะที่ได้ยินอดตื่นตระหนกไม่ได้
ไม่นานนัก เรื่องราวกลวงรู้ไปถึงนิกายมหาเอกะเช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว ?”
“ต้วนหลิงเทียนที่ว่า ใช้คนที่ฆ่าศิษย์ขอบเขตราชาเทพของนิกายมหาเอกะเราไป 100 คน หรือไม่ ?”
“มิผิด! เป็นเจ้านั่น!!”
“ต้วนหลิงเทียนของนิกายมังกรสวรรค์คนั้นน ที่หลายคนบอกว่าสามารถเทียบได้กับซีเหม็นหลงเซี่ยงของนิกายมหาเอกะเราน่ะหรือ…บอกตรง ๆ ก่อนหน้าหน้าข้าไม่เชื่อเลย แต่ตอนนี้…ดูเหมือนซีเหม็นหลงเซี่ยงเองก็ยังไม่บรรลุถึงจอมราชันเทพกระมัง ?”
“ไม่น่าจะบรรลุถึง เพราะหากบรรลุถึงแล้ว ซีเหม็นหลงเซี่ยงต้องเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพทันทีแน่!”
…
เมื่อรับรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว นิกายมหาเอกะเองตั้งแต่ระดับต้ายันสูง ก็ตกใจไม่แพ้กันเรยกว่าสะเทือนสะท้านไปทุกแห่งหน
ด้านซีเหม็นหลงเซี่ยงที่กลับมากก็ตัวฝึกตนในนิกายมหาเอกะอยู่หลายปี ก็ได้รับทราบข่าวเช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วหรือ ?”
หลังจากได้รับทราบข่าวัดงกล่าว ซีเหม็นหลงเซี่ยงก็ปิดกั้นการสื่อสารจากโลกภายนอกอีกครั้ง “ในสนามรบราชาเทพไม่ได้สู้กัน…เช่นั้นนต้วนหลิงเทียนเจ้ารอให้ข้าทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพก่อนเถอะ หลังจากนั้นข้าจะเข้าไปสู้กับเจ้าในสนามรบจอมราชันเทพ”
อัจฉริยะย่อมมีความภาคภูมิใจในตัวเอง
ซีเหม็นหลงเซี่ยงก็ไม่ใช้ข่อยกเว้น
ในอดีตหลังต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะขอบเขตราชาเทพไปถึง 100 คน นิกายมหาเอกะก็เร่งติดต่อให้มันกลับออกมาโดยด่วน จากนั้นกออกคำสั่งห้ามไม่ให้มันเข้าสู่สนามรบราชาเทพอีกต่อไป
ตอนแรกมันก็ไม่อยากทำตามคำสั่ง
ต่อมาเมื่อทราบว่าต้วนหลิงเทียนก็ถูกสั่งห้ามเหมือนกัน มันก็ไม่ติดใจอะไรอีก เพราะเหตุผลเดียวที่มันเข้าสู่สนามรบราชาเทพ ก็เพื่อต่อสู้กับต้วนหลิงเทียน
หลังจากนั้นมีันก็อธิษฐานให้ต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้โดยไว ไม่ต้องรอให้มันที่อีกไม่นานก็สมควรทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ต้องรอนาน เพื่อจะได้เข้าไปสู้กันในสนามรบจอมราชันเทพ
ตอนแรกมันก็คิดว่ากว่าต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพ มันที่สมควรทะลวงผ่านก่อน ก็น่าจะไปลุยในสนามรบจอมราชันเทพได้สักพักแล้ว
แต่ไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ ว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคนที่ทะลวงผ่านก่อนัมน
“ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีหลังจากบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูง ก็สามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตจอมราชันเทพได้แล้วหรือ ?”
เรื่องนี้ยังโจมตีจิตใจซีเหม็นหลงเซี่ยงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทดท้อแต่กลับมุ่งมั่นจะทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันเทพโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพและไปวัดกับต้วนหลิงเทียนให้รู้สูงต่า!
มันตั้งหน้าตั้งตารอคอยการต่อสู้นี้มานานแล้ว
“เจ้าต้วนหลิงเทียนั่นน มันทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำแล้วรึ?”
ประมุขนิกายมหาเอกะไม่เว้นเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงก็ตกใจไม่ต่างเมื่อได้รับทราบข่าวการทะวงขั้นพลังอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน “เด็กน้อยนั่นมันฝึกฝนบ่มเพาะอย่างไรกัน!?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ สมควรพบพานวสนาปาฏิหาริย์อะไรมาเป็นแน่! หาไม่แล้วต่อให้มันจะมีพรสวรรค์ทั้งศักยภาพมากแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้!”
“วาสนาปาฏิหาริย์ที่ว่า…อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นมรดกของจกรพรรดิเทพอันทรงพลัง”
“ข้าก็รู้สึกเช่นั้นน”
…
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้กังวลอะไรมากสำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำที่พึ่งทะลวงผ่านเท่านั้น
ให้เทียบกับตัวตนในขอบเขตราชาเทพของนิกายมหาเอกะ ความเข้าใจในกฏของต้วนหลิงเทียนอาจจะเหนือกว่ามาก…แต่พอไปเทียบกับตัวตนในขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะแล้ว ก็ไม่ใช้ว่าจะเหนือไปกว่ากัน
ในสายตาของพวกมัน หลังจากต้วนหลิงเทียนเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ อย่างดีก็แค่เป็นภัยคุกคามต่อจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมหาเอกะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงผู้ดูแลฝ่ายใน ไม่ก็ชนชั้นอาวุโสฝ่ายนอกของนิกายเท่านั้น