WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3882 สายตาพิฆาต
อดีตจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง พร้อมด้วยเหล่ายอดฝีมือของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์นาโดยจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว ได้หวนคืนสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ด้วยสภาวะอันครอบงาผู้คนนัก
พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ บัดนี้ถึงเวลาหวนคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว หากมันผู้ใดหาญกล้าโผลั่หวออกมาขัดขวาง จุดจบมีเพียงตกตายสถานเดียว
จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างที่หาย่อหน้าไปนานปี ได้เฝ้ารอการกลับมาของนายเหนือเพียงหนึ่งเดียวมาโดยตลอด และในปัจจุบันพลังฝีมือของมันก็กล้าแข็งกว่าในอดีตไม่ใช้น่อย
เพียงตัวคนเดียวก็ให้ความรู้สึกประหนึ่งสะกดทัพได้นับพัน
ผู้ที่เสนอหน้ำออกมาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชีวิตรอดจากหน่งหมัดของมันได้เลย
ปงงง!!
อีกหน่งหมัดัซดออก จักรพรรดิอมตะสมญานามที่โผล่มาขัดขวางได้กลับกลายเป็นหมอกโลหิตไปอีกคน
“เจ้านั่นมันคือจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว!”
“แม่ทพอันดับหนึ่งใต้บัญชาจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง เมิ่งหลัว!”
…
ภายในโถงบัลลังก์ของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน เหล่าจักรพรรดิอมตะที่แต่เดิมคิดออกไปสกัดขัดขวาง พอเห็นเมิ่ง
หลัวบุกฝ่าลงมาจากฟ้าด้วยสภาวะเหี้ยมหาญ พบหนึ่งคนฆ่าหนึ่งคน ทว่าเสื้อผ้ากลับไร้โลหิตกระเซ็นเปื้อน แต่ละคนจึงบังเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าออกไปขัดขวางสืบต่อ
“เมิ่งหลัว!”
ทันใดนั้น สุรเสียงหนึ่งพัลนดังออกมาจากโถงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เบื้องล่าง “หากเจ้าฆ่าข้า จักรพรรดิอมตะสมญานามจากวิหารเฟิงฮ่าวคนนี้ ต่อให้ฟงชิงหยางจะกลับมาแล้วก็ไม่อาจคุ้มกะลาหัวเจ้าได้”
พร้อม ๆ กันกับเสียงตะโกน ร่างหนังก็ทะยานแหวกความว่าง เปล่าขึ้นมา เป็นชายวัยกลางคนแลดูร้ายกาจย่ากระบี่หนักเล่มเขื่อง รูปร่างของมันสูงใหญ่กายาคล้ายเมิ่งหลัว หว่างคิ้วแฝงไว้ด้วยโทสะแลดูน่าเกรงขามไม่ใช้ชั่ว
“อ้อ ? หากข้าจาไม่ผิด เจ้าสมควรเป็นจักรพรรดิอมตะกระบี่สวรรค์ หยานเทียนหนาน กระมัง ?”
ดวงตาเมิ่งหลัวเปล่งประกายขึ้นมาทันที่เมื่อเห็นร่างผู้มาใหม่
จักรพรรดิอมตะกระบี่สวรรค์ หยานเทียนหนาน ผู้นี้ มันเป็นรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน ผู้คนมักขนานนามมันว่า เซียนกระบี่อันดับ 2 แห่งจี้เมี่ยเทียน พลังฝีมือของมัน หากวัดกันในเชิงกระบี่แล้ว กล่าวได้ว่าเป็นรองก็แต่เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน ฟงชิงหยางแต่เพียงผู้เดียว
และหลังจากฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตเทพ มันก็ได้รับการยอมรับให้เป็น เซียนกระบี่อันดับ 1 แห่งจี้เมี่ยเทียนทันที่
แต่แน่นอนว่าฉายา เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน ที่เดิมเป็นของฟงชิงหยางนั้น มันไม่อาจรับไว้ได้
เพราะถึงแม้จะไม่มีเซียนกระบี่คนไหนในจเมี่ยเทียนที่เอาชนะมันได้ แต่มันก็ไม่ใช้ว่าจะสามารถเอาชนะเซียนกระบี่ทุกคนในจเมี่ยเทียนได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เซียนกระบี่คนอื่นั้นนได้ใช้กลวิธีและฝีมือแขนงอื่น ๆ นอกจากกระบี่เพื่อสู้ได้ทัดเทียมกับมัน นามเซียนกระบี่อันดับ 1 มันจึงครอบครองได้ไม่อายใคร
แต่สำหรับฟงชิงหยางนั้น หนึ่งคนหนังก็ระบี่ สยบสิ้นทั้งจี้เมี่ยเทียน!
เช่นั้นนก็เลได้รับการยอมรับจากผู้คนทั้งจี้เมี่ยเทียนว่าเป็น เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน
“ข้าอยากวัดกับเจ้าหยางเทียนหนานมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเสียที่วันนี้ให้ข้ารับทราบพลังฝีมืออันสูงส่งของร้องจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนสักคราเถอะ ว่ามันจะแน่สักแค่ไหน!”
เมิ่งหลัวกล่าวคาออกมาเสียงเย็น จากนั้นสองตาก็ฉายชัดถึงจิตต่อสู้อันฮึกเหิม ทั่วร่างปะทุพลังดุร้าย ชิงลงมือจู่โจมออกไปก่อนทันที่
ด้านหยานเทียนหนานเมือเห็นเมิ่งหลัวดิ่งลงจากฟ้าด้วยสภาวะอันเกรี้ยวกราด ก็ไม่กล้าละเลยดูเบา กระบี่หนักลอยออกจากเท้าเข้ามือพลังทั่วร่างรวมรั้งสู่กระบี่หนัก จนตัวกระบี่หนักเล่มเขื่องเปล่งแสงพลังแกร่งกร้าว จากนั้นก็เสือกกระบี่หนักแทงทะลวงขึ้นฟ้า โจนร่างทะยานสวนเข้าใส่เมิ่งหลัวอย่างไร้ครั่นคร้าม!
ฟุ่บ!
ในเวลาเดียวกัน ฟงชิงหยาง ผู้เฒ่าหั่วรวมถึงอดีตยอดฝีมือใต้บัญชาฟงชิงหยางก็โรยตัวลงมาหาหยุดชมเรื่องราวกลางหาว มองเมิ่งหลัวกับหยานเทียนหนานที่กำลังปะทะกันไกล ๆ ด้วยความสนใจ
“เจ้าเมิ่งหลัวคนนี้ ดูท่าจะเก็บกดมานานปีที่เดียว”
ฟงชิงหยางได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
ผู้เฒ่าหั่วที่ลอยร่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ ด้านหลังฟงชิงหยาง ก็หัวเราะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ “ใต้เท้าเมิ่งหลัว มักตรงไปตรงมา
เสมอ อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิอมตะกระบี่สวรรค์ หยานเทียนหนาน ผู้นั้นก็มิใช่ชนชั้นต่าทราม”
ก่อนที่ทั้งสองจะคุยกัน เมิ่งหลัวก็ปะทะกับหยานเทียนหนานแล้ว
ไม่ทันไร ทั้งคู่ก็ประมือกันไปร้อยกว่ากระบวนท่า แต่ทว่าไม่มีผู้ใดส่อสัญญาณแพ้พ่ายใด ๆ ราวกับพลังฝีมือทัดเทียมกัน และจากที่สังเกตุดูทั้งคู่ก็ใช้พลังฝีมือทั้งหมดออกมาอย่างไร้ซึ่งการออมรั้งใด ๆ แล้ว
“เมิ่งหลัว เจ้ากลับมาเถอะ”
ทันใดนั้นเอง ฟงชิงหยาง พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ฝีมือเจ้ากับมันพอ ๆ กัน สู้ต่อไปก็ไร้ความหมาย”
สิ้นคำกล่าวฟงชิงหยาง เมิ่งหลัว ก็ผละออกจากการต่อสู้ทันที่จากนั้นก็เหินร่างกลับไปหาฟงชิงหยาง ขณะเดียวกันก็มองไป
ยังหยานเทียนหนานไกลตา กล่าวว่า “จักรพรรดิอมตะกระบี่สวรรค์ นับว่าสมคาร่าลือจริง ๆ”
“จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเองก็นับว่ามีพู่กันสองด้าม…”
เมื่อเห็นว่าเมิ่งหลัวไม่คิดสู้ต่อสองตาหยานเทียนหนานก็หรี่ลง จากนั้นก็คอนกระบี่หนักชี้ลงเบื้องล่าง
หลังกล่าวกับเมิ่งหลัวจบคา มันก็หันไปมองฟงชิงหยาง สองมือยกขึ้นป้องประสาน “หยานเทียนหนาน ขอคารวะใต้เท้าฟงชิงหยาง”
มันไม่ได้เรียกหาฟงชิงหยางว่าจักรพรรดิสวรรค์
ด้านเมิ่งหลัวพอได้ยินเรียกหาฟงชิงหยางด้วยชื่อห้วน ๆ สีหน้าก็มืดลงทันที่กระทั่งสีหน้าของผู้เฒ่าหั่วไม่เว้นเหล่าอดีตยอดฝีมือของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคนอื่น ๆ ก็มืดลงไม่ต่าง
“เจ้าคิดขวางข้ารึ?”
ฟงชิงหยางมองหยานเทียนหนานที่คอนกระบี่หนักขวางทางกลางฟ้าด้วยสายตาสงบน้ำเสียงที่เอ่ยถามช่างเฉยเมยไร้แยแส ราวกับกล่าวถามเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ใต้เท้าฟงชิงหยาง”
หยานเทียนหนานแค่นยิ้มกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน “พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์บัดนี้ได้ตกอยู่ในความดูแลของวิหารเฟิงฮ่าวเรา…หากท่านคิดย้อนกลับมายังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเพื่อทวงบัลลังก์ ท่านต้องรอคำสั่งแต่งตั้งจากจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของพวกเราก่อน”
“และตอนนี้ จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคนปัจจุบัน กับจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนเรา ก็กำลังไปเข้าพบท่านจ้าววิหารหลัก เพื่อแจ้งเรื่องการกลับมาของท่านแล้ว”
“เช่นั้นนขอใต้เท้าฟงชิงหยางรอสักครูเถอะ”
พอหยานเทียนหนานกล่าวจบคา ฟงชิงหยาง ก็อึ้งไปอยู่บ้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มันต้องรอฟังคำสั่งแต่งตั้งจากจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ?
อาศัยหวู่หงชิง ?
ด้านเมิ่งหลัวกับผู้เฒ่าหั่ว พอได้ยินหยานเทียนหนานพูดออกมาแบบนั้น ก็คลี่ยิ้มแสยะกันอย่างสนุกสนาน เพราะพวกมันยังจดจำคา ‘ฆ่าหวู่หงชิงง่ายดายไม่ต่างฆ่าสุนัข’ ของฟงชิงหยางได้ชัดเจน ใบหน้าพวกมันยังฉายชัดถึงความตื่นเต้นราวกับกำลังจะได้ชมดูเรื่องราวสนุกสนาน
จากนั้นเมิ่งหลัวก็ทนไม่ไหว หันไปมองหยานเทียนหนานพลางแสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกไปว่า “หยานเทียนหนาน ข้าเกรงว่าจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของเจ้ายังไร้คุณสมบัติออกคำสั่งแต่งตั้งอันใดให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของข้า!”
หยานเทียนหนาน มองจ้องไปทางเมิ่งหลัว “เมิ่งหลัว ถึงแม้เป็นเรื่องยากที่ข้าจะเอาชนะเจ้า แต่หากเจ้าหาญกล้ากล่าวคาหมิ่นหยามท่านจ้าววิหารหลักของข้าอีกแม้แต่คาเดียว วันนี้ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”
“แล้วคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึไง ?”
เมิ่งหลัวกล่าวเย้ย
ในขณะที่เมิ่งหลัวกำลังจะกล่าวคาอะไรสืบต่อฟงชิงหยางก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเมิ่งหลัว ด้านเมิ่งหลัวที่เห็นสัญญาณมือก็เงียบไปไม่พูดต่อ
“เจ้าคิดขวางข้าให้ได้ ?”
ฟงชิงหยางมองถามหยานเทียนหนานอีกครั้ง อย่างไรก็ตามผิดกับความเฉยเมยไร้แยแสก่อนหน้า บัดนี้ลึกลงไปในแววตาฟงชิงหยางกลับฉายให้เห็นความเย็นชาอยู่บ้าง
หยานเทียนหนานที่ถูกฟงชิงหยางมองถามด้วยสายตาดังกล่าว ก็รู้สึกเสมือนหนึ่งศีรษะเกิดอาการด้านชาขึ้นมาพิกล อย่างไรก็ตามสีหน้าทาทีของมันยังแลดูยึดมั่น ไม่ยอมแพ้ “ขอใต้เท้าฟงชิงหยาง รอรับคำสั่งท่านจ้าววิหารหลักด้วย”
แทบจะพร้อม ๆ กันกับที่เสียงหยานเทียนหนานดังจบคา ประกายแสง 2 สายก็พุ่งวาบออกมาจากดวงตาของฟงชิงหยาง จากนั้นแสงสองสายดังกล่าวก็คล้ายอันตรธานหายไปในความว่าง เปล่ายากที่ผู้ใดจะมองเห็น
พริบตาต่อมา
ท่ามกลางสายตาของผู้คน
อยู่ ๆ กระบี่หนักเล่มเขื่องที่หยานเทียนหนานคอนถือไว้ ก็ยกขึ้นมาบังหวางไว้เหนือหัวข้องมันทันที่
สีหน้าทาทีหยานเทียนหนานที่ยกกระบี่หนักขึ้นบังขวางก็ยังแลดสูงบ ไม่คล้ายหวั่นเกรงอะไร
หากทว่าพริบตาต่อมา
ปงงงง!!
กระบี่หนักเล่มเขื่องที่หยานเทียนหนานยกขึ้นบังขวาง กลับถูกบางสิ่งบางอยากกระแทกใส่อย่างแรง ความรู้สึกของมันยามนี้เสมือนมีขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่งถล่มลงจากฟ้าอย่างไรอย่างนั้น และไม่ทันที่มันจะทันได้พูดจาอะไร ร่างมันก็แหลกสลายกายเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งทันที่
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ
กระบี่หนักเล่มเขื่อง อันเป็น อุปกรณ์อมตะของหยานเทียนหนานซึ่งเป็นถึงศาสตราอมตะระดับจักรพรรดินั้น ขณะสั่นสะท้านกลางหาว
ก็บังเกิดเสียงร่าร้องด้วยความสิ้นหวังดังออกมาจากตัวกระบี่ “ใต้เท้า ละเว้นข..”
เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงของจิตวิญญาณสถิตยศาสตรา
อินจจา ไม่ทันที่จิตวิญญาณสถิตย์กระบี่ตนนี้จะได้กล่าวจบคา กระบี่หนักเล่มเขื่องก็เริ่มแตกสลายเป็นผุงผง ก่อนจะปลิวหายไปในสายลม เป็นไปไม่ได้ที่จิตวิญญาณสถิตยศาสตราเช่นมันจะรอดชีวิตอยู่ได้
“อึก”
เห็นฉากดังกล่าว ผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ในใจบงเกิดความรู้สึกเห็นบหนาวันก
ในอดีตมันก็เคยเป็นจิตวิญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่เรียกว่า เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเช่นกัน พอเห็นภาพกระบี่
หันกอันเป็น อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิถูกทาลายลงง่ายดายเช่นนี้ย่อมอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดเสียว
เมื่ออุปกรณ์อมตะถูกทาลาย จิตวิญญาณที่สถิตย์อยู่ด้านในก็มีอันต้องถูกทาลายไปด้วยพร้อม ๆ กัน
เว้นเสียแต่ผู้ที่คิดจะทาลายอุปกรณ์อมตะดังกล่าว เต็มใจจะเมตตาละเว้นจิตวิญญาณสถิตย์ และเตรียมอุปกรณ์อมตะชิ้นอื่นเอาไว้
แต่กับตัวตนที่แข็งแกร่งถึงขั้นทาลายอุปกรณ์อมตะได้ง่าย ๆ ไหนเลยจะสนใจความเป็นตายของจิตวิญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะอันกระจ้อยร่อยอีก ?
ครูต่อมา ผู้เฒ่าหั่วก็ได้แต่มองไปยังแผ่นหลังของฟงชิงหยางด้วยสายตาสำนึกบุญคุณ ทั้งหมดเป็นเพราะอีกฝ่ายเมตตาช่วยเหลือมันจึงสามารถออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และได้กลับมาสร้างกายเนื้อเพื่อใช้ชีวิตอีกครั้ง ไม่ต้องเป็นจิตวิญญาณสถิตยศาสตราไปตลอดกาล
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงโปรดเมตตาด้วย!”
ในชวงเวลาที่หยานเทียนหนานตายตก เสียงรีบร้อนหนังก็ดังออกมาจากส่วนลึกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน และเสียงดังขึ้นไม่ทันไร ก็ปรากฏเงาร่าง 2 ร่างพุ่งวาบขึ้นมา
เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนซึ่งดำรงตำแหน่งแทนฟงชิงหยาง ที่พึ่งกลับมาจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักพร้อมกับจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน
ตอนนี้สีหน้าของพวกมันสองคนก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
เพราะพวกมันไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ ว่าพวกมันที่พึ่งปรากฏตัวในค่ายกลรับตัวตอนที่ฟงชิงหยางลงมือกับหยานเทียนหนานพอดี และคิดตะโกนห้ามรั้ง อินจจากลับสายเกินไป
พริบตาเดียว หยานเทียนหนานก็ตกตายเสียแล้ว
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิของหยานเทียนหนานไม่เว้นจิตวิญญาณสถิตย์กระบี่ กลับถูกทาลายลงโดยสมบูรณ์ …
“พวกเจ้าสองคน ก็คิดขวางข้าด้วยรึ?”
ฟงชิงหยางมองลึกไปยัง 2 ร่างที่พึ่งเหินออกมาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์พลาทวงถามสียงเบา
พอทั้งสองคนได้ยินคำถามดังกล่าวของฟงชิงหยาง หน้าก็เปลื่ยนสีไปใหญ่หลวง จากนั้นก็เร่งรุดฉากออกข้างทางทันที่
ขณะเดียวกันจักรพรรดิสวรรค์ที่ถูกวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเลือกให้มาดำรงตำแหน่งแทนฟงชิงหยาง ก็เร่งกล่าวประกาศออกมาเสียงดังลั่นฟ้า กึกก้องไปทั่วเขตพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ว่า “ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจักถูกปกครองโดย เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน ฟงชิงหยาง!”
“คนของวิหารเฟิงฮ่าวทั้งหมด จงถอนตัวออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเสีย!”
“นี่เป็นคำสั่งของท่านจ้าววิหารหลัก”
พอมันเป็ิดปากกล่าวคาออกมา เหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่รอดูสถานการณ์ก็รีบแยกย้ายทันที่
ล้อกันเล่น หรือไร!
แม้แต่จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของพวกมัน ยังถ่ายทอดคำสั่งลงมาว่าให้คืนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนกลับไปให้อดีตจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเช่นนี้ พวกมันยังจะหาญกล้าประพฤติตัวเป็นนกกางเขนชิงรังสีืบต่อได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ได้รับรายงานจากผู้ที่ออกไปจับตาดูสถานการณ์บนฟ้ามาหมาด ๆ ว่ากระทั่งหยานเทียนหนาน รองจ้าว
วิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน หรือที่ผู้คนรู้จักกันในนาม จักรพรรดิอมตะกระบี่สวรรค์ ยังถูกฟงชิงหยางฆ่าตายได้ง่าย ๆ เพียงแค่มองปราดเดียว ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือหนึ่งมองดังกล่าวยงทาลายอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ได้ง่าย ๆ
พวกมันยังตะลึงงันไม่หายเลยด้วยซ้ำ ที่ฟงชิงหยางสามารถฆ่าคนทั้งทาลายอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้โดยอาศัยเพียงหนึ่งมอง! นี่คือสายตาพิฆาตในตานาน หรือไร!?
และพอได้ยินเสียงประกาศด้วยน้ำเสียงอันคุ้นเคย หรือกี่คือจักรพรรดิสวรรค์ผู้เป็น ‘หัวหน้า’ ของพวกมัน พวกมันก็ดึงสติคืนกลับ จากนั้นก็เร่งรุดถอนตัวออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนทันที่
จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคนปัจจุบันั้นน เป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนเท่านั้น และพวกมันที่มาเสวยสุขในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ก็เป็นแค่ลกน้องในหน่วย
“จักรพรรดิสวรรค์ฟง”
หลังจากที่คนของตัวเองถอนตัวออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนแล้ว จักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบัน ก็มองกล่าวกับฟงชิงหยางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มารักษาการณ์ตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แทนท่าน เพื่อคอยดูแลรักษาพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนให้ท่าน…”
“ตอนนี้ในเมือจักรพรรดิสวรรค์ฟงหวนกลับมาแล้ว ทุกสิ่งอย่างก็ได้เวลากลับสู่มือเจ้าของเดิมเสียที่”