WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3891 ความตายของอาวุโสปฐพี
“ฆ่าข้า ?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้างกับวาจาดุร้ายของ หวงอวิ๋นเฟิงาวุโสปฐพีนิกายมหาเอกะ ที่พึ่งผละออกจากตงฟางเหยียนเหนียนและเข่นฆ่ามาทางเขา
เขาดูเหมือนพลับสุกนุ่มนิ่มบีบง่ายนัก หรือไร ?
อีกฝ่ายเห็นเขาเป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำธรรมดา ๆ จริง ๆ ?
ทันใดนั้น สองตาต้วนหลิงเทียนเปลื่ยนี้เป็นเย็นชา มือขวายกขึ้นกระชับกระบี่เทพขั้นสูงที่ผุดออกจากความว่าง เปล่า ก่อนจะเสือกแทงออกไปเบื้องหน้า จากนั้นพายุพลังมิติพลันปะทุออกมาอย่างน่ากลัวก่อนจะรวมรั้งก่อเกิดเป็นกระบี่แสงเล่มหนึ่ง พุ่งทะยานออกไปปานขีปนาวุธ สภาวะพลังแหลมคมดุร้ายหาใดเทียบ
ฟั่ฟฟฟฟ!
กระบี่แสงพุ่งทะยานตัดฟ้าไปด้วยอานุภาพราวกับจะทะลุทะลวงได้ทุกสิ่ง ตามรายทางคึงเหลือกลิ่นอายแหลมคมกาจายไปในบรรยากาศ!
“ตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า!”
ในสายตาของห่วงอุวิ๋นเฟิง การลงมือต่อต้านของต้วนหลิงเทียนช่าง เปล่าประโยชน์นัก
เพราะในความคิดมัน อีกฝ่ายเป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำ ไม่ว่าจะพยายามให้ตายก็ไม่มีปัญญาต้านทานการโจมตีของมันได้เลย!
การโจมตีของมัน พลังที่จ่ายออกไปมากพอจะเข่นฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำส่วนใหญ่ได้แล้ว เรียกว่าตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางแทบไม่มีหนทางรอดพ้นความตายไปได้
ปงงง!!
จนกระทั่งเสียงระเบิดดังสนั่นอุบัติขึ้น จากนั้นมีันก็พบว่ารังสีพลังสังหารที่มันัซดออก กลับถูกกระบี่แสงของจอมราชันเทพขั้นต่ำที่มันดูแคลนทะลวงทาลายได้หน้าตาเฉย แถมกระบี่แสงดังกล่าวยังคงเหลือพลังอานุภาพเข่นฆ่าเข้าใส่มันได้อีก!
“เป็นไปไม่ได้!”
“เจ้าเป็นใคร!!”
หวงอวิ๋นเฟิงที่เร่งหลบหลีกแสงกระบี่ หน้าเปลื่ยนสีไปทันที่เพราะเท่าที่มันทราบมา ในนิกายมังกรสวรค์ไม่มีจอมราชันเทพขั้นต่ำคนไหนที่มีพลังสามารถทัดเทียมกับจอมราชันเทพขั้นกลางดำรงอยู่เลย
ทว่ากระบี่แสงที่จอมราชันเทพขั้นต่ำผู้นี้ซัดออกมา พลังอานุภาพมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีของจอมราชันเทพขั้นกลางแม้แต่น้อย
‘หรือว่าไอ้หนูนี่คือ…’
ทันใดนั้น ชื่อหนังก็ผุดขึ้นในใจหวงอวิ๋นเฟิง
ต้วนหลิงเทียน!
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียน!?”
มองไปยังชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่ตอนนี้หาญกล้าเหินร่างเข้าหามัน หวงอวิ๋นเฟิงก็กล่าวถามไปด้วยสีหน้าอึมครึม
ด้านต้วนหลิงเทียนหลังได้ยินคำพูดของห่วงอุวิ๋นเฟิงก็คลี่ยิ้มบาง ๆ กล่าวตอบคาไปว่า “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าอาวุโสปฐพของนิกายมหาเอกะจะรู้จักชื่อข้าต้วนหลิงเทียนคนนี้ด้วย ข้าล่ะเป็นปลื้มจริง ๆ”
“ที่แท้เป็นเจ้า!!”
ลูกตาหวงอวิ๋นเฟิงหดเล็กลงทันที่แต่มันไม่ทันได้มีเวลาพูดอะไรสืบต่อการโจมตีของตงฟางเหยียนเหนียนก็ทำให้มันต้องหุบปาก เร่งรุดต้านทานพลางถอยจนมือไม้เป็นระวิง
“เหอะ ๆ ผู้เฒ่าหวางอวิ๋นเฟิง ต่อหน้าข้าท่านยังกล้าฟุ้งซ่านได้…ดูเหมือนข้าจะไม่ได้กดดันท่านมากพอ!”
ตงฟางเหยียนเหนียนหัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นมีันก็ปะทุพลังขึ้นมาอยย่างดุร้าย ซัดกระบวนเท่าเข้าใส่หวงอวิ๋นเฟิงระรัว จนหวงอวิ๋นเฟิงต้านรับจนมือไม้แทบพันกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากต้วนหลิงเทียนสอดประสานหนุนเสริมกับตงฟางเหยียนเหนียนเพื่อเล่นงานมัน ทำให้หนังศีรษะของมันชาหนึบ ในใจเริ่มบังเกิดความสิ้นหวัง
เดิมทีพลังฝีมือตงฟางเหยียนเหนียนก็ไม่อ่อนด้อยไปกว่ามันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามหากสู้กันตรง ๆ ตัวต่อตัว มันก็ไม่มีกลัวตงฟางเหยียนเหนียน
แต่ตอนนี้ตงฟางเหยียนเหนียนไม่ได้ปะทะแตกหักกับมัน แต่เลือกจะพัวพันไม่ให้มันทำอะไรได้ ยิ่งนานมันจึงรู้สึกเสมือนไร้หนทาง ได้แต่ถูกตงฟางเหยียนเหนียนชักนำให้เต้นไปตามจังหวะ
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าร่วมการต่อสู้ และช่วยตงฟางเหยียนเหนียนกลุ่มรุมหวงอวิ๋นเฟิงอีกแรง แต่เขาก็ไม่ได้ใช้พลังมากมายอะไร
แต่กระนั้นการโจมตีที่ไม่รุนแรงของต้วนหลิงเทียนกลับสร้างปัญหาอันใหญ่หลวงให้แก่หวงอวิ๋นเฟิง กระทั่งทำให้สีหนามินเป็ลื่ยนไปอยู่หลายรอบ เพราะโดนต้วนหลิงเทียนขัดจังหวะจนเสียท่า
เกือบตาย ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหวหันไปตะโกนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้ายดังลั่น “บัดซบ! ต้วนหลิงเทียน! หากเจ้ากล้าสอดมืออีกครั้ง ต่อให้ข้าต้องโดนตงฟางเหียนเหนียนซัดเจ็บ ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ตาย!!”
ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ตอบคา เสียงยียวนกวนประสาทของตงฟางเหยียนเหนียนก็ดังขึ้น “อัยยะ ดุแท้เล่า! ว่าแต่ผู้เฒ่าหวงอวิ๋นเฟิงท่านประเมินตัวเองสูงไปรึเปล่า…”
“หากท่านคิดหันไปล่งเเรงฆ่าเสี่ยวเทียน ข้าเกรงว่าท่านคงได้ตายคามือข้าก่อนแน่นอน!”
ในน้ำเสียงยียวนของคงฟางเหยียนเหนียนยังไม่ขาดการเย้ยหยัน
และคำพูดดังกล่าวของตงฟางเหยียนเหนียนไม่ต้องบอก็กรู้ว่ามันแทงใจดาหวงอวิ๋นเฟิงเข้าอย่างจัง ทำให้สีหน้าหวงอวิ๋นเฟิงเปลื่ยนี้เป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก เพราะเรื่องราวมันเป็นอย่างที่ตงฟางเหยียนเหนียนพูดจริง ๆ
ในตอนนี้ระหว่างที่มันประมือกับตงฟางเหยียนเหนียนเต็มที่มันก็แค่มีซัดพลังส่ง ๆ เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
และพลังที่มันซัดใส่ต้วนหลิงเทียนส่ง ๆ อย่างดีก็แค่ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสียเวลาต้านทานจนไม่มีโอกาสเล่นงานมัน ไม่ได้เป็นภัยคุกคามีอะไรต่อต้วนหลิงเทียนเลย
ไม่ใช้ว่ามันไม่อาจทุ่มีพลังให้มากขึ้นเพื่อเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ แต่หากมันทาเช่นั้นน มันต้องเปิดโอกาสให้ตงฟางเหยียนเหนียนปะทุพลังสังหารมันแน่ และด้วยความเจนจัดของตงฟางเหยียนเหนียน อีกฝ่ายมโอกาสถึง 9 ใน 10 ส่วนที่จะฉกฉวยโอกาสดังกล่าวฆ่ามันได้สำเร็จ!
หลังจากนั้นภายใต้แรงกดดันของตงฟางเหยียนเหนียนที่ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน หวงอวิ๋นเฟิงก็เริ่มบาดเจ็บมากขึ้นทุกขณะ สีหน้าของมันซีดเซียว มุมปากปรากฏเลือดไหลย้อยเป็นทาง
“พี่อวิ๋นเฟิงช่วยข้าด้วย!!”
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องโหยหวนหนึ่งพลันดังขึ้นแต่ไกล น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้อนรนระคนสิ้นหวัง
ปงงงง!!
จากนั้นก็บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นตามมาติด ๆ
พอต้วนหลิงเทียนกับคนอื่น ๆ หันไปมองตามต้นกำเนิดเสียงโดยไม่รู้ตัว ทั้งหมดก็ได้เห็นฉากเชวียไห่ชวนเข่นฆ่า ชาอวิ๋นเจี๋ยอาวุโสปฐพีที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งจากินกายมหาเอกะ…และพิจารณาจากเวลาที่รบกัน น่ากลัวเชวียไห่ชวนจะลงมือไม่ถึง 10กระบวนท่า
“อวิ๋นเจี๋ย!”
สีหน้าหวงอวิ๋นเฟิงเปลื่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตามนหดเล็กลงแทบปิด ใบหน้ายังฉายชัดถึงความโศกเศร้า
ชาอวิ๋นเจี๋ยกับมันเป็นศิษย์นิกายมหาเอกะรุ่นเดียวกัน ทั้งคู่ผ่านการคัดเลือกและเข้าร่วมนิกายมหาเอกะพร้อมกัน และเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในรุ่น ‘อวิ๋น’
ด้วยความที่ต่างคนต่างไร้ญาติขาดมิตร มันจึงสนิทสนมกับชาอวิ๋นเจี๋ยมาก ไม่ต่างอะไรจากพี่นองค์ลานตามกันมาเลย
อินจจาในอดีตชาอวิ๋นเจี๋ยเคยได้รับบาดเจ็บในภารกิจครั้งหนึ่ง สุดท้ายด้วยอาการบาดเจ็บดังกล่าวทำให้ความก้าวหน้าสู้หวงอวิ๋นเฟิงไม่ได้ จึงกลายเป็นอาวุโสปฐพีช้ากว่าหวงอวิ๋นเฟิงหลายพันปี
ก่อนที่ระนาบศึกจักรพรรดิจะเปิดออก มันก็ได้นัดหมายกับชาอวิ๋นเจี๋ยที่พึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาวุโสปฐพี เพื่อเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพด้วยกัน หมายร่วมมือกันไล่ฆ่าจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์
อย่างไรก็ตาม หลังจากระนาบศึกจักรพรรดิเปิดออกแล้ว การฝึกฝนของชาอวิ๋นเจี๋ยดันถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก็เลยพลาดโอกาสเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพครั้งแรกกับมัน เช่นั้นนมันก็เลยไป
ชักชวนอาวุโสปฐพีอีกคนที่สนิทสนมกันพอสมควรให้เข้ามาลุยด้วยกัน
ในตอนั้นน หลังจากผ่านศึกกับอาวุโสมังกรขาว 2 คนของนิกายมังกรสวรรค์โดยที่ไม่อาจทำอะไรกันได้จนต้องแยกย้าย กันไประหว่างทางกลับ พวกมันได้พบเชวียไห่ชวนโดยบังเอิญ เดิมทีมันคิดว่าสามารถร่วมมือกับสหายและเข่นฆ่าเชวียไห่ชวนได้ไม่ยาก แต่มิคาดเชวียไห่ชวนจะเป็นฝ่ายฆ่าสหายของมันแทน
นี่เป็นการเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพครั้งที่ 2 ของมัน
และคราวนี้มันได้เข้ามาพร้อมชาอวิ๋นเจี๋ยสหายสนิท ก่อนจะเข้ามามันก็คิดว่วารอบนี้จะเข่นฆ่าจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์ให้ได้ 2-3 คนี้เป็นอย่างน้อย เพื่อล้างแค้นให้สหายัมนอีกคน ซึ่งเป็นอาวุโสปฐพีที่ตกตายด้วยน้ามือของเชวียไห่ชวน
ตอนแรกเรื่องราวกเป็นไปได้ด้วยดี พวกมันพบเจอจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมังกรสวรรค์ และสามารถเข่นฆ่าได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา
มันคิดว่าเรื่องราวสมควรราบรื่นเช่นนี้ต่อไป
แต่ใครจะไปคิดไปฝันว่าคา อริหนทางคับแคบกลับบังเกิดขึ้นกับมัน…พบเจอเชวียไหชวนอีกครั้ง! หากทว่าเชวียไห่ชวนไม่ได้มาเพียงลาพังเหมือนครั้งก่อน แต่กลับพาอาวุโสมังกรขาวอย่างตงฟางเหยียนเหนียน ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามันมาด้วยอีกคน
นอกจากนั้นทั้งคู่ยังพาจอมราชันเทพขั้นต่ำมาด้วยอีกคน แต่เรื่องของเรื่องคือจอมราชันเทพขั้นต่ำคนั้นนก็คือต้วนหลิงเทียน ผู้มีความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าชนชั้นอาวุโสฝ่ายใน
มาตอนนี้ พอเห็นว่าชาอวิ๋นเจี๋ยสหายสนิทของมันได้ตกตายคามือเชวียไห่ชวนไปแล้ว แถมเชวียไห่ชวนไม่คิดเสียเวลาเก็บสินสงคราม แต่เลือกโจนร่างเข้ามาหามัน สีหน้าของห่วงอุวิ๋นเฟิงจึงเปลื่ยนไปไม่หยุด
สุดท้าย มันก็ได้แต่กล่าวคาออกมาเสียงขรึม “ในเมือพวกเจ้าตั้งใจจะฆ่าข้าให้ได้ เช่นั้นนถึงตายข้าก็จักให้พวกเจ้าเสียใจ!!”
หลังห่วงอุวิ๋นเฟิงคารามลั่น พลังเทพก็ลุกโชนขึ้นมาท่วมร่าง ความลึกซึ้งของกฏถูกใช้ออกเต็มกำลัง จากนั้นร่างกายมันก็ปรากฏภาพลวงชุดเกราะเทพขึ้น
พริบตาต่อมา มันก็ทุ่มีพลังทั้งหมดโจนทะยานเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน โดยเพิกเฉยต่อการโจมตีของตงฟางเหยียนเหนียนทั้งหมด
เผชิญหน้ากับหวงอวิ๋นเฟิงที่ทุ่มทั้งชีวิตเข่นฆ่าเข้ามาด้วยสภาวะพลังอันดุร้ายเกรี้ยวกราด ต้วนหลิงเทียนเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติซ้ำซ้อนไปปรากฏตวัด้านหลังเชวียไห่ชวนทันที่
“ไม่-!!”
พอเห็นว่ารอบนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยืนโง่งมรอรับกระบวนท่ามันเหมือนเดิม หลังมองกระบวนท่าสังหารของมันครูหนึ่ง พวก็กเล่น
เคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนี้ไปหลบด้านหลังเชวียไห่ชวนหน้าตาเฉย หวงอวิ๋นเฟิงก็ได้แต่ร่าร้องออกมาอย่างไม่ย่นย่อม
อินจจา ไม่ย่นย่อมแล้วเกิดประโยชน์อันใด
หลังจากต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติซ้ำซ้อนมาอยู่ด้านหลังเชวียไห่ชวนแล้ว ด้านเชวียไห่ชวนก็ปะทุพลังดุร้ายพุ่งร่างไปดั่งสายลมหอบหนึ่ง ลุถึงเบื้องหน้าหวงอวิ๋นเฟิงในพริบตา จากนั้นก็ลงมือจู่โจมเข้าใส่หวงอวิ๋นเฟิงทันที่
เผชิญหน้ากับเชวียไห่ชวันที่จู่โจมเข้ามา โดยที่อีกด้านก็มีตงฟางเหยียนเหนียนวกมาอยู่ด้านหลังด้วยความเร็ว หวงอวิ๋นเฟิงก็รู้ดีว่าสถานการณ์ของมันหนักหนาสาหัสแล้ว จังหวะนี้เว้นเสียแต่จะมีอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะบังเอิญผ่านมา มันไม่น่ารอดแน่…
และเรื่องของเรื่องก็คืออาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะที่จะบังเอิญผ่านมา อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นอาวุโสปฐพีที่เก่งกาจ ไม่ใช้พึ่งได้รับตำแหน่งเหมือนสหายสนิทมันเพราะพลังฝีมือพึ่งถึงเกณฑ์
อินจจา หวงอวิ๋นเฟิง ไม่อาจอยู่รอจนมีผู้ใดบงเอิญผ่านมาได้
ด้วยความร่วมมือกันระหว่างเชวียไห่ชวนและตงฟางเหยียนเหนียน หวงอวิ๋นเฟิงทำได้แค่ยื้อเวลาไปได้อีก 10 กว่าลมหายใจเท่านั้น สุดท้ายมันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากตงฟางเหยียนเหนียน ก่อนที่จะจบชีวิตลงภายใต้เงื้อมมือเชวียไห่ชวน…
‘อาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะ…ที่แท้ยังมีช่องว่างอีกมาก’
ต้วนหลิงเทียนที่เฝ้าดูอยู่ข้างสนาม หลังเห็นหวงอวิ๋นเฟิงตกตายก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ‘หากเป็นชาอวิ๋นเจี๋ยผู้นั้น หากใช้ไพ่ตายทั้งหมดข้ามั่นใจว่าฆ่ามันได้ง่าย ๆ’
‘แต่หวางอวิ๋นเฟิงผู้นี้…หากข้าใช้ไพ่ตายทั้งหมด ก็ไม่แน่ว่าจะฆ่ามันได้อย่างราบรื่น และทั้งนี้ทั้งนั้นคือมันต้องไม่คิดหนีเสียก่อน’
วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้เห็นพลังฝีมือของอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะและอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์ชัด ๆ และเขาเชื่อว่าคงมีอาวุโสปฐพีที่มีพลังฝีมือระดับนี้อีกไม่น้อย
ไม่ต้องกล่าวใดให้มากความเอาแค่หวงอวิ๋นเฟิงที่พึ่งตกตาย ความรายกาจของมันก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเชวียไห่ชวน หรือตงฟางเหยียนเหนียนเลย หากเชวียไห่ชวน หรือตงฟางเหยียนเหนียนสู้กันตัว ๆ กับอีกฝ่าย เกรงว่าคงต้องประมือกันหลายวันจนพลังร่อยหรอกว่าจะรู้ผล
“เสี่ยวเทียน เจ้าเก็บไว้ แล้วค่อยเอาไปแลกแต้มรบที่เดียว”
การสังหารผู้อาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะ 2 คนครั้งนี้ยึดข้อตกลงเดิม แต้มรบแบ่งเท่า แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนได้เลือกกันไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้หนี้เชวียไห่ชวน
สำหรับสินสงครามที่หลงเหลือเปืนของเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียน
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ยังนาสิ่งของในแหวนพื้นที่ออกมาทั้งหมด เพื่อให้ต้วนหลิงเทียนดูว่ามีอันไหนที่เขาอยากได้บ้าง
ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตรวจสอบดูและเขาพบว่าในแหวนของชาอวิ๋นเจี๋ยไม่มีอะไรที่เขาต้องการอยู่เลย
อย่างไรก็ตามภายในแหวนพื้นที่ของห่วงอุวิ๋นเฟิง กับมีสมุนไพร อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรหลักที่ต้วนหลิงเทียนจำเป็นต้องใช้ในการหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขนานหนึ่ง!
และสมุนไพรเทพตัวนี้ไม่เพียงแต่ในนิกายมังกรสวรรค์จะไม่มีให้แลก กระทั่งในเมืองสันติยังไม่มีให้แลก!
ไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ ว่าจะได้มาเห็นที่นี่
“พี่ไห่ชวน ข้าขอยืมัสมั่นไพรตัวนี้หน่อย”
ต้วนหลิงเทียนี้ชไปยังสมุนไพรที่เขาต้องการพลางกล่าวบอก
“นี่มัน…ดอกพรหมราตรี่”
เชวียไห่ชวนมองไปยังสมุนไพรที่ต้วนหลิงเทียนี้ช ก่อนจะเงยหน้ำขึ้นมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวเทียน…อย่าบอกน่ะว่าเจ้าหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันได้แล้ว ?”
ดอกพรหมราตรี เป็นสมุนไพรหลักในการหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันหลายขนาน และยังใช้เป็นสมุนไพรรองในการเสริมประสิทธิ์ภาพโอสถเทพระดับจักรพรรรดิบางตัวอีกด้วย
“ใช้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ฮ่า ๆ ๆ…เช่นั้นนข้าต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”
เชวียไห่ชวนหัวเราะกล่าว “เช่นั้นนดอกพรหมราตรีนี่เจ้าเอาไปเลยเถอะ มายงมายืมอันใดกัน”
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเผยท่าทีคิดจะปฏิเสธ เชวียไห่ชวนก็เร่งกล่าวออกมาอีกรอบว่า “เจ้าอย่าได้บอกเชียวว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ใช้หวงอวิ๋นเฟิงนั่นเล่นงานเจ้าหรือไร นอกจากนั้นเจ้าไม่เพียงแต่รับการโจมตีของมันได้ ยังช่วยก่อกวนมันให้เหียนเหนียนเบาแรงไปหลายส่วน”
“อีกทั้งก่อนหน้านี้ มันยังคิดเข่นฆ่าเจ้าจริงจัง กล่าวได้ว่าสร้างภาระทางจิตใจให้เจ้าไม่น้อย”
“เช่นั้นนดอกพรหมราตรีก็ถือว่าเป็นของรางวัลของเจ้าเถอะ”
เชวียไห่ชวนกล่าวจบคา ก็หันไปเอ่ยถามตงฟางเหยียนเหนียนว่า “เจ้าไม่มีปัญหากระมัง”
ตงฟางเหยียนเหนียนหันไปมองค้อนเชวียไห่ชวน ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะมีปัญหาหากเจ้าบอกเสี่ยวเทียนว่าให้ยืม แต่ไม่คิดว่าเจ้าก็ยังรู้งาน…ในเมือเสี่ยวเทียนต้องการก็ให้เสี่ยวเทียนไปเถอะ”
“สุดท้ายของสิ่งนี้อยู่ในมือพวกเราไปก็ไม่มีประโยชน์”