Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1841
เพียงคำพูดนี้เอ่ยดังกึกก้อง พื้นดินสั่นสะเทือนและปรากฏกำปั้นยักษ์ที่สร้างขึ้นจากพื้นดิน พุ่งทะยานเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินมีท่าทีเช่นเดิมแต่แววตากะพริบเย็นเยียบ ขณะที่กำปั้นเข้ามาใกล้ หวังหลินก็ส่งกำปั้นของตัวเองออกไป
ปัง!
หวังหลินไม่ได้ขยับไปไหนแต่กำปั้นที่ก่อเกิดจากพื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนและพังทลาย เสียงร้องน่ากลัวออกมาจากข้างใน
ร่างสีเหลืองเข้มปรากฏขึ้นจากพื้นดิน เขาก้าวเท้าและหนีลงไปใหม่โดยไม่ลังเล
มองไกลๆ อาจเห็นพื้นหญ้าส่ายไปมาและมีเขาซ่อนตัวข้างใน
ขณะเดียวกันคนที่สามที่พยายามดิ้นรนต่อสู้กับเปลวเพลิงได้ส่งเสียงร้องโหยหวนและหยุดลงทันที
เปลวเพลิงเข้ากลืนกินเขาในพริบตา จากนั้นก่อตัวเป็นพายุเพลิงและมีร่างแก่นแท้ของหวังหลินก้าวเดินออกมา
“หนี?” แววตาหวังหลินเย็นเยียบ เขามองร่างที่พยายามหนีใต้พื้นดิน สองเท้าจึงก้าวไปข้างหน้าและเหยียบลงไป
“ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ารนหาที่ตายกันเอง!” หวังหลินพ่นลมหายใจและยกมือที่เหี่ยวแห้งขึ้นมา เขาไม่ได้ไล่ตามแต่กดฝ่ามือลงบนพื้นดิน
กลิ่นอายระเบิดขึ้นจากพื้นดินด้านล่าง มือที่เหี่ยวแห้งยกขึ้นไปทำให้พื้นหญ้าเริ่มเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว หยดน้ำถูกมือของหวังหลินดูดซับไปทันที
การดูดซับนี้รวดเร็วมาก หญ้าสีเขียวรอบหวังหลินเหี่ยวแห้งไปมหาศาล หยดน้ำหลายเส้นสายลอยเข้ามาหาแขนของหวังหลิน
หากมองจากด้านบนคงจะเป็นฉากเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงที่หญ้าเบื้องหน้าหวังหลินกำลังแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว หยดน้ำเข้าไปในร่างกายและการเหี่ยวแห้งคล้ายกำลังไล่ตามคนที่กำลังหนี
เซียนในพื้นดินรู้สึกจิตใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายกำลังไล่ตามมา หากมันสัมผัสถึงตัวเขาได้คงต้องตายแน่นอน
ขณะที่ทะยานหนี พื้นหญ้าด้านหลังแห้งเหี่ยวรวดเร็วยิ่งกว่า ถ้ำบางแห่งที่อยู่ใกล้เคียงกำลังได้รับผลกระทบ เซียนที่กำลังหนีถึงกับกัดฟันแน่นและพุ่งเข้าหาถ้ำเหล่านั้น
“บัดซบ ทำไมมันถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น?! แต่ก็แค่คนคนเดียว หากทำให้ทุกคนโกรธเกรี้ยว มันก็จะต้องตาย!”
คนที่หนีกำลังใช้วิชาหลบหนีปฐพีด้วยความเร็วสูงและพุ่งทะยานหาถ้ำเหล่านั้น เมื่อเขาเข้าไปใกล้ แววตาพลันกระพริบเย็นเยียบเพราะมีกลิ่นอายทรงพลังระเบิดออกมาจากถ้ำหนึ่งในนั้น ตามมาด้วยชายชราผมขาวก้าวเดินออกมาเช่นกัน
จังหวะที่เขาปรากฏตัว กลิ่นอายของเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นได้แผ่กระจาย ชายชราพุ่งเข้าหาคนที่กำลังหนีโดยไม่ลังเลและสะบัดแขน
เสียงดังสนั่นกึกก้องและมีคลื่นกระแทกกระจายผ่านพื้นดินเข้าหาเซียนที่กำลังหนี ทำให้เขาหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะและกระเด็นกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ไปซะ!”
เซียนที่กำลังหนีถึงกับกระอักโลหิตและโผล่ขึ้นบนพื้นดิน ตอนที่เขากระเด็นขึ้นมา ทุ่งหญ้าแห้งเหี่ยวดูเหมือนปากขนาดยักษ์เข้ามากลืนกินร่างเขา
เสี้ยววินาทีนั้นเขาได้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ร่างกายเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว สูญเสียน้ำและโลหิตทั้งหมดในร่างกายพร้อมกับวิญญาณดั้งเดิมได้ลอยออกมา ทว่ามีควันสีดำเข้าห่อหุ้มรอบวิญญาณเขาและพยายามหนีแต่ถูกหุ่นเชิดเย่ซื่อไล่ตามมาทัน ดวงวิญญาณจึงถูกควันสีดำห่อหุ้มพลางส่งเสียงกรีดร้องและค่อยๆ จางหายไป
“สหายเซียน ข้าชื่อจัวจัว คนที่ล่วงเกินเจ้าได้ตายไปแล้ว ดังนั้นจงสลายวิชาเต๋านี้เถอะ ที่นี่คือจุดต่ำสุดของแคว้นกระทิงสวรรค์และไม่อาจสูญเสียได้ ได้โปรดอย่าทำลายฐานของเหล่าเซียนไร้สำนักในทุ่งยอดนภา!” ชายชราผมขาวปรากฏตัวในท้องฟ้า เขามองหวังหลินไกลๆ และคำนับฝ่ามือ
หลังเอ่ยออกมา ใบหญ้าบนพื้นดินจึงไม่เหี่ยวแห้งอีก หยดน้ำลอยเข้าหาร่างหวังหลินแต่ที่มากขนาดนี้เพราะมาจากเซียนที่ตายไป แต่ยังไม่มากพอให้หวังหลินโคจรรอบที่เก้าได้เสร็จสิ้น
เขายกมือขึ้นมาจากพื้นและมองดูชายชราห่างออกไปไกล จากนั้นมองดูทุ่งหญ้าและขบคิด
‘เซียนไร้สำนักส่วนใหญ่ที่นี่อยู่ใต้ดิน…ช่างน่าประหลาด! ที่นี่คือส่วนใต้สุดของแคว้น…หรือพูดให้ถูกมันคือที่ที่ใกล้กับหัวใจแห่งผืนดิน…’
หลังขบคิดเล็กน้อยหวังหลินก็ไม่พูดอะไรอีกแต่ชำเลืองมองชายชราและจากไป
หุ่นเชิดเย่ซื่อถูกเรียกกลับมาอยู่ข้างหวังหลินพร้อมอสูรยุง เขาสะบัดแขนและเก็บมันกลับไป
ขณะที่หวังหลินก้าวทะยานออกไป ระลอกคลื่นดังกึกก้องและผสานเข้ากับโลก เขาใช้วิชาบิดมิติหายไปและออกไปจากทุ่งหญ้าแห่งนี้
จนกระทั่งหวังหลินจากไปแล้วชายชราจึงผ่อนคลาย ร่างเงาหลายร่างโผล่ออกมาจากพื้นดินและมีคนมากกว่าสิบคนมองทิศทางที่หวังหลินจากไป
“ผู้อาวุโสฝั่งซ้ายตัดสินใจถูกแล้ว คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่เราจะไปล่วงเกินได้ หุ่นเชิดของเขาแข็งแกร่งและยังมีอสูรประหลาดอีก ตัวเขาเองยังทรงพลังมาก! คนแบบนี้ไม่ใช่คนไร้สำนัก!”
“ใช่แล้ว คนผู้นั้นช่างแน่วแน่และยังสังหารคนของเต๋าภูเขาทมิฬไปถึงสี่คน เขายังโหดเหี้ยมอำมหิต จากภาพลักษณ์ของเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นเซียนมาร!”
“ทั้งสี่คนของเต๋าภูเขาทมิฬคงต้องดุด่าตัวเองเท่านั้น พวกเขาติดตามอีกฝ่ายไปหลายวัน ตอนนี้ก็ตายไปแล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันจบไป เหล่าสหายเซียน กระจายตัว!” ชายชราเอ่ยขึ้นก่อนจะหันตัวจากไป
ส่วนหวังหลิน หลังจากใช้วิชาบิดมิติไปครั้งที่สองจึงปรากฏตัวในเทือกเขา ตามแผนที่ของหยานหลวนเขาห่างจากทะเลอยู่สามเดือน
‘แคว้นกระทิงสวรรค์กว้างใหญ่เกินไป…’ หวังหลินเรียกอสูรยุงขึ้นมานั่งบนหลังและท่องทะยานไปทางทิศตะวันออก อสูรยุงรวดเร็วมาก ที่บริเวณนี้ใกล้กับแคว้นมารเขียว ดังนั้นจึงไม่มีเซียนอยู่แถวนี้มากนัก
หวังหลินไม่รู้เรื่องแคว้นมารเขียวอะไรนักแต่คางเหรินมีความหวาดกลัวต่อแคว้นนี้ราวกับทุกคนที่มาจากที่นี่ล้วนน่ากลัว
เวลาสิบวันผ่านไปในพริบตา หวังหลินเดินทางเจอเซียนบางส่วนแต่พวกนั้นก็ไม่พูดคุยกับคนอื่นและแค่ผ่านไป แม้จะส่งสัมผัสวิญญาณออกมาแต่พอเห็นรูปลักษณ์ของหวังหลินจึงลังเลเล็กน้อยและจากไป
หลังจากผ่านมาสิบวันหวังหลินจึงใช้วิชาบิดมิติเป็นรอบที่สามและหายตัวไปจากเทือกเขาแห่งนี้
ทิศตะวันออกของแคว้นช่างกว้างใหญ่และมีทะเลคั่นกลางระหว่างแคว้นกระทิงสวรรค์และแคว้นมารเขียวซึ่งถูกเรียกว่าทะเลโอสถ ลือกันว่าทะเลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากยาที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ทว่าข่าวลือดูเหมือนเกินจริงมากไป เพราะยาแบบไหนกันถึงสามารถสร้างเป็นทะเลขนาดนี้ขึ้นมาได้ ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แต่ข่าวลือก็ถูกส่งต่อมากันเป็นทอดๆ
ทะเลโอสถนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตและมีคลื่นโหมกระหน่ำ แม้จะเป็นทะเลภายในแคว้นแต่สายลมและคลื่นก็ยังรุนแรง
แต่เพราะที่แห่งนี้เป็นแนวเขตระหว่างแคว้นกระทิงสวรรค์และแคว้นมารเขียว เหล่าเซียนจึงค่อนข้างวุ่นวาย มีก้อนเมฆสีดำปกคลุมท้องฟ้าพร้อมกับเสียงดังลั่นและสายฝนที่ตกลงมาผสมเข้ากับท้องทะเล
ด้านล่างก้อนเมฆมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในสายฝน หวังหลินก้าวเดินออกมาจากระลอกคลื่นและยืนอยู่เหนือทะเล
พอมองทะเลด้านล่าง ดวงตาแห้งเหี่ยวของหวังหลินจึงเป็นประกายเจิดจ้า เขาเหลือการโคจรอีกเพียงครึ่งทางก็จะทำให้แก่นแท้วารีสมบูรณ์ หวังหลินไม่ได้ต้องการมากนัก เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น!
ทว่าการได้มันมาในช่วงสั้นๆ มีเพียงวิธีเดียวที่เขาคิดออกคือการควบแน่นจากทะเลกว้างใหญ่ แต่เขาจะควบแน่นสำเร็จหรือไม่ก็ยังไม่รู้
หวังหลินพาร่างตัวเองจมลงไปในทะเล ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหนจึงปรากฏพื้นทะเลขึ้นด้านล่าง
ปะการังหลากสีและสาหร่ายมากมายปกคลุมพื้นทะเล ทั้งยังมีปลาและกุ้งแหวกว่ายอยู่นับไม่ถ้วน หวังหลินนั่งหลับตาอยู่ภายในดงสาหร่าย เขาวางมือไว้บนเข่าและสร้างผนึก
น้ำทะเลรอบตัวเขาสั่นเทา ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
หวังหลินพึมพำ “แก่นแท้วารี รวมตัว!”
ท้องทะเลเริ่มพรั่งพรูและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องออกไป
ตอนนี้ร่างกายหวังหลินไม่เปล่งกลิ่นอายอันใดราวกับผสานเข้ากับทะเลโอสถไปแล้ว เขากลายเป็นส่วนหนึ่งกับทะเลจนแทบไม่อาจแยกความแตกต่างได้
ขณะที่ทะเลโอสถสั่นเทาและเดือดพล่าน มันได้ทำให้เซียนไร้สำนักจากสองแคว้นเกิดความสนใจ ทว่าความดุเดือดเกิดขึ้นภายในทะเล จึงไม่มีใครลงไปดู!
ทั่วทั้งทะเลถูกห่อหุ้มด้วยเขตอาคมอีกหนึ่งชั้นซึ่งเขตอาคมนี้ลึกลับจนแม้แต่หวังหลินก็ไม่สามารถตรวจจับได้ตอนที่เข้าไป ตอนที่เขากำลังดูดซับทะเลโอสถจึงสังเกตมันได้เลือนลาง
เขตอาคมชั้นนี้ทำให้คนเข้าไปข้างในได้แต่ไม่สามารถออกมาได้ ดังนั้นจึงเป็นการผนึกทะเลโอสถอย่างสมบูรณ์!
ขณะที่หวังหลินดูดซับแก่นแท้วารี เสียงกรีดร้องโหยหวนหลายจุดดังออกมาจากในทะเล เหล่าเซียนไร้สำนักจากแคว้นกระทิงสวรรค์กำลังถูกเซียนที่มีเพลิงสีเขียวน่ากลัวตามล่าสังหาร
ในทะเลโอสรถมักจะมีเซียนเช่นนี้จำนวนมาก!