Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1846
ทะเลยังคงเหมือนเดิมแต่เขาได้ทิ้งเศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณไว้ในทะเล เสี้ยวสัมผัสวิญญาณนี้อาจดูไร้ประโยชน์ในตอนนี้ แต่ในอนาคตมันจะได้ทำหน้าที่สำคัญ
สัมผัสวิญญาณนั้นได้ผสานเข้ากับทะเลและตรวจสอบได้ยากยิ่ง
หลังเสร็จสิ้น ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยเส้นโลหิต ไม่นานนักดวงตาเขาจึงดูน่าหวาดกลัว
หวังหลินใช้ดวงตาซึ่งมีเขตอาคมแก่นแท้ ส่งสายตามองบนท้องฟ้า สีหน้าจึงเปลี่ยนไป!
ท้องฟ้าสีดำถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกบางๆ ชั้นหมอกนี้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แม้แต่สัมผัสวิญญาณก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีเพียงการใช้สัมผัสวิญญาณของแก่นแท้เท่านั้นจึงจะทำให้มองเห็นทั้งหมดได้ชัดเจน
‘หนึ่งชั้น…สามชั้น…เจ็ดชั้น…’ หมอกในท้องฟ้าเบาบางแต่มีทั้งหมดเจ็ดชั้นล้อมรอบทั่วทั้งทะเลโอสถ ราวกับถ้วยกลับหัวและปกคลุมเหนือทะเลโอสถ
เหนือชั้นที่เจ็ดไปมีเข็มทิศซึ่งเป็นภาพมายากำลังหมุนอย่างช้าๆ และเปล่งกลิ่นอายผสานเข้ากับหมอกเจ็ดชั้น
‘เข็มทิศเป็นภาพมายา ไม่ใช่ของจริง…’ หวังหลินมองขึ้นไปเห็นเข็มทิศเหนือชั้นที่เจ็ดขึ้นไปมีเส้นใยกลิ่นอายชนิดหนึ่งเชื่อมต่อกับอีกฝั่งของทะเลเมฆา
‘ใจกลางของค่ายกลต้องมีผู้ควบคุมอยู่ตรงนั้น…’ หวังหลินขบคิดอะไรได้บางอย่างในขณะที่มองไปที่ทะเลโอสถ
หากเขาต้องการให้แก่นแท้เขตอาคมสร้างเป็นร่างแก่นแท้ เขาจะต้องดูดซับเขตอาคมจำนวนมาก เขาไม่เคยเห็นเขาอาคมที่ปกคลุมอยู่เหนือทะเลโอสถนี้มาก่อนและอยากดูดซับมันจริงๆ
แต่ในไม่นานก็ระงับความต้องการนี้ไป แขนขวาสะบัด ดวงตายักษ์สองข้างปรากฏขึ้นด้านหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นโลหิตและดูเหมือนขับไล่ความมืดออกไปได้เล็กน้อย
หวังหลินนั่งลงมองท้องฟ้า ดวงตาเปล่งประกายและเริ่มการพิจารณาค่ายกล เขาต้องทะลวงมันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ดวงตายักษ์สองข้างเปล่งแสงออกมาเช่นกัน เขาจ้องมองท้องฟ้าพลางหาทางทะลวงหมอกเจ็ดชั้น
แววตาหวังหลินมีเส้นโลหิตผุดขึ้นมามากขึ้น ดวงตายักษ์สองข้างด้านหลังเขาก็เช่นกัน
พริบตาเดียวครึ่งชั่วโมงผ่านไป พยัคฆ์ขาวและอีกสองคนทำตัวสงบนิ่งพลางมองไปรอบๆ เพื่อปกป้องหวังหลินอย่างระมัดระวัง พวกเขาจะออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหวังหลิน
เวลาผ่านไปอีกครึ่งก้านธูปไหม้ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้าสามครั้ง ทุกครั้งที่ชี้ไปจะมีเส้นโลหิตหนึ่งสายพุ่งทะยานออกจากดวงตาด้านหลัง
คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้แต่ในมุมมองของหวังหลิน แต่ละเส้นสายพุ่งทะยานเข้าไปในบริเวณหมอกชั้นแรก เส้นทั้งสามเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม
วงกลมนี้คือหลุมเล็กๆ ตรงหมอกชั้นแรกที่ไม่มีสายหมอก! แม้จะเป็นเพียงหลุมเล็กแต่ก็มากพอให้หนึ่งคนผ่านเข้าไป!
‘หมอกเจ็ดชั้น ทุกชั้นกำลังเคลื่อนไหว การทะลวงผ่านเขตอาคมนี้นับว่าเป็นเรื่องยาก…’ หวังหลินครุ่นคิดพลางมองบนท้องฟ้า สองมือขยับและพลิกไปมาถึงเก้าครั้ง แต่ละครั้งมีเส้นสีแดงทะยานออกไป
เก้าเส้นทะลุเข้าไปในหลุมที่เขาสร้างขึ้นมาในชั้นแรก มีสี่เส้นพุ่งเข้าไปในชั้นสอง ไม่นานจึงเกิดเป็นพื้นที่คล้ายกันกันในสายหมอกบางๆ จากนั้นเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม
ขณะเดียวกันห้าเส้นที่เหลือทะลุชั้นที่สองไปและใช้วิธีเดียวกันเพื่อสร้างเป็นวงกลมในชั้นที่สาม!
หวังหลินค้นพบวิธีการทะลวงออกไปในสามชั้นแรกแล้ว!
พยัคฆ์ขาวและพรรคพวกไม่สามารถมองเห็นได้และต่างคนต่างก็เคร่งเครียด พวกเขามองหวังหลินด้วยความกระวนกระวาย อีกทั้งเวลาก็ผ่านไปพักใหญ่แล้ว
ตอนนี้ไม่มีเซียนจากแคว้นมารเขียวปรากฏตัวอีก ดูช่างน่าประหลาดและเหมือนลมสงบก่อนพายุเข้า ทำให้พวกเขารู้สึกกดดัน
หวังหลินสงบนิ่ง ความคิดเพ่งสมาธิอยู่กับเขตอาคมเจ็ดชั้น ยิ่งไปไกลยิ่งค้นพบว่ามันยิ่งลึกล้ำ หลังจากผ่านสามชั้นแรกไป พื้นที่หมอกที่เบาบางยิ่งหายากขึ้นไปอีก
แต่หวังหลินมีแก่นแท้เขตอาคม ดังนั้นจึงไม่ได้พึ่งพาแค่การพิจารณาแต่ยังใช้สายตาเขตอาคมเข้าร่วมด้วย ในสายตาเขา เขตอาคมทั้งหมดในโลกคล้ายหยุดตัวลง
หลังจากผ่านไปครึ่งนาทีและทะลวงสามชั้นแรกไปได้ หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นมาและพลิกมือถึงสิบเจ็ดครั้ง! เส้นใยโลหิตสิบเจ็ดสายพุ่งลอยออกไปทะลุสามชั้นแรกไปถึงชั้นที่สี่ หกเส้นก่อตัวเป็นวงกลมเล็กๆตรงจุดที่มีสายหมอกเบาบาง
เหลือสิบเอ็ดเส้นเข้าไปในชั้นที่ห้าและก่อตัวเป็นวงกลม ตอนนี้มีวงกลมสำหรับทะลุผ่านสายหมอกไปปรากฏตัวในห้าชั้นแรกแล้ว
ทว่าในจังหวะนั้นทะเลโอสถส่งเสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์ ท้องทะเลดูเหมือนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเป็นเส้นผ่าลงไปตรงกลาง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ทำให้สีหน้าพยัคฆ์ขาวและพรรคพวกถึงกับมีท่าทีเปลี่ยนไป จังหวะนั้นหวังหลินหรี่ตาและลุกขึ้นโดยไม่ลังเล ดวงตายักษ์ด้านหลังหายไปและเขาได้สะบัดแขนเสื้อ นำพาพยัคฆ์ขาวและพวกอีกสองคนพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
ขณะที่หวังหลินทะยานออกไป ปราณกระบี่น่ากลัวเกินบรรยายโผล่ออกมาจากเส้นเบาบางที่ตัดผ่าทะเลออกเป็นครึ่งส่วน
เส้นเบาบางนั่นมันอะไร? นั่นมันโดนผ่าจากกระบี่ชัดๆ! สามารถควงกระบี่จนสามารถผ่าทะเลเป็นครึ่งส่วนจากบนสุดจนถึงล่างสุด นับว่าเป็นพลังอันน่าตกตะลึงยิ่ง!
ร่างเงากระบี่ปรากฏขึ้นมาจากทะเล เสียงทะเลสั่นไหวและถูกแบ่งออกเป็นครึ่งส่วนอย่างสมบูรณ์ จากนั้นมองเห็นชั้นใต้ทะลสีดำได้อย่างชัดเจน
เงากระบี่เล่มนี้มีความยาวหลายร้อยฟุต มันพุ่งออกมาจากทะเล มุ่งหน้าหาหวังหลินและพรรคพวก เหล่าพยัคฆ์ขาวพอสัมผัสปราณกระบี่ได้จึงหน้าซีด ทางด้านวิหคศักดิ์สิทธิ์และเต่าดำที่บาดเจ็บสาหัสถึงกับกระอักโลหิต แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นี่มันเต๋ากระบี่!! ไม่บ่มเพาะเขตแดนแต่บ่มเพาะเพียงกระบี่ จนผสานเจตจำนงเข้าไปในกระบี่ ผสานร่างกายเป็นกระบี่ ตัดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดจนคิดว่าตัวเองเป็นกระบี่!”
“นี่…นี่….แคว้นมารเขียวมีเซียนทรงพลังขนาดนี้เชียว!!” ขุนพลเต่าดำที่เป็นคนรอบรู้ถึงกับอ้าปากค้าง
เงากระบี่รวดเร็วมากและเข้าใกล้ในพริบตา แต่หวังหลินนำหน้าไปก่อน เขาพากลุ่มพยัคฆ์ขาวเข้าไปในหลุมเล็กในหมอกชั้นแรก พุ่งทะยานผ่านชั้นที่สอง สาม สี่และห้าโดยไม่หยุดชะงัก
ด้านหลังเป็นเงากระบี่ตัดเข้าไปในเขตอาคมจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง หมอกสามชั้นแรกพังทลายทันที ปราณกระบี่พุ่งเข้าไปในชั้นที่สี่ทำให้ทั้งชั้นพังทลายไปในทันที!
หนึ่งกระบี่เข้าทะลวงไปสี่ชั้น แม้แต่หวังหลินก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างถึงพลังอำนาจของกระบี่! เขาอยู่ในหมอกชั้นที่ห้าและสัมผัสได้ว่าสายหมอกกำลังสั่นไหว พลังกดขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของเซียนที่ฝึกฝนกระบี่ได้พุ่งเข้าไปในจิตใจหวังหลิน
หวังหลินสูดหายใจลึก เจตจำนงนี้เป็นแค่พลังตีกลับ แต่หวังหลินสัมผัสได้ว่าพลังอำนาจกดขี่ของมันมากมายแค่ไหน
‘ไม่ว่าคนผู้นี้จะมีระดับบ่มเพาะอะไร เขาต้องเป็นคนมีชื่อเสียงในแคว้นมารเขียวเป็นแน่!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างพลางดึงกลุ่มพยัคฆ์ขาวซึ่งกำลังตกตะลึงกับกระบวนท่ากระบี่ หวังหลินพุ่งไปยังชั้นที่หกด้วยสายตาเต็มไปด้วยเส้นโลหิต
หมอกในชั้นที่หกหนาแน่นมากและไม่มีช่องว่างเลย แต่ขณะที่หวังหลินพุ่งทะยานไป สองมือสร้างผนึกเขตอาคมที่สร้างจากเส้นโลหิตเบื้องหน้าก่อตัวเป็นลวดตาข่าย เข้าปะทะกับหมอกชั้นหกในเวลาไม่นาน
ปัง!
หวังหลินฝืนพากลุ่มพยัคฆ์ขาวทะลวงเข้าไปยังชั้นที่หก!
“เมฆาสูญสิ้นผู้ต้อยต่ำคนนี้เพิ่งจะเดินทางไกลมาถึง ทำไมสหายเต๋าถึงได้รีบจากไปเช่นนี้เล่า?” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังกึกก้องบนพื้นผิวทะเล เงากระบี่ที่แทงเข้าไปในสี่ชั้นแรกได้กลายร่างเป็นเซียนชุดฟ้า
เซียนผู้นี้ดูอ่อนเยาว์ สวมเสื้อเรียบง่ายไร้ลวดลายหรูหรา เส้นผมยาวพาดเหนือบ่าและทำให้เขาดูสมสง่า
เขาดูเรียบง่ายแต่เยือกเย็น ในมือมีกระบี่ยาวเจ็ดฟุตเปล่งแสงอ่อนๆ ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายจะมีสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไป
ที่โผล่ออกมาไม่ใช่ร่างดั้งเดิมแต่เป็นร่างอวตารของเมฆาดับสูญที่สร้างขึ้นจากเจตจำนงกระบี่ แม้จะเป็นร่างอวตารแต่มีเจตจำนงกระบี่อยู่ถึงหกในสิบส่วน!
พอเอ่ยขึ้นมา เขาก้าวทะยานเข้าสู่ชั้นที่ห้า! ยกแขนขวาขึ้นวาดกระบี่ผ่านท้องฟ้า
เพียงแค่วาดกระบวนท่าออกไป ปราณกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวลอยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หมอกชั้นที่ห้าพลันแตกสลายทันที ทำให้เมฆาสูญสิ้นได้เห็นหวังหลินที่มองกลับมาหาเขาด้วยความเย็นเยียบ!