Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1847
สายตาทั้งคู่ประสานกัน ความคิดหวังหลินดังสนั่น เขาพากลุ่มพยัคฆ์ขาวเข้าไปในชั้นที่หกและมุ่งหน้าสู่ชั้นที่เจ็ดด้วยใบหน้าซีดและท่าทีเคร่งเครียด
ส่วนเมฆาสูญสิ้นนั้นความคิดดังสนั่นเช่นกันขณะที่มองไปยังท้องฟ้าด้วยสายตาแปลกประหลาด
‘ข้าคิดว่ามีเพียงหยุนยี่เฟิงเท่านั้นในแคว้นกระทิงสวรรค์ที่ทำให้ข้าสนใจ…ไม่คิดว่าจะได้เจออีกในวันนี้! ดวงตาเย็นเยียบคู่นั้น…เขาเป็นคนอำมหิต…’ เมฆาสูญสิ้นยิ้มออกมาพลางถือกระบี่และก้าวไปในท้องฟ้า
หวังหลินพุ่งเข้าไปในชั้นที่หก เหลือเพียงชั้นที่เจ็ดก่อนที่เขาจะออกไปนอกทะเลโอสถได้ ทว่าหวังหลินไม่มีเวลาให้เลือกมากนัก ชั้นที่เจ็ดมีหมอกหนาแน่นที่สุดและไม่สามารถหาช่องว่างได้ในเวลาสั้นๆ
นอกจากนี้เซียนชื่อเมฆาดับสูญก็อยู่ด้านล่างจึงทำให้เขาไม่มีเวลามากพอ ดวงตาหวังหลินกะพริบวูบวาบพลางท่องทะยานผ่านชั้นที่หกไป ตอนที่ปราณกระบี่กำลังทะลวงผ่านไป ดวงตาเขามีเส้นโลหิตปรากฏขึ้นและมีดวงตาสีแดงหนึ่งคู่ปรากฏขึ้นด้านหลัง
“แก่นแท้เขตอาคม ใช้แก่นแท้เข้าสู่เขตอาคม!” หวังหลินร้องคำราม ดวงตายักษ์ด้านหลังพลันแตกสลาย เส้นโลหิตนับไม่ถ้วนลอยออกมารอบตัวหวังหลินก่อเกิดเป็นอุกกาบาตพุ่งเข้าชนกับชั้นที่เจ็ด
พอหวังหลินพุ่งออกไป หมอกชั้นที่หกด้านล่างจึงแตกสลาย ปราณกระบี่พุ่งออกมาและมีเจตจำนงกระบี่อันทรงพลังคล้ายกับทำลายได้ทุกอย่าง!
“สหายเซียน อยู่ก่อน!” เสียงเมฆาสูญสิ้นดังกึกก้องพร้อมกับเงากระบี่ทะลวงผ่านชั้นที่หกมา มันก่อเกิดรูปร่างเป็นเงากระบี่แยกสวรรค์อย่างรวดเร็วและทะยานเข้าหาหวังหลิน
หากหวังหลินถูกปราณกระบี่หยุดไว้ เขาคงไม่สามารถออกไปจากชั้นที่เจ็ดได้ แม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงวิกฤติ หวังหลินเผชิญศัตรูมานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งอันตรายยิ่งทำให้เขาสงบเยือกเย็น
จังหวะปราณกระบี่เข้ามาใกล้ เขาหันกลับมายกแขนขวาขึ้น ร่างแก่นแท้ปรากฏขึ้นมาชี้ฝ่ามือใส่ท้องฟ้า หมอกในชั้นที่เจ็ดสั่นไหวและปรากฏฝ่ามือยักษ์!
ประทับวิญญาณสงคราม!
ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งแต่ร่างแก่นแท้เพลิงของหวังหลินก็ยกแขนขึ้นมาด้วย สายหมอกจึงเกิดประทับฝ่ามือเพลิงขึ้นอีกแห่ง สองประทับกระแทกลงใส่ปราณกระบี่ติดต่อกันในทันที
ขณะเดียวกันด้านล่างหวังหลินและเมฆาสูญสิ้น ณ ทะเลที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน สัมผัสวิญญาณที่หวังหลินทิ้งไว้ในทะเลพลันรู้สึกได้ถึงคำสั่งจากหวังหลิน น้ำทะเลพวยพุ่ง ประทับฝ่ามือยักษ์ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำทะเลพลันลอยขึ้นมา!
ระดับน้ำทะเลลดลงอย่างมหาศาล ราวกับน้ำได้ควบแน่นเป็นฝ่ามือลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า!
สามประทับฝ่ามือ สองด้านบนและหนึ่งด้านล่าง ทั้งหมดทะยานเข้าหาเมฆาสูญสิ้นและปราณกระบี่นั้น!
ประทับฝ่ามือของหวังหลินเข้าไปใกล้ก่อนและชนกับปราณกระบี่ เสียงระเบิดดังแตกร้าวพร้อมกับประทับได้แตกสลาย ขณะเดียวกันประทับฝ่ามือจากร่างแก่นแท้เพลิงได้ตกลงมาติดต่อกัน
จังหวะนี้เองประทับฝ่ามือจากแก่นแท้วารีได้ลอยทะยานเข้าสู่เมฆาสูญสิ้น สองประทับฝ่ามือเพลิงและสายน้ำโจมตีร่วมกัน!
พอทั้งสองประทับเข้าไปใกล้ สายน้ำราวกับกำลังระเหยกลายเป็นไอ ส่วนประทับเพลิงดูเหมือนกำลังมอดดับจากการถูกน้ำเข้าปกคลุม ทว่าสองแก่นแท้ทั้งเพลิงและวารีมาจากร่างหวังหลิน พวกมันจึงไม่เพียงแต่ไม่หายไปแต่กลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
แม้แต่หวังหลินก็ไม่คาดคิดว่าการใช้สองแก่นแท้ในเวลาเดียวกันจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ฝ่ามือที่สร้างขึ้นจากน้ำทะเลเริ่มเดือดและมีหยดน้ำจำนวนมากกระจายออกมา ส่วนประทับฝ่ามือเพลิงดูสลัวแต่เปลวเพลิงกลับรุนแรงยิ่งขึ้น
ในยามนี้แม้แต่สีหน้าเมฆาสูญสิ้นก็ยังเคร่งเครียด เขาใช้ปราณกระบี่ปะทะเข้ากับประทับฝ่ามือเพลิง ขณะเดียวกันประทับฝ่ามือวารีก็เข้ามาใกล้จากด้านล่าง
สองประทับฝ่ามือเข้าประกบกันโดยมีเมฆาสูญสิ้นและปราณกระบี่อยู่ตรงกลาง สองแก่นแท้เพลิงและวารีผสานกันกลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแก่นแท้เดียว!
พลังนี้คือหมอก!
พลังหมอกนี้เป็นแก่นแท้ที่ได้รับมายากยิ่ง กล่าวให้ถูกคือมันไม่สามารถครอบครองได้เพราะคนผู้นั้นต้องเชี่ยวชาญทั้งแก่นแท้เพลิงและแก่นแท้วารี และยังผสานเข้าด้วยกันก่อเกิดเป็นแก่นแท้หมอก!
แก่นแท้ที่ล้ำค่ายิ่งกว่าแก่นแท้ชนิดเดียว!
จังหวะที่แก่นแท้หมอกปรากฏ ฝ่ามือเพลิงและฝ่ามือวารีแตกสลายในทันที ปราณกระบี่ของเมฆาสูญสิ้นแตกสลายเป็นครั้งแรก คลื่นกระแทกรุนแรงกระจายออกไปทุกทิศทาง หวังหลินล่าถอยและยืมพลังกระแทกนี้มุ่งหน้าสู่ชั้นที่เจ็ดพร้อมกับเหล่าพยัคฆ์ขาว
ร่างเมฆาสูญสิ้นถึงกับสั่นเทาและถอยไปหลายก้าว จากนั้นมีเสียงคำรามดังลั่นออกมาเพราะหวังหลินปลดปล่อยหุ่นเชิดเย่ซื่อ มันพุ่งทะยานเข้าใส่เมฆาสูญสิ้นทันที
เย่ซื่อปรากฏตัวฉับพลันราวกับรอคอยจังหวะนี้ มันเข้าประชิดด้วยความรวดเร็ว มือสีดำยื่นเข้าไปใส่เมฆาสูญสิ้น
จังหวะเวลาถือว่ายอดเยี่ยมจนสีหน้าของเมฆาสูญสิ้นต้องเปลี่ยนไป เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมาเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่สีแดงฟันเข้าใส่เย่ซื่อ!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก พริบตาเดียวปราณกระบี่ก็ฟันใส่เย่ซื่อและตัดแขนขวาจนขาด เย่ซื่อร้องไห้และถอยร่นทันที ทว่าแขนขวาที่ถูกตัดได้เปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำพุ่งทะยานใส่ร่างของเมฆาสูญสิ้น!
เมฆาสูญสิ้นส่งเสียงร้องอู้อี้ โลหิตไหลออกจากดวงตา ควันสีดำห้าสายแฝงจิตสังหารอันทรงพลังและเริ่มเกิดการทำลายขึ้นในร่างกาย พวกมันลบเลือนออกไปได้ยากเพราะมีพลังของบัญชาโบราณอยู่ด้วย!
“สหายเซียนเมฆาสูญสิ้น ไม่จำเป็นต้องไปส่งข้าหรอก ไว้เราเจอกันใหม่ในภายภาคหน้า!” หวังหลินเอ่ยเสียงดังกึกก้องในท้องฟ้า เมฆาสูญสิ้นมองหุ่นเชิดเย่ซื่อที่สูญเสียแขนขวา มันเปลี่ยนกลับเป็นควันสีดำและถูกหวังหลินเก็บไป จากนั้นพวกหวังหลินก็พากลุ่มพยัคฆ์ขาวเข้าไปในชั้นที่เจ็ดและหายตัวอย่างไร้ร่องรอย
พอหวังหลินจากไปได้สักพักแล้วเมฆาสูญสิ้นจึงยิ้มออกมาด้วยความมืดมนยิ่ง
‘การเข้าสู่แคว้นกระทิงสวรรค์ช่างน่าสนใจ…ครั้งต่อไปข้าจะไม่ปล่อยเจ้าหนีไปได้อีก เซียนทรงพลังแบบเจ้าเหมาะสมที่จะกลายเป็นเตาหลอมกระบี่ของข้า!!’ ดวงตาของเมฆาสูญสิ้นเรืองแสงสว่างและก้าวทะยาน ใบหน้าซีดเล็กน้อยเพราะบาดเจ็บในการต่อสู้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาฟื้นฟูกำลัง เขายังต้องรายงานความสำเร็จให้แก่เหล่าบรรพชนเรื่องการหลอมทะเลโอสถกลับเป็นเม็ดยาสวรรค์!
ตอนนี้ในทะเลโอสถ ไม่มีเซียนของแคว้นกระทิงสวรรค์เหลือรอดอยู่เลย ทุกคนล้วนตายกันหมด!
ทั่วทั้งทะเลโอสถกลายเป็นอาณาเขตของแคว้นมารเขียว!
ณ ด้านนอกทะเลโอสถ หวังหลินทะยานออกมาอยู่บนแคว้นกระทิงสวรรค์ได้หลายหมื่นลี้ โลหิตไหลออกจากมุมปากพลางหันกลับไปมองเขตอาคมรอบทะเลโอสถด้วยสายตาอาฆาต
“พยัคฆ์ขาว พวกเจ้าสามคนไปก่อน…ข้ายังมีเรื่องต้องทำจึงยังไม่ไปกับพวกเจ้าด้วย ที่นี่ห่างไกลจากสำนักมหาวิญญาณแต่ใกล้กับสำนักกุ้ยยี่ หากพวกเจ้าต้องการรายงานก็ต้องรีบไป”
“ส่วนสำนักมหาวิญญาณ ข้าจะบอกเอง!” หวังหลินมองทะเลโอสถ สายตาเผยความเย็นเยียบ สะบัดแขนขวาปรากฏหินหยกขึ้นในมือ มันคือหินหยกสื่อสารจากสำนักมหาวิญญาณ หลังจากทิ้งข้อความไว้เขาจึงสะบัดแขนส่งให้หินหยกหายไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยโครงสร้างของหินหยกสื่อสาร มันจึงเดินทางได้เร็วยิ่งกว่าเหล่าเซียน แต่ไม่รู้ว่าสำนักมหาวิญญาณจะได้รับมันเมื่อใดกันแน่
หลังจากเห็นหินหยกสื่อสาร กลุ่มพยัคฆ์ขาวรู้ทันทีว่ามันเป็นของที่สำนักมหาวิญญาณใช้กันภายใน พวกเขามองหวังหลินราวกับต้องการจะสอบถามแต่ก็หยุดยั้งตัวเองไว้
หวังหลินถอนสายตาจากทะเลโอสถ เขาสังเกตท่าทีของพวกพยัคฆ์ขาวได้จึงเอ่ยขึ้น “ข้าได้เข้าร่วมสำนักมหาวิญญาณและกลายเป็นผู้อาวุโส”
“ดูแลตัวเองด้วย!” พยัคฆ์ขาวและพรรคพวกคำนับฝ่ามือ พวกเขาไม่ได้เอ่ยขอบคุณกันบ่อยนัก แต่ไม่ว่าเรื่องนี้หรือเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกถ้ำ เหล่าพยัคฆ์ขาวต่างจดจำไว้ในใจ
“พวกเจ้าก็ดูแลตัวเองด้วย!” หวังหลินเผยรอยยิ้มจริงใจ เขาคำนับฝ่ามือให้และมองมาที่วิหคศักดิ์สิทธิ์
วิหคศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจราวกับต้องการพูดบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ทั้งสามรีบทะยานเข้าหาสำนักกุ้ยยี่
หลังจากทั้งสามคนหายวับไปจากขอบฟ้า หวังหลินหันกลับมายังทะเลโอสถ แววตาผุดจิตสังหาร
“ตั้งแต่ที่มาถึงแผ่นดินเซียนดารา ข้าไม่เคยเจอการสูญเสียครั้งใหญ่มาก่อน! เมฆาสูญสิ้น หากข้าไม่ใช้โอกาสที่เจ้าบาดเจ็บนี้เข้าไปสังหารเจ้า ข้าคงทนไม่ไหวแน่!” เสียงกรีดร้องของหุ่นเชิดเย่ซื่อยังดังกึกก้องในใจหวังหลิน จิตใจเขากำลังเจ็บปวด ระดับบ่มเพาะของเมฆาสูญสิ้นนั้นประหลาดยิ่ง ระดับบ่มเพาะไม่ได้สูงแต่พลังปราณกระบี่กลับน่าตกตะลึง!
หวังหลินลบล้างสัมผัสวิญญาณของหยานหลวนในสมบัติทั้งสองที่เขาชนะนางมาแล้ว น้ำเต้าที่มีวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงสามารถปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงได้ แม้จะเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม!
ตอนนี้พอคิดขึ้นมาในใจ จึงพุ่งทะยานเข้าหาทะเลโอสถ
ลักษณะท่าทีดูเหมือนไม่ยั้งคิดแต่หวังหลินมั่นใจว่าเมฆาสูญสิ้นคงไม่คิดว่าเขาจะกลับมาหลังจากใช้ความพยายามมากขนาดนั้นออกไป นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หวังหลินมั่นใจ
‘หากข้าต้องการสังหารเมฆาสูญสิ้น ข้าต้องได้เข็มทิศควบคุมค่ายกลนั่น!’ เป็นครั้งแรกที่หวงหลินต้องการสังหารคนนับตั้งแต่ที่มาถึงแผ่นดินเซียนดารา