Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1858
เสียงคำรามเต็มไปด้วยความดุร้ายโผล่ออกมาจากสายหมอกรอบตัวหวังหลิน หุ่นเชิดเย่ซื่อซึ่งสูญเสียแขนไปพลันพุ่งเข้าหาหลิวจื่อหยวนอย่างบ้าคลั่ง
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วปานสายฟ้า หุ่นเชิดเย่ซื่อข้ามระยะห่างหนึ่งพันฟุตเพียงชั่วจังหวะเดียว พอหลิวจื่อหยวนหันกลับมา หุ่นเชิดเย่ซื่อก็ไปถึงแล้ว
สีหน้าของหลิวจื่อหยวนพลันเปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ถึงพลังความผันผวนของเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นที่อยู่ในหมอกสีดำ ดวงตาเผยความหวาดกลัว เขารู้ว่านี่เป็นเพียงหุ่นเชิดแต่ก็ล่าถอยและสะบัดแขนโดยไม่ลังเล ดอกบัวสีดำเจ็ดดอกปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าและเข้าปะทะกับหุ่นเชิดเย่ซื่อ
เสียงดังสนั่นทำให้คนอีกหกคนที่กำลังต่อสู้ถึงกับหันมาให้ความสนใจ สีหน้าของฝ่ายหลิวจื่อหยวนอีกสามคนได้เปลี่ยนไปและต้องการมุ่งไปข้างหน้า แต่กลับถูกเซียนจากแคว้นกระทิงสวรรค์หยุดเอาไว้ เพราะสายหมอกเหล่านี้พวกเขาจึงไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ประโยชน์!
ดอกบัวสีดำเจ็ดดอกแตกสลาย หุ่นเชิดเย่ซื่อร้องคำราม ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผล แต่ลิ้นของมันแทงทะลุดอกบัวทั้งเจ็ดตรงไปยังหน้าอกของหลิวจื่อหยวน
โลหิตสดๆ ปะทุออกมา หลิวจื่อหยวนรู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่ไม่มีเวลาไปตรวจสอบ เขาไม่เหลือพลังปราณสวรรค์มากนักและหมอกรอบตัวก็กำลังดูดซับพลังปราณสวรรค์ออกไปด้วย เขายังสร้างดอกบัวเจ็ดดอกในช่วงจังหวะอันตราย ดังนั้นจึงเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ขณะที่ล่าถอยพลันสะบัดแขนขวาปรากฏก้อนแสงขึ้นมาหนึ่งก้อนและกำลังจะกลืนกิน
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏใบเรือสีขาวขึ้นในมือ เพียงสะบัดแขนเสียงร้องไห้ดังสนั่นและเข้าไปในจิตใจหลิวจื่อหยวนที่กำลังบาดเจ็บ ทันใดนั้นภาพสตรีชุดขาวปรากฏขึ้นในใจเขา เขาเห็นแผ่นหลังของนางและนางกำลังร้องไห้
จังหวะที่ร่างนั้นปรากฏ หลิวจื่อหยวนที่กำลังถือก้อนแสงในมือจึงหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ
เพียงแค่จังหวะที่เขาหยุด หวังหลินก็เข้ามาใกล้ ฝ่ามือยื่นเข้าหาท้องฟ้า ประทับขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาและตกลงใส่หลิวจื่อหยวน
ขณะเดียวกันด้านหลังหลิวจื่อหยวนมีเปลวเพลิงกะพริบวูบวาบ ประทับฝ่ามือเพลิงเผาไหม้สายหมอกไประหว่างทางและมุ่งหน้าไปหาเขา!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วยิ่ง หวังหลินวางแผนนี้ไว้ในใจอยู่หลายรอบ
เพียงประทับฝ่ามือเข้าประชิด จิตใจของหลิวจื่อหยวนได้ถูกเสียงร้องไห้เข้าแทรกแซง หุ่นเชิดเย่ซื่อร้องคำรามและพุ่งกลับมาหาหลิวจื่อหยวน กระบี่โลหิตได้พุ่งกลับมาเช่นกันและฟาดฟันลงใส่หลิวจื่อหยวน!
ทุกวิชาทั้งหมดเข้าใกล้ ใช้โอกาสที่หลิวจื่อหยวนสูญเสียพลังปราณสวรรค์ไปเกือบหมด
ทว่าเซียนขั้นวิบากดับสูญนับว่าสังหารได้ยากมาก ถึงหวังหลินจะมีจังหวะยอดเยี่ยมแค่ไหน ในนาทีนี้หลิวจื่อหยวนหรี่ตาแคบ เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกไปโดยไม่ลังเล โลหิตนี้เข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างแม้กระทั่งเรือนผมยังเป็นสีโลหิต
ผิวหนังก็เช่นกัน พริบตาเดียวเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์โลหิต สองแขนกอดร่างตัวเอง พอเหล่าวิชาเข้ามาใกล้จึงอ้าแขนออกทันที
“ค่ายกลเกราะโลหิต!” โลหิตในร่างเหี่ยวแห้งและเปลี่ยนกลายเป็นชุดเกราะ ขณะเดียวกันเกราะบนร่างก็ระเบิดกลายเป็นพายุโลหิต
จังหวะที่ประทับฝ่ามือขนาดยักษ์เข้าสัมผัสกับพายุโลหิต มันจึงพังทลายไปทันที ประทับฝ่ามือเพลิงด้านหลังก็พังทลายไปด้วยเช่นกัน
กระบี่โลหิตกะพริบวาบและตัดผ่านเข้าไปในพายุโลหิต หุ่นเชิดเย่ซื่อได้พุ่งเข้าหาโลหิตพร้อมส่งเสียงบ้าคลั่ง ทั้งหมดได้ทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนสวรรค์
เมื่อเสียงเริ่มดังขึ้น หวังหลินก้าวเข้าไปในพายุโลหิต เห็นได้ชัดว่าพายุโลหิตนี้คือสมบัติช่วยชีวิตของหลิวจื่อหยวน ตอนนี้มันได้ต้านทานวิชาหลายอย่างของหวังหลินเข้าไปจึงแสดงอาการพังทลาย ข้างในพายุนั้นหลิวจื่อหยวนกระอักโลหิต สีหน้าท่าทางอำมหิตแต่ก็ล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่เขาถอย สายตาจับจ้องไปยังหวังหลินแต่หวังหลินกลับหายวับไปทันที เขาหรี่ตาแคบพลางหันตัวกลับมา กวาดแขนขวาไปด้านหลัง
หวังหลินก้าวเดินออกมาจากด้านหลังและโยนกำปั้นเข้าใส่ กำปั้นนี้ไม่ได้มีร่างเงาบัญชาโบราณแต่มันยังเป็นกำปั้นบัญชาโบราณ!
ปัง!
แขนขวาของหลิวจื่อหยวนระเบิดเป็นกองโลหิตและเขากระเด็นถอยไป โลหิตไหลย้อนจากมุมปากแต่ไม่หยุดแค่นั้น หวังหลินไล่ตามหลิวจื่อหยวนไปด้วย
หวังหลินรีบติดตามและโยนกำปั้นออกไปถึงสิบเก้าครั้งจนเกิดเสียงดังสนั่น หลิวจื่อหยวนเต็มไปด้วยสายตาหวาดกลัว การไล่ล่าของหวังหลินนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไปและไม่มีโอกาสให้เขาได้ตอบโต้ กำปั้นแต่ละครั้งทำให้เขาเต็มไปด้วยโลหิตและดูน่าหวาดกลัว
“แค่นี้ไม่มากพอที่จะสังหารข้าหรอก!” หลิวจื่อหยวนเข้าใจดีว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติความเป็นความตาย จังหวะของอีกฝ่ายนั้นยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดว่าเตรียมการมานาน!
ขณะที่เขาถอย เขารับกำปั้นของหวังหลินมาหนึ่งครั้ง สะบัดแขนขวานำกระดิ่งสีดำออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวจื่อหยวนมีเวลาได้ใช้สมบัติในการต่อสู้กับหวังหลินและนี่คือสมบัติที่ทรงพลังที่สุดของเขา! พอกระดิ่งปรากฏมันจึงเริ่มส่งเสียงกริ๊ง
ร่างเงาสตรีนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลิวจื่อหยวน พวกนางเปลือยเปล่า น่าเวทนาและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
พวกนางมีหลักแสนคน ขณะที่กระจายตัวออกมาจึงได้ทับซ้อนกันและผสมผสานความเกลียดชังเข้าไปด้วย กลายเป็นกลิ่นอายอาฆาตอันทรงพลังที่เซียนทั้งหมดบนทุ่งยอดนภาสังเกตได้!
การต่อสู้ระหว่างหกเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นก่อนหน้ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จังหวะที่พวกเขาสัมผัสได้จึงแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา แต่สายหมอกกลับกีดขวาง! ทว่ามีสามคนจากแคว้นมารเขียวที่คุ้นเคยกับวิชาและสมบัติของหลิวจื่อหยวน
เวลานี้พอพวกเขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณอาฆาต สีหน้าแต่ละคนจึงเปลี่ยนไป ทั้งสามรู้ว่าหลิวจื่อหยวนกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติความเป็นความตาย ไม่เช่นนั้นคงไม่นำสมบัติออกมา!
ชายชราขั้นวิบากดับสูญระดับกลางที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มสามคนของหยานหลวนและชายชราแซ่จางที่กำลังต่อสู้กับหลิวเหวินหลานต่างก็สัมผัสสิ่งนี้ได้ ทว่าแต่ละคนถูกสายหมอกขัดขวางสัมผัสวิญญาณจึงไม่อาจมองเห็น
หลิวเหวินหลานดวงตาส่องสว่างและแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ทว่ามีม่านพลังที่มองไม่เห็นล้อมรอบตรงจุดที่หลิวจื่อหยวนต่อสู้ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าใครกำลังต่อสู้กับหลิวจื่อหยวน
หยานหลวนและคนอื่นก็เจอแบบเดียวกัน
วินาทีที่เหล่าวิญญาณอาฆาตได้พุ่งออกมา หวังหลินหรี่ดวงตา เขาเตรียมการมาเป็นอย่างดี ตอนนี้เขาเผยเพียงส่วนหนึ่งในมือเท่านั้นและยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายสุดท้ายสองใบเลย
หวังหลินชี้ไปบนฟ้า น้ำเต้าพลันปรากฏขึ้นในมือ มันมีวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงและหากระเบิดขึ้นมาสามารถคุกคามเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางได้ แต่เขาไม่ได้สั่งการให้มันระเบิด หวังหลินพ่นโลหิตหายเข้าไปในน้ำเต้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเสียงคำรามของเหล่าวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงดังกึกก้อง วิญญาณเหล่านี้ได้ลอยออกมาก่อเกิดเป็นถนนโลหิตด้านหลังหวังหลิน!
“ขอใช้แก่นโลหิตของข้าเพื่ออัญเชิญบรรพชนแห่งสำนักมหาวิญญาณ ทะลวงออกมา! ต้นกำเนิดวิญญาณ!” หวังหลินเอ่ยเสียงนิ่งแต่แฝงพลังอันแปลกประหลาด
ตรงปลายสุดของถนนโลหิตมีวังวนขนาดยักษ์คล้ายผสานเข้ากับสายหมอกรอบด้าน เพียงแค่หวังหลินเอ่ยคำพูดขึ้นมา ร่างโลหิตหนึ่งได้ก้าวออกมาจากวังวน
ทุกก้าวทำให้โลกถึงกับสั่นสะเทือน
สมบัติที่หลิวจื่อหยวนอัญเชิญมาถึงกับแสดงสัญญาณพังทลายเมื่อมีร่างโลหิตปรากฏ สีหน้าของหลิวจื่อหยวนได้เปลี่ยนไปและชี้ไปยังท้องฟ้า แรงอาฆาตได้ควบแน่นเปลี่ยนเป็นร่างสตรียักษ์ ร่างกายของนางถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณอาฆาตนับแสนดวง
ร่างสตรียักษ์อ้าปากออกและพยายามกลืนกินหวังหลิน
จังหวะนี้เองร่างของบรรพชนลำดับเก้าแห่งสำนักมหาวิญญาณ ลั่วหยุนไฮ่ ได้ก้าวออกมาจากวังวนโลหิตเช่นกัน เขายกแขนขึ้นมา จิตสังหารเข้มข้นก่อตัวเป็นหอกสีแดง เขาคว้าหอกและโยนออกไปทันที
หอกได้เข้าปะทะกับร่างสตรียักษ์ที่ก่อเกิดจากวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วน
จังหวะที่ทั้งสองปะทะกัน หอกได้ปลดปล่อยแสงเจิดจ้าราวกับกำลังชำระสิ่งสกปรก ร่างใหญ่ยักษ์พลันแตกสลาย เหล่าวิญญาณอาฆาตข้างในส่งเสียงซี่ๆ
เสียงดังสนั่นกึกก้อง ร่างหวังหลินสั่นสะท้านและกระอักโลหิต เขาถอยไปพันฟุตพร้อมกับถนนโลหิตด้านหลังที่พังทลาย บรรพชนลำดับเก้าหายไป ขณะเดียวกันร่างสตรียักษ์ก็พังทลาย โลหิตระเบิดออกมาจากหลิวจื่อหยวนจนเขาส่งเสียงกรีดร้องและล่าถอย
ร่างเงาที่พังทลายแปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนและดูเหมือนเขากำลังโดนพลังตีกลับ พวกมันเจาะทะลุเข้าออกร่างกายของหลิวจื่อหยวนจนเขาส่งเสียงกรีดร้องน่าเวทนา ทว่าเขาแค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้นและยังไม่ตาย ตอนนี้เขาไม่สนใจสงครามอีกต่อไปแล้วและวิ่งหนีไม่คิดชีวิต!
“ขบวนทัพ เทพสะท้าน!”
“วิชาปิศาจ ขุนเขาสายลมและเปลวเพลิง!”
“เต๋ามาร หวนคืนชีวิตและความตาย!”
“เทพ มาร ปิศาจ…บัญชาโบราณไร้เหล่าทวยเทพ!”