Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1863
เหตุการณ์ทั้งหมดรวดเร็วเกินไป ฉวี่เต๋อข่ายปักก้านธูปลงบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นถอยไปอีกสามก้าว แขนซ้ายสร้างผนึกเกือบหกล้านครั้ง แขนขวาก็สร้างได้เกือบหกล้านเช่นกัน จากนั้นสองมือกดลงบนพื้น
ปัง!
ดินโคลนรอบตัวหวังหลินเคลื่อนไหวจนกลายเป็นวังวนดินโคลน ขอบยกสูงขึ้นเป็นกำแพงดิน
มองไกลๆ ราวกับดินโคลนก้อนใหญ่ขึ้นห่อหุ้มหวังหลินในทันที
“โคลนสังหาร!” ฉวี่เต๋อข่ายร้องคำราม จากนั้นก้อนดินโคลนก็หดตัวลง
ฉวี่เต๋อข่ายมีชื่อเสียงอย่างมากบนแคว้นมารเขียว สิ่งที่ทำให้เขาน่าสะพรึงกลัวคือความเร็วการร่ายวิชาที่ไร้คู่แข่ง ท่ามกลางเซียนในระดับเดียวกัน เขาสามารถใช้ความได้เปรียบนี้เพื่อร่ายวิชามากมายและไม่ยอมหยุดจนกว่าจะกระหน่ำอีกฝ่ายจนตาย!
นี่เป็นเหตุผลว่าถึงแม้เขาจะเป็นเซียนไร้สำนัก เขาก็ยังถูกสำนักเต๋ามารเชิญชวน!
หวังหลินอยู่ในก้อนโคลนและรอบด้านมีมนุษย์โคลนอีกสี่ตัว เสียงดังสนั่นกึกก้อง ทั้งยังมีพลังลี้ลับจากก้านธูปลึกลับโผล่ออกมาจากร่างฉวี่เต๋อข่ายอีก ด้านนอกก้อนโคลนมีร่างเงาคล้ายวาฬยักษ์ได้อ้าปากและกลืนกินเข้าไป
หลังจากกินก้อนโคลน เจ้าวาฬได้หายไปแต่ยังมีโคลนเหลืออยู่ อสรพิษสีดำปรากฏขึ้นเก้าตัว พวกมันพ่นควันพิษแทงทะลุใส่โคลนในทันที
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ไม่นานโคลนก็พังทลาย พลังแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากภายใน ปรากฏเป็นกำปั้นยักษ์เข้าทำลายโคลนและทำให้อสรพิษสีดำต้องแตกสลายไปหลายตัว โคลนที่พังทลายเผยออกมาเป็นหวังหลินที่อยู่ในสภาพย่ำแย่
หวังหลินผ่านเหตุการณ์อันตรายมากมายตั้งแต่เยาว์วัย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่มีเวลาต่อสู้กลับและถูกอีกฝ่ายโจมตีใส่ดุจพายุ
ทั้งหมดเพราะศัตรูสามารถร่ายวิชาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
เพียงหวังหลินก้าวเดินออกมาจากดินโคลน กระบี่สีเหลืองส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งทะยานเข้าหาเขา
ด้านหลังกระบี่สีเหลืองเป็นยักษ์โคลนจำนวนสิบแปดตัว
ด้านหลังยักษ์โคลนมีภาพวาดเคลื่อนเข้ามาดุจสายริบบิ้น
ด้านหลังภาพวาดเป็นกระดูกโบราณที่เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่กำลังโยนมาทางหวังหลิน
ด้านหลังไปอีก ต้นหญ้าพริ้วไหวและถูกดึงออกมาจากพื้น ใบหญ้าแต่ละใบเปลี่ยนกลายเป็นหยดของเหลวสีเขียวพุ่งเข้ามานับไม่ถ้วน
ด้านหลังไปอีกมีสายหมอกคล้ายกับดึงออกมาจากก้อนเมฆบนท้องฟ้าและก่อตัวเป็นฝ่ามือสองข้าง พวกมันเข้าหาหวังหลินจากทางด้านซ้ายและด้านขวา
เจ้าวาฬที่กลืนกินไปและเปลี่ยนเป็นอสรพิษเก้าตัวได้พ่นควันพิษอีกครั้งพร้อมกับอ้าปาก มันกำลังกลืนกินหวังหลินเป็นครั้งที่สอง
ในประสบการณ์ของฉวี่เต๋อข่าย ตราบใดที่เจ้าวาฬกลืนกินรอบที่สาม เซียนคนใดก็ตามที่มีระดับบ่มเพาะเท่ากันก็ยังต้องบาดเจ็บสาหัส!
พอเห็นแบบนี้แม้แต่หวังหลินยังรู้สึกด้านชา เขาไม่เคยจินตนาการออกว่าจะมีคนที่สามารถร่ายวิชาด้วยความเร็วอันน่ากลัวระดับนี้ได้
เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ แต่อีกฝ่ายกลับใช้วิชาได้หลากหลายต่างชนิด ตอนนี้รอบด้านเต็มไปด้วยวิชาจนทำให้หวังหลินเกิดภาพหลอนว่าเขาไม่ได้สู้กับคนเพียงคนเดียวแต่มีมากมาย!
คิดเอาตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วเพราะกระบี่สีเหลืองเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันมีกลิ่นอายทรงพลังราวกับมั่นใจว่าจะผ่าร่างหวังหลินได้เป็นสองส่วน
ความเร็วและความต่อเนื่องของเหล่าวิชาได้ทำให้หวังหลินไม่มีเวลาตอบสนอง วินาทีที่หวังหลินปรากฏตัว เหล่าวิชาก็ได้มาถึงแล้ว
เสียงเหล็กกระทบดังออกมาจากร่างกายและเกิดเสียงปะทุดังกึกก้อง กระบี่ฟาดลงใส่ร่างหวังหลินทำให้เขากระเด็นกลับไป
เสื้อผ้าหวังหลินได้รับความเสียหายจนขาดรุ่งริ่ง นี่เป็นสภาพย่ำแย่ที่สุดที่หวังหลินเคยเจอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีร่างบัญชาโบราณ กระบี่เหินเล่มนี้คงทำให้เขาบาดเจ็บไปแล้ว
ต่อจากกระบี่เหิน ร่างโคลนทั้งสิบแปดตัวไม่ยอมให้หวังหลินได้มีเวลาพักผ่อน เมื่อพวกมันเข้ามาในระยะร้อยฟุต พวกมันไม่ได้โจมตีแต่กลับระเบิดตัวเองทั้งหมด
ตึง ตึง ตึง ตึง!
การระเบิดของมนุษย์โคลนทั้งสิบแปดตัวได้ก่อเกิดเป็นวังวนเข้าล้อมรอบหวังหลินและปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมา หวังหลินกระอักโลหิตและกำลังจะถอยแต่ภาพวาดเคลื่อนตัวเข้ามาประชิดเพื่อสร้างเป็นวังวนซ้อนหลายชั้นเข้ากักขังหวังหลิน
ภาพวาดพังทลาย เส้นด้ายจำนวน 108,000 สายปรากฏขึ้นมาลอยเข้าไปในร่างหวังหลินเพื่อทำการระเบิดจากภายใน
ยังไม่จบแค่นี้ ต่อจากภาพวาดยังเป็นกระดูกห่อหุ้มแสงสีดำถูกโยนมาหาหวังหลิน รอยแยกขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นและมีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวโผล่ออกมา จากนั้นศีรษะยักษ์โผล่ออกมาจากรอยแยก
ศีรษะนี้เป็นศีรษะของสุนัขแต่กลับดุร้ายมาก มันเปล่งกลิ่นอายกระหายเลือด ดวงตาสีแดงจ้องมาที่กระดูกเบื้องหน้าหวังหลิน มันเห่าหอนและพุ่งออกมา
เจ้าสุนัขตัวนี้คืออสูรดุร้ายที่โดนฉวี่เต๋อข่ายจับมา เขาใช้เพื่อทำให้ศัตรูบาดเจ็บและไม่เสียแรงที่นำมันออกมา!
เจ้าสุนัขเข้าประชิดในพริบตาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันมันก็กัดกระดูก ศีรษะใหญ่ยักษ์กระแทกเข้าหาหวังหลิน
โลหิตจำนวนมากไหลออกจากมุมปากของหวังหลิน แต่ของเหลวสีเขียวตามหลังเจ้าสุนัข พอกระทบกับหวังหลินจึงทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
กระบวนท่าสังหารของจริงกำลังเข้ามาใกล้ กระบวนท่านี้คือฝ่ามือสองข้างที่กำลังกระแทกใส่หวังหลินจากทางซ้ายและขวา ตอนนี้ฝ่ามืออยู่ห่างจากหวังหลินไม่น้อยกว่าร้อยฟุต
ร่างหวังหลินส่งเสียงปะทุออกมาราวกับไม่สามารถทนรับไหว ในชั่วจังหวะวิกฤตินี้หวังหลินยกแขนทั้งสองขึ้นมาและโยนกำปั้นใส่ฝ่ามือที่กำลังเข้ามา
ขณะเดียวกันร่างเงาคล้ายวาฬยักษ์ได้อ้าปากและพุ่งมาใส่หวังหลิน
กำปั้นของหวังหลินปะทะกับฝ่ามือจนเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วทุ่งยอดนภา หมอกโลหิตจำนวนมากระเบิดออกจากร่างหวังหลินและทำให้เขากระเด็นกลับไป ร่างเงาคล้ายวาฬเข้าประชิดและกำลังกลืนกินหวังหลิน ฉวี่เต๋อข่ายภูมิใจมากกับจังหวะนี้
หวังหลินอ้าปากและพ่นหินสีดำออกมา มันระเบิดเป็นแสงสีดำผสานกับความมืดยามค่ำคืน ร่างเงาวาฬตัวหนึ่งแต่ใหญ่กว่าหลายเท่าพลันปรากฏตัว
มันคือเต๋าแห่งสวรรค์ของหวังหลิน เจ้าอสูรโลกันตร์!!
วินาทีที่เจ้าอสูรโลกันตร์ปรากฏตัว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสับสนและอำมหิต มันลืมความหวาดกลัวและเริ่มกลืนกิน การต่อสู้ระหว่างอสูรโลกันตร์และอสูรวาฬอันดุเดือดจึงเริ่มต้นขึ้น
ฉวี่เต๋อข่ายหรี่สายตาและหวาดกลัว เขารีบถอยและกำลังจะดึงร่างเงาวาฬกลับมา
แต่คราวนี้เขาช้าเกินไป!
อสูรวาฬของฉวี่เต๋อข่ายกำลังถอยหนีแต่กลับถูกอสูรโลกันตร์กลืนกิน
ตอนที่อสูรวาฬโดนกลืนกิน ฉวี่เต๋อข่ายหน้าซีดและกระอักโลหิต
“เต๋าแห่งสวรรค์ของข้า!!” น้ำเสียงน่าเวทนาและเจ็บปวดยิ่ง ตอนนี้ฉวี่เต๋อข่ายดวงตาแดงก่ำ เรื่องเต๋าแห่งสวรรค์ของเขาโดนกลืนกินมันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายและเขาแทบไม่อยากเชื่อ
แม้จะคิดว่าหวังหลินก็มีเต๋าแห่งสวรรค์ เขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเต๋าแห่งสวรรค์กลืนกินเต๋าแห่งสวรรค์อีกตัวได้!!
เขาไม่รู้ว่าเต๋าแห่งสวรรค์ของหวังหลินมีของสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า หินมิติ!!
หวังหลินรีบถอยจนกระทั่งอยู่ห่างถึงหมื่นฟุต จากนั้นเขาก็กลืนหินมิติลงไป นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินได้มีเวลาหายใจและผ่อนคลายได้เล็กน้อย
ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง เขามองดูฉวี่เต๋อข่ายด้วยความเคร่งขรึมและตื่นเต้น!
‘เซียนทั่วไปไม่สามารถร่ายวิชาได้เร็วขนาดนี้ได้ เขาต้องเจอโชควาสนาครั้งใหญ่และเรียนรู้วิชาพิเศษบางอย่าง!! เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ทั่วไป! หากข้าเรียนรู้วิชาแบบนี้ได้…’
พอจ้องฉวี่เต๋อข่าย หวังหลินดวงตาเป็นประกาย หัวใจกำลังเต้นรัวแต่เขาไม่เร่งรีบ ใต้ฝ่าเท้าเกิดระลอกคลื่นดังสนั่นและตัวเขาเลือนหายไป
จังหวะที่หวังหลินหายตัวไป วิชาของฉวี่เต๋อข่ายก็มาถึงและกระทบพื้นเสียงดังสนั่น ฉวี่เต๋อข่ายหันกลับมา ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“เจ้ากลืนกินเต๋าแห่งสวรรค์ของข้า เช่นนั้นก็ยกเต๋าแห่งสวรรค์ของเจ้ามา!”
แต่ไม่ว่าฉวี่เต๋อข่ายจะค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอกลิ่นอายของหวังหลิน ดูเหมือนเขาได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่จิตใจกลับเจ็บปวดรุนแรง!
ชั่วเวลานี้เซียนเฒ่าขั้นวิบากดับสูญระดับกลางสองคนและเซียนสตรีขั้นวิบากดับสูญระดับต้นได้เข้ามาใกล้
แต่ร่างหวังหลินปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปไกล ทิ้งกลุ่มเซียนขั้นวิบากดับสูญทั้งสามคนไว้ด้านหลัง
เป้าหมายของหวังหลินคือการพาทั้งสามคนออกห่างและเริ่มฆ่าทุกคนที่นี่