Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1865
ฉวี่เต๋อข่ายทะยานร่างอยู่บนทุ่งยอดนภาด้วยความรู้สึกมืดมน ในการต่อสู้กับหวังหลินเขาได้สูญเสียเต๋าแห่งสวรรค์ซึ่งยากจะยอมรับได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเต๋าแห่งสวรรค์ได้ถูกตัดขาดไปตอนที่มันโดนกลืนกิน ทำให้เขาเกิดอาการบาดเจ็บ
ตอนนี้วิญญาณดั้งเดิมอ่อนแอ ใช้เวลาสักพักจึงจะฟื้นคืนมาได้
‘หวังหลิน เจ้าต้องตาย!! มีเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางสองคนกำลังไล่ล่าเจ้า ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะหนีไปได้อย่างไร! ผู้อาวุโสจางสัญญากับข้าแล้วว่าเมื่อเจ้าถูกจับได้ เขาจะส่งเจ้ามาให้ข้าภายในสองสามวัน ข้าจะให้เจ้ารับรู้ถึงความทรมานจนอยากตาย!’
ฉวี่เต๋อข่ายเกลียดชังหวังหลินเพราะเต๋าแห่งสวรรค์โดนกลืนกินไป ยิ่งเขารู้สึกเจ็บปวดมากเท่าไรก็ยิ่งเกลียดหวังหลินมากเท่านั้น!
ขณะที่ท่องทะยาน สีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนไปและมองข้างหน้า วินาทีนั้นเขารู้สึกถึงความผันผวนออกมา
พอมองไปที่ความผันผวน ฉวี่เต๋อข่ายเห็นหวังหลินก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่า เปลี่ยนทิศทางและจากไป เขาสังเกตเห็นว่าหวังหลินก็เห็นเขา สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น ใต้ฝ่าเท้าเกิดระลอกคลื่น ซึ่งแน่ชัดว่ากำลังใช้วิธีอันประหลาดนี้ออกไปจากที่นี่
‘หวังหลิน!! เขาไม่ได้อยู่ตรงหน้า แต่อยู่ที่นี่!’ ฉวี่เต๋อข่ายตกตะลึงพลางจ้องมองหวังหลินที่กำลังหนีไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่หวังหลินสามารถหายตัวไปโดยใช้วิธีอันประหลาดนั้นได้ เขาจึงไล่ตามโดยไม่มีเวลาให้คิดมากนัก
“เจ้าจะไปทางไหนก็ได้ แต่กลับมาโผล่ตรงหน้าข้า หวังหลินนี่เป็นโชคร้ายของเจ้าแล้วที่พาตัวเองมาตาย!” ฉวี่เต๋อข่ายเยาะเย้ยและรีบเพ่งสมาธิพร้อมไล่ตามหวังหลิน ใช้สัมผัสวิญญาณตรวจหาบริเวณนี้ พอไม่พบอะไรจึงผ่อนคลาย
แต่หลังจากเขาเดินทางได้เพียงหมื่นฟุต ตัวเขาพลันหายไปราวกับได้ชนเข้ากับรอยแยกอวกาศที่มองไม่เห็นและหายไป
พอเขาหายไป หวังหลินจึงเข้าไปใกล้และหายไปเช่นกัน เหลือเพียงหินมิติที่วางอยู่ในพงหญ้า เปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน
ฉวี่เต๋อข่ายหายไป!
พอเขาหายไป เซียนสตรีขั้นวิบากดับสูญระดับต้นตรงชายขอบทุ่งยอดนภาได้พลันลืมตาขึ้น นางจ้องมองเข็มทิศตรงหน้าด้วยท่าทีเปลี่ยนไป เส้นผมเส้นขนทั้งหมดลุกขึ้นทั่วร่าง
นางเห็นจุดที่เป็นตัวแทนของฉวี่เต๋อข่ายได้หายไปฉับพลัน!
“นี่…นี่…” นางหน้าซีดทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ นางส่งข่าวนี้ด้วยวิธีพิเศษให้แก่เซียนขั้นวิบากดับสูญอีกสามคนในทุ่งยอดนภาโดยไม่ลังเล!
เซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางทั้งสองคนมีสีหน้ามืดมนยิ่ง ทั้งคู่ไล่ตามเข็มทิศมาแต่กลับพบว่าเป็นแค่กลหลอกเด็ก พวกเขาโกรธเกรี้ยวจนไม่รู้ว่าจะไประบายที่ไหน
ขณะที่ทั้งสองเดินทาง พอได้รับข้อความมาสีหน้าแต่ละคนจึงเปลี่ยนไปและหยุดชะงักกลางอากาศ !
“ฉวี่เต๋อข่ายตามหลังเรามา ตอนนี้เขาหายไปแล้ว!!” ชายชราแซ่จางมีท่าทีเปลี่ยน
“มันต้องเป็นหวังหลินแน่ เขาใช้เข็มทิศเพื่อดึงดูดความสนใจของเราแต่กลับซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้าและลอบกัดฉวี่เต๋อข่าย!” ชายชราแซ่จ้าวผุดแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ขณะที่ทั้งสองคนสังเกตเรื่องนี้ได้ ก้อนเมฆเหนือทุ่งหญ้าพลันหายไปจนเผยแสงอาทิตย์ ไม่เพียงแต่ฝนจะไม่หยุดมันกลับหนักขึ้นเรื่อยๆ
หมอกสีดำหนาแน่นพวยพุ่งออกมาจากพื้นและปกคลุมไปทั่วทุ่งยอดนภา
ชายชราแซ่จ้าวและแซ่จางหันไปมองรอบๆ แรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมา
เซียนสตรีขั้นวิบากดับสูญระดับต้นผู้ห่างออกจากกลุ่มชายชราสองคนถึงกับตัวสั่นเทาและหยุดค้างกลางอากาศ ด้วยวิธีพิเศษที่เซียนจากแคว้นมารเขียวใช้สื่อสาร นางจึงรู้ว่าฉวี่เต๋อข่ายหายตัวไป
ขณะเดียวกันนางเห็นสายหมอกจากพื้นดินขึ้นมาปกคลุม เสียงร้องดังออกมาจากภายในหมอก
เหล่าเซียนจากวังใต้ดินพุ่งขึ้นมาโจมตีระลอกสองภายใต้การนำของลิ่วเหวินหลาน
เซียนขั้นวิบากดับสูญทั้งสามคนพยายามออกไปจากสายหมอก แต่ลิ่วเหวินหลานเอ่ยเสียงอึมครึม
“สหายเซียน ทำไมรีบจากไปเร็วนัก?” การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ณ ชายขอบของทุ่งยอดนภา สตรีขั้นวิบากดับสูญระดับต้นที่กำลังควบคุมเข็มทิศพลันลืมตาตื่น นางสะบัดแขนเสื้อสั่งการให้เหล่าเซียนนับพันของแคว้นมารเขียวมุ่งหน้าไป
ขณะที่การต่อสู้รอบสองเกิดขึ้นบนทุ่งหญ้า มีก้อนหินธรรมดาที่ไม่มีใครสนใจตกอยู่
ข้างในก้อนหินคือมิตินับไม่ถ้วน ตอนนี้หนึ่งในมิติเหล่านั้นมีการต่อสู้เกิดขึ้น!
ฉวี่เต๋อข่ายตกเข้าไปในมิติที่หวังหลินสร้างขึ้นมา ตอนที่เขาปรากฏตัวนั้นจิตใจสั่นเทาและรู้ว่าตกลงใส่กับดักของหวังหลินเข้าแล้ว
แต่ระดับบ่มเพาะของเขาสูงส่งจึงไม่ได้เผยอาการตื่นตระหนกให้เห็น เขามองขึ้นไปเห็นท้องฟ้าสีคราม ดวงอาทิตย์สีทอง แต่พื้นดินกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ห่างออกไปไกลยังมีภูเขาไฟ อีกทิศหนึ่งเป็นทะเลสายฟ้า
ในท้องฟ้าสีครามมีก้อนเมฆสีดำที่กำลังมีหิมะตกลงมา หิมะนั้นตกลงมาไม่รู้นานแค่ไหนและปกคลุมพื้นดินได้หลายชั้น
“หวังหลิน ออกมาเจอข้า!” ฉวี่เต๋อข่ายมีท่าทีมืดมนพลางมองไปรอบๆ
เพียงเขาเอ่ยเสียงดังกึกก้อง ร่างหวังหลินปรากฏตัวออกมาจากระลอกคลื่นตรงหน้าฉวี่เต๋อข่ายห่างออกไปหลายหมื่นฟุต จ้องมองฉวี่เต๋อข่ายด้วยความเย็นเยียบ
“วิชาของเจ้ารวดเร็วมาก มาดูกันว่าวิชาของใครเร็วกว่ากัน!” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง
“เวรกรรม…”
เพียงเอ่ยคำพูดขึ้นมา โลกสั่นสะท้านและปรากฏกระบี่หนึ่งเล่ม กระบี่เล่มนี้เป็นตัวแทนแก่นแท้เวรกรรมของหวังหลิน
แทบจังหวะเดียวกับที่หวังหลินใช้วิชา ฉวี่เต๋อข่ายสร้างผนึกโดยไม่ลังเลหลายล้านครั้งจนก่อเกิดเป็นหมอกสีแดง คลื่นเสียงกรีดร้องดังออกมาเป็นระลอกคลื่นจากสายหมอกและมีเหล่าวิญญาณนับแสนดวงปรากฏตัว พวกมันพุ่งออกมาปกคลุมท้องฟ้า
ฉวี่เต๋อข่ายล่าถอย แขนซ้ายยกขึ้นมาสร้างผนึกอีกจำนวนเกือบเจ็ดล้านครั้งจนกลายเป็นหอก หอกบิดเบี้ยวกลายเป็นศีรษะอสรพิษตัวยักษ์พุ่งออกมา
หลังจากนั้นฉวี่เต๋อข่ายถอยไปสามก้าวและยกแขน เขากำลังจะร่ายวิชาอีก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถเทียบหวังหลินได้!
ตอนที่เขาใช้วิชาที่สอง กระบี่แห่งชีวิตและความตายของหวังหลินทะยานออกมา แต่ตอนที่เขากำลังร่ายวิชาที่สาม กระบี่จริงและเท็จของหวังหลินปรากฏขึ้นมาเร็วกว่า!
ชั่วเวลาสั้นๆ แต่เป็นช่วงที่สำคัญยิ่ง!
กระบี่เวรกรรมพุ่งประชิดเหล่าภูติผีในพริบตา ฟาดฟันด้วยพลังแห่งเวรกรรมอันลึกลับ จากนั้นเหล่าวิญญาณทั้งหมดจึงพังทลาย
ขณะเดียวกันกระบี่แห่งชีวิตและความตายของหวังหลินได้เข้าไปฟันใส่อสรพิษยักษ์ที่ถูกสร้างจากวิชาของฉวี่เต๋อข่ายด้วย
ปัง!
เจ้าอสรพิษส่งเสียงร้องก่อนตาย กระบี่แห่งชีวิตและความตายของหวังหลินพังทลายไปด้วย
แต่กระบี่จริงเท็จได้เข้าหาด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ วินาทีนั้นฉวี่เต๋อข่ายยังเรียกใช้วิชาที่สามไม่เสร็จ!
กระบี่จริงเท็จวูบวาบเข้าหาหน้าอกของฉวี่เต๋อข่าย มันรวดเร็วเกินไปจนเขาต้องถอยและส่งวิชาที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ในมือเข้าหากระบี่
กระบี่จริงเท็จแตกสลายไปแต่ฉวี่เต๋อข่ายได้รับผลกระทบเช่นกัน ใบหน้าถอยซีดพลางล่าถอยและยกแขนขวาขึ้นมาสร้างผนึก
แต่หวังหลินจะปล่อยให้เขามีโอกาสได้อย่างไร? ในที่สุดหวังหลินก็ขัดขวางการร่ายวิชาของฉวี่เต๋อข่ายได้และล่อลวงเขามาสู่พื้นที่สังหารที่นี่ หวังหลินต้องสังหารฉวี่เต๋อข่ายเพื่อต้องการได้ความลับการร่ายวิชานั้นมาครอบครอง!
ขณะที่ฉวี่เต๋อข่ายถอยไปสองก้าว หวังหลินมีท่าทีดุดันและชี้ตรงไปข้างหน้า
“แก่นแท้เพลิง!”
ภูเขาไฟปะทุและเคลื่อนย้ายมาใกล้ฉวี่เต๋อข่ายในพริบตา ภูเขาไฟทำการระเบิดอย่างต่อเนื่องและเพราะหวังหลินมีร่างแก่นแท้อยู่ข้างใน มันจึงเป็นการโจมตีที่ทรงพลัง
“แก่นแท้สายฟ้า!” เมื่อหวังหลินได้โอกาสมาแล้วครั้งนึงจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ ภูเขาที่ห่อหุ้มฉวี่เต๋อข่ายพลันเคลื่อนย้ายอีกครั้งเข้าสู่ทะเลสายฟ้าอันกว้างใหญ่
ประกายแสงสายฟ้านับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาภูเขาไฟ สายฟ้าและเปลวเพลิงเริ่มกระหน่ำโจมตีอย่างบ้าคลั่ง!
“แก่นแท้วารี!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมา มิติแห่งนี้ไม่สมบูรณ์และไม่มีน้ำ แต่หวังหลินใช้แก่นแท้วารีที่ควบแน่นอยู่ในโลหิตของตัวเอง โลหิตจึงเปลี่ยนกลายเป็นหยดน้ำสีแดงลอยเข้าหาภูเขาไฟและสายฟ้า วินาทีที่หยดน้ำสีแดงร่อนลงไป เปลวเพลิงพังทลาย สายฟ้าเกิดการระเบิด
การผสานกันของสามแก่นแท้ได้ก่อเกิดพลังทำลายล้างมหาศาลขึ้นมา ในยามนี้เองแก่นแท้นามธรรมทั้งสามที่ได้หายตัวไปพลันฟื้นคืนเป็นกระบี่ยาวและพุ่งเข้าหา