Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1869
เซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางบนแผ่นดินเซียนดาราสามารถก่อตั้งสำนักของตัวเองได้!
ตอนนั้นราชันย์เทพสีรุ้งก็เป็นเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง เขาสร้างสำนักของตัวเองขึ้นและรับสมัครศิษย์หลายคน แม้แต่สำนักมหาวิญญาณยังสุภาพกับเขาอย่างมาก เพราะเซียนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่น่าเคารพยกย่อง
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหวังหลินจึงสามารถต่อสู้ได้กับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้น การสังหารถึงจะยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งหากเขาเผชิญหน้ากับเซียนเฒ่าระดับเดียวกับราชันย์เทพสีรุ้งตอนที่อยู่ในจุดสูงสุด ความแตกต่างนับว่ามีมากมายมหาศาลเกินไป
ถึงเขาจะมีเก้าแก่นแท้และบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นได้ ช่องว่างนี้ยังคงกว้างใหญ่เกินไป อย่างมากเขาก็พอมีกำลังจะต่อสู้กลับไปได้เท่านั้น
การจะต่อต้านเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางได้อย่างแท้จริง หวังหลินต้องบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลายหรือไม่เช่นนั้นร่างบัญชาโบราณจะต้องผ่านบททดสอบสุดท้าย!
แต่หวังหลินใช้ชีวิตอยู่ในอันตรายมานาน บางครั้งการสังหารก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว มันยังมีปัจจัยอื่นอยู่ด้วย!
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เตรียมการว่าจะมีเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางมาไล่ล่า แม้โลกจะโดนปิดผนึกไปแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีและต้องใช้เวลากว่าจะทำลายผนึกได้ หากเซียนผู้นั้นไล่ตามทัน เขาคงต้องตายแน่นอน!
ในนาทีวิกฤติเช่นนี้หวังหลินเปิดระดับบ่มเพาะเต็มที่และขึ้นไปบนราชายุง ความเร็วของราชายุงเพิ่มพูนอย่างมหาศาลในฉับพลัน
ด้านหลังเป็นจางต้าวจงที่ติดตามอย่างสงบนิ่ง แววตาซ่อนจิตสังหารรุนแรงไว้ภายใน
“ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะหนีรอดสายตาข้าไปได้อย่างไร!” จางต้าวจงยังคงโกรธเกรี้ยวตอนที่โดนหวังหลินวางแผนหลอก ทั้งนี้หวังหลินยังสังหารหลิวจื่อหยวนจนเขาไม่มีหน้าไปสู้กับจ้าวสำนักจนกว่าจะสังหารหวังหลินได้
ส่วนเรื่องผลกระทบที่เขาออกมาจากสนามรบนั้นเขาเองก็ไม่สนใจ เหตุผลที่เขากล้าออกมาเป็นเพราะแผนการทั้งหมดได้วางไว้สำหรับหวังหลินคนเดียวเท่านั้น!
แผนการนี้คือการสังเวยชีวิตเซียนจำนวนมากเพื่อชะลอการต่อสู้นี้และล่อหวังหลินให้ออกมา!
ความจริงแล้วหากแคว้นมารเขียวต้องการก็สามารถจบการต่อสู้รอบที่สองได้อย่างรวดเร็วเพราะมีกองหนุนที่มาถึงเมื่อสองวันก่อน!
กองหนุนยังไม่ปรากฏตัวและซ่อนตัวเองไว้เพียงเพราะต้องการสังหารหวังหลิน!!
สิ่งที่หวังหลินทำลงไปในทะเลโอสถได้ทำให้เซียนเฒ่าสามคนของแคว้นมารเขียวถึงกับโกรธเกรี้ยว ดังนั้นจึงออกคำสั่งมาให้สังหารหวังหลิน! เรื่องราวที่หวังหลินทำล้วนเป็นเรื่องราวสั่นสะเทือนสวรรค์!
เขาสังหารร่างอวตารของเมฆาสูญสิ้นผู้เป็นอัจฉริยะของแคว้นมารเขียว ทำลายแผนการที่วางไว้ในทะเลโอสถจนเม็ดยาสวรรค์ระเบิดไปก่อน ทำให้แคว้นมารเขียวได้รับผลกระทบและโดนทำลายล้างไปส่วนหนึ่งพร้อมกับเซียนจำนวนมากของแคว้นมารเขียวที่อยู่ในทะเลโอสถ!
เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องราวก่อนหน้านี้ ส่วนตอนนี้หวังหลินได้สังหารหลิวจื่อหยวนแห่งสำนักเต๋ามาร! แม้กระทั่งฉวี่เต๋อข่ายก็เหมือนจะโดนสังหารด้วยวิธีอันเลวทรามของเขาไปแล้ว
เรื่องราวหลายอย่างได้ทำให้หวังหลินกลายเป็นเป้าหมายเลขหนึ่งที่ต้องกำจัดตั้งแต่เริ่มสงคราม!
จังหวะที่จางต้าวจงเริ่มไล่ล่าหวังหลิน ห่างสามรบไปแสนลี้มีกลิ่นอายสี่แห่งปะทุขึ้นทันที ทั้งสี่ล้วนเป็นเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง!!
สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงคือหลังจากกลิ่นอายทั้งสี่ปรากฏตัว ท้องฟ้าเหนือทุ่งยอดนภาได้เปลี่ยนกลายเป็นเค้าโครงประหลาดสีเขียว มันควบแน่นกลายเป็นแมงป่องยักษ์
แมงป่องระเบิดเสียงขู่ สายหมอกสีเขียวแผ่กระจายเข้าหาสนามรบเบื้องล่าง!
“ผู้ส่งสาส์นมารเขียว!!” เมื่อลิ่วเหวินหลานที่ต่อสู้กับชายชราแซ่จ้าวสัมผัสกลิ่นอายทั้งสี่และเห็นแมงป่องเขียวในท้องฟ้า สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง
เขาเคยต่อสู้กับผู้ส่งสาส์นมารเขียวและรู้ว่าอีกฝ่ายน่าหวาดกลัวแค่ไหน ไม่คาดคิดว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่!
ต้องกล่าวว่าในทะเลโอสถมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น สำหรับแคว้นมารเขียวแล้ว ผู้ส่งสาส์นมารเขียวหนึ่งคนมีมูลค่ามากมายจนไม่ยอมส่งมาช่วยมากเกินไปนัก!
ใบหน้าลิ่วเหวินหลานซีดเผือดทันที เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายของผู้ส่งสาส์นทั้งสี่คือหวังหลิน! ส่วนเรื่องอื่นเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
ลิ่วเหวินหลานเต็มไปด้วยสายตาหวาดกลัวและร้องคำรามออกมา “รีบกลับไปวังใต้ดินและผนึกทางเข้าออก!” เหล่าเซียนจากแคว้นกระทิงสวรรค์สัมผัสถึงกลิ่นอายทั้งสี่คนได้โดยไม่ต้องให้เตือน พวกเขาเห็นแมงป่องเขียวในท้องฟ้าและความคิดเดียวในหัวคือรีบกลับไปวังใต้ดิน!
ที่นั่นคือกำแพงแห่งสุดท้าย!
ผู้ส่งสาส์นมารเขียวทั้งสี่กับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางสองคนถือเป็นเรื่องที่มิอาจป้องกันได้
เซียนธรรมดาร่อนลงบนพื้นและเข้าสู่วังใต้ดินในทันที ซึ่งมีเพียงเซียนจากแคว้นกระทิงสวรรค์เท่านั้นที่ทำได้ เหล่าเซียนจากแคว้นมารเขียวไม่สามารถเข้าไปใต้ดินได้
นอกจากนี้ค่ายกลที่นี่ยังมีอยู่และมีพลังเต็มเปี่ยม
อย่างไรก็ตามเซียนขั้นวิบากดับสูญเช่นลิ่วเหวินหลานก็ถูกจับตามองและไม่ยอมปล่อยให้หนีไปได้ง่ายๆ ลำแสงสีเขียวทั้งสี่สายท่องทะยานผ่านสายหมอกเข้าไป แมงป่องยักษ์ในท้องฟ้าร่อนลงมาอย่างต่อเนื่อง ปลดปล่อยหมอกสีเขียวจำนวนมากระหว่างทาง
เหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญจากแคว้นกระทิงสวรรค์ทั้งหมดพลันร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเนื่องจากกำลังโดนขัดขวางไม่ให้เข้าไปในพื้นดิน!
ด้านหวังหลินเองก็อยู่ในสายหมอกเช่นกัน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่กำลังใกล้เข้ามา พอเห็นแมงป่องสีเขียวตัวยักษ์ในท้องฟ้าจึงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
เขาเข้าใจอย่างขัดเจนได้ทันทีว่าโอกาสรอดเดียวคือการกลับไปยังวังใต้ดิน เมื่อกลับไปช้าเกินไปและวังใต้ดินโดนปิดผนึก เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางจำนวนหกคน เขาคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแม้จะใช้ร่างอวตารและวิชาสามชีวิตก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างยังทำให้เขาตายได้อยู่ดี!
วิกฤติความเป็นความตายครั้งนี้รุนแรงกว่าปกติ หวังหลินให้ราชายุงมุ่งหน้าไปบนพื้นดินโดยไม่ลังเล ตราบใดที่สามารถสัมผัสพื้นดินได้ เขาก็สามารถหนีได้!
ทว่าพื้นที่โดนผนึกและไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตาได้ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความเร็วแล้วในตอนนี้ ทันทีที่ราชายุงพุ่งเข้าหาพื้นดิน จางต้าวจงอยู่ด้านหลังเขาไม่ถึงห้าร้อยฟุต เขาไม่รีบโจมตีเนื่องจากต้องการเห็นหวังหลินเจอกับความสิ้นหวังก่อนตาย!
ห่างออกไปไกลมีลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเข้ามาใกล้ ผู้ส่งสาส์นมารเขียวหนึ่งคนกำลังเข้ามาไล่ล่าหวังหลินพร้อมจางต้าวจง!
สำหรับแคว้นมารเขียวแล้ว หวังหลินจะต้องถูกกำจัด ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่สามารถชำระล้างความเกลียดชังในใจได้! ผู้ส่งสาส์นมารเขียวแตกต่างจากเซียนทั่วไป พวกเขาเยือกเย็นและโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่สนว่าศัตรูจะมีระดับบ่มเพาะอะไร แม้จะเผชิญหน้ากับศิษย์ขั้นพื้นฐานลมปราณก็ยังต้องใช้พลังเต็มที่
หวังหลินหรี่ตาแคบลง เขายังอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณสามพันฟุต เขาเห็นหยานหลวนกระอักโลหิตห่างออกไปไกล ร่างกายบอบบางของนางสั่นเทาพลางหนีเข้าไปในพื้นดิน ด้านหลังหยานหลวนเป็นซิ่วตงเต๋อหน้าซีดและหนีเข้าไปในพื้นดิน
เหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญเข้าไปในพื้นดินทีละคนหลังจากได้รับบาดเจ็บ ลิ่วเหวินหลานกระอักโลหิตคำโตออกมา แขนขวาระเบิดพลางพุ่งเข้าสู่พื้นดินไปด้วย มีผู้ส่งสาส์นมารเขียวคนหนึ่งกำลังไล่ตามเขา
‘เมื่อลิ่วเหวินหลานเข้าไปในพื้นดินได้ เขาจะต้องผนึกวังใต้ดินแน่นอน ข้าต้องเร็ว เร็ว เร็วกว่า!!’ หวังหลินเคร่งเครียดและอยู่ห่างจากพื้นดินไม่ถึงพันฟุต แต่ในจังหวะนั้นจางต้าวจงกลับโจมตี!
“มันจบแล้ว!” หลังจางต้าวจงพูดออกมา เขาชี้มาที่หวังหลิน แสงสีเขียวน่ากลัวพุ่งทะยานเข้าใส่ทันที
หวังหลินหันกลับมาพอดีและเผยสายตามุ่งมั่น จังหวะที่แสงสีเขียวเข้าประชิดพลันมีร่มสีฟ้าปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!
หวังหลินพลันร้องคำรามโดยไม่มีเวลามารู้สึกเจ็บปวด
“ระเบิด!!”
แสงสีเขียวปะทะกับการระเบิดของร่มสีฟ้าจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง แรงกระแทกส่งไปที่หวังหลินจนร่างกายเกิดเสียงปะทุ เขากระอักโลหิตพร้อมกับเก็บราชายุงกลับไป ตอนนี้อยู่ห่างจากพื้นไม่ถึงห้าร้อยฟุตแล้ว!
ระยะห่างปกติที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจกลับยืดยาวคล้ายฟ้าดิน ไม่เพียงแต่จางต้าวจงที่ไล่ตามมาแต่ยังมีผู้งส่งสาส์นมารเขียวท่าทีเย็นเยียบอยู่ห่างไม่ถึงพันฟุตเช่นกัน!
พอเผชิญหน้ากับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางถึงสองคน หวังหลินจึงไม่สามารถก้าวข้ามระยะห้าร้อยฟุตไปได้! ห่างออกไปนั้นมีลิ่วเหวินหลานกระอักโลหิตพลางลงไปบนพื้นดินและหายตัวไป เขาเห็นหวังหลินแต่เลือกที่จะปิดผนึกวังใต้ดินโดยไม่ลังเล เขาสามารถรอได้อีกเล็กน้อยเพื่อมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจึงผนึกวังใต้ดิน แต่เขาก็ไม่ทำ
ความผันผวนผุดขึ้นมาจากพื้นดินและกำลังปิดผนึกอย่างรวดเร็ว หวังหลินดวงตาแดงฉานราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว ขณะที่จางต้าวจงและผู้ส่งสาส์นมารเขียวเข้าใกล้ เขาจึงนำน้ำเต้าวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงออกมา!
โยนมันออกไป!
“ระเบิด!!” หวังหลินเจ็บปวดใจแต่ไม่มีเวลาให้คิดมากความ สิ้นเสียงคำราม วิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงข้างในน้ำเต้าจึงระเบิดออกมาและแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งทุ่งยอดนภา
การระเบิดของวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงมากพอที่จะคุกคามเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางได้ แม้แต่จางต้าวจงยังต้องเปลี่ยนสีหน้าพลางรีบถอยหนี
ผู้ส่งสาส์นมารเขียวขมวดคิ้วและหยุดชะงักกึก
ด้วยเหตุนี้หวังหลินจึงข้ามผ่านระยะห้าร้อยฟุตโดยไม่คิดชีวิต ขณะที่ค่ายกลกำลังปิดตัวลง เขาก็เข้าไปได้!