Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1871
ตอนที่พวกเขาพูดคุยเรื่องนี้กัน หยานหลวนตระหนักว่ามันคือโชควาสนาครั้งใหญ่ การอัญเชิญวิญญาณของกระทิงสวรรค์เพื่อสวมเป็นชุดเกราะและได้เพิ่มระดับบ่มเพาะขึ้นในชั่วเวลาสั้นๆ นั้นถือว่าเป็นประโยชน์ที่เกินจินตนาการ
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ต้องเป็นคนที่สร้างสายใยกับกระทิงสวรรค์เท่านั้นจึงจะทำได้ ยิ่งมีสายใยสัมพันธ์มากเท่าไรยิ่งเพิ่มระดับบ่มเพาะได้อย่างน่าหวาดกลัว
แม้จะเพิ่มขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวแต่จะทำให้การปีนขึ้นสู่ระดับนั้นในอนาคตทำได้ง่ายขึ้นมาก
โอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง มีเพียงชั่วเวลาที่ทั้งแคว้นกระทิงสวรรค์โดนคุกคามและค่ายกลเจ็ดชีพจรกระทิงสวรรค์เปิดใช้งานจึงจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
สิ่งสำคัญที่สุดคือจำนวนครั้งของวิญญาณกระทิงสวรรค์ที่ถูกอัญเชิญออกมาไม่ได้มีหลายครั้ง หากอัญเชิญมากเกินไปวิญญาณก็จะแตกสลาย แคว้นกระทิงสวรรค์จะได้รับผลกระทบไปทั่วทั้งแคว้นด้วย
ผลกระทบนี้ส่งผลต่อมนุษย์และรากฐานของแคว้นกระทิงสวรรค์!
แม้จะเป็นเช่นนี้แต่ก็มีคนบ้าคลั่งไม่สนใจชีวิตและพยายามเปิดใช้งาน คนแบบนี้จะต้องถูกทางราชวงศ์ลงโทษ!
โดนคำสั่งที่มิอาจขัดขืนได้จากดินแดนฝั่งเทพ กินเวลานานหลายปีและไม่มีใครกล้าละเมิด!
เมื่อโดนลงโทษ จะมีคนต้องตาย หนึ่งสำนักต้องดับสูญ หนึ่งแคว้นต้องสิ้น!
คำสั่งจากดินแดนฝั่งเทพได้ระบุไว้ว่าไม่อนุญาตให้ใครสร้างความเสียหายต่อผนึกบนวิญญาณของเหล่าอสูรเว้นแต่จะเป็นการเอาชีวิตรอดของเหล่าเซียนบนแคว้น! ด้วยการที่แคว้นมารเขียวเข้ามารุกราน คำสั่งนี้จึงหละหลวมโดยง่าย
หยานหลวนปรารถนาจะได้โอกาสอันดีเช่นนี้ ฉวี่ตงเต๋อและเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นอีกสามคนก็เช่นกันแต่ไม่สามารถเทียบกับลิ่วเหวินหลานได้ แม้ลิ่วเหวินหลานจะบาดเจ็บแต่หากพิจารณาถึงส่วนร่วมในสงคราม พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอันใดได้
เสียงดังครืนยังคงส่งออกมาจากด้านบนอย่างต่อเนื่อง ราวกับเคียวแห่งความตายที่สามารถปลิดชีวิตได้ทุกเวลา
“เหล่าสหายเซียนโปรดจงนั่งลงและปลดปล่อยระดับบ่มเพาะทั้งหมด เพ่งความคิดไปที่กระทิงสวรรค์และช่วยข้าอัญเชิญวิญญาณของแคว้นกระทิงสวรรค์!” ลิ่วเหวินหลานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารอคอยโอกาสนี้มานาน รู้ว่าถึงแม้เกราะวิญญาณจะอันตรายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดหากเขาพลาดโอกาสนี้ไปคงต้องรอคอยไปอีกหลายปี
ตอนนี้มีอยู่ทั้งสิ้นเจ็ดคนที่มีสิทธิ์ได้สวมเกราะวิญญาณ ทั้งเจ็ดคนนี้อาจจะมีชื่อเสียงในแคว้นกระทิงสวรรค์ในอนาคต!
หลังจากเขาเอ่ยขึ้น เซียนด้านล่างจึงขบคิดเล็กน้อยและนั่งลง พวกเขาไม่มีทางเลือกและนี่เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น
กลุ่มหยานหลวนด้านหลังลิ่วเหวินหลานดูไม่ค่อยพอใจแต่ก็สายเกินไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่แอบถอนหายใจและนั่งลง ตอนนี้มีเพียงลิ่วเหวินหลานที่ยังคงยืนอยู่และไม่สามารถมองเห็นแววตาตื่นเต้นของเขาได้
เขามองไปยังชายชราแซ่โจวและพยักหน้า
ชายชราแซ่โจวไม่กล้าปฏิเสธ สองฝ่ามือสร้างผนึกและเริ่มพึมพำบทร่ายที่ได้ยินเพียงคนเดียว เขามีระดับบ่มเพาะไม่สูงจึงมีหน้าที่รับผิดชอบที่นี่และไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้มากนักเพราะร่างกายเขาสามารถสื่อสารกับวิญญาณของกระทิงสวรรค์ได้ง่าย
เขาเองก็คล้ายกับเหล่าผู้ส่งสาส์นมารเขียว เพราะตัวตนของเขาคือข้ารับใช้กระทิงสวรรค์!
หวังหลินนั่งอยู่ในถ้ำ ดวงตาส่องสว่างและไม่ได้ลงมืออย่างวู่วาม เขารอคอยต่อไป!
ชายชราแซ่โจวกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมา แขนขวาคว้าจับโลหิตและสร้างเป็นผนึกโลหิต
“วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกระทิงสวรรค์ ข้าขอใช้โลหิตเพื่อชี้ทางแก่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์!” ชายชรามีท่าทีสุขุมพลางโยนผนึกโลหิตในมือออกไป ผนึกปลดปล่อยแสงสีแดงสว่างเข้าห่อหุ้มพื้นที่ทั่วทั้งวังใต้ดิน
“เหล่าสหายเซียน ส่งระดับบ่มเพาะเข้าไปในแสงโลหิตนี้!” ชายชราแซ่โจวพลันตะโกนทันที
หลังจากได้ยินเสียงคำราม เหล่าเซียนมากกว่าพันคนจึงปลดปล่อยระดับบ่มเพาะของตัวเอง ระลอกคลื่นส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วพื้นดิน เมื่อเซียนคนสุดท้ายส่งระดับบ่มเพาะของตัวเองออกไป พวกเขาต่างเผยสีหน้าเจ็บปวดเนื่องจากโดนแสงโลหิตดูดซับระดับบ่มเพาะ
แสงโลหิตลอยกลับเข้าไปในผนึกโลหิต เกิดเสียงดังปังและมีหมอกสีเทาปรากฏขึ้น
ผนึกโลหิตอยู่ตรงกลางสายหมอกและค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นวังวนที่เร่งความเร็วขึ้นอย่างช้าๆ
ขณะที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เสียงเริ่มดังกึกก้องไปเรื่อยๆ ส่วนลึกของวังวนราวกับนำทางไปสู่มิติอันลึกลับ เสียงคำรามอันบ้าคลั่งดังออกมาจากมิติประหลาดตรงนั้น
กรรร!!
วังใต้ดินเกิดการสั่นสะเทือน ยามที่เซียนด้านล่างได้ยินเสียงนี้สีหน้าแต่ละคนถึงกับซีดเผือด กระอักโลหิตและดูอ่อนแอ
แม้แต่กลุ่มของหยานหลวนยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงคำราม
เพราะมันคือเสียงคำรามของกระทิงสวรรค์!
ลิ่วเหวินหลานไม่สามารถซ่อนอาการตื่นเต้นได้อีกต่อไปและเผยออกมาอย่างชัดเจน เขาจ้องมองมิติลึกลับข้างในวังวนและเริ่มหัวเราะพลางเงี่ยหูฟังเสียงคำรามของกระทิงสวรรค์
ความตื่นเต้นได้มาถึงขีดสุด ดวงตาเผยความปรารถนาและความโลภ เขาเข้าใจว่าอีกไม่นานเขาก็จะได้เพิ่มพลังขึ้นชั่วคราวจนเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต!
หวังหลินอยู่ในถ้ำและจ้องมองวังวนในท้องฟ้า เขาฟังเสียงคำรามของเจ้ากระทิงสวรรค์ เป็นเสียงคำรามที่คุ้นเคย!
ขั้นตอนแรกในการอัญเชิญวิญญาณของกระทิงสวรรค์คือใช้ระดับบ่มเพาะของเซียนมากกว่าพันคนเพื่อเปิดวังวนเข้าหากระทิงสวรรค์ที่ปิดผนึก ขั้นตอนที่สองคือประทับโลหิต!
“สหายเซียน ใช้โลหิตเก้าหยด ไม่มากไปไม่น้อยไปและรวมไปที่นิ้วชี้ขวา!” ชายชราแซ่โจวสะบัดแขนขวาปรากฏรอยแผลขึ้นบนปลายนิ้วชี้ขวา จำนวนโลหิตที่ลอยออกมานั้นเหมาะสมพอดิบพอดี
ขณะเดียวกันเหล่าเซียนมากกว่าพันคนด้านล่างจึงได้ยกแขนขวาขึ้นมา ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถถอนตัวได้แล้ว พวกเขาทำตามชายชราแซ่โจวและบีบโลหิตออกมาในจำนวนพอดีและส่งออกไป
โลหิตจำนวนมากควบแน่นเข้าด้วยกันกลายเป็นโซ่ยาวเข้าไปในวังวน หลังจากยื่นเข้าไปแล้วมันจึงดึงออกมาอย่างรุนแรง
กระทิงสวรรค์ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องอีกครั้ง โซ่โลหิตคล้ายกับพยายามดึงวิญญาณของกระทิงสวรรค์ออกมา
ยิ่งเสียงคำรามที่ดังขึ้นยิ่งทำให้ลิ่วเหวินหลานตื่นเต้นมากกว่าเดิม เขาเลียริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนา
‘มันเป็นของข้า มันต้องเป็นของข้าลิ่วเหวินหลาน! ด้วยเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ ข้าสามารถกวาดล้างจนออกไปได้ แม้พลังแห่งเจตจำนงของข้าจะคงอยู่เพียงแค่ชั่วสั้นๆ ข้าจะไม่ปล่อยชุดเกราะกลับคืนไปง่ายๆ!’ ลิ่วเหวินหลานจ้องมองวังวนด้วยความตื่นเต้น เขารอคอยวันนี้มานาน!
เหตุผลที่เขาตั้งแง่กับหวังหลินเป็นเพราะท่าทีของบรรพชนกระทิงเขียวที่มีต่อหวังหลินจนเขารู้สึกถึงลางไม่ดี จากนั้นทั้งคู่ได้ถูกส่งมาที่นี่เหมือนกันจนลิ่วเหวินหลานต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
โซ่ตรวนสีแดงทำการดึงต่อไป กระทิงสวรรค์ร้องคำรามดังรุนแรงอย่างชัดเจน ภาพเงาของกระทิงกำลังถูกดึงออกมา
แต่โซ่ตรวนไม่สามารถประคองช่วงเวลานี้ได้นานนัก พอเห็นสถานการณ์แล้วแววตาของลิ่วเหวินหลานจึงเย็นเยียบ
“สหายเซียนโจว!” ลิ่วเหวินหลานหันกลับไปมองชายชราแซ่โจวทันที จากนั้นชำเลืองไปที่กลุ่มของหยานหลวน
ชายชราแซ่โจวยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เขากัดฟันแน่นและคำนับฝ่ามือให้กับกลุ่มของหยานหลวน
“กระทิงสวรรค์ยังไม่ออกมา ข้าอยากขอให้เหล่าสหายอาวุโสปลดปล่อยวิญญาณดั้งเดิมเพื่อช่วยข้าดึงวิญญาณออกมา!” หลังจากชายชราแซ่โจวเอ่ยปาก แขนขวาจับไปที่หน้าผาก วิญญาณดั้งเดิมของตัวเองลอยออกมาทะยานเข้าหาวังวนและดึงไปที่โซ่ตรวน
ด้วยภายใต้สายตาข่มขู่ของลิ่วเหวินหลาน เหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นทั้งสามคนจากทุ่งยอดนภาพลันนั่งหลับตาลง วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาช่วยชายชราแซ่โจวด้วยความรู้สึกหมดหนทาง
“ผู้อาวุโสหยานหลวน ผู้อาวุโสตงเต๋อ!” ลิ่วเหวินหลานมองทั้งสองด้วยสายตาเย็นเยียบ
หยานหลวนถอนหายใจและไม่ลังเลอีกต่อไป ทั้งสองนั่งลงและส่งวิญญาณดั้งเดิมออกมาคว้าโซ่ตรวนสีแดง ด้วยพลังอำนาจของห้าเซียนขั้นวิบากดับสูญและมีชายชราแซ่โจวชี้นำ ทุกคนจึงดึงโซ่ตรวนกันได้
กระทิงสวรรค์ที่อยู่ในวังวนพลันร้องคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ เสียงดังกึกก้องผ่านวังออกไปจนถึงแผ่นดินด้านบน
ร่างเงากระทิงสวรรค์ตัวยักษ์ถูกดึงออกมาจากวังวน แรงกดดันน่าหวาดกลัวเข้าห่อหุ้มทั่วพื้นที่!
วินาทีที่เงากระทิงสวรรค์ปรากฎออกมา มันเปล่งแสงเจิดจ้าและจับสายตาของเซียนทั้งหมดด้านล่าง ร่างเงากระทิงสวรรค์หดลงอย่างรวดเร็วเบื้องหน้าสายตาและเปลี่ยนกลายเป็นชุดเกราะที่ลอยอยู่ในอากาศ!
ชุดเกราะสีดำสนิทและเปล่งกลิ่นอายวิญญาณอันทรงพลัง!
วิญญาณดั้งเดิมของกลุ่มหยานหลวนได้กลับคืนสู่ร่างกาย พวกเขาเผยท่าทีซับซ้อน ส่วนลิ่วเหวินหลานหัวเราะพลางพุ่งเข้าหาชุดเกราะ
“เกราะวิญญาณของกระทิงสวรรค์ชุดนี้จะเป็นของข้า ลิ่วเหวินหลาน!”
ทว่าในขณะที่ลิ่วเหวินหลานกำลังก้าวออกไป ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากถ้ำที่อยู่ไม่ไกล!
“ข้าไม่ยอมให้เกราะวิญญาณเป็นของเจ้า!”