Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1873
ด้วยตัวตนของเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก แต่เพื่อประโยชน์ในการใช้เกราะวิญญาณ เขาจึงต้องใส่ร้ายหวังหลิน
เพราะขั้นสุดท้ายของการผสานเกราะวิญญาณคือความยินยอมของเหล่าเซียนทั้งหมดที่นี่ มีเพียงการได้รับการเห็นชอบจากเซียนจำนวนมากที่นี่จึงจะผสานกับเกราะวิญญาณได้
เมื่อเขาผสานเข้ากับมันแล้ว จะไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดเห็นของคนอื่นอีกต่อไป
“ผู้อาวุโสหวังหลิน ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำได้…ด้วยระดับบ่มเพาะของท่านแล้ว ท่านจะไปสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญได้อย่างไร? ท่านไม่สามารถสังหารเซียนระดับนั้นได้ก็ดีไป ท่านหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก็ดีไป แต่คนจากเส้นชีพจรแห่งที่สามกลับต้องมาตายหลายคนโดยไม่มีสิทธิ์พูด!”
“แต่ถึงแม้จะตายก็ตายด้วยเกียรติศักดิ์ศรี ข้าจะไม่มีวันลืมพวกเขา ไม่มีใครที่นี่จะลืมได้ แคว้นกระทิงสวรรค์จะไม่มีวันลืมเหล่าผู้กล้าของเรา!!”
“เก็บศีรษะนั้นกลับไปซะ ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นหากเจ้าแกล้งทำเป็นได้หน้า ข้าจะสังหารเจ้าโดยไม่ต้องขอบรรพชน!”
“เพราะการกระทำของเจ้าไม่เพียงแค่ดูถูกข้าเท่านั้น แต่ยังดูถูกวิญญาณที่ตายไปนับหมื่นคนด้วย!” ลิ่วเหวินหลานคำรามใส่หวังหลิน
ท่าทีของเขาตื่นเต้นมากราวกับกำลังโกรธเรื่องการกระทำของหวังหลิน! แต่เขายังคงควบคุมตัวเองให้เหมือนว่ากำลังเสียใจ
คำพูดของเขาทำให้ความปั่นป่วนที่หวังหลินสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ลดลงไปอย่างมาก เหล่าเซียนนับพันด้านล่างเริ่มขบคิด
มีหลายคนมองหวังหลินด้วยความดูถูกและโกรธเกรี้ยว
“คำพูดของผู้อาวุโสลิ่วค่อนข้างน่าเชื่อถือ เขาไม่สามารถทำผลงานได้ด้วยระดับบ่มเพาะเพียงนี้ เขาต้องไปเอาศีรษะมาแกล้งหลอกพวกเรา!”
“คนแบบนี้ช่างน่าละอายเกินไป!”
“ใช่แล้ว ด้วยระดับบ่มเพาะและตำแหน่งของผู้อาวุโสลิ่ว เขาจะโกหกได้อย่างไร? หากเขาเห็นคนอื่นลงมือ นั่นควรน่าเชื่อถือกว่า”
“มีบางอย่างผิดปกติ หากผู้อาวุโสลิ่วเป็นพยาน ทำไมเขาเพิ่งมาพูดถึงตอนนี้?”
ท่ามกลางความโกลาหล มีเพียงเซียนขั้นวิบากดับสูญที่ยังคงเงียบอยู่ พวกเขาตัดสินใจด้วยตัวเอง สายตามองหวังหลินและลิ่วเหวินหลานด้วยความสงบนิ่ง
พอฟังคำพูดของลิ่วเหวินหลาน หวังหลินจึงส่ายศีรษะ มองไปยังลิ่วเหวินหลานแฝงท่าทีเยาะเย้ยและเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม หวังหลินดูคล้ายไม่สนใจ
ตอนที่ลิ่วเหวินหลานเห็นท่าทีและสายตาของหวังหลิน จิตใจเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ ทว่าเขาได้ขบคิดอย่างละเอียดแล้วและไม่มีทางที่หวังหลินจะนำหลักฐานของจริงออกมาได้
เว้นแต่จะมีวิญญาณดั้งเดิม…
พอคิดเช่นนี้แล้วลิ่วเหวินหลานจึงไม่กังวลอีกต่อไป แม้เขาไม่ได้เห็นเซียนผู้นี้ตายกับตา เขาก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณดั้งเดิมของหลิวจื่หยวนได้แตกสลาย นั้นเขาจึงรู้ว่าไม่มีโอกาสที่วิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่
“ข้านำศีรษะเขาออกมาและท่านก็บอกว่าข้าโกหก เช่นนั้นก็จงดูนี่!” หวังหลินสายตาเยือกเย็นและไม่เสียเวลาโต้เถียงกับลิ่วเหวินหลานอีกต่อไป เขาสะบัดแขนนำศีรษะที่สองออกมา!
ศีรษะนี้คือฉวี่เต๋อข่าย เซียนขั้นวิบากดับสูญแห่งแคว้นมารเขียว! ศีรษะของฉวี่เต๋อข่ายตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ ดวงตาว่างเปล่านั้นเผยอาการหวาดกลัวและอาฆาตแค้น มีร่องรอยโลหิตแห้งโผล่ออกมาจากรูขุมขน!
วินาทีที่ศีรษะปรากฏออกมา ทั่ววังใต้ดินถึงกับเงียบสนิท สายตาทุกคนจับจ้องไปที่ศีรษะ แม้แต่เซียนขั้นวิบากดับสูญจากสำนักใกล้เคียงยังต้องยืนขึ้นทันที!
“นั่นเขา!!”
“ฉวี่เต๋อข่าย!! ข้าต่อสู้กับเขาในการรบครั้งแรก เขาสามารถร่ายวิชาได้รวดเร็วยิ่ง เซียนทั่วไปที่มีระดับบ่มเพาะเดียวกันไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้เขาได้!”
“ข้าสงสัยอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่แสดงตัวในการรบครั้งที่สอง นี่แสดงว่า…แสดงว่าเขาถูกผู้อาวุโสหวังฆ่า!!”
ทั้งสามคนอ้าปากค้าง พวกเขามองหน้ากันเองจนเห็นแววตาหวาดกลัวและตกตะลึง!
หยานหลวนมีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นกัน นางยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว จ้องมองศีรษะของฉวี่เต๋อข่ายและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ นางคิดว่าการที่หวังหลินสังหารไปหนึ่งคนก็บ้ามากเกินไปแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับเห็นเขาสังหารคนที่สอง!!
ด้านซิ่วตงเต่อถึงกับจิตใจสั่นเทา เป็นครั้งแรกที่เขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัวฝังลึก เขาพูดขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้เพราะรู้สึกว่าลิ่วเหวินหลานกำลังโอหังเกินไปจนทำให้เขาไม่ยินดีนัก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกต้อง!
หากหวังหลินไม่คู่ควร ก็ไม่มีใครที่นี่คู่ควรแล้ว!
ด้านชายชราแซ่โจว ใบหน้าซีดเผือดในทันที เขาจำได้ชัดเจนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับหวังหลินเท่าที่ควร พูดจากับหวังหลินโดยไม่มีมารยาท พอคิดแบบนี้แล้วเขาจึงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ
‘อสูรร้ายคนนี้!! เขามีศีรษะของเซียนขั้นวิบากดับสูญถึงสองคน เขาจะนำศีรษะทั้งสองมาหลังจากมีคนฆ่าไปคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้’
เหล่าเซียนนับพันด้านล่างเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเกิดความปั่นป่วนรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน สำหรับพวกเขาแล้วเซียนขั้นวิบากดับสูญเป็นตัวตนที่เหนือล้ำ พอเห็นว่าหวังหลินนำศีรษะทั้งสองของเซียนขั้นวิบากดับสูญออกมาจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงเหลือเกิน
“ท่านบอกว่ามีชายชราที่มีระดับบ่มเพาะลึกลับไปสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญของแคว้นมารเขียว จากนั้นข้าไปเห็นเข้าและตัดศีรษะร่างศพออกมา”
“จากนั้นชายชราลึกลับโผล่ออกมาตอนที่ข้าออกไปลาดตระเวนและสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญคนที่สอง ข้าก็ไปเห็นอีกและตัดศีรษะร่างศพออกมาหรือ” หวังหลินมองลิ่วเหวินหลานที่กำลังมีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ลิ่วเหวินหลานถึงกับจิตใจปั่นป่วนดุจคลื่นยักษ์ เขามองศีรษะของฉวี่เต๋อข่ายจนรู้สึกด้านชา เขามองหวังหลินไปด้วยและไม่คิดว่าอีกฝ่ายได้สังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นไปถึงสองคน แม้กระทั่งเขา เหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญไม่ใช่เรื่องตลก!
ฉวี่เต๋อข่ายมีชื่อเสียงในแคว้นมารเขียวจนแม้แต่ลิ่วเหวินหลานยังได้ยินชื่อเสียง เขารู้ว่าฉวี่เต๋อข่ายมีการร่ายวิชารวดเร็วจนน่ากลัว
ช่วงการรบครั้งแรก ตอนที่เขาต่อสู้กับจางต้าวจง เขาจดจำฉวี่เต๋อข่ายได้!
หลังจากหวังหลินเอ่ยปาก ลิ่วเหวินหลานมีสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ข้าไม่เห็นชายชราลึกลับ แต่ในเมื่อเขาลงมือสักครั้งแล้วก็มีโอกาสที่จะลงมือเป็นครั้งที่สอง! ส่วนที่เจ้ามีศีรษะได้ ข้าพูดได้อย่างเดียวว่าเจ้าโชคดีมาก เจ้า…” ลิ่วเหวินหลานถูกเสียงหัวเราะของหวังหลินเข้ามาขัดจังหวะ
หวังหลินยกแขนซ้ายขึ้นมาและปรากฏวิญญาณผีขึ้นมาในฝ่ามือ วิญญาณผีส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน รูปร่างหน้าตาของมันคือฉวี่เต๋อข่าย!
“ลิ่วเหวินหลาน แล้วนี่หล่ะคืออะไร!” หวังหลินจ้องมองลิ่วเหวินหลาน!
พอลิ่วเหวินหลานเห็นวิญญาณผี ใบหน้าจึงซีดเผือดและถอยไปหลายก้าว เขาอ้าปากจะพูดแต่ท้ายที่สุดก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว!
เมื่อวิญญาณผีของฉวี่เต๋อข่ายปรากฏ คำพูดทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้ว!
“สหายเซียนโจว การผสานเข้ากับชุดเกราะยังเหลืออีกกี่ขั้นตอน? อย่าเสียเวลาเลย!” หวังหลินกวาดสายตาไปหาชายชราแซ่โจว
จิตใจของชายชราแซ่โจวถึงกับสั่นเทาและรีบพยักหน้า แม้แต่ลิ่วเหวินหลานยังพูดไม่ออก ทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้แล้วเว้นแต่ลิ่วเหวินหลานจะตัดสินสังหารหวังหลินในตอนนี้!
“เหล่าสหายเซียน นี่คือขั้นสุดท้ายของการผสานวิญญาณ เพราะเกราะวิญญาณนั้นถูกอัญเชิญมาด้วยระดับบ่มเพาะและโลหิตของพวกท่าน ดังนั้นคนที่ผสานกับเกราะวิญญาณได้คือคนที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ!” ชายชราแซ่โจวเป็นผู้สร้างและไม่ได้เจาะจงว่าใครเพื่อที่จะไม่ล่วงเกินลิ่วเหวินหลานมากนัก
เมื่อเขาพูดขึ้นมาแล้วทุกคนจึงเงียบเสียง ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลินด้วยจิตสังหารที่เพิ่มขึ้นภายใน เขาประเมินผลได้ผลเสียแต่ก็ไม่ยอมให้ลงเอยแบบนี้
“เจ้าหัวขโมย เจ้ารนหาที่ตาย!” ลิ่วเหวินหลานกัดฟันและตัดสินใจ เขาไม่ยอมให้หวังหลินได้เกราะวิญญาณไป ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งกันตอนนี้เขาคงต้องระงับเอาไว้
ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องคิดมากแล้ว ลิ่วเหวินหลานกำลังจะพุ่งออกไป!
‘หากเขาตาย เขาจะไม่สามารถแข่งขันกับข้าเรื่องเกราะวิญญาณได้ อย่างมากข้าก็ทำได้ดีที่สุดในสนามรบและได้รับความดีความชอบก่อนกลับไปยังสำนักเพื่อยอมรับการลงโทษ! ข้าเชื่อว่าบรรพชนจะไม่สังหารข้าเพื่อคนที่ตายไปแล้วหรอก!’ ลิ่วเหวินหลานร้องคำรามและพุ่งหาหวังหลิน
ด้านหวังหลินนั้นระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา จังหวะที่ลิ่วเหวินหลานพุ่งออกมา เขาจึงล่าถอยทันที เส้นชีพจรเซียนจุดแรกในร่างหวังหลินได้ทำให้เขาร่ายวิชารวดเร็วยิ่ง!
ขณะเดียวกันเกราะวิญญาณด้านหลังหวังหลินจึงเปล่งแสงน่ากลัวเกินบรรยาย เป็นเกราะชายชราแซ่โจว เหล่าเซียนด้านล่างกำลังตัดสินใจระหว่างหวังหลินและลิ่วเหวินหลาน!
ขณะที่ทุกคนกำลังเลือกกันอยู่ ชายชราคนหนึ่งในฝูงชนถึงกับดวงตาส่องสว่างและเอ่ยขึ้น “เหล่าเซียนแห่งทุ่งยอดนภา ผู้อาวุโสหวังหลินเคยช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่ง ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งหมดจะเลือกเขา!”
ด้วยตัวตนของเขาในทุ่งยอดนภา คำพูดเขาจึงทำให้หลายคนที่นี่สนใจ!
หยานหลวนกัดฟันและพุ่งไปหาลิ่วเหวินหลาน นางกำลังจะไปช่วยหวังหลินเข้าต่อต้านลิ่วเหวินหลาน! นางต้องการจะเสี่ยงดู!
ยังมีซิ่วตงเต๋ออีกด้วย เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจลงมือ ในเมื่อพูดออกมาแล้วก็ไม่กลัวว่าจะไปล่วงเกินลิ่วเหวินหลานมากไปกว่านี้!