Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1874
ลิ่วเหวินหลานคิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่าจะต้องสังหารหวังหลิน แม้จะเป็นต่อหน้าสายตาของทุกคนที่นี่เขาก็ต้องทำ เขาเสียหน้าไปแล้ว ดังนั้นต้องโจมตีตอนนี้!
พริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้หวังหลิน ส่วนหวังหลินถอยกลับไปสามก้าว แขนขวาขยับอย่างรวดเร็วจนวังใต้ดินส่งเสียงดังสนั่น หอกสีรุ้งปรากฏขึ้นมาและตามมาด้วยหอกสีรุ้งเล่มที่สองจากร่างแก่นแท้
หอกสีรุ้งสองเล่มพุ่งเข้าหาลิ่วเหวินหลาน
หวังหลินไม่หยุดถอยเพียงแค่นั้น ขณะที่สองเท้าก้าวถอยหลัง สองมือยกขึ้นมา เส้นชีพจรเซียนในร่างกายหมุนวนอย่างรวดเร็วทำให้ฝ่ามือสามารถร่ายวิชาได้รวดเร็วยิ่ง
ด้วยความเร็วระดับนี้หวังหลินจึงเริ่มโจมตีด้วยวิชาอย่างต่อเนื่องเหมือนดั่งฉวี่เต๋อข่าย
แขนขวาสร้างผนึกปรากฏประทับวิญญาณสงคราม สองประทับฝ่ามือจึงทะยานเข้าหาลิ่วเหวินหลานตามกันไป
พริบตาหลังจากนั้นแขนซ้ายหวังหลินสร้างผนึกขึ้นมาอีก พื้นที่ทั่วบริเวณเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิง ปรากฏร่มบรรพกาลเผาดินแดนขึ้นมา ร่มโบราณสองคันโผล่ขึ้นมาติดๆ กันและปลดปล่อยเพลิงมหึมา
หอกสีรุ้งเข้าใกล้ลิ่วเหวินหลานเป็นอันดับแรก เขาสะบัดฝ่ามือและระเบิดระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับกลางอันทรงพลังจนหอกสีรุ้งสองเล่มแตกสลาย ทว่าหลังจากนั้นไม่นานประทับฝ่ามือวิญญาณสงครามจึงเข้าปะทะกับลิ่วเหวินหลาน
ก่อนที่ลิ่วเหวินหลานจะตอบสนองอะไรได้ทัน ร่มบรรพกาลเผาดินแดนสองคันได้ปลดปล่อยเพลิงทำลายเข้าใส่แล้ว
ลิ่วเหวินหลานหรี่ตาแคบ ตอนนี้เขาไม่สงสัยแล้วว่าหวังหลินได้สังหารฉวี่เต๋อข่ายจริงหรือไม่ นอกจากฉวี่เต๋อข่ายแล้วไม่มีใครสามารถร่ายวิชาด้วยความเร็วอันน่ากลัวนี่ได้แน่นอน
มีเพียงการสังหารฉวี่เต๋อข่ายเท่านั้นจึงจะสามารถค้นหาความทรงจำเพื่อเอาวิชามา!
นี่เพียงแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เขายังอยู่ห่างไกล หวังหลินใช้เส้นชีจรเซียนในร่างพลางล่าถอยและสร้างผนึกอย่างรวดเร็ว ภาพท้องทะเลปรากฏขึ้นในวังใต้ดินอย่างรวดเร็ว
ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่หายไปและเปลี่ยนกลายเป็นมหาสมุทร โลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิดแต่นาทีนี้กลับเห็นเส้นขอบฟ้าสีแดงและดวงอาทิตย์กำลังเฉิดฉาย!
“แยกราตรี!” หวังหลินร้องคำรามและสะบัดแขน เส้นสีแดงขยายยืดยาวไร้ที่สิ้นสุดและเปลี่ยนกลายเป็นดวงอาทิตย์สีแดงสว่าง ดวงอาทิตย์ได้ระเบิดออกมาพร้อมกับพลังในการฉีกกระชากกลางคืนให้ขาดสิ้น
อีกด้านหนึ่งของดวงตะวัน ปรากฏดวงอาทิตย์อีกดวงที่กำลังเผาไหม้ มันระเบิดด้วยพลังฉีกกระชากแบบเดียวกัน!
หลังจากนั้นมีประตูยักษ์สองบานปรากฏขึ้นเหนือทะเล กลิ่นอายโบราณปรากฏขึ้นจนทำให้เวลาเริ่มไหลช้าลงและห่อหุ้มจิตใจของลิ่วเหวินหลาน!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หวังหลินไม่เคยใช้วิชามากมายในชั่วเวลาสั้นๆ เช่นนี้มาก่อนในชีวิต
แต่ตอนจบยังคงอีกไกล วินาทีที่เขาใช้วิชาแยกราตรีและกาลเวลาเสร็จสิ้น หวังหลินสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง เส้นชีพจรเซียนในร่างกายหมุนวนอย่างรวดเร็ว
“เรียกขานสายลม อัญเชิญสายฝน!”
“ไสยเวท!”
“ป่นขุนเขา แผ่นดินทลาย!”
“จันทรามืด ฟ้ากระจ่าง!” ดวงจันทร์ทมิฬสองดวงปรากฏขึ้นพร้อมกับดวงอาทิตย์ส่องสว่างอีกสองดวงจนกลายเป็นเงา ลิ่วเหวินหลานถูกวิชาของสำนักจันทรามืดเข้าครอบคลุมทั้งหมด
ลิ่วเหวินหลานต่อต้านประทับวิญญาณสงครามพร้อมกับถูกร่มบรรพกาลเผาไหม้ไปด้วยและโดนพลังของวิชาแยกราตรีกระแทกใส่ ขณะที่เวลาเริ่มตาลปัตร กลับมีเสียงร้องคำรามออกมาทำให้วิชาทั้งหมดของหวังหลินแตกสลาย
ประทับขนาดยักษ์ทั้งสองเกิดการระเบิด ร่มบรรพกาลสองคันแตกสลาย ท้องฟ้าและทะเลพังทลายไปหมด ท้ายที่สุดดวงจันทร์และประตูหินก็พังทลายไปเช่นกัน
ลิ่วเหวินหลานตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ เขาสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างและบาดเจ็บอยู่แล้ว การต่อต้านวิชาที่หวังหลินกระหน่ำโจมตีออกมาจะต้องใช้พลังทั้งหมด ร่างกายพลันพุ่งทะยานเข้าหาหวังหลินทั้งที่หน้าตาซีดเซียว
แต่เพราะหวังหลินชะลอเวลาได้ หยานหลวนและซิ่วตงเต๋อจึงเข้ามาหยุดเขาได้
“ไปซะ!!” ลิ่วเหวินหลานดวงตาแดงก่ำพร้อมจิตสังหาร ขณะที่หยานหลวนและซิ่วตงเต๋อใกล้เข้ามา เขาสะบัดแขนเสื้อและกระอักโลหิตเปลี่ยนกลายเป็นร่างอวตารสองร่างพุ่งใส่หยานหลวนและซิ่วตงเต๋อ
ส่วนตัวเขาเองพุ่งหาหวังหลินด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม ไม่สนอาการบาดเจ็บของตัวเอง
“ตายไปซะ!!”
ลิ่วเหวินหลานร้องคำราม ยกแขนขึ้นมาคว้าจับอากาศเปล่า ฟันเฟืองเก้าซี่ปรากฏขึ้นในมือและเขากระแทกเข้าหาหวังหลินอย่างรุนแรง
เสียงหอนน่าขนลุกดังออกมาจากฟันเฟืองเก้าซี่ หวังหลินหรี่ตาลง เขารู้ว่าเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางนั้นทรงพลังแค่ไหน แต่เขาต้องทำลายแผนของลิ่วเหวินหลานในวังใต้ดินแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อลิ่วเหวินหลานได้รับเกราะวิญญาณไปและเพิ่มระดับบ่มเพาะ เขาคงจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพลาดมันไป!
บางครั้งเมื่อมีคนต้องการอะไรบางอย่าง ก็จะต้องแลกมาด้วยสิ่งที่มีค่า ต้องกล้ามากกว่าคนอื่นและต้องเดิมพัน!
สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขากล้าเดิมพัน! หวังหลินยังไม่ได้ใช้วิชาสามชีวิตเลย เขาอยากใช้หนึ่งชีวิตเพื่อเดิมพัน หากเขาชนะคงจะโชคดีมหาศาล แต่หากเขาแพ้ยังเหลืออีกสองชีวิตและสามารถหนีได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ฟันเฟืองเก้าซี่เข้ามาใกล้ หวังหลินสัมผัสได้ถึงความตายทุกขณะ เขายกแขนขึ้นมาคว้าจับอากาศเบื้องหน้าโดยไม่ลังเล
“ผ่าสวรรค์!!” หวังหลินร้องคำราม สองมือฉีกกระชากอากาศออกไปอย่างรุนแรง ฟันเฟืองเก้าซี่จึงปะทะเข้ากับรอยแยกที่เปิดออกมาจนส่งเสียงดังสนั่น ฟันเฟืองแตกสลายไปสี่ซี่ ทว่ายังเหลืออีกห้าซี่คล้ายคมมีดแห่งความตายพุ่งตรงเข้าหาหวังหลิน!
พริบตาเดียวมันอยู่ภายในระยะห่างจากหวังหลินเพียงแค่สามสิบฟุต มันหมุนอย่างรวดเร็วและแหลมคมยิ่ง ราวกับต้องการฉีกกระชากหวังหลินออกเป็นสองส่วน
หวังหลินรู้สึกว่าร่างกายเจ็บปวดรุนแรงราวกับกำลังฉีกขาดเป็นสองท่อน ฟันเฟืองหมุนเข้ามาโดนเขา โลหิตไหลนองออกมาจากทั่วร่าง
ลิ่วเหวินหลานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาคาดหวังให้หวังหลินตาย ในใจเขากำลังจินตนาการร่างกายหวังหลินถูกขาดออกเป็นสองส่วน วิญญาณดั้งเดิมแตกสลาย!
“เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นศัตรูของข้า!”
หยานหลวนและซิ่วตงเต๋อด้านหลังนั้นเข้ามาช่วยหวังหลินสายเกินไป ลิ่วเหวินหลานยอมเสี่ยงไม่สนอาการบาดเจ็บเพื่อพ่นโลหิตออกมาสร้างร่างอวตารไปหยุดสองคนนั้น แม้จะกินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็เชื่อว่าหากใช้ระดับบ่มเพาะเต็มที่ก็คงมากพอ!
“ตายไปซะ เมื่อเจ้าตาย เกราะวิญญาณจะเป็นของข้า!!” ลิ่วเหวินหลานร้องคำราม เขาเห็นหวังหลินเอามือเข้าหาฟันเฟืองและกระเด็นกลับมาจนโลหิตสาดกระจาย
เหล่าเซียนทั้งหมดรอบด้านถึงกับตกตะลึงที่เห็นแบบนี้ จิตใจทุกคนหวาดกลัวและตื่นตระหนก ลิ่วเหวินหลานราวกับคนแปลกหน้าในสายตาพวกเขา
“บ้า…เขาบ้าไปแล้ว!!”
“เขาสังหารผู้อาวุโสหวังต่อหน้าพวกเรา เขาจะต้องสังหารทุกคนที่นี่เพื่อเก็บความลับแน่นอน!”
“เขาไม่สนใจอะไรเลย หากเขาได้เกราะวิญญาณไป ข้ากลัวว่าเขาจะสังหารเราทุกคนและยกความผิดให้แคว้นมารเขียว!”
เหล่าเซียนนับพันบนพื้นมองลิ่วเหวินหลานด้วยสายตาหวาดระแวง กระทั่งเซียนที่เดิมทีเลือกลิ่วเหวินหลานยังรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
“ตาย ตาย ตาย ตาย!” เสียงหัวเราะของลิ่วเหวินหลานดังกึกก้องไปทั่ววังใต้ดิน แต่ทันใดนั้นมันกลับหยุดลง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หวังหลินที่กำลังถอยไปไม่ได้ถูกผ่าร่างตามที่เขาจินตนาการ กลับเป็นโลหิตสาดกระจายและมีเสียงเหล็กปะทะกัน ร่างกายอันทรงพลังของหวังหลินทำหน้าที่สำคัญได้เป็นอย่างดี
เหนือศีรษะหวังหลินปรากฏตะเกียงเรืองแสงเบาบาง แสงของตะเกียงห่อหุ้มเขาและทำให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ลิ่วเหวินหลานเผยแววตาจิตสังหารอันบ้าคลั่ง พอเขาเห็นว่าหวังหลินไม่ตายตามที่คาดคิด จึงพุ่งทะยานเข้าหา
“ร่างกายเจ้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร เจ้ามีสมบัติปกป้องร่างกายแล้วอย่างไร? จงตาย ตาย ตายไปซะ!!!” เพียงก้าวครั้งเดียว ลิ่วเหวินหลานจึงอยู่ห่างหวังหลินไม่เกินห้าร้อยฟุต!
ก้าวครั้งที่สอง อยู่ห่างไม่ถึงร้อยฟุต เขายกแขนขึ้นมากำลังจะส่งกระบวนท่าสังหารออกไป จังหวะนี้เกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ได้เปลี่ยนกลายเป็นเส้นใยสีดำนับไม่ถ้วน มันเคลื่อนผ่านลิ่วเหวินหลานอย่างรวดเร็วไปหาหวังหลิน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา หวังหลินถูกเส้นใยสีดำนับไม่ถ้วนเข้าห่อหุ้มและระเบิดกลิ่นอายทรงพลังออกมา ยามที่ลิ่วเหวินหลานถูกกลิ่นอายกระแทกใส่เขาถึงกับกระอักโลหิต ดวงตาหวาดกลัวและไม่ยินยอม!
“ไม่นะ!!!”