Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1876
บนพื้นดินของทุ่งยอดนภา จางต้าวจงและชายชราแซ่จ้าวได้มองไปยังพื้นดินด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสัมผัสกลิ่นอายทรงพลังที่กำลังออกมาจากส่วนลึกได้
แม้จะสัมผัสกลิ่นอายได้เพียงเล็กน้อยแต่ก็มากพอจนลืมหายใจ ราวกับกระทิงสวรรค์ตัวยักษ์ตื่นขึ้นมาและกำลังร้องคำรามใส่ท้องฟ้า
ทั้งสองไม่ใช่กลุ่มเดียวที่สัมผัสเรื่องนี้ได้ ผู้ส่งสาส์นทั้งสี่คนของแคว้นมารเขียวต่างก็จ้องมองพื้นดินด้วยท่าทีเคร่งขรึม
ทั้งสี่คนเป็นกลุ่มเด็กน้อยที่บรรพชนทั้งสามของแคว้นมารเขียวคัดสรรมาเอง แต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์สูงลิ่ว เมื่อบรรลุระดับบ่มเพาะถึงระดับหนึ่งได้จะถูกส่งไปในอารามแมงป่องมารเขียวเพื่อกลายเป็นทาสรับใช้ให้แก่แมงป่องมารเขียว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีผู้ส่งสาส์นแบบพวกเขาหลายคน แต่หลังจากผ่านการคัดเลือกและล้มตายกันจำนวนมากจึงเหลือเพียงแค่เก้าคนที่ได้รับการยอมรับจากมารเขียว!
คนทั้งเก้าคนนี้ล้วนเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งแคว้นมารเขียว พวกเขาคือผู้สืบทอดเจตจำนงของแมงป่องมารเขียวที่ถูกผนึกไว้อยู่ใต้แคว้น!
ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงรู้สึกได้ชัดเจนยิ่งกว่าจางต้าวจงและคนอื่นๆ พวกเขาสัมผัสกลิ่นอายจากใต้ดินว่ามาจากผู้ส่งสาส์นกระทิงสวรรค์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากกระทิงสวรรค์
พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้นและดังสะเทือน ใบไม้ใบหญ้าแตกสลายเปลี่ยนกลายเป็นผงสีเขียวล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ปกคลุมพื้นที่รอบบริเวณราวกับสายหมอก
จางต้าวจงขนลุกและทะยานขึ้นไปในอากาศเป็นคนแรก ตามมาด้วยชายชราแซ่จ้าว
ผู้ส่งสาส์นมารเขียวทั้งสี่คนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดแต่ไม่ได้ทะยานขึ้นไปในอากาศ พวกเขารีบกระจายตัวและนั่งลงในทิศทางที่แตกต่างกันสี่แห่ง สองฝ่ามือสร้างผนึกและปล่อยเสียงคำรามออกไป
ด้านหลังปรากฏควันสีเขียวขึ้นจำนวนมากจนกลายเป็นหมอก มันเริ่มปั่นป่วนและก่อตัวเป็นแมงป่องเขียวสี่ตัว!
แมงป่องทั้งสี่ตัวนี้มีลักษณะท่าทางดุร้ายยิ่ง หลังจากปรากฏตัวขึ้นมาจึงส่งเสียงขู่และพุ่งเข้าหาพื้นดิน
หลังจากนั้นทั้งสี่คนจึงกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกไป สองมือกดทับกับพื้นดิน หลับตาลงพลางปลดปล่อยควันสีเขียวขนาดเท่าแขนให้พุ่งออกมาจากด้านหลัง ควันได้รวมกันในท้องฟ้าก่อเกิดเป็นกระจกสีเขียว!
แม้กระจกจะเป็นภาพมายาแต่มันได้เปล่งกลิ่นอายแห่งมารอันทรงพลัง พอจางต้าวจงและชายชราแซ่จ้าวเห็นกระจก ดวงตาจึงเต็มไปด้วยความเคารพ
ควันสีเขียวผ่านกระจกไปปรากฏแผ่นดินขึ้นมา บนแผ่นดินนี้ไม่ได้มีภูเขามากนักแต่มีหนองบึงมากมาย แม้แต่เมืองบางแห่งยังถูกสร้างขึ้นเหนือบึง ช่างแปลกประหลาดมาก
แผ่นดินแห่งนี้เล็กกว่าแคว้นกระทิงสวรรค์ประมาณ 7 ในสิบส่วน ทว่าการที่มีแต่หนองบึงและหมอกรอบแผ่นดินทำให้มันดูราวกับเป็นความฝัน
โลกข้างในกระจกคือแคว้นมารเขียว!
ขณะที่เหล่าผู้ส่งสาส์นทั้งสี่คนร้องคำราม กระจกจึงหดตัวลงอย่างช้าๆ ห่อหุ้มพื้นที่ระหว่างคนทั้งสี่คน ด้วยตำแหน่งนี้แล้วมันจึงปกคลุมได้ทั่วทั้งทุ่งยอดนภา
ลึกเข้าไปใต้ดิน หวังหลินผสานเข้ากับกระทิงสวรรค์และกำลังพุ่งออกมา ด้านหลังเขาคือวังใต้ดิน เขาไม่ได้ตั้งใจจะเป็นผู้กล้า เขาไม่ได้ทำเพื่อแคว้นกระทิงสวรรค์ แต่เพื่อเงื่อนไขทั้งสามของตัวเอง
แต่หวังหลินเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี เกราะวิญญาณของเขามีระดับบ่มเพาะและโลหิตของเซียนนับพันที่อยู่ในวังใต้ดิน เขาไม่สามารถหนีไปเองได้ อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจว่าแต่ละคนจะออกมาได้อย่างปลอดภัย
ตอนนี้เขากำลังจะออกไปจากพื้นดินเพื่อสังหารเซียนเฒ่าขั้นวิบากดับสูญระดับกลางทั้งสามคนและจบงานที่บรรพชนกระทิงเขียวมอบให้เขาให้เสร็จสิ้น!
เพียงหวังหลินพุ่งทะยาน ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยเกราะสีดำได้เผยแววตาเย็นเยียบและเรือนผมสีขาวหิมะ เขารวดเร็วมากจนทะยานผ่านระยะหลายพันฟุตในชั่วพริบตา
แต่วินาทีนั้นหวังหลินกลับหรี่ตาแคบลง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าขยะแขยงแต่คุ้นเคยยิ่งปรากฏขึ้นมาและพุ่งหาเขา
เขาเห็นแมงป่องเขียวสี่ตัวกำลังพุ่งมาใส่
หวังหลินสัมผัสกลิ่นอายน่าสะอิดสะเอียนได้และเกิดความเกลียดชังขึ้นมาในใจต่อพวกแมงป่อง เขารู้ว่านี่ไม่ได้มาจากตัวเขาเองแต่มาจากวิญญาณของกระทิงสวรรค์!
เห็นได้ชัดว่าในอดีตนั้นก่อนที่กระทิงสวรรค์และแมงป่องจะโดนบรรพชนเทพผนึก ทั้งสองตัวต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี!
หรืออีกความหมายหนึ่ง พวกมันเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน!!
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและหยุดชะงักทันที ร่างเงากระทิงสวรรค์ควบแน่นในร่างกายและหายวับไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงหวังหลินคนเดียวที่อยู่ที่นี่
หวังหลินยกเท้าขึ้นมาโดยไม่ลังเล เขาไม่ได้พุ่งขึ้นด้านบนแต่ไปทางตะวันตกแทน เพียงจังหวะเดียวก็เคลื่อนไหวดุจประกายสายฟ้าและหายตัวไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งมีควันสีเขียวอยู่ตรงหน้า แมงป่องเขียวดุร้ายกำลังพุ่งมาหาเขา
ก่อนที่แมงป่องจะเข้าใกล้ มันกวัดแกว่งหางฟาดเข้าใส่หวังหลินดุจแส้ หวังหลินเผยแววตาเย็นเยียบและไม่สนใจการโจมตีของมัน เขายกสองแขนขึ้นมาคว้าพื้นดินเบื้องหน้า
“ผ่าสวรรค์!!” ระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับต้นผสานกับพลังบัญชาโบราณ!
ขณะที่สองมือหวังหลินแยกพื้นดินออกมาและปรากฏรอยแยกขนาดยักษ์ขึ้นเบื้องหน้า มันได้ยืดออกไปเข้าหาแมงป่องที่กำลังเข้าใกล้!
รอยแยกยืดยาวออกไปเกินกว่าจะวัดได้และปะทะเข้ากับหางของแมงป่องจนเกิดเสียงดังสนั่น หางของมันสั่นเทาและแตกสลายทันที ขณะเดียวกันรอยแยกขนาดยักษ์ได้ผ่านร่างแมงป่องเขียวไปจนถึงพื้นดินด้านบน
ทุ่งยอดนภาสั่นเทา ด้านตะวันตกมีพื้นดินระเบิดออกมาทันทีจนกลายเป็นรอยแตกร้าวใหญ่กว่าแสนฟุต!
พื้นดินสั่นไหว ควันสีเขียวโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องก่อนจะเลือนหายไป
ผู้ส่งสาส์นมารเขียวหนึ่งในสี่คนถึงกับหน้าซีดและกระอักโลหิต
ผ่าสวรรค์ครั้งเดียวสังหารวิญญาณแมงป่องเขียวได้ทันที หวังหลินมองดูแมงป่องและหันกลับไปเห็นก้อนควันสีเขียวกำลังพุ่งมาหาเขา พวกมันเผยตัวเองออกมาเป็นแมงป่องแบบเดียวกันและพุ่งใส่หวังหลินอย่างดุร้าย
‘ชักสงสัยเสียแล้วว่าด้วยระดับบ่มเพาะเท่านี้ หากข้าใช้หอกสีรุ้งจะทำให้มีพลังของดวงอาทิตย์เหมือนตอนที่ราชันย์เทพสีรุ้งใช้ยามที่มีพลังเต็มที่หรือไม่?’ หวังหลินมองแมงป่องทั้งสามที่กำลังเข้ามา
เขาก้าวทะยานไปข้างหน้า เมื่อฝ่าเท้าก้าวลงไป พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับไม่สามารถประคองเท้าของเขาได้ มือขวาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและใช้วิชาหอกสีรุ้ง!
แม้ความเร็วของเขาจะไม่ได้เพิ่มสูงมากนักก่อนที่จะได้สวมเกราะ แต่เขาก็รวดเร็วกว่าเซียนธรรมดาหลายเท่าแล้ว!
เพียงสบัดแขน แสงสีรุ้งส่องสว่างไปทั่วและปรากฏหอกสีรุ้งขึ้นในเวลาไม่นาน หอกเปล่งกลิ่นอายทำลายล้าง มันไม่มั่นคงราวกับสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ
แสงสีรุ้งของหอกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและควบแน่นกลายเป็นสีดำสนิท!
ก่อนหน้านี้ในแสงสีรุ้งไม่มีสีดำ!
ทว่าตอนนี้หอกกลายเป็นสีดำและเต็มไปด้วยจิตสังหารทรงพลัง นี่คือหอกสีรุ้งของจริง เมื่อผู้ใช้บรรลุระดับบ่มเพาะถึงระดับหนึ่งแล้วจะสามารถทำให้หอกเปลี่ยนแปลงครั้งแรกได้!
หวังหลินยกแขนขึ้นมาคว้าหอก วินาทีที่เขาจับมัน มันถึงกับสั่นเทา แสงสีดำเปลี่ยนอีกครั้งกลายเป็นสีขาว!
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองของหอกสีรุ้ง!
หวังหลินถือหอกและโยนมันออกไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง หอกทะยานเข้าหาแมงป่องหนึ่งในสามตัวนั้นด้วยเสียงกังสนั่นกึกก้อง!
ขณะที่หอกสีขาวพุ่งทะยานออกไป สีสันของมันเปลี่ยนอีกครั้งจากสีขาวเป็นสีเทา!
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามของหอกสีรุ้ง! เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแกร่งที่สุดที่ราชันย์เทพสีรุ้งสามารถใช้ออกมาได้!
หอกสีเทาพุ่งเข้าใกล้แมงป่อง เจ้าแมงป่องส่งเสียงขู่และพ่นควันสีเขียวจำนวนมากออกมาปะทะกับหอกไปด้วย
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องและเกิดการระเบิดพุ่งออกมาจากใต้ดิน จนทุ่งยอดนภาเกิดการพังทลายครั้งใหญ่ พื้นดินและใบไม้ใบหญ้าจำนวนมากทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“น่าเสียดายนัก เกราะวิญญาณเพิ่มแต่เพียงระดับบ่มเพาะของข้าเท่านั้น มันไม่ได้เพิ่มระดับบ่มเพาะขึ้นอยู่กับร่างกายข้าแต่ขึ้นอยู่กับกลิ่นอายของกระทิงสวรรค์ หากอยู่ระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับต้น ข้าคงทำให้เก้าแก่นแท้สมบูรณ์ไปแล้ว หากข้ามีร่างแก่นแท้เก้าร่าง จนเกิดเป็นหอกเก้าเล่ม ข้าคงมั่นใจว่าจะสามารถทำลายแมงป่องทั้งสามตัวในครั้งเดียว!” หวังหลินลอบส่ายศีรษะ เกราะวิญญาณนี้คือสิ่งของนอกกาย แม้จะทรงพลังแต่ก็ไม่ใช่ของเขา
‘ยังเหลือแมงป่องอีกสองตัว ข้าสามารถทดสอบวิชาอื่นของข้าได้เพื่อดูว่ายังต้องฝึกฝนมันให้เชี่ยวชาญต่อไปอีกหรือไม่!’