Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1884
ความเงียบงันนี้ดูเหมือนเตรียมการให้เขาจากไปโดยเฉพาะ หวังหลินดวงตาส่องสว่างในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าเขาจะเข้าใจแต่ก็สายเกินกว่าจะมาคิดในตอนนี้ เขารีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
หวังหลินทะยานออกไปจากสำนักกุ้ยยี่ด้วยความเร็วสูงที่สุด ด้านหลังเขามีขอบเมฆาเผยแววตาเป็นแสงแปลกประหลาดพลางไล่ตามหลังหวังหลินด้วยระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับปลาย
ทั้งสองคนท่องทะยานผ่านสำนักกุ้ยยี่อย่างรวดเร็วและออกไปนอกสำนัก วินาทีต่อมาลำแสงสีม่วงอีกสายทะยานออกไปจากสำนักเช่นเดียวกัน จากนั้นค่ายกลสำนักจึงเปิดใช้งานและกลับเป็นปกติ
หวังหลินทะยานออกมาไกลจากสำนักกุ้ยยี่หลายพันลี้ พื้นที่บริเวณนี้ไม่สามารถใช้วิชาบิดมิติได้เพราะมีค่ายกลสำนักเข้าแทรกแซง
หลังจากหวังหลินออกมาจากพื้นที่และกำลังจะใช้บิดมิติ ขอบเมฆาจึงไล่ตามทัน ดวงตาเย็นเยียบและยกมือขึ้นมาทันที ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสันและปรากฏดาวขึ้นมาเจ็ดดวง ดวงดาวทั้งเจ็ดส่องสว่างราวกับเป็นเวลากลางคืน
“พิฆาตเจ็ดดารา!” ขอบเมฆาต้องการสังหารหวังหลินเพราะอยากได้รางวัล แม้เขาจะสัมผัสว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็ไม่สนใจ เขาลงมือเหมือนทำตามคำสั่งวิญญาณให้ตามล่าหวังหลินทันทีที่พบ
‘หลังจากตัดหัวหวังหลินได้ ข้าจะขอรางวัลกับสำนักกุ้ยยี่ แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง ข้าก็บอกไว่าทำตามคำสั่งของจ้าวสำนักกุ้ยยี่ สำนักมหาวิญญาณไม่อาจพูดอะไรได้ อีกทั้งหวังหลินก็ทรยศก่อน ข้าเพียงแค่สังหารคนทรยศ!’ ขอบเมฆาบรรลุขั้นวิบากดับสูญระดับกลางในฐานะเซียนไร้สำนัก การได้รับการยอมรับจากกระทิงสวรรค์แสดงให้เห็นว่าเขามีบางอย่างพิเศษ เพียงพริบตาเดียวก็ตัดสินใจได้แล้ว
ขณะที่ขอบเมฆายกแขนขึ้นมา ดาวเจ็ดดวงเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับมีพลังโบราณรวมกันในท้องฟ้า ดาวเจ็ดดวงตกลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับเสียงดังครืนทรงพลัง
เสียงคล้ายกับผ่าท้องฟ้าให้เปิดออกและกลายเป็นพลังที่มิอาจอธิบายได้ ใต้ฝ่าเท้าหวังหลินเกิดระลอกคลื่นเสียงดังและกำลังจะจากไป ทว่าเขาหันไปมองท้องฟ้า
แสงสีดำคล้ายอุกกาบาตจำนวนเจ็ดลูกกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูดสุดเกินบรรยาย ตรงปลายลำแสงมีดาวสีดำขนาดเท่ากำปั้นกำลังพุ่งเข้ามาด้วย
เนื่องจากอยู่ไกลจึงมองเห็นดาวขนาดเท่ากำปั้น แต่หากอยู่ใกล้มันคงมีขนาดมหึมายิ่ง
เพียงหวังหลินมองเข้าไป ดาวขนาดเท่ากำปั้นเปลี่ยนกลายเป็นขนาดเท่าชามข้าวและขยายออกอย่างรวดเร็ว มันขยายออกไปถึงพันลี้และทำให้ทุกอย่างในระยะพันลี้กลายเป็นซาก!
ขอบเมฆาสามารถร่ายวิชานี้ขึ้นมาได้ตอนที่ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นจากเกราะวิญญาณเท่านั้น
ขณะที่หวังหลินกำลังจะจากไปกลับมีระลอกคลื่นใต้ฝ่าเท้ามากยิ่งขึ้น ขอบเมฆาไม่รู้แน่ชัดว่าหวังหลินกำลังจะใช้วิชาอะไร แต่ถึงจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานพลังของเขาได้
ทว่าในจังหวะนั้นลำแสงสีม่วงสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังขอบเมฆา ถังเจียมองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อนและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว นางเข้าไปใกล้ขอบเมฆาและดูเหมือนกำลังจะผ่านเขาไป
“ผู้อาวุโสขอบเมฆา ข้าจะช่วยท่าน ของรางวัลที่ข้าต้องการคือเกราะธาตุเพลิงเท่านั้น!” ถังเจียเอ่ยเสียงดังกึกก้อง นางเข้าไปภายในระยะพันฟุตใกล้ขอบเมฆาโดยไม่รอให้เขาตอลกลับ
ขอบเมฆาขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรแต่หวังหลินหยุดชะงักกึกทันที เขาเห็นถังเจียเข้าใกล้ขอบเมฆาและพอเข้าไปใกล้มากขึ้นดูเหมือนจะเกิดเรื่องบางอย่าง
“เจ้ากำลังทำอะไร!?” ขอบเมฆาสังเกตความผิดปกติได้เช่นกัน ดวงตาส่องสว่างและสะบัดแขนถอยออกมา สายลมสีดำห่อหุ้มรอบตัวเองก่อตัวเป็นม่านพลังป้องกัน ถังเจียเผยแววตาเรืองแสงสีทองและยกเรียวแขนละเอียดดุจหินหยกขึ้นมา ประตูสีทองแปดแห่งปรากฏขึ้นรอบขอบเมฆา
“ผนึกแปดประตู!”
ประตูทั้งแปดเปล่งแสงสีทองอร่าม หลังจากนั้นพวกมันจึงบีบเข้าไปใกล้ขอบเมฆาในทันที
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หวังหลินต้องหรี่ตามอง เพียงชั่วเวลาสั้นๆจึงเกิดความคิดหลายอย่างในหัว เขาหยุดลังเลและเลิกวิ่งหนี เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงน่ากลัวพุ่งทะยานเข้าหาขอบเมฆาที่โดนผนึกแทน
หวังหลินมีนิสัยเป็นเช่นนี้เสมอ หากคนอื่นไม่ล่วงเกินเขา เขาก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวเว้นแต่จะเป็นเหตุจำเป็น แต่ตอนนี้ขอบเมฆาพยายามจะสังหารเขา ดังนั้นจึงต้องหาโอกาสสู้กลับ
พอเขาเห็นถังเจียใช้ประตูทอง จึงรู้ได้ว่าทำไมนางถึงให้ความรู้สึกคุ้นเคย กลิ่นอายและรูปลักษณ์ของนางคล้ายกับนางสนมลำดับสาม ถังซาน!
หลังจากปะติดปะต่อชื่อได้ หวังหลินจึงคิดได้ว่าถังเจียกับถังซานต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันบางอย่าง
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ขอบเมฆาลดความระมัดระวังลง ดาวเจ็ดดวงในท้องฟ้าได้หายไปสามดวงเนื่องจากสูญเสียการควบคุม ส่วนที่เหลือสี่ดวงตกลงมาอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนจะร่อนลงถึงในอีกไม่นาน
เปลวเพลิงทมิฬเริ่มเผาไหม้ดวงดาว ก่อนที่พวกมันจะได้ร่อนลงมามีคลื่นความร้อนแผ่กระจายคล้ายกับมีพลังอำนาจในการพลิกฟ้าดิน
หวังหลินไม่สนใจดวงดาวที่กำลังตกลงมา เขาเข้าประชิดขอบเมฆาในทันที ยกแขนขวาขึ้นและสะบัด
ปรากฏหอกสีรุ้งขึ้นเป็นเสียงดังกึกก้อง มันเปลี่ยนสีสันอยู่สามครั้งและกลายร่างเป็นหอกสีรุ้งร่างที่สาม
จากนั้นไม่นานหวังหลินใช้เคล็ดเร่งความเร็วเพื่อสร้างผนึกก่อเกิดเป็นประทับฝ่ามือมารหกนิ้วพุ่งเข้าใส่ขอบเมฆา
แค่สองวิชานี้ยังไม่มากพอที่จะทำให้ขอบเมฆาบาดเจ็บสาหัส หวังหลินกัดฟันสร้างผนึกและชี้ใส่ท้องฟ้าอีกครั้ง
รอบด้านแต่ละคนดังสนั่นพร้อมกับกลายเป็นทะเล ทุกอย่างมืดดำ แสงอาทิตย์ปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า
นี่ถือว่าเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ที่หวังหลินใช้แยกราตรีตอนที่สวมเกราะวิญญาณ
ในเมื่อถังเจียตัดสินใจช่วยเหลือ นางจึงไม่ลังเลอีกต่อไป ฝ่ามือสร้างผนึกปรากฏแส้สีทองขนาดยักษ์ขึ้นมาในท้องฟ้ามืดมิด
แส้ฟาดออกไปพร้อมกลิ่นอายทลายสวรรค์ พุ่งเข้าไปหาขอบเมฆา แต่เนื่องจากนางไม่สามารถร่ายวิชาได้รวดเร็วเท่าหวังหลิน จังหวะนี้หวังหลินใช้ออกไปสามวิชา นางใช้ออกไปได้แค่หนึ่งวิชาเท่านั้น
ขอบเมฆามีท่าทีเปลี่ยนไปรวดเร็ว ตอนนี้เขาถูกแปดประตูผนึกเอาไว้ ประตูทั้งแปดเป็นวิชาที่ทรงพลังที่สุดของถังเจียและนางใช้ออกมาด้วยระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง พลังผนึกของมันมากพอที่จะทำให้ขอบเมฆาเผยแววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารสีแดงสด ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว พลันกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมาเปลี่ยนกลายเป็นภูติผีสีโลหิตร้องโหยหวนพุ่งทะยานเข้าหาประตู
ปัง!
แปดประตูพังทลาย ขณะที่ขอบเมฆากำลังจะฟื้นคืนได้เขากลับต้องมาเผชิญหน้ากับหอกสีรุ้งร่างที่สาม เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้จึงสบัดแขนเสื้อปรากฏโล่สีขาวขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา มันปะทะกับหอกสีรุ้งในพริบตา
หอกพังทลายเสียงดังกึกก้องแต่บนโล่ก็เกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วน จากนั้นประทับฝ่ามือมารหกนิ้วของหวังหลินได้หดขนาดลงจนเหลือเพียงร้อยฟุตและร่อนลงใส่โล่เล็ก
โล่สีขาวไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปและแตกสลาย ประทับฝ่ามือจึงร่อนต่อไปเบื้องหน้าขอบเมฆา
ขอบเมฆาหน้าซีดพลางกระเด็นกลับไปด้วยอาการตกตะลึง เขาชี้กลางหน้าผากตัวเองและร้องคำราม
ขณะที่ร้องคำราม ภาพกระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นมาร้องคำรามเช่นกัน ประทับฝ่ามือมารหกนิ้วแตกสลายแต่หวังหลินร่ายวิชาถึงสามวิชา พอประทับฝ่ามือแตกสลาย แยกราตรีจึงห่อหุ้มทั่วบริเวณ ดวงอาทิตย์กำลังทอแสงขึ้นมาและระเบิดพลังฉีกกระชากกลางคืน!
“ศรัทธา…วิชาแห่งศรัทธา!!” หลังจากโดนหลายวิชากระหน่ำโจมตีใส่ ขอบเมฆาจึงมองเห็นปัญหาเป็นครั้งแรก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีดและรีบถอยหนี
แต่ขณะที่ถอยไปนั้น แส้สีทองของถังเจียจึงเข้าประชิด ทะลวงผ่านความมืดมิดและมาถึงเบื้องหน้าขอบเมฆาในทันที
ขอบเมฆากระอักโลหิตออกมาและตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ ความคิดเดียวในตอนนี้คือถอยหนีออกไปนอกระยะ
แต่เขาช้าเกินไป ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังฉีกกระชากแผ่กระจายอย่างบ้าคลั่ง ขอบเมฆากระอักโลหิตอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำ ตอนนี้เขารู้สึกถึงอันตรายและตัดสินใจได้แล้ว
เขาหยุดกึกและเอามือแตะกับหน้าผาก เอนหลังไปเล็กน้อยและโยนบางอย่างออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง
กระทิงสวรรค์โผล่เท้าหน้าขึ้นมา เขากระทิงชี้ขึ้นฟ้าและพุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์อยู่จริงๆ!