Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1890
คนที่เดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งที่สี่เป็นชายวัยกลางคน เขาสวมชุดคลุมเต๋าสีขาวสลับดำ ร่างกายสูงและเปล่งกลิ่นอายไม่ธรรมดา รูปร่างหล่อเหลาแต่ริมฝีปากบางจนเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบ
คนผู้นี้โหดเหี้ยมและอำมหิตแน่นอน เขาคงไม่เคยใช้พลังของทั้งสำนักเพียงเพื่อสังหารคนเพียงคนเดียว
วินาทีที่ก้าวออกมาจากค่ายกล กลิ่นอายเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับปลายสูงสุดได้แผ่กระจายออกมา นาทีนั้นโลกพลันเปลี่ยนสีสันราวกับเทพมารนับไม่ถ้วนปรากฏตัวและเริ่มร้องคำราม
เขาห่างจากขั้นวิบากดับสูญระดับสูงสุดเพียงแค่ขั้นเดียว!
เหล่าเซียนสำนักเต๋ามารทั้งหมดคุกเข่าหนึ่งข้างและก้มหน้า
ชายคนนี้เพียงแค่ยืนมองหวังหลินที่กำลังหนีเข้าไปในแคว้นเมิ่งตูด้วยสายตาไม่แยแส
หวังหลินจิตใจสั่นเทา ตอนที่อีกฝ่ายก้าวออกมาจากค่ายกล เขารู้สึกถึงวิกฤติที่ระเบิดออกมาทันที
วิกฤติแห่งชีวิตและความตายนี้มาจากชายวัยกลางคนด้านหลังเขา จ้าวสำนักเต๋ามาร!!
หวังหลินทะยานหนีด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยไม่หันกลับไปมอง เขายังไม่สามารถใช้บิดมิติได้ ดังนั้นจึงต้องเคลื่อนร่างเหมือนเงา
เขาสัมผัสได้ว่าเพียงทะยานออกไปอีกนิด พลังปิดผนึกอาณาเขตแห่งนี้ก็จะหายไป จากนั้นเขาก็จะสามารถผสานกับโลกได้
อย่างไรก็ตามจ้าวสำนักเต๋ามารกลับมีทีท่าสงบนิ่ง ก้าวเข้าสู่แคว้นเมิ่งตูโดยไม่ลังเลเหมือนเซียนคนอื่น!
พอเขาเข้ามาได้ จึงลอยตัวมองหวังหลินในอากาศ ค่อยๆ ยกแขนขวาขึ้นมาชี้ไปยังท้องฟ้า
“เต๋า มาร!” เขาเอ่ยขึ้นเพียงแค่สองคำแรก!
นาทีนั้นเทือกเขาไร้ขอบเขตตรงชายแดนของทั้งสองแคว้นจึงเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายจนกลายเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้อง
เทือกเขาคล้ายมังกรขนดราวกับโดนพลังที่มองไม่เห็นดึงออกมา ด้านซ้ายสุดของเทือกเขามีพลังรวมตัวกันกลายเป็นร่างยักษ์
ร่างนี้เป็นชายวัยกลางคนผมขาวสวมชุดคลุมสีขาว เขามีกลิ่นอายของความเป็นเทพ สะบัดแขนเสื้อใส่เทือกเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของเทือกเขามีร่างเงาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมา ร่างเงานี้ปกคลุมไปด้วยพลังมารซึ่งเป็นชายหนุ่มท่าทีเย็นชาสวมชุดคลุมสีดำ เปล่งกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและกระหายโลหิต
พอเขาปรากฏตัวจึงชี้ไปที่เทือกเขาด้านล่าง
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าเซียนสำนักเต๋ามารทั้งหมดเกิดความตกตะลึง พวกเขามองจ้าวสำนักของตัวเองด้วยสายตาหลงใหล
ด้วยวิชาของชายชราชุดขาวและชายหนุ่มชุดดำ เทือกเขาไร้ขอบเขตเกิดเสียงดังสนั่นและถูกยกขึ้นมาจากพื้นดิน!
ลอยขึ้นไปในอากาศ มองไกลๆ ราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
เพียงแค่จ้าวสำนักเต๋ามารชี้ออกไป กลับทำให้เทือกเขาขนาดหลายหมื่นลี้ทะยานเข้าสู่แคว้นเมิ่งตู ความเร็วของมันไม่อาจจินตนาการได้ มันลอยผ่านหวังหลินในพริบตา
หวังหลินตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาเห็นเทือกเขาลอยผ่านเหนือศีรษะไปและร่อนลงห่างอีกสองพันลี้ในทะเลทรายของแคว้นเมิ่งตู หากเทือกเขานี้นับว่าเป็นชายแดนระหว่างสองแคว้น เช่นนั้นหวังหลินก็ยังคงอยู่ในแคว้นมารเขียว!
ความรู้สึกถึงความเป็นความตายได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นเงาขนาดยักษ์เกาะกุมจิตใจหวังหลิน
“แบบนี้ เจ้าก็ยังอยู่ในแคว้นมารเขียว…” จ้าวสำนักเต๋ามารเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ ขณะเดียวกันเขาได้ก้าวออกไปและปรากฏตัวห่างจากหวังหลินไม่เกินพันฟุตเพียงชั่วพริบตา
หวังหลินกัดฟันและพุ่งออกไป เขารู้ว่าการที่จะหนีไปได้ถือว่าเป็นเรื่องยากแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ!
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะใช้เจ้าให้เป็นประโยชน์ที่สุด!” จ้าวสำนักเผยแววตาเป็นแสงประหลาดทั้งยังแฝงท่าทีดูถูกราวกับกำลังมองดูมดแมลง เขาสะบัดแขนเข้าหาหวังหลิน
จ้าวสำนักนั้นทรงพลังเกินไป ตอนนี้เพราะวิญญาณของหวังหลินได้หายไปแล้วและระดับบ่มเพาะกลับคืนสู่ขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย หลังจากใช้ไปหลายวิชาหวังหลินจึงเหมือนตะเกียงไร้น้ำมัน ระดับบ่มเพาะของทั้งสองถือว่าแตกต่างกันมหาศาลเกินไป เพียงแค่อีกฝ่ายสะบัดแขน หวังหลินได้เผยสายตามุ่งมั่นและหลับตาเพื่อเชื่อมต่อกับร่างอวตารในมิติว่าง
จังหวะที่จ้าวสำนักเต๋ามารสะบัดแขน กลิ่นอายพิเศษได้ปรากฏขึ้นรอบตัวหวังหลิน ดวงตาเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีทองและสะบัดแขนกลับมา
ทั่วบริเวณเกิดเสียงดังสนั่น ร่างหวังหลินสั่นเทาอย่างรุนแรง เขากระอักโลหิตและกระเด็นถอยกลับมาหาเทือกเขา คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป แม้หวังหลินจะยืมพลังจากร่างอวตารก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกร!
การปะทะที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสและแทบสลบไป หวังหลินกัดฟันเพื่อฝืนให้ตัวเองตื่น
จ้าวสำนักเต๋ามารอุทานขึ้นเบาๆ ดวงตาเผยแสงแปลกประหลาดพร้อมมองหวังหลินที่กำลังถอยหนีและส่ายศีรษะ
“เป็นจริง…คนที่โชคชะตากำหนด…ถึงตอนนี้ยังต่อต้านการโจมตีจากข้าได้…เยี่ยมมาก แบบนี้ให้ข้าได้แสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังที่แท้จริงของฝ่ามือสำนักเต๋ามาร…เจ้าไม่ได้รู้จักมันใช่หรือไม่?” จ้าวสำนักยกแขนขวาขึ้นมาผลักไปยังท้องฟ้า
ท้องฟ้าดูเหมือนพังทลาย ระลอกคลื่นคล้ายเกล็ดปลาผุดขึ้นมา พริบตานั้นชายชราชุดขาวดุจเทพปรากฏตัว เขายืนอยู่ในอากาศเหมือนกำลังมองข้ามทุกชีวิตทั้งหมดและส่งสายตาไปยังหวังหลินที่กำลังหนี เขาพุ่งทะยานลงมาหาหวังหลินจากท้องฟ้า
ขณะนั้นพลันเปลี่ยนกลายเป็นประทับฝ่ามือขนาดยักษ์สีขาว ประทับฝ่ามือนี้ไม่ได้มีห้านิ้วแต่มีถึงเจ็ด!
อีกด้านหนึ่งของชายชราดุจเทพคือชายหนุ่มชุดดำ เขาก้าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชาและเปลี่ยนกลายเป็นประทับฝ่ามือเจ็ดนิ้วสีดำขนาดยักษ์พุ่งลงมาหาหวังหลิน!
มองไกลๆ ราวกับโลกได้เปลี่ยนกลายเป็นภาพวาด ประทับฝ่ามือสีดำขาวและกำลังตกจากท้องฟ้าเข้าหาหวังหลิน ไม่นานนักทั้งสองได้ผสานกันเหนือหวังหลินเพียงหมื่นฟุตจนกลายเป็นประทับฝ่ามือเทพมารสีขาวดำ!
โลกบริเวณนี้ดูเหมือนกลับตาลปัตร ทุกสิ่งทุกอย่างพร่าเลือน หวังหลินหยุดวิ่งและมองขึ้นไปยังประทับฝ่ามือเทพมารที่กำลังตกลงมา เขาขบคิดอย่างเงียบๆ
ภายในใจไม่มีความสิ้นหวังหรือโศกเศร้า
หวังหลินเข้าใจดีว่าไม่สามารถรอดพ้นหายนะครั้งนี้ได้แล้ว เขาเสียใจที่ไม่ได้ชุบชีวิตลี่มู่หวานและยังไม่ได้เจอสหายที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดารา
หวังหลินหลับตาพลางถอนหายใจ เขาไม่ได้ล้มเลิกความพยายามแต่ทันใดนั้นได้เรียกหาลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่อยู่ในวิญญาณ ซึ่งเขาไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว!!
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!
ประทับฝ่ามือเข้าประชิดหวังหลินในพริบตา วินาทีนั้นจ้าวสำนักเต๋ามารรู้สึกจิตใจเต้นผิดจังหวะ สัมผัสความตกตะลึงซึ่งอธิบายไม่ถูกได้ผสมเข้าไปในใจ เขาสะบัดแขนออกไปโดยไม่ลังเล
คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปทั่วสารทิศ ประทับฝ่ามือคว้าจับหวังหลินเอาไว้แต่ไม่ได้สังหารเขา เพียงเท่านี้ฝ่ามือได้จับหวังหลินให้อยู่ตรงกลางอย่างมั่นคง
จ้าวสำนักเต๋ามารทะยานร่างขึ้นสู่อากาศและผสานกับประทับฝ่ามือ จากนั้นทะยานลงไปในส่วนลึกของแคว้นมารเขียว เหล่าเซียนในสำนักจึงติดตามจ้าวสำนักออกไป
หลังจากทุกคนจากไปแล้ว เทือกเขาจึงค่อยๆ กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม แคว้นเมิ่งตูไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ราวกับพวกเขาบรรลุข้อตกลงกันแล้ว
ลำแสงหลายเส้นเต็มไปทั่วฟ้า จ้าวสำนักเต๋ามารดูสงบนิ่งแต่ในใจเกิดความสงสัย ตอนนี้เขารู้สึกว่าหากพยายามสังหารหวังหลินคงจะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่
ความรู้สึกเช่นนี้สำหรับเขาถือว่าหายากยิ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถเมินเฉยไปได้!
‘คนผู้นี้…เป็นคนที่ฟ้าลิขิต ดังนั้นจะต้องซ่อนแผนการลึกลับ…เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก หากเราทำตามแผนเดิมคงไม่ได้สูญเสียไปขนาดนี้…’
จ้าวสำนักเต๋ามารเคลื่อนทะยานเข้าสู่ใจกลางแคว้นมารเขียวพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย ตำแหน่งนั้นคืออารามแมงป่องมารเขียว!
‘จองจำเขาไว้ในอารามแมงป่องมารเขียว ใช้ร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงมารเขียวและใช้วิญญาณมันเพื่อชุบชีวิตมารเขียว!!’