Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1894
จังหวะที่ชายชราชุดเขียวและองครักษ์ทั้งสองจากไป หวังหลินยังคงไร้การเคลื่อนไหว ละอองแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนกำลังกะพริบอย่างต่อเนื่อง
แสงทุกสายมีร่างเงาแมงป่องเขียวและเต็มไปทั่วชั้นบรรยากาศ
เวลาสามเดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช่วงระหว่างนี้หวังหลินยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือพลังชีวิตรั่วไหลออกมา ร่ายกายปกคลุมด้วยแสงสีเขียว หากมองใกล้ๆ คงจะเห็นแมงป่องเขียวนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกไปรอบร่าง
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินกำลังรอคอยจังหวะพร้อมกับได้รับการปกป้องจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าไปด้วย เขามีความอดทนมากพอเพื่อโชควาสนาครั้งใหญ่
ชายชราชุดเขียวเป็นคนขี้ระแวงมาก หวังหลินไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะปักใจเชื่อว่าเขาหายไปแล้วง่ายๆ สิ่งที่หวังหลินกำลังรออยู่จึงเหมือนการทดสอบจนกว่าชายชราจะรู้สึกพอใจ
แม้หวังหลินจะไม่สามารถเดาว่าจะมีการทดสอบแบบไหนอีกในอนาคต เขาก็ต้องเตรียมการ จิตใจกำลังรอคอยด้วยความสงบนิ่ง
แผนของหวังหลินคือไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เขายอมให้แมงป่องเขียวปกคลุมทั่วร่าง บางส่วนเข้าไปในปากและจมูกแต่เขาก็ไม่ต่อต้าน
เวลาเริ่มจะผ่านพ้นไปอีกครั้ง สามเดือน สามเดือน สามเดือน…ไม่นานนักหวังหลินจึงใช้เวลาหนึ่งปีอยู่ในมิติสีเขียวแห่งนี้ตั้งแต่ที่ชายชราจากไป
หลังจากบรรลุระดับบ่มเพาะในปัจจุบัน ร่างกายจะไม่เน่าเปื่อยไปอีกหลายหมื่นปี ร่างกายในปีนี้จึงไม่เปลี่ยนแปลงแต่มีแมงป่องเขียวปกคลุมร่างมากขึ้น
ภายในมิติเขียวแห่งนี้ เหล่าแมงป่องถือว่าหวังหลินกลายเป็นส่วนหนึ่งกับพวกมันแล้ว สถานที่แห่งนี้เสมือนห้องใต้ดินและเปล่งกลิ่นอายมืดมนออกมา
หากใครก็ตามมาเห็นฉากเหตุการณ์นี้คงต้องตกตะลึงแน่นอน
หวังหลินไม่มีอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คล้ายก้อนดินรูปร่างมนุษย์
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินสงบนิ่งดุจบ่อน้ำและไม่เผยความผันผวนอันใดข้างในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
ช่วงเวลานี้ชายชราชุดเขียวไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ราวกับหลงลืมหวังหลินไปแล้วและไม่มีร่องรอยใครเลยภายในอารามแมงป่อง
กลิ่นอายประหลาดจึงเกิดขึ้นในความเงียบงัน
หนึ่งปี สองปี สามปี…
ปีที่สี่เข้ามาถึงอย่างช้าๆ ภายในมิติสีเขียวข้างในอารามแมงป่อง ดวงวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินเกิดอาการดิ้นรน เขารอคอยอยู่ที่นี่มาถึงสี่ปี!
ช่วงสี่ปีนี้ชายชราชุดเขียวไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย ร่างกายเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาดเนื่องจากเหล่าแมงป่องเขียวปกคลุมทั่วร่าง การเปลี่ยนแปลงนี้คือเหตุที่เขาต้องดิ้นรน!
แสงสีเขียวรูปไข่ปรากฏขึ้นในรูขุมขนทั้ง 108,000 รูขุมขน แสงพวกนี้ปรากฏขึ้นมาเมื่อสองปีก่อนและพอแสงแตกออก พวกมันจึงดูดซับเลือดเนื้อของหวังหลินจนก่อเกิดเป็นแมงป่องเล็ก!
เหล่าแมงป่องใช้ร่างของหวังหลินเป็นพื้นที่ทำรังและเป็นสารอาหาร ผ่านไปสี่ปีจำนวนของแมงป่องในมิติแห่งนี้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ไม่เพียงแต่จะปกคลุมร่างหวังหลิน พวกมันยังปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่จนเป็นภาพที่เห็นแล้วต้องตกตะลึง
เหล่าแมงป่องเล็กเหล่านี้ได้ทำให้ร่างหวังหลินเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นราวกับโดนดูดสารอาหารออกไป
ด้วยพัฒนาการเช่นนี้ หวังหลินรู้สึกรุนแรงว่าหากไม่เข้ามาควบคุมร่างกาย อีกไม่นานเขาจะไม่มีวันได้ออกไปตลอดกาล
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมชายชราถึงไม่ปรากฏตัวและไม่ทำการทดสอบอีก นั่นเพราะเวลาคือการทดสอบที่ดีที่สุด!
ไม่มีเครื่องมือใดที่สามารถมองทะลุและค้นหาความจริงได้ดีกว่ากาลเวลา
หวังหลินเดาว่าชายชรากำลังใช้เวลาเพื่อเริ่มบททดสอบอันโหดเหี้ยมแก่หวังหลิน มีเพียงการทดสอบนี้เท่านั้นจึงจะทำให้เขาพอใจเมื่อแผนเดิมสำเร็จลุล่วง
หวังหลินไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผลทดสอบนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ
หากไม่มีปัญหาและร่างกายไม่แห้งเหี่ยว หวังหลินสามารรอได้เป็นสิบปีหรือพันปีก็ยังได้ หากเขาต้องการรอจริงๆ ด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดขาดของหวังหลินก็สามารถอดทนได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ร่างกายกำลังเหี่ยวเฉาทำให้หวังหลินเก็บอาการไม่อยู่ ความมั่นคงกำลังสั่นคลอนเพราะทุกอย่างเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ เขาไม่มีหลักฐานจะพิสูจน์สิ่งที่คิดเอาไว้ได้
หากเขาคิดผิดและไม่ได้จากไปตอนนี้ ร่างกายจะแห้งเหี่ยวอย่างสมบูรณ์และคงพลาดโอกาสไปจริงๆ เขาจะไม่เหลือสิ่งใดอยู่ที่นี่อีกเลย!
เช่นเดียวกันหากเขาตัดสินใจผิดพลาด เขาก็คงสูญเสียโชควาสนาครั้งใหญ่!
นี่เป็นตัวเลือก ตัวเลือกที่ทำให้หวังหลินต้องฝ่าฟัน!
อาการดิ้นรนคงอยู่ไปหนึ่งปี พอถึงปีที่ห้าก็หายไป หวังหลินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทิ้งความคิดอื่นทั้งหมด ด้วยความเชื่ออันบ้าคลั่งในสิ่งที่ตัวเองคาดการณ์ จึงรอคอยอย่างสงบ
ปีที่หก ปีที่เจ็ด ปีที่แปด…ร่างกายเหี่ยวแห้งไปเกือบทั่วร่าง แต่จิตใจยังคงไม่สั่นคลอน!!
ปีที่เก้า ปีที่สิบ…ร่างกายถูกแมงป่องจำนวนมากครอบคลุมและดูเหมือนโครงกระดูกไร้สารอาหาร ราวกับแค่โดนลมพัดก็แตกสลายได้แล้ว แต่หวังหลินยังคงรอคอย!!
สิบปี!! เขารออยู่ในมิติสีเขียวแห่งนี้มาสิบปี หวังหลินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างแคว้นมารเขียวกับแคว้นกระทิงสวรรค์ มันกำลังดำเนินอยู่หรือจบไปแล้วหรือไม่
ช่วงสิบปีนี้วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินไม่ได้เข้าไปควบคุมร่างกาย มันซ่อนตัวอยู่ภายใต้การป้องกันของลูกปัดอย่างเงียบงัน เขากำลังใช้ความอดทนอย่างมหาศาลเพื่อเดิมพัน!!
สิ่งที่ช่วยหนุนความเชื่อของเขาคือการวิเคราะห์และการตัดสินใจ เห็นได้ชัดว่าชายชราชุดเขียวเป็นคนธรรมดาแต่หวังหลินสัมผัสถึงความน่ากลัวออกมาได้ ชายชราสามารถทำให้จ้าวสำนักเต๋ามารพูดจาอย่างสุภาพ ดังนั้นหวังหลินจึงไม่ทำอะไรวู่วามและเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่
มีความลับอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้อยู่ในอารามแมงป่องเขียว สิ่งสำคัญที่สุดเพราะชายชรานั้นเป็นคนธรรมดา อายุขัยจึงไม่นานมากนัก
การแข่งขันด้านเวลานับเป็นความอดทนของแต่ละฝ่าย!
กระนั้นด้วยสิ่งที่หวังหลินคาดการณ์นับว่าถูกต้อง!
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าในอารามแมงป่องมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่งตรงส่วนหัว ข้างในมีชายชราชุดเขียวกำลังนั่งมองกระจกตรงหน้า กระจกบานนี้สะท้อนทุกอย่างข้างในมิติสีเขียวที่หวังหลินอยู่
ช่วงเวลาสิบปี หวังหลินไม่ใช่คนเดียวที่กำลังรอคอย ชายชราชุดเขียวก็กำลังรอคอยเช่นกัน
อายุขัยของเขามีจำกัด แม้จะมีวิชาลับทำให้มีอายุยืนยาว แต่จวี่ซื่อทุกรุ่นมีอายุได้อย่างมากก็สามพันปีเท่านั้น
เขามีอายุมากกว่า 2,800 ปีและใกล้จะตายเต็มทีแล้ว
‘เวลาคือวิธีที่ดีที่สุดในการมองทะลุความจริง…แม้สิ่งที่ข้าทำจะเกินไปเล็กน้อย ข้าต้องรับประกันว่าท่านมารเขียวจะปลอดภัย…ข้าอยากเห็นว่าเขาสูญเสียจิตใจจริงๆ หรือแค่กำลังหลอก…’
เขาไม่ได้หมดความอดทน เนื่องจากอาศัยอยู่ในอารามแมงป่องมามากกว่าสองพันปีและคุ้นเคยกับเวลาที่ผ่านไป มันจึงกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
สองปี สามปี สี่ปี…อีกสิบปีได้ผ่านไปในขณะที่ทั้งสองกำลังรอคอยอีกฝ่าย นี่ถือเป็นการต่อสู้อันโหดเหี้ยมยิ่งกว่าการต่อสู้ระหว่างเซียนด้วยกันเองตามปกติ เพราะพวกเขากำลังใช้เวลาเข้าต่อสู้!
การต่อสู้กับเวลานั้นเงียบสนิทไร้ความขัดแย้งอันใดแต่เต็มไปด้วยอันตราย ตระกูลของชายชราชุดเขียวเตรียมการมานานหลายปี พวกเขาไม่สามารถแพ้ได้…
หวังหลินก็ไม่สามารถแพ้ได้เช่นกัน ตอนนี้แม้แต่กระดูกก็ยังเริ่มอ่อนแอลง หากร่างกายไม่ใช่เผ่าบัญชาโบราณ มันคงสูญสิ้นไปหลายปีก่อนแล้ว
ตอนนี้มิติสีเขียวมีแมงป่องเขียวปกคลุมเกือบทั่วทั้งพื้นที่ พวกมันเคลื่อนไหวและปลดปล่อยแสงสีเขียวไปด้วย
ตลอดระยะเวลายี่สิบปี หวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เขาเชื่อมั่นในศรัทธาของตัวเอง นับว่าหาได้ยากมากที่เขาจะเดิมพันชีวิต
‘ข้าจะไม่มีวันแพ้…’ ประโยคนี้ช่วยย้ำเตือนหวังหลินมาเกือบยี่สิบปี
บางครั้งเวลาก็ไหลอย่างเชื่องช้าแต่มันเหมือนใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง มันตกลงมาจากท้องฟ้า ให้ความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงฤดู แต่ความจริงมันเป็นเพียงแค่การเดินทางสั้นๆ
พริบตาเดียวอีกยี่สิบปีได้ผ่านพ้นไป หวังหลินตั้งมั่นอยู่ที่เดียวมาสี่สิบปี เขาละทิ้งร่างกายไปแล้ว วิญญาณดั้งเดิมเหมือนตายด้าน
แม้กระทั่งร่างบัญชาโบราณยังแสดงสัญญาณถึงการตายโดยสมบูรณ์เมื่อผ่านมาถึงสี่สิบปี
ชายชราชุดเขียวยังคงรอคอย ในสี่สิบปีที่ผ่านมานอกจากความต้องการประจำวันแล้ว เขาใช้เวลาทั้งหมดมองดูกระจกและรอคอยอย่างเงียบงัน
สี่สิบปี สี่สิบปี…หลังจากหวังหลินคุ้นชิน เวลาได้ผ่านไปทั้งสิ้นแปดสิบปี!
ในปีที่แปดสิบ วันนี้เองที่ชายชราชุดเขียวเผยอาการลังเล เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่มีสติจะสามารถอดทนมาได้ถึงแปดสิบปี!
และสิ่งสำคัญที่สุดคือเขาไม่มีอายุขัยเหลืออยู่มากแล้ว…
ตัวเลือกเบื้องหน้าเขาจึงเหมือนกับหวังหลินที่เผชิญเมื่อคราวก่อน ว่าจะรอหรือไม่รอ!