Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1898
ขณะที่ด้านนอกเตาหลอม องครักษ์ทั้งสองได้คายแกนพลังดั้งเดิมของตัวเองออกมาสิบปี วิญญาณดั้งเดิมจึงอ่อนแอมากและไม่สามารถทนอยู่ได้นานกว่านี้
หลายวันต่อมา หนึ่งในสองวิญญาณดั้งเดิมขององครักษ์ได้พ่นแกนพลังดั้งเดิมสุดท้ายออกมา วิญญาณเขาได้แตกสลายไป ร่างกายฟุบลงและตายทันที
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูปไหม้หลังจากที่เขาตาย วิญญาณดั้งเดิมขององครักษ์อีกคนก็ตายตามกันไปติดๆ
การตายของทั้งสองคนที่อยู่กับชายชรามานานกลับไม่ได้ทำให้เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปเลย ชายชราเปล่งกลิ่นอายแห่งความตายและอยู่ในสภาวะกึ่งตาย ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจตจำนงอันทรงพลังค้ำจุนเอาไว้ เขาคงตายไปแล้ว
ดวงตาแดงก่ำและความตื่นเต้นนั้นยังอยู่มาถึงสิบปีโดยไม่ลดน้อยลงเลย ความตื่นเต้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นจนแทบระเบิด
ร่างกายอันอ่อนแอเปลี่ยนจากนั่งเป็นคุกเข่า แหงนหน้ามองขึ้นไปด้วยความตื่นเต้นพลางเอ่ยเสียงแหบพร่าดังๆ
“ด้วยตำแหน่งข้าในฐานะจวี่ซื่อแห่งแมงป่องมารเขียว ข้าขอปลุกท่านมารเขียวให้ตื่นขึ้นและจุติลงมา…ข้ารับให้ผู้นี้ได้เตรียมร่างให้ท่านครอบครองไว้แล้ว!!” ชายชราเริ่มพูดเป็นภาษามนตราโบราณ ไม่นานเสียงของเขาจึงดังไปทั่วบริเวณ
อารามแมงป่องเริ่มสั่นสะเทือนอย่างช้าๆ ฝุ่นผงลอยขึ้นสู่อากาศ กลิ่นอายวิญญาณทรงพลังดูเหมือนจะตื่นขึ้นและแผ่กระจายออกไป
ชายชรามองดูด้วยความตื่นเต้น ขณะที่อารามสั่นสะเทือนไปเรื่อยๆ ควันสีเขียวเก้าสายรวมตัวเข้ามาจากเก้าทิศ มันรวมอยู่เหนือเตาหลอมและก่อเกิดเป็นร่างเงาขนาดยักษ์!
ร่างเงานี้มีขนาดหลายหมื่นฟุต เป็นรูปแมงป่องเขียว!!
แมงป่องเต็มไปด้วยรอยแผลและกลิ่นอายอ่อนแอ ทว่ามันกลับมีแรงกดดันรั่วไหลออกมา ภายใต้แรงกดดันนี้กลับทำให้ทั้งแคว้นมารเขียวต้องสั่นสะท้าน!
ร่างเงานี้คือส่วนหนึ่งของวิญญาณหลักที่ถูกผนึก วิญญาณหลักไม่สามารถออกมาได้และทำได้แค่สร้างก้อนวิญญาณนี้ขึ้นมาเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อก้อนวิญญาณได้รับร่างกาย มันจะสามารถคิดหาวิธีการดูดซับวิญญาณหลักได้และชุบชีวิตขึ้นมาได้จริงๆ!
วิญญาณแมงป่องยักษ์ค่อยๆ ลืมตาที่หลับไหลอย่างยาวนานขึ้นมา ดวงตาของมันเย็นเยียบและโหดเหี้ยม เปล่งกลิ่นอายเหนือชั้นกว่าผู้ใด มองทุกอย่างต่ำต้อยไปหมด
“เจ้าใช่หรือไม่ที่เรียกข้า…” น้ำเสียงเย็นเยียบดังกึกก้องราวกับกฎที่สั่นคลอนโลกได้ทันที
กระนั้นเจ้าแมงป่องก็ไม่สามารถซ่อนความอ่อนแอไปได้ มันอ่อนแอถึงขนาดที่แตกดับได้เพียงแค่สายลมเบาๆ พัดผ่าน!
ชายชราร่างสั่นเทาและโค้งคำนับต่อดวงวิญญาณ
“ข้าทาสขอคารวะท่านมารเขียว! ข้าเได้เตรียมร่างอันสมบูรณ์แบบไว้ให้ท่านครอบครองแล้ว ไม่มีสัมผัสวิญญาณหรือวิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่เลย ดังนั้นมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการครอบงำของท่านแน่นอน!” ชายชราชุดเขียวตื่นเต้นมาก
เขารู้ว่าแมงป่องมารเขียวอ่อนแอแค่ไหนหลังจากโดนผนึกไป และจึงมาที่นี่ได้เพียงแค่ก้อนวิญญาณ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทดสอบอยู่หลายครั้งเพราะหากมีวิญญาณดั้งเดิมอยู่ในร่าง คงจะเกิดปัญหาหลายอย่าง!
ปัญหาที่ว่าอาจทำให้ทุกอย่างไร้ค่าและทำให้แมงป่องมารเขียวที่อ่อนแออยู่แล้วเกิดอาการบาดเจ็บสาหัส!
หลังจากชายชราพูดออกมา ร่างใหญ่ยักษ์ของแมงป่องมารเขียวจึงหันมาเล็กน้อย มองมาที่เตาหลอมสีเขียว ส่งสายตาเข้าไปจนเห็นร่างหวังหลินข้างในเตาหลอม
มันกวาดสายตามองร่างหวังหลินถึงเก้ารอบแต่ไม่สามารถตรวจจับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเจอได้ อย่าว่าแต่วิญญาณหวังหลินที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในเลย
หลังจากนั้นสักพัก วิญญาณแมงป่องจึงถอนสายตาออกมา
ชายชราคุกเข่าลงและพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านมารเขียว ข้าได้เปลี่ยนแปลงร่างนี้ตามที่ท่านต้องการไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยวิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่เลย!”
“เจ้า…ทำได้ดีมาก…หลังจากข้าฟื้นคืนชีพ เจ้าจะได้รับรางวัลตอบแทน…” วิญญาณแมงป่องยักษ์ส่งระลอกคลื่นออกมาและเคลื่อนไหว พริบตาเดียวมันพุ่งทะลุเข้าไปในเตาหลอมและเข้าใกล้หวังหลิน
หวังหลินซ่อนวิญญาณดั้งเดิมไว้ในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า จังหวะนี้ก็ยังไม่เคลื่อนไหว!
ผ่านไปสิบปีเขายังคงรอคอย ไม่เพียงแต่รอคอยโชควาสนาเพื่อปรับปรุงร่างกาย เขายังใจกล้าบ้าบิ่นอีกด้วย ชายชราชุดเขียวระมัดระวังอย่างมากและทดสอบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นี่แสดงให้เห็นว่าหากวิญญาณดั้งเดิมยังเหลืออยู่ในร่าง อาจทำให้การครอบงำเกิดความล้มเหลว ซึ่งจะทำให้แมงป่องมารเขียวไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงจะเดิมพันจวบจนวินาทีสุดท้าย รอคอยให้แมงป่องมารเขียมาถึง ในเมื่อมันต้องการกลืนกินเขา เขาก็จะกลืนกินมันแทน!
วิญญาณแมงป่องดูทรงพลังมากแต่ความจริงมันบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วและยังโดนผนึกอยู่ อีกทั้งมันก็แค่แบ่งก้อนวิญญาณมาที่นี่ วิญญาณแมงป่องไม่ได้เข้าร่างหวังหลินในทันทีแต่แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปหลายครั้ง หลังจากมันผ่อนคลายเล็กน้อยจึงพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลิน!
พริบตาเดียวแมงป่องเขียวค่อยๆ เข้าสู่ร่างหวังหลิน มันไม่ได้เข้าไปครอบครองร่างในทันทีแต่เลือกที่จะดูดซึมอย่างระมัดระวัง
พริบตาเดียวเวลาได้ผ่านไปสามวัน หลังจากสังเกตการณ์มาแล้วมันจึงเข้าสู่ร่างหวังหลินลึกยิ่งขึ้น การที่มันแสดงท่าทีระมัดระวังเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นจะหนีได้ทันที
มันไม่สามารถมองเห็นวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้แต่หวังหลินมองเห็นมันได้ เขาเฝ้าดูวิญญาณแมงป่องเข้ามาในร่างกายและแผ่กระจายอย่างช้าๆ แต่มันไม่ได้เริ่มการครอบงำในทันที ความระมัดระวังของเจ้าแมงป่องมีสูงล้ำมาก
บ่งบอกว่ามันอ่อนแอแค่ไหน
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินไม่ได้ขยับเยื้อนเลย เขายังคงรอคอยอยู่ หากโจมตีออกไปตอนนี้มันคงรีบหนีออกไปเพราะยังไม่ได้เริ่มการครอบงำ เมื่อมันเริ่มกระบวนการแล้วคงไม่สามารถหนีไปได้ง่ายๆ และนั่นจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับหวังหลิน
หวังหลินเผยแววตาเย็นเยียบออกมา เขาไม่รู้ว่าหลังจากกลืนกินวิญญาณแมงป่องไปแล้วจะมีระดับบ่มเพาะอะไร แต่รู้สึกได้ว่ามันเป็นโชควาสนาอันมหาศาล!!
เขาต้องอดทนมากพอเพื่อที่จะใช้ร่างตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ได้โชควาสนานี้มาครอง!
ด้านนอกเตาหลอม ชายชราชุดเขียวกำลังรอคอยอย่างตื่นเต้น เขารอคอยให้แมงป่องเขียวครอบครองร่างได้สำเร็จ หากได้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ เขาก็ยิ้มอยู่ในนรกได้แล้ว
หลังจากผ่านมาเจ็ดวันเจ้าวิญญาณแมงป่องเขียวดูเหมือนจะหมดความอดทน ร่างส่วนหนึ่งของมันเข้าไปในร่างหวังหลินและครอบครองพื้นที่มากกว่าเจ็ดในสิบส่วน
มันดูเหมือนจะผ่อนคลายลงและเริ่มการครอบงำ วิญญาณของมันข้างในร่างหวังหลินได้แผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่งและเคลื่อนเข้าหาจิตใจหวังหลิน พอมันเข้ามาในจิตใจหวังหลิน มันพบว่าไม่มีร่องรอยของวิญญาณดั้งเดิมอยู่เลย มันตื่นเต้นขึ้นในทันที
มันรอคอยมาหลายปีเพื่อโอกาสอันเหมาะสมนี้ ในที่สุดก็ได้เริ่มการครอบงำ! ต้องกล่าวว่าถึงแม้ร่างกายของเซียนในแผ่นดินเซียนดาราจะไม่มีวิญญาณดั้งเดิม แมงป่องเขียวก็ไม่สามารถครอบงำได้เพราะพวกเขาเกิดขึ้นที่นี่ มันสามารถครอบงำร่างของเซียนที่ไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่เท่านั้น เหมือนกับตัวมันเอง
ตอนนี้มันไม่รั้งอะไรไว้แล้วและทุ่มสุดตัวเข้าหาหวังหลิน ร่างของแมงป่องค่อยๆ เข้าไปก่อตัวในจิตใจหวังหลิน เมื่อมันก่อร่างได้อย่างสมบูรณ์ การครอบงำก็จะเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตามขณะที่ร่างเงาสร้างขึ้นมาได้เพียงครึ่งส่วน วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินพลันปะทุออกมาจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
จังหวะนั้นเขาได้พุ่งเข้าสู่ส่วนศีรษะซึ่งมีร่างเงาแมงป่องกำลังก่อตัว พอเข้าไปใกล้จึงเริ่มกลืนกินมัน
ไม่เกี่ยวกับวิชาหรือพลังอำนาจใด เป็นแค่พลังการกลืนกินเท่านั้น วิญญาณเจ้าแมงป่องส่งเสียงกรีดร้อง มันไม่คิดว่ายังมีวิญญาณดั้งเดิมอยู่ในร่างนี้ พอมันลดความระมัดระวังลง หวังหลินก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
แม้มันจะอ่อนแอแต่ก็เผยท่าทีดุร้ายขึ้นมาตอนที่หวังหลินเริ่มกลืนกิน มันเริ่มทำการต่อต้านและเกิดการต่อสู้ขึ้นในร่างหวังหลิน
แต่เจ้าแมงป่องไม่ได้เตรียมการมาเลย ขณะที่หวังหลินนั้นเตรียมการมามากกว่าร้อยปี หวังหลินทำการกลืนกินอย่างโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น การต่อสู้ระหว่างหวังหลินและวิญญาณแมงป่องก็มาถึงจุดอันตรายที่สุด วิญญาณแมงป่องกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง มันอ่อนแอมากและมาที่นี่ด้วยวิญญาณส่วนหนึ่งเท่านั้น พอต่อสู้กับหวังหลิน มันจึงกำลังจะพ่ายแพ้
คนด้านนอกไม่สามารถสัมผัสการต่อสู้อันตรายข้างในร่างหวังหลินได้ ชายชรามองดูเตาหลอมอย่างตื่นเต้น วิญญาณแมงป่องเข้าไปในเตาได้เกือบหมดแล้ว ทว่าจังหวะนั้นวิญญาณแมงป่องเกิดการสั่นเทา ชายชราถึงกับตกตะลึง
‘นี่มัน…’ เขาจินตนาการไม่ออกว่าทำไมท่านมารเขียวถึงได้สั่นเทาขนาดนั้นระหว่างการครอบครอง ราวกับมีบางอย่างผิดปกติ แต่ในไม่นานชายชราก็รู้สึกโล่งอก
‘ต้องเป็นเพราะท่านไม่พอใจกับร่างนี้และกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างในระหว่างการครอบงำ’ ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งสัมผัสได้และยิ้มออกมา การที่ท่านมารเขียวทำการเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเองแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของร่างนี้
เขายิ้มกว้างขึ้นพลางมองวิญญาณแมงป่องที่กำลังสั่นเทาอยู่บนเตาหลอม
ภายในร่างหวังหลินนั้น หวังหลินและวิญญาณแมงป่องกลืนกินกันเองไม่น้อยกว่าหมื่นครั้ง เขายิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ หวังหลินรอคอยและเตรียมการมามากกว่าร้อยปี เขาจะปล่อยให้วิญญาณแมงป่องมากลืนกินเขาได้อย่างไร?
ความบ้าคลั่งของหวังหลินทำให้วิญญาณแมงป่องรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด มันอ่อนแอมากอยู่แล้ว หลังจากพยายามกลืนกินไปเรื่อยๆ มันจึงแสดงอาการล่าถอย เนื่องจากใช้เวลานานหลายปีกว่าจะควบแน่นก้อนวิญญาณขึ้นมาได้ เมื่อก้อนวิญญาณนี้แตกสลายไป มันคงไม่มีโอกาสตื่นขึ้นอีก
ตอนนี้มันเกลียดตระกูลของจวี่ซื่อเข้ากระดูก จากมุมมองของมัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าจวี่ซื่อคนนั้น!
ตอนที่มันตัดสินใจล่าถอย วิญญาณแมงป่องร้องคำรามอย่างเงียบงันและรีบถอย ทว่าหวังหลินไล่ตามและกลืนกินต่อไปอย่างบ้าคลั่งจนทำให้วิญญาณแมงป่องยิ่งตกใจกลัว
มันรีบถอยจนในที่สุดก็ออกมาจากศีรษะหวังหลินได้ ขณะที่กำลังจะออกไปจากร่างหวังหลิน หวังหลินกลืนกินเข้าไปคำใหญ่จนมันต้องส่งเสียงร้อง มันรีบลอยออกมาจากร่างหวังหลิน แต่ร่างของมันหดลงไปแล้วกว่าครึ่งส่วน พออยู่ข้างนอกจึงหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตื่นตระหนก
ชายชราชุดเขียวเห็นเช่นนี้จึงตกตะลึง ดวงตาเผยความงุนงง
หลังจากวิญญาณแมงป่องจากไปแล้ว หวังหลินจึงใช้วิญญาณดั้งเดิมห่อหุ้มทั่วร่างกาย นั่งอยู่ในเตาหลอมและลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี!
วินาทีที่เขาลืมตา โลกจึงส่งเสียงดังสนั่น เตาหลอมรอบตัวเขาพังทลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย หวังหลินกระโจนขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเตาหลอมที่แตกกระจาย
“ร่างแก่นแท้เพลิง!” หวังหลินร้องคำราม ทะเลเพลิงปรากฏขึ้นในดวงตาข้างซ้าย ร่างแก่นแท้เพลิงที่ดูเหมือนเขาพลันปรากฏขึ้นด้านหลัง!!
“ร่างแก่นแท้สายฟ้า!” หวังหลินคำราม ดวงตาขวาแล่นวาบเป็นสายฟ้า ร่างแก่นแท้ที่จ้าวสำนักเต๋ามารผสานกับเจตจำนงของหวังหลินพลันปรากฏขึ้นด้านหลัง
“ร่างแก่นแท้ปฐพี!” หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า แสงสีเหลืองเข้มลอยออกมาจากรูขุมขนทั้ง 108,000 แห่ง และกลายเป็นร่างแก่นแท้ที่สามด้านหลังเขา!!
“ร่างแก่นแท้วารี!” ร่างแก่นแท้วารีได้ผสานเข้ากับโลหิต นาทีนี้โลหิตของหวังหลินบวมเป่งและมีร่างเงาปรากฏขึ้นด้านหลัง มันก่อเกิดเป็นร่างแก่นแท้ที่สี่ของหวังหลิน!!
หลังจากร่างแก่นแท้ที่สี่ปรากฏขึ้นมา กลิ่นอายหวังหลินพุ่งทะยานจนน่าตกใจ ระดับบ่มเพาะยังคงเหมือนเดิมแต่เพียงแค่คิดก็ทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมหาศาลได้แล้ว
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสงบจิตใจ หลังจากร่างแก่นแท้สี่ร่างปรากฏขึ้นมา ดวงตาหวังหลินระเบิดเป็นแสงสีทองที่มีพลังกดขี่ข่มเหงและมองไปยังวิญญาณแมงป่องที่กำลังหนี!
วิญญาณแมงป่องส่งเสียงกรีดร้อง มันรู้สึกถึงกลิ่นอายกระบี่เทพจากบรรพชนเทพ! ดวงวิญญาณจึงสั่นเทาและเริ่มตะลึงกับสายตาคู่นี้
เวลาเป็นสิ่งสำคัญ หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโดยไม่ลังเล ดาบหยินขนาดเก้านิ้วโผล่ออกมาจากแขนขวาพร้อมกับความเจ็บปวดเสียดแทงกระดูก ร่างแก่นแท้แต่ละร่างมีคมดาบออกมาด้วย ทั้งหมดฟาดฟันเข้าใส่วิญญาณแมงป่อง!!
ขณะที่ชายชราชุดเขียวมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเปิดเผย เขากระอักโลหิต ดวงตาเบิกกว้างและเสียชีวิต!! เขาโกรธตัวเองจนตาย!!